วิชาโจมตีในศาสตร์แห่งเวทมนตร์ ไม่ได้ส่งผลเพียงก่อกวนสติสัมปชัญญะของคนจนเกิดภาพหลอน พลังหยินร้ายนั่นยังส่งผลร้ายต่อร่างกายคนอย่างใหญ่หลวง
ขณะที่ไช่หยางชิวจมดิ่งสู่ห้วงมายา เส้นทางเดินเลือดลมของเขาก็ถูกตัดขาดเช่นกัน พลังจิตชั่วร้ายที่หลั่งไหลเข้าสู่กระแสเลือดทุกส่วนในร่างกายเขาเหล่านั้น ระเบิดออกมาในเวลานี้เอง
ไช่หยางชิวที่ไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิง สัมผัสได้เพียงความเหน็บหนาวทั่วร่าง ราวกับทั้งเนื้อตัวหล่นลงไปกลางถ้ำน้ำแข็ง เรือนร่างสั่นเทาอยู่สองสามครั้งจนแทบล้มลงไปกองบนพื้น
ต่อให้ไช่หยางชิวสมองช้าแค่ไหน ก็ยังรู้ว่าตนเองติดกับของเยี่ยเทียนแล้วโดยไร้สุ้มเสียง และนี่ก็คือวิชาโจมตีที่เขาพูดถึงนั่นเอง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของร่างกาย ไช่หยางชิวก็เข้าใจว่าตนเองไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อสู้อีกต่อไป อย่าว่าแต่เยี่ยเทียนผู้ลี้ลับที่ไม่อาจคาดเดาที่อยู่เบื้องหน้า ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มข้างหลังเขาคนนั้น ตัวเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้
ไช่หยางชิวสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองร่างกายยืนให้มั่นคง มองไปยังเยี่ยเทียน “เจ้าสำนักเยี่ย ฉันไช่หยางชิวพ่ายแพ้แล้ว ความสามารถของฉันไม่อาจเทียบเท่า จึงน้อมรับความพ่ายแพ้จากใจ ท่านต้องการให้จัดการอย่างไร เชิญออกกฎเกณฑ์มาเถอะ?”
หลังจากสัมผัสเวทมนตร์ของเยี่ยเทียนแล้ว ไช่หยางชิวก็ไม่มีจิตใจอยากเอาชนะอีกต่อไปแล้วจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นทางเยี่ยเทียนยังมีนักพรตเต๋าผู้มีฝีมือล้ำลึกยากหยั่งถึง เกรงว่าต่อให้อาจารย์ของตนเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ใช่คู่มือฝ่ายตรงข้าม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ถอดใจยอมพ่ายแพ้เสียยังดีกว่า
“ให้ผมออกกฎเกณฑ์หรือ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะออกมา กล่าวว่า “ก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องวันนี้เป็นพวกคุณสำนักเจ็ดดาวที่มาหาเรื่องก่อน มาพูดว่าฮวงจุ้ยที่พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองจัดวาง อาจก่อผลร้ายต่อเกาะฮ่องกงโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง บ่อนทำลายชื่อเสียงศิษย์พี่ของผม ส่วนเรื่องกฎเกณฑ์ ผมยังยืนยันประโยคนั้นว่าแค่เพียงขอโทษก็พอ!”
“ตกลง ฉันขอโทษ!”
ไช่หยางชิวพยักหน้า เดินไปยังด้านหน้าของจั่วเจียจวิ้น โน้มตัวลงพื้น หลังจากยืดตัวแล้วก็พูดว่า “ฉันคนแซ่ไช่ ตัวแทนสำนักเจ็ดดาว ขอแสดงการขอโทษด้วยความจริงใจต่อท่านจั่วอย่างสุดซึ้ง เป็นผู้น้อยที่ไม่กระจ่างในวิชา ใช้วาจาเหลวไหลวิจารณ์ฮวงจุ้ยของท่านจั่ว ขอท่านจั่วโปรดให้อภัยด้วย!”
