“น้ำนมถั่วเขียวหมักคู่ปาท่องโก๋ น้ำชายามเช้าคู่ติ่มซำ!”
หน้าร้านอาหารจีนในไชน่าทาวน์ร้านหนึ่ง มีขนมต่าง ๆ นานาวางอยู่บนรถเข็นสองคันที่จอดอยู่หน้าร้าน พ่อค้าหนุ่มกำลังตะโกนขายของอยู่
“ปาท่องโก๋สองชิ้น อืม น้ำนมถั่วเขียวหมักอีกหนึ่งถ้วย” ผู้คนที่ไปทำงานในอดีตจะแวะซื้ออาหารเช้ากันสักชุด ช่วงเวลาเช้า ๆ ของไชน่าทาวน์จะครึกครื้นและเป็นระเบียบ
บรรยากาศแบบนี้หาพบได้ยากแล้วในประเทศจีน. ถ้าคนเคยอาศัยอยู่ในประเทศจีนสมัยก่อนและย้ายมาอยู่ที่นี่ จะต้องคิดว่ามาถึงปักกิ่งสมัยก่อนแน่นอน
แต่สิ่งที่ต่างไปจากสมัยก่อนคือ ร้านค้ามากมายในไชน่าทาวน์ถูกปัดกวาดจนสะอาด บางแห่งถูกทาด้วยสีใหม่ ซึ่งการทาสีจะพบได้ทั่วไปในช่วงเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น
และนอกจากผู้คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว ตอนนี้เริ่มมีใบหน้าไม่คุ้นตากับรถตำรวจจอดอยู่ตามไชน่าทาวน์ นอกจากบรรยากาศที่ครึกครื้นแล้ว ยังมีบรรยากาศน่าตื่นเต้นปนอยู่ด้วย
“ทอม ทางนู้นเป็นไงบ้าง? มีอะไรคืบหน้ามั้ย?” ในรถตำรวจคันนึง มีตำรวจหน้าตาหนุ่มน้อยกำลังสำรวจผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาด้านนอก
“ริชาร์ดสัน ทางนี้โอเค เป็นคนจีนทั้งหมด พวกเขาจะทำอะไรกัน?” คนผิวขาวคนหนึ่งพูดด้วยเสียงต่ำและกำลังดื่มน้ำนมถั่วเขียวหมักอยู่มุมนึงของร้านอาหารจีน
“อย่าเพิ่งสนใจเลย คนจีนพวกนี้น่าจะจัดงานอะไรสักอย่างอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก!”
คนที่พูดอยู่เป็นตำรวจเก่าแก่ผิวดำ เขาปฏิบัติภารกิจที่ซานฟรานซิสโกมาแล้วกว่า 30 ปี ประสบการณ์เยอะและไม่รู้สึกกังวลกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
เช้า ๆ ในวันธรรมดาแบบนี้ ตำรวจที่ซานฟราสซิสโกกลับต้องยกเลิกวันหยุดทั้งหมดเพื่อปฏิบัติภารกิจราวกับว่าต้องเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ บางคนใส่ชุดเครื่องแบบ บางคนใส่ชุดนอกเครื่องแบบ และทุก ๆ คน ปะปนอยู่กับผู้คนในไชน่าทาวน์
ส่วนสมาคมหงเหมิน เป็นพวกที่ตำรวจทั้งกลัวทั้งเกลียด ด้วยความเข้มงวดของภายในสมาคม ทำให้หนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาเหมือนหนูแทะกระดองเต่า ตำรวจแทบจะไม่รู้วิธีจัดการเลย
แม้มีใจอยากกำจัดชาวจีนกลุ่มใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯออกไป แต่ด้วยการพัฒนาและการแทรกซึมของสมาคมหงเหมินที่ค่อย ๆ แทรกเข้าไปในหน่วยงานต่าง ๆ ของซานฟรานซิสโกในศตวรรษที่ผ่านมา
ทำให้สมาคมหงเหมินได้ขยายไปสู่เวทีการเมืองตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ชาวจีนที่มีตำแหน่งสูงหลายคนล้วนมีเบื้อลหลังของสมาคมหงเหมินสนับสนุนอยู่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย
แม้ในสถานการณ์แบบนี้ สหรัฐฯรวมถึงรัฐบาลของซานฟรานซิสโก ก็ได้ยอมรับการมีอยู่ของสมาคมหงเหมินแล้ว แน่นอนว่า ในรายชื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ สมาคมหงเหมินก็ยังคงเป็นกลุ่มที่อาจทำให้บ้านเมืองไม่สงบ
“พี่ใหญ่ มีพวกตำรวจมายืนตรวจอีกละ”
บนถนนไชน่าทาวน์ นอกจากมีตำรวจแล้ว ก็ยังมีพวกร่างใหญ่มากมายเช่นกัน และพิธีรับศิษย์ของสมาคมหงเหมิน ครั้งนี้ ก็ต้องมีมาตรการป้องกันอำนาจที่อาจจะมาทำลายงานด้วย
“มีอะไรน่าดูเหรอ? กว่าจะได้เจอกันครั้งนึงต้องผ่านไปกี่ปี ดูให้ดีนะ ระวังพวกสวะเวียดนามกับเม็กซิกันด้วยนะ”
ชายวัยกลางคนท่าทางมั่นใจ เป่าควันบุหรี่เป็นวงรีใส่ตำรวจที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จริง ๆ แล้ว พวกมาเฟียกับตำรวจจะรู้กัน ยิ่งเป็นเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะยิ่งไม่ทำอะไรซึ่งกันและกัน
“พี่ใหญ่ ได้ยินมาว่าท่านอาวุโสลำดับรุ่น ”ต้า” ท่านนั้น มีอายุร้อยกว่าปีแล้ว รูปร่างหน้าตาอย่างกับเซียนเลยนะ แต่……อายุปูนนี้แล้ว ทำไมยังมาเข้าร่วมสมาคมหงเหมินล่ะ?”
