“เอ๋? เจ้าตำหนักของสมาคมหงเหมิน ตู้เฟย ตำแหน่งคุณไม่เล็กเลย ทำไมไม่คิดจะต่อสู้เพื่อตำแหน่งประธานใหญ่เล่า?”
เยี่ยเทียนมองตู้เฟยอย่างประหลาดใจ ตำแหน่งเจ้าตำหนักเป็นรองเพียงตำแหน่งรองประมุขเท่านั้น ในองค์กรนี้เป็นตำแหน่งระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อประธานใหญ่กำลังป่วยหนัก มีหลายเรื่องที่ต้องให้เจ้าตำหนักเป็นคนจัดการ
“คุณชายน้อย เคยมีคนแนะนำผมไปแล้ว ถึงผมจะมีเส้นสายเยอะอยู่ แต่หลายปีมานี้มัวแต่ดูแลเรื่องในตระกูลซ่ง อำนาจในองค์กรลดทอนลงสู้ใครบางคนไม่ได้แล้ว…”
ตู้เฟยยิ้มแห้ง เล่าต่อว่า “อย่างเหลยหู่นั้น ตอนนี้เขาเป็นเจ้าตำหนักอาญา ถ้าเป็นเรื่องอำนาจ เขามีมากกว่าผมนัก”
มีคำๆหนึ่งกล่าวว่าอำนาจมาจากกระบอกปืน แม้เหลยหู่ไม่กล้าใช้กำลังพลในมือต่อกรกับคนในสมาคมหงเหมินด้วยกัน แต่ลูกน้องของเขาบางคนไม่ได้มีแค่จะขู่ให้เกรงกลัวเท่านั้น ใครที่คิดจะลบหลู่เหลยหู่ ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน
“หากตระกูลซ่งให้การสนับสนุนคุณเต็มที่ คุณก็มีโอกาสจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้?”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมา สิ่งที่เรียกว่าผลกระทบนั้นความจริงแล้วไม่สามารถใช้ได้จริงอย่างที่คิด เมื่อมีเงินทองมากองอยู่ตรงหน้า สิ่งอื่นกลายเป็นเพียงของไร้ค่า ในสมัยสงครามทุกคนพร้อมใจกันลุกฮือขึ้นมาต่อต้านนายพลเจียง สุดท้ายแล้วกลุ่มกบฎก็ถูกสยบลงด้วยอำนาจเงินของนายพลเจียงอยู่ดี
“ให้ผมขึ้นตำแหน่ง? คุณ…คุณชายน้อย ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
ตู้เฟยถูกทักเข้าด้วยคำพูดนี้ ในใจเริ่มมีความหวัง สมาคมหงเหมินเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาคนเชื้อสายจีนที่อยู่ต่างประเทศ ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่สามารถทำให้หลายๆคนต่อสู้แย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง
บิดาของตู้เฟยเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ ถ้าทั้งสองพ่อลูกในตระกูลได้ครองตำแหน่งหัวหน้าแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ของสมาคมหงเหมิน ตู้เฟยไม่เคยมีความหวังในตำแหน่งสูงสุดมาก่อน แต่พอถูกเยี่ยเทียนยั่วยุ ก็เกิดความหวังขึ้นมา
“ถ้าด้วยแรงเงินทุนจากตระกูลซ่งในต่างประเทศ ผมจะลองสู้กับเหลยหู่สักครั้ง ยังพอมีโอกาสชนะได้ครึ่งหนึ่ง….”
ตู้เฟยคิดคำนวณในใจแล้วยิ้มแหย “ตอนนี้ตระกูลซ่งมีความเสียหายหนักมาก ธุรกิจหลายอย่างถูกหยุดชะงัก เส้นทางการเงินถูกตัดขาด ถึงจะมีพวกคุณคอยสนับสนุน การจะช่วยให้ฉันชนะการคัดลือกนั้นมีความหวังแค่สามส่วน!”