คำพูดที่เอ่ยออกมาของไช่หยางชิว แทนตัวลูกศิษย์สำนักเจ็ดดาวนับพันรายที่ปักหลักอาศัยอยู่บนเกาะฮ่องกงและเขตชายฝั่ง น้ำหนักของมันจึงนับว่าไม่เบา
และนี่ยังแสดงว่า นับจากวันนี้ลูกศิษย์สำนักเจ็ดดาวทั้งหลายเมื่อเห็นจั่วเจียจวิ้น ล้วนต้องยอมก้มหัวให้
เมื่อมีการยอมรับจากสำนักเจ็ดดาว ก็ไม่ต้องพูดถึงสถานะปรมาจารย์ฮวงจุ้ยอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ตำแหน่งปรมาจารย์ฮวงจุ้ยอันดับหนึ่งบนเกาะฮ่องกง ก็นับว่ามั่นคงสำหรับจั่วเจียจวิ้นแล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก เธอเห็นว่าเป็นอย่างไร?”
แม้ว่าไช่หยางชิวจะขอโทษทางตนเอง แต่จั่วเจียจวิ้นก็ไม่กล้าตอบรับอะไรอีกฝ่าย ในเมื่อศิษย์น้องเล็กคือเจ้าสำนักพยากรณ์เสื้อป่าน การตัดสินครั้งสุดท้ายต้องให้เขาเป็นคนจัดการ
ไช่หยางชิวก็เป็นคนคร่ำหวอดในยุทธภพ รู้ถึงความหมายของจั่วเจียจวิ้น จึงหันหน้าไปทางเยี่ยเทียน กล่าวว่า “เจ้าสำนักเยี่ย นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้สำนักเจ็ดดาวของเราจะถอนตัวออกจากเกาะฮ่องกงโดยสมบูรณ์ ไม่ทราบว่านี่จะทำให้ท่านพอใจหรือไม่?”
ผู้ชนะเป็นราชาผู้แพ้คือโจรกบฏมานับแต่โบราณ ตนเองเข้ามาบุกรุกทำลายถิ่นแต่กลับสูญเสียกำลังพล เพียงแค่ประโยคนี้ของเยี่ยเทียน ฮ่องกงก็ไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขาอีกต่อไป หากยังหวังจะรุ่งเรืองอยู่ในวงการฮวงจุ้ยก็ต้องประสานมือคำนับถอนตัว ขณะที่ไช่หยางชิวพูดออกไปหัวใจแทบจะกลั่นเป็นหยดเลือด
โก่วซินเจียเอ่ยเสียงแผ่วเบาอยู่ข้างหลัง “ศิษย์น้องเล็ก ที่ควรละเว้นก็ละเว้นเถอะ”
การล่มสลายของสำนักวิชา ชัดเจนว่ามีสาเหตุจากการกดดันของรัฐบาล แต่ว่าการห้ำหั่นภายในอย่างดุเดือดก็เป็นปัจจัยหนึ่ง หากว่าสำนักเจ็ดดาวกลับเข้าไปภายในแผ่นดินใหญ่ เกรงว่าภายหลังคงจะล่มสลายจนไม่อาจฟื้นคืน และสิ่งนั้นสำหรับสำนักวิชาทั้งหลาย ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอะไร
“เจ้าสำนักไช่ ผมไม่ได้บอกว่าให้สำนักเจ็ดดาวของพวกคุณออกไปจากฮ่องกงนี่?”
หลังจากได้ยินคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่ เยี่ยเทียนก็พึมพำอยู่สักครู่ กล่าวว่า “ การพยากรณ์ฮวงจุ้ยและภูมิลักษณ์ของสำนักเจ็ดดาวนับว่าเป็นหนึ่ง ทั้งยังมีเอกลักษณ์ของตนเอง จุดนี้ทุกคนที่นี่ต่างรู้อยู่แก่ใจ”
“ใช่แล้ว ประธานสมาคมอี้มีวิธีของตัวเองในการดูฮวงจุ้ย”
“บ้านของผมหลังนั้นเมื่อสิบปีก่อนก็ได้ประธานสมาคมอี้ดูให้ ทำการราบรื่นจนถึงปัจจุบัน ประธานสมาคมอี้ยังนับว่ามีความสามารถ!”