หลายวันที่ผ่านมาเรื่องของเยี่ยเทียนถูกเล่าต่อกันอย่างสนุกปาก ลูกศิษย์หลายคนของสมาคมหงเหมินก็ยังไม่รู้อายุที่แท้จริงของเยี่ยเทียน จึงคิดกันไปโดยการเอาลำดับศักดิ์ของเยี่ยเทียนมาเดาเป็นอายุ
“แกจะไปรู้อะไร อายุร้อยกว่าปีคนนั้นเป็นอาจารย์ของคุณเยี่ยต่างหาก ผู้อาวุโสสมัยก่อนของหงเหมิน ตู้เยวี่ยเซิงรู้จักมั้ย? ตอนนั้นตู้เยวี่ยเซิงยังต้องก้มหัวคำนับอาจารย์ของคุณเยี่ยเลย! ”
ชายวัยกลางคนพูดถากถางใส่ลูกน้อง เขาได้ใกล้ชิดกับผู้อาวุโสหลายคน ฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดจึงมีความน่าเชื่อถือสูง
พิธีรับศิษย์ที่จัดขึ้นครั้งนี้ ขอบเขตของงานใหญ่กว่าการประชุมใหญ่ในปี 92 มาก
ผู้อาวุโสกว่าหนึ่งร้อยคนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ บวกกับบอดี้การ์ดของแต่ละคนแล้ว น่าจะมีมากกว่าพันคน
ผู้คนมากมายที่อยู่ในรายชื่อตามหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐฯมารวมตัวและปรากฏตัวพร้อมกันแบบนี้ จะไม่ให้หน่วยงานของรัฐในท้องถิ่นไม่ตื่นตัวได้อย่างไร บริเวณรอบนอกถึงขั้นจัดกำลังพร้อมปฏิบัติ เพื่อให้รับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
คนของสมาคมหงเหมินชินกับเหตุการณ์แบบนี้ไปแล้ว บนถนนหลักที่เป็นทางเข้าสมาคมหงเหมิน มีธงนานาชาติปักเอาไว้เพื่อใช้ต้อนรับการมาถึงของเหล่าอาวุโสพวกนั้น
รถหรูคันแล้วคันเล่าเรียงกันเป็นสายเคลื่อนเข้าไปข้างในจากด้านหลังไชน่าทาวน์ บางคันยังมีคนลดกระจกลงและโบกมือทักทายตำรวจที่อยู่ด้านนอก
แต่คนเหล่านี้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายและไม่เคยประวัติในสหรัฐฯ ฉะนั้นแม้ตำรวจเหล่านี้จะคันไม้คันมือแค่ไหนพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
………………-
ห้องพิธีของสมาคมหงเหมิน ปกติจะเป็นสถานที่ที่ทำพิธีหรือใช้ในงานรับลูกศิษย์เท่านั้น วันนี้ถูกปัดกวาดจนสะอาดสะอ้าน
ด้านนอกห้องพิธีมีพื้นที่กว่าพันตารางเมตร มีเก้าอี้เป็นร้อย ๆ ตัวจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อใช้แยกลำดับการนั่ง เก้าอี้ทุกตัวจึงมีกระดาษที่เขียนชื่อกำกับแปะเอาไว้
แต่เนื่องจากครั้งนี้จะทำพิธีให้เยี่ยเทียนคนเดียว และมีการเชิญผู้อาวุโสจากทุกสารทิศมาร่วมงาน พิธีรับศิษย์จึงถูกตั้งไว้ด้านนอกแทน ส่วนโต๊ะบูชาขนาดใหญ่ถูกวางเต็มไปด้วยป้ายเป็นสิบ ๆ อัน
ป้ายที่อยู่ด้านบนสุดและเด่นที่สุด เป็นป้ายของผู้ก่อตั้งสำนักหงเหมิน ได้แก่ หงอิง ฟู่ชิงจู่ กู้เหยียนอู่ หวงหลีโจว หวางฟู ห้าคนนี้ ทุกคนล้วนเป็นผู้นำโค่นชิง ฟื้นหมิง
ส่วนแถวที่สองมี เหวินจงสื่อเขอฝ่า อู่จงเจิ้งเฉินกง ซวนจงเฉินจิ้นหนาน ต๋าจงว่านอวิ๋นหลง เวยจงซูหงกวาง