สถานภาพทางการเงินของซ่งเวยหลันตอนนี้ ตู้เฟยเข้าใจดี
การทำกองทุนเอสโครว์ครั้งนี้เกิดทุจริตจนเกือบจะทำให้ทรัพย์สินของกลุ่มการค้ารั่วไหลออกหมด หลายๆโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ถูกหยุดลงกลางคัน หลายๆเรื่องถูกนำไปร้องเรียน หากจัดการไม่ดี ธุรกิจขนาดใหญ่แห่งนี้จะต้องถึงจุดจบ
ตู้เฟยรู้ดีว่าแม้ซ่งเวยหลันจะช่วยเหลือเขาได้แต่ก็มีข้อจำกัด เกรงว่าตอนนี้เธอเองหากจะนำเงินออกมาสักหมื่นล้านดอลลาร์ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ความหวังสามส่วนที่เขาบอกเยี่ยเทียนนั้นเป็นแค่คำปลอบใจ
“ต่ำขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฟังตู้เฟยพูดจบ เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว “ตู้เฟย เมื่อก่อนพ่อของคุณเป็นถึงประธานใหญ่ สมาคมหงเหมินการค้ารุ่งเรืองมาได้ถึงทุกวันนี้ นั่นเป็นผลงานของพ่อคุณเชียวนะ ไม่มีใครคิดจะสนับสนุนคุณเลยจริงๆหรือ?”
สมาคมหงเหมินก่อตั้งตั้งแต่ปลายยุคราชวงศ์ชิง พัฒนาก้าวหน้ามั่งคั่งมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยคือจะขาดเส้นสายคนนอกคนในไม่ได้ ในสมาคมหงเหมินนั้นขยับตัวลำบาก ไม่เช่นนั้นคนรวยมีตั้งมากมายแต่ทำไมพวกเขาไม่ได้เป็นประธานใหญ่เล่า?”
เหลยหู่เป็นเจ้าตำหนักอาญา พอมีสถานะสูง จึงได้คาดหวังในตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น
ส่วนซ่งเสี้ยวหลงแม้จะหลอกเงินของซ่งเวยหลันไปเป็นหมื่นล้านดอลลาร์ อย่าว่าแต่ตำแหน่งประธานใหญ่เลย ตำแหน่งเจ้าตำหนักที่รองลงมายังไม่มีปัญญา ด้วยเพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาของจีน
ตู้เฟยส่ายหน้า “คุณชายน้อย ความหวังสามส่วนนี้มาจากพวกอาวุโสในสมาคมหงเหมิน ผมออกมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้ภายในมีคนหนุ่มสาวมากมายที่ไม่รู้จักผม ถ้าหากไม่ใช่เพราะคนในตำหนักสุคนธ์เป็นคนเก่าคนแก่แล้ว แม้แต่ความหวังสักเสี้ยวหนึ่งคงไม่มีเหลือ…”
คลื่นลูกเก่ากระทบคลื่นลูกใหม่ คลื่นลูกเก่าไปตายบนหาดทราย องค์กรอย่างสมาคมหงเหมินก็เช่นกัน หากได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าตำหนักสุคนธ์ก็อยู่บนนั้นเกือบตลอดชีวิต กลุ่มคู่อริอื่นจะไม่กล้าเข้ามาระรานผู้มีตำแหน่งสูง
ถ้าพวกเขามีอันล้มหายตายจากไปจะเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งให้กับทั้งสองฝ่ายซึ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างอยากได้ในทรัพย์สินเงินทองมากกว่าการต่อสู้ระรานกัน จึงเลือกที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความสมดุล
แต่สำหรับสมาชิกที่อยู่ในระดับกลางหรือล่าง จะไม่มีความคิดแบบนี้ ตอนที่ต่อสู่แย่งชิงพื้นที่พวกเขาได้สูญเสียชีวิตกันไปมาก วันนี้อาจจะยังร่วมดื่มสุราด้วยกัน พรุ่งไม่แน่ว่าอาจจะตายอยู่ข้างถนน
ดังนั้นสมาชิกชั้นกลางและชั้นล่างเปลี่ยนคนเร็วมาก ภายในสิบปีได้เปลี่ยนกำลังพลไปหลายชุดแล้ว ตู้เฟยกับคนพวกนี้แทบจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลย
การเลือกประธานใหญ่ แรงสนับสนุนจากคนพวกนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน จุดนี้กลายเป็นข้อเสียเปรียบของตู้เฟย จึงทำให้เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลย
ฟังตู้เฟยอธิบายจบ เยี่ยเทียนเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆก็หันไปถามแอนนาว่า “แอนนา เธอพาแม่ไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ นั่งเครื่องบินมาตั้งสิบกว่าชั่วโมงเหนื่อยมากแล้ว”
“ฉันไม่เหนื่อย!” แอนนามองเยี่ยเทียนอย่างแปลกใจ “เจ้านายก็ดูสดชื่นดี คุณชายวางใจเถอะ พวกเราเดินทางไปกลับอเมริกา แอฟริกาบ่อยๆ ชินแล้ว”
“ฉัน… ฉันพูดกับเธอเหมือนไม่ได้พูด!”