เมื่อเสียงของเยี่ยเทียนเงียบลง ก็มีเสียงสนับสนุนตามมาจากภายในฝูงชน อี้เหวินเม่าอยู่ในฮ่องกงมาหลายสิบปี จึงมีสัมพันธ์อันดีกับเหล่าเศรษฐีมากมาย เวลานี้ผู้คนที่ออกเสียงช่วยเหลือเขาจึงมีไม่น้อย
“ในยุทธภพสิ่งต้องห้ามร้ายแรงสุดคือมีวิชาแต่ไร้คุณธรรม นิสัยนี้ของคุณ จำเป็นต้องขัดเกลา”
…….
หลังจากรอให้เสียงภายในห้องเงียบลง เยี่ยเทียนก็เหลือบมองไปยังอี้เหวินเม่าที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น พูดต่อว่า “เขตฮวงจุ้ยที่ศิษย์พี่ของผมวางไว้ เป็นค่ายกลสามสุดยอดอันหาได้ยากในตำราฮวงจุ้ยโบราณ เดิมทีพวกคุณมีข้อ
สงสัยยังไม่เท่าไหร่ แต่จงใจทำลายสถานที่ เป็นการกระทำอันต่ำช้า
ตอนนี้ในเมื่อเจ้าสำนักไช่เป็นตัวแทนสำนักเจ็ดดาวขออภัยศิษย์พี่ของผม เรื่องนี้ก็ขอให้จบที่ตรงนี้ก็แล้วกัน สำนักวิชาล่มสลายกันเช่นนี้ ผมหวังว่าภายหลังเจ้าสำนักไช่จะสามารถชี้นำลูกศิษย์ ไม่ให้สร้างความร้าวฉานในวงการเดียวกันอีก!”
“เจ้าสำนัก เยี่ย ความ หมายของท่านคือ พวกเรายังสามารถอยู่ฮ่องกงต่อไปได้อีกใช่ไหม?”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ไช่หยางชิวแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ใครเล่าจะรังเกียจเงินทองที่ดินจำนวนมหาศาล? เนื้อติดมันมาส่งถึงข้างปาก แต่เยี่ยเทียนกลับคายออกมา?
อีกอย่างหากเปลี่ยนเป็นไช่หยางชิว เขาจะไม่พูดพล่ามทำเพลงกำจัดให้หมดสิ้น ขับไล่อีกฝ่ายออกไปจากเกาะฮ่องกง เรื่องนี้ย่อมต้องกระทำอย่างแน่นอน คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้เขามองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เชื่อสายตา
เยี่ยเทียนพยักหน้ากล่าวว่า “แน่นอน แม้ฮ่องกงจะไม่นับว่ากว้างขวาง แต่ก็ไม่แคบ อย่าว่าแต่สำนักของพวกเราสองคนเลย ต่อให้มีเพิ่มขึ้นอีกสามหรือห้าสำนักก็ยังสามารถคงอยู่ต่อไป หวังว่าหลังจากเจ้าสำนักไช่พบเจอเรื่องนี้แล้วจะไตร่ตรองให้มากขึ้นอีกหน่อย!”
ความจริงแล้วที่เยี่ยเทียนทำอย่างนี้ แน่นอนว่าเพราะไม่อยากมีปัญหาภายในวงการ แต่สาเหตุที่ให้โอกาสสำนักเจ็ดดาวอีกครั้งนั้นยังมีปัจจัยอื่นอยู่ภายใน
ความจริงแล้วสำนักฮวงจุ้ยต่าง ๆ ในเกาะฮ่องกงนั้นมีไม่น้อย ประมาณกว่าสิบสำนัก ที่โด่งดังมีชื่อเสียงที่สุดในนั้นก็คือสำนักเจ็ดดาว พวกเขาครอบครองสัดส่วนธุรกิจฮวงจุ้ยต่าง ๆ บนเกาะฮ่องกงถึงหกสิบเปอร์เซนต์ขึ้นไป
ธุรกิจที่ยังเหลืออยู่สี่สิบเปอร์เซนต์ ล้วนถูกครอบครองโดยนักทำนายเร่ร่อนหรือไม่ก็สำนักเล็กสำนักน้อยพวกนั้น ส่วนจั่วเจียจวิ้นอยู่เพียงลำพัง อีกทั้งยังทำธุรกิจกับมหาเศรษฐีเท่านั้น จึงไม่อยู่ในเส้นทางนี้
ถ้าหากสำนักเจ็ดดาวถอนตัวออกจากเกาะฮ่องกงโดยสมบูรณ์ จะก่อให้เกิดการล้างไพ่ใหม่อีกครั้งในวงการฮวงจุ้ย อาศัยสมาชิกสำนักเสื้อป่านเพียงสามถึงห้าคนของพวกเขา ย่อมไม่มีทางครอบครองสัดส่วนนี้ในตลาดได้ พวกเขาต่างมีใจแต่ไร้ซึ่งกำลัง
ดังนั้นแทนที่จะไล่สำนักเจ็ดดาวออกไป แล้วดึงดูดสำนักอะไรอื่นเข้ามา สู้ให้สำนักเจ็ดดาวคงอยู่ต่อไป แบบนี้ยังแสดงความใจกว้างของสำนักเสื้อป่านของพวกเขาได้อย่างเด่นชัด ภายหลังหากมีเรื่องบาดหมางอะไรขึ้นอีก พวกเขายังสามารถใคร่ครวญดูอีกหน
“เจ้าสำนักเยี่ยมีน้ำใจ ฉันละอายใจยิ่งนัก!”