ด้านล่างยังมีปรมาจารย์ยุคต้น ได้แก่ ไช่เต๋อจง ฟางต้าหง หม่าเชาซิ่ง หูเต๋อตี้ หลี่ซื่อไค เป็นต้น และชื่อของคนเหล่านี้เพิ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอทีวีเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้ยังมีป้ายของบรรพบุรุษเช่นป้ายของปรมาจารย์ยุคกลาง ยุคปลาย ห้าผู้ทรงธรรม ห้าผู้กล้า สามนักรบ สองอาจารย์เป็นต้น ล้วนถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะบูชา
ด้านหน้าป้ายวางเต็มไปด้วยของเซ่นไหว้ต่าง ๆ เช่น วัว แพะ ไก่ และเป็ด แต่ไม่มีหมู เพราะว่าจุดประสงค์การก่อตั้งหงเหมินก็เพื่อต่อต้านชิงฟื้นฟูหมิง หมิงเป็นราชวงศ์ของตระกูลจู (พ้องเสียงกับคำว่าหมูในภาษาจีน) ฉะนั้นต้องเลี่ยงคำพ้องเสียง
เวลาผ่านพ้นไปเรื่อย ๆ ผู้อาวุโสที่มาร่วมงานรับศิษย์ ต่างก็เริ่มเดินเข้าไปภายในงานและเข้าไปนั่งตามตำแหน่งของตนเองจากการนำทางของลูกศิษย์สมาคมหงเหมิน
ผู้อาวุโสที่เดินเข้ามาด้านในก่อน จะเป็นคนที่มาชมการประกอบพิธี ส่วนคนของศูนย์บัญชาการหลักสมาคมหงเหมิน จะออกมาทีหลัง
“นายท่านแปด เสียนผายมาถึงแล้ว!”
“นายท่านเจ็ด หยินเฟิ่งมาถึงแล้ว!”
“นายท่านหก ฮวากวนมาถึงแล้ว!”
“นายท่านห้า ก่วนซื่อมาถึงแล้ว!”
“นายท่านสี่ จินเฟิ่งมาถึงแล้ว!”
“นายท่านสาม ตางเจียมาถึงแล้ว!”
“นายท่านรอง เซิ่งเสียนมาถึงแล้ว!”
“นายใหญ่ สิงฟู่มาถึงแล้ว!”
เสียงตะโกนดังอย่างไม่ขาดสาย ชายหญิงอายุต่างกัน 8 คนเดินเข้าไปข้างใน ทั้งหมดนี้เป็นผู้รับผิดชอบแปดตำหนักส่วนนอก ทุก ๆ คนมีเรื่องต้องรับผิดชอบมากมาย
เช่นนายใหญ่สิงฟู่ รับผิดชอบเรื่องการออกศึก นายท่านรองเซิ่งเสียน รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษา วางแผนกลุยุทธ์ต่าง ๆ ให้กับประธานใหญ่ ส่วนคุณท่านสามตางเจียรับผิดชอบเรื่องบัญชี เสบียง และคนอื่น ๆ ก็มีหน้าที่ของใครของมัน
หลังจากที่ผู้อาวุโสส่วนนอกนั่งประจำที่เสร็จ เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้จะเป็นผู้อาวุโสส่วนใน คนแรกที่ถูกขานก็คือ เหลยหู่จากตำหนักอาญา
ลำดับการเข้างานไม่ต่างจากในทีวี คนที่มีตำแหน่งสูงสุดจะเข้างานเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งตำหนักอาญาอยู่ลำดับสุดท้ายของแปดตำหนักส่วนใน คนที่เข้างานคนแรกคือเหลยหู่
สีหน้าของเหลยหู่ไม่ค่อยดีนัก มีเผิงเหวินกวางยืนอยู่ข้าง ๆ หลังจากเข้ามาข้างใน เขาโบกมือทักทายคนที่นั่งอยู่อย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนถึงที่นั่งประจำของตัวเองและได้นั่งลง
คนที่สองคือนายใหญ่ตำหนักพิธีบ้างก็เรียกว่านายใหญ่ซ่างซู จากนั้นก็เป็นผู้อาวุโสสามท่านจาก ตำหนักลงทัณฑ์ ตำหนักธงดำ และตำหนักธงฟ้า คนที่เข้าต่อมาก็คือตู้เฟยจากตำหนักธงแดง
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์สัมพันธ์ของตู้เฟยดีกว่าเหลยหู่ เพิ่งเข้ามาถึงด้านใน ผู้อาวุโสหลายท่านก็ลุกขึ้นทักทายกันถ้วนหน้า บรรดาคนที่ลุกขึ้นมีหลายคนเคยอยู่ที่ตำหนักคุมกฎมาก่อน จึงยังเคารพลำดับอาวุโสและแน่นอนยังนึกถึงผลประโยชน์ของตนเองอยู่
“เจ้าตำหนักสุคนธ์ มาถึงแล้ว!”