เยี่ยเทียนกลอกตามองบน เหลือบดูแอนนาที่พูดภาษาจีนอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่กลับไม่เข้าใจในวัฒนธรรมจีนเลย
เยี่ยเทียนให้แอนนาพาซ่งเวยหลันกลับไปที่ห้อง เพราะต้องการให้มารดาหลบฉากจากการพูดคุยของเขากับตู้เฟย แต่แอนนาไม่เข้าใจความหมายที่แอบแฝงและจุดประสงค์ที่ตนต้องการ
“เสี่ยวเทียน มีเรื่องอะไรจะปิดบังแม่อีกล่ะ?”
แม้ตอนนี้สถานการณ์ของเธอไม่สู้ดีนัก แต่ซ่งเวยหลันแอบยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดของบุตรชายกับความไม่ประสาของแอนนา พูดต่อว่า “ลูก แม่น่ะอยู่ต่างประเทศมาหลายสิบปี ตั้งแต่ผลประกอบการแค่ปีละไม่กี่แสนดอลลาร์พัฒนาถึงตอนนี้มีพนักงานในเครือหลายหมื่นคน แค่คลื่นมรสุมในธุรกิจเท่านั้น ไม่ต้องกลัวแม่จะตกใจหรอก…”
ซ่งเวยหลันเกิดมาเป็นคนมีความสามารถ เดิมทีเป็นคุณหนูในตระกูลเศรษฐีแห่งเซี่ยงไฮ้ เคยผ่านการออกไปหาประสบการณ์ทำไร่ทำนาในชนบทสมัยตอนสาวๆ จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ยุโรปอเมริกาเพียงลำพัง ในโลกของคนตะวันตกได้เขียนหนังสือเส้นทางธุรกิจเอาไว้
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ซ่งเวยหลันเคยถูกลอบสังหารหลายครั้ง และมีหลายครั้งที่เกือบถูกยมทูตนำตัวไป อย่ามองเธอดูอ่อนแอบอบบาง แต่เบื้องหลังยังมีความเด็ดขาดที่ใครก็คาดไม่ถึง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถสะสมทรัพย์สินได้มากมายมหาศาลอย่างนี้ คงจะถูกคนอื่นรังแกให้ย่อยยับป่นปี้ไปตั้งนานแล้ว
“แม่ นี่เป็นเรื่องในสมาคมหงเหมิน แม่ไม่ต้องรู้หรอก”
เยี่ยเทียนเบ้ปากมองดูผู้เป็นมารดา “ถ้าแม่เชื่อผม เรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการเถอะ แม่กับแอนนาเข้าห้องไปพักผ่อนก่อน”
ครอบครัวส่วนครอบครัว ยุทธภพส่วนยุทธภพ เยี่ยเทียนเคยทำเรื่องที่คนธรรมดาคิดไม่ถึงมามากมายแล้ว และไม่ได้ส่งผลกระทบถึงตระกูลเยี่ยเทียนสักครั้ง เรื่องนี้มีแม่ของเขาเป็นต้นเหตุ แต่เยี่ยเทียนอยากใช้วิถีแห่งชาวยุทธจัดการ
“ลูกนี่น้า แม่จะไม่เชื่อใจลูกได้ยังไง?”