เมื่อคำพูดนี้ของเยี่ยเทียนกล่าวออกไป ทำให้ไช่หยางชิวตะลึงงันอยู่กับที่กว่าหลายนาที หลังจากตั้งสติกลับมาได้ ก็เดินไปข้างหน้าเยี่ยเทียน ทำความเคารพอย่างลึกซึ้ง กล่าวว่า “ภายหลังฉันจะต้องชี้แนะลูกศิษย์ในสำนัก ให้พวกเขาถือคำพูดของเจ้าสำนักเยี่ยเป็นคำเตือน วงการฮวงจุ้ยในฮ่องกง ก็จะดำเนินตามแนวทางของสำนักเสื้อป่านเช่นกัน!”
ต่อหน้าเงินทองและความรุ่งเรือง หน้าตาอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น สามารถรั้งอยู่ในฮ่องกงที่เต็มไปด้วยทองคำนี้ ความโกรธแค้นในใจของไช่หยางชิวที่เคยมีต่อเยี่ยเทียนทั้งหมดก็สลายหายไปในพริบตา
อีกทั้งไช่หยางชิวเองก็รู้ว่า แม้ผู้คนในสำนักเจ็ดดาวของตนจะมีมากมาย แต่ไม่มีใครที่สามารถทัดเทียมศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าได้
ดังนั้นแทนที่จะผูกใจเจ็บกับเยี่ยเทียน ไม่สู้เชิดชูอีกฝ่ายบนที่สูง พวกเขาได้หน้า ส่วนตัวสำนักเจ็ดดาวเองก็หากำไรได้ต่อ ไช่หยางชิวคิดคำนวณไว้แล้วอย่างแจ่มแจ้งเช่นกัน
“เจ้าสำนักไช่เกรงใจแล้ว พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้อง จะไม่ยื่นมือเข้าไปในวงการฮวงจุ้ยเกาะฮ่องกง ภายหลังขอให้เจ้าสำนักไช่ทุ่มเทยิ่งขึ้น!”
เมื่ออีกฝ่ายให้เกียรติตนอย่างเต็มที่ น้ำเสียงของเยี่ยเทียนก็อ่อนโยนลงไปด้วย
สำนักเสื้อป่านของพวกเขามีผู้คนเบาบางมาตลอด และไม่อาจรับลูกศิษย์กว้างขวางได้อย่างสำนักเจ็ดดาว พื้นที่เขตฮ่องกงนี้จึงไม่น่าดึงดูดอะไรนักสำหรับเยี่ยเทียน
ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามไม่ลุกขึ้นต่อต้านหลักฮวงจุ้ย จนส่งผลกระทบต่อค่ายกลรวบรวมวิญญาณบ้านเขา เยี่ยเทียนก็ขี้เกียจจะโต้ตอบเรื่องเส็งเคร็งในวงการฮวงจุ้ยบนเกาะฮ่องกง
“ความอดทนของเจ้าสำนักเยี่ย คนธรรมดายากจะเทียบเท่า ฉันขอรับคำชี้แนะ!”