คนที่ปรากฏหลังตู้เฟย เป็นคนที่เยี่ยเทียนคุ้นเคยเป็นอย่างดีเช่นกัน ถังเหวินหย่วนที่มีไม้เท้าช่วยค้ำอยู่ แค่เดินเข้ามา คนในงานทั้งหมดก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
ตำหนักสุคนธ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าสภารับรองพันธมิตร มีหน้าที่เป็นคนนำในพิธีรับศิษย์ ปกติคนที่รับหน้าที่นี้จะเป็นผู้อาวุโสจากต่างประเทศ
ถังเหวินหย่วนเป็นแกนนำของธุรกิจชาวจีนแล้วยังมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสมาคมหงเหมินอีก งานที่จัดขึ้นเมื่อปี 92 เขาถูกเลือกให้เป็นเจ้าตำหนักสุคนธ์
และเนื่องจากสถานะและกำลังทรัพย์ที่มากของถังเหวินหย่วน เหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่เกือบครึ่งหนึ่งเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา ฉะนั้นตอนที่ถังเหวินหย่วนเดินเข้ามาจึงมีแต่เสียงทักทายจากคนทั่วงาน
“เรียนเชิญเจ้าตำหนักพิธี !” เสียงตะโกนดังขี้นพร้อม ๆ กันกับถังเหวินหย่วนนั่งลง และเสียงตะโกนครั้งนี้ทำให้คนทั้งงานถึงกับหันไปมองพร้อมกัน
เจ้าตำหนักพิธีก็คือผู้ประกอบพิธีหลัก ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินพิธีรับศิษย์ เป็นตำแหน่งที่อยู่สูงมากแต่ไม่มีอำนาจใด ๆ แต่ผู้ประกอบพิธีหลักรุ่นนี้ไม่เหมือนกับรุ่นก่อน เพราะว่าเขาทำหน้าที่ประธานควบคู่ไปด้วย
แต่ก็เพราะสาเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าประธานใหญ่สมาคมหงเหมินรุ่นปัจจุบันที่นอนติดเตียงมาแล้ว 3 ปี จะปรากฏตัวในพิธีหรือไม่?
รถเข็นปรากฏขึ้นหน้าประตูพร้อม ๆ กับเสียงประกาศ บนรถเข็นมีคนแก่ผมขาวนั่งอยู่ แม้อากาศร้อนอบอ้าว แต่ก็ยังมีผ้าคลุมหนา ๆ คลุมไว้ที่ขา
“ประธานใหญ่สมาคม!”
“นายใหญ่ คือนายใหญ่!”
“ขอต้อนรับนายใหญ่!”
การปรากฏตัวขึ้นของบุคคลคนนี้ ทำให้บรรยากาศในพิธีครึกครื้นอีกครั้ง ทุกคนยืนขึ้นและปรบมือพร้อมกัน
แม้จะไม่รับผิดชอบงานในสมาคมตั้งนานแล้ว แต่ประธานสมาคมรุ่นนี้เคยติดตามพ่อของตู้เฟยจนมีทุกวันนี้ ฉะนั้นชื่อเสียงลือนามจึงเลื่องลือมากกว่าเหลยเจิ้นเยวี่ย
“เป็นวีรบุรุษแปลกหน้ามาพบโฉมงามเมื่อสายไป ” เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องพิธี มองดูคนแก่ที่อยู่ภายในงาน ความรู้สึกเกิดขึ้นภายในใจมากมายหลายอย่างจนไม่อาจอธิบายได้
…………………………………………………………….