ซ่งเวยหลันยิ้มอย่างปลอบใจปนกับไม่รู้จะทำอย่างไร บุตรชายเป็นคนแข็งแกร่ง และนั้นก็เป็นเพราะรักและเป็นห่วงเธอผู้เป็นแม่แท้ๆ ซ่งเวยหลันจึงรู้สึกดีใจมาก
ซ่งเวยหลันลุกขึ้นยืน โบกมือเรียกแอนนา “แอนนา พวกเราเข้าห้องกันเถอะ ให้เยี่ยเทียนเขาจัดการต่อ!”
“ค่ะ เจ้านาย!”
แอนนาเดินตามซ่งเวยหลันเข้าไปในห้องพัก แล้วกระซิบที่ข้างหูของซ่งเวยหลันเบาๆว่า “เจ้านาย คนของเราในยุโรป ฉันเรียกตัวกลับมาหมดแล้ว อย่างช้าจะมาถึงซานฟรานซิสโกตอนพรุ่งนี้เช้า มีพวกเขาอยู่ พวกเราจะออกจากที่นี่ไม่ใช่เรื่องยาก!”
ซ่งเวยหลันถอนใจ แล้วกระซิบตอบกลับว่า “ฉันรู้แล้ว อย่าให้เกิดความขัดแย้งกับสมาคมหงเหมินเป็นดีที่สุด”
“อืม คุณแม่ก็ได้เตรียมการไว้เหมือนกันนี่?”
ก่อนที่ประตูห้องนอนจะปิดลง เยี่ยเทียนมองไปอย่างไม่ตั้งไป
ซ่งเวยหลันกับแอนนาแม้จะคุยกันเบาๆ แต่ไม่สามารถรอดพ้นจากหูเยี่ยเทียนไปได้ เขาคิดไม่ถึงว่าแม่ที่สงบเงียบมาตลอดทางที่กลับมาถึงอเมริกา ยังซ่อนทางรอดเอาไว้เบื้องหลัง?
ลูกน้องของแอนนาที่อยู่ในยุโรป เยี่ยเทียนสนใจพวกเขาเหล่านี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมแอนนาถึงเชื่อใจคนพวกนี้มาก ขอแค่พวกเขามาถึงก็สามารถพาแม่ออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
“คุณชายน้อย คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
เห็นเยี่ยเทียนเหม่อลอย ตู้เฟยส่งเสียงเรียก เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก เยี่ยเทียนต้องการปิดบังเรื่องอะไรจากพวกซ่งเวยหลันกันแน่
เยี่ยเทียนเรียกสติกลับคืน เอ่ยตรงๆว่า “ตู้เฟย ผมจะไม่อ้อมค้อมแล้ว ถ้าเหลยเจิ้นเยวี่ยและเหลยหู่ตายไป คุณจะมีความหวังว่าจะได้ตำแหน่งมากแค่ไหน?”
ชาวยุทธเวลาจัดการเรื่องราวต่างมักใช้วิธีทางตรงที่สุด พวกเขาแตกต่างจากคนของทางการ ใช้ร่างกายไปทำลายศัตรูเป็นทางเลือกอันดับแรกของชาวยุทธอย่างเยี่ยเทียน
การอลุ้มอะล่วยให้ศัตรูถือเป็นความอัปยศต่อตนเองอย่างสูงสุด ตอนนี้เหลยเจิ้นเยวี่ยพ่อลูกบังเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยแก่เยี่ยเทียน แน่นอนว่าเขาจะไม่ออมมือ
“คุณชายน้อย คุณ…คุณว่าอะไรนะ?”
แม้ตู้เฟยจะไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งขนาดที่มองเห็นภูเขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้ายังไม่กระพริบตา แต่เขาก็ได้ผ่านเรื่องราวโชกโชนในชีวิต คำพูดลอยๆของเยี่ยเทียนกลับทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี สะดุ้งเหมือนถูกไฟลนก้น กระโดดเด้งขึ้นบนโซฟา
“ผมบอกว่า ถ้าผมจัดการกับเหลยเจิ้นเยวี่ยและเหลยหู่ได้ คุณจะมีโอกาสได้ตำแหน่งประธานใหญ่มากแค่ไหน?” เยี่ยเทียนจ้องตาตู้เฟยพูดทีละคำอย่างชัดเจน
………………………………………………………………