เมื่อได้รับความอับอายเช่นนี้ ไช่หยางชิวกลับยังมีความคิดหลบหลีกหายนะขึ้นอีกอย่าง ชมเชยเยี่ยเทียนอีกหลายประโยค แล้วเอ่ยปากว่า “ลูกศิษย์ฉันได้รับบาดเจ็บหนัก ฉันขอตัวลาก่อน สามวันให้หลังจะจัดเลี้ยงเพื่อเป็นการขอขมาสำนักท่าน ขอเชิญเจ้าสำนักเยี่ยมาเยี่ยมเยียนพบปะกัน!”
“ได้ ต้องไปแน่นอน!” เยี่ยเทียนพยักหน้า ความมั่นคงของสำนักวิชาบนเกาะฮ่องกง มีประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน ในเมื่อให้ที่ยืนอีกฝ่ายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกวนน้ำให้ขุ่นอีก
“จบแค่นี้เหรอ? ประลองวิชาอะไรกันน่ะ?”
“นั่นสิ ตาเฒ่านั่นเกิดคลั่งโจมตีคนของตัวเองไป แต่เจ้าหนุ่มคนนั้นยังไม่ขยับเลย?”
หลังจากรอให้ไช่หยางชิวพยุงลูกศิษย์ถอยออกไปจากการประชุมแล้ว ภายในก็ระเบิดเสียงฮือฮาขึ้นมา ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ฉากพิสดารที่เพิ่งเกิดขึ้น
ไม่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดเหมือนในจินตนาการของพวกเขา และไม่มีมีดบินทำร้ายผู้คนอย่างในเรื่องเล่า ดูเหมือนเยี่ยเทียนจะใช้ไม่กี่กระบวนท่า ไช่หยางชิวก็พลันสูญเสียสติสัมปชัญญะ เหตุการณ์ช่างออกจากแปลกประหลาดเหลือเกิน
หวนนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกมหาเศรษฐีเหล่านี้ต่างรู้สึกเหน็บหนาวถึงก้นบึ้งของจิตใจ สายตาที่มองไปทางเยี่ยเทียนมีความหวั่นเกรงไม่มากก็น้อย ถ้าหากวิชานั้นกำหนดให้ใช้บนร่างของตน จะก่อให้เกิดสถานการณ์แบบไหนกัน?
ภาษิตว่า “สำนักหรูใช้กวีก่อกวนกฎ นักรบใช้วิทยายุทธ์ฝืนข้อห้าม” วิธีการของสำนักพยากรณ์ ห่างไกลจนไม่อาจเทียบเทียมกับผู้มีวิทยายุทธ และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ปรมาจารย์ ล้วนถูกกดดันจากผู้มีอำนาจในแต่ละยุคสมัย
เห็นสีหน้าของผู้คนแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็ออกมายืนกล่าวว่า ” ทุกท่าน เรื่องนี้จบลงที่นี่ ประธานสมาคมอี้เองก็ทำไปเพื่อเกาะฮ่องกง ทุกท่านอย่าได้วิพากษ์วิจารณ์ให้มากเลย ผมจะอธิบายความหมายเชิงลึกของค่ายกลสามสุดยอดให้ทุกท่านฟังก็แล้วกัน!”
เมื่อคำพูดนี้ของจั่วเจียจวิ้นเอ่ยออกมา ความสนใจของผู้คนก็ถูกดึงดูดเข้าหา พวกเขาเองก็อยากรู้ ว่าเขตฮวงจุ้ยซึ่งดึงดูดคลื่นลมมหาศาล ที่แท้แล้วมีคุณสมบัติพิสดารอย่างไรกัน
เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่กลางลานถอนหายใจ โล่งอก ค่อย ๆ ถอยหลังออกไป หลังจากอยู่ในมุมแล้ว รู้สึกถึงรสหวานในลำคอ จึงรีบยกมือมาอุดปากไว้ พอคลายมือออก มุมปากก็เต็มไปด้วยเลือด
โก่วซินเจียยืนอยู่ข้างเยี่ยเทียน รีบพยุงเยี่ยเทียนเอาไว้ พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงกึ่งตำหนิว่า “ศิษย์น้องเล็ก เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? คราวหลังอย่าได้ต่อสู้เพื่อหวังเอาชนะอย่างนี้อีก!”
……………………………………………………