“อ๋อ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือคุณผู้ชายทั้งสองคนนี้ตั้งใจจะมาหาคุณ….”
รูดอล์ฟยักไหล่แล้ว หลีกทางให้ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “ผมแค่จะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกันไว้!”
ความสูงของรูดอล์ฟอยู่ที่ 190 กว่าเซนติเมตร ไหล่กว้างเอวกลม เมื่อยืนขวางทางอยู่รู้สึกราวกับมีกำแพงหนาๆปิดกั้นทางไว้ ส่วนชายสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขารูปร่างเตี้ยสันทัด จนแม้แต่เยี่ยเทียนยังไม่ทันสังเกตเห็นพวกเขา
“พวกคุณเป็นใคร? มาหาผมมีธุระอะไร?” จู้เหวยเฟิงมองชายทั้งสองแล้วอดไม่ได้ที่จะงงงวย
แม้รูปร่างจะไม่ต่างกันมาก แต่คนทั้งสองหน้าตาแตกต่างกันมาก คนหนึ่งมีใบหน้าแบบคนเอเชีย ถ้าจู้เหวยเฟิงเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น
ส่วนอีกคนหนึ่งมีใบหน้าที่เป็นจุดเด่นผสมผสานของคนเอเชียและยุโรป จู้เหวยเฟิงไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนชาติไหน
“คุณจู้ คนนี้มาจากญี่ปุ่นชื่อว่าคุณฮิราโนะ อิจิโร่ คนนั้นเป็นคนอินเดียชื่อฟรุส ส่วนเรื่องที่พวกเขามีธุระอะไรกับคุณนั้นผมก็ไม่ทราบแล้ว!”
รูดอล์ฟผายมือออก ให้คนทั้งสองแนะนำตัวต่อจู้เหวยเฟิง แต่ในสายตาของเยี่ยเทียน เขามองเห็นรอยยิ้มประสงค์ร้ายที่มีสิ่งแอบแฝง
“พวกคุณหาผมมีธุระอะไร?” จู้เหวยเฟิงก้าวออกไปด้านหน้า ใบหน้าเรียบเฉย เขารู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์มาดี
“ผมเป็นตัวแทนของกลุ่มมวยปล้ำในญี่ปุ่น ขอท้าประลองกับกลุ่มมวยปล้ำของประเทศจีน หวังว่าคุณจู้จะมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ โปรดยอมรับคำท้าของกระผมด้วยครับ!”
ชายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อฮิราโนะ อิจิโร่หยิบเอาเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นด้วยมือทั้งสองให้จู้เหวยเฟิง แล้วเอ่ยต่อเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ถึงแม้จะฟังดูแปลกๆ แต่จู้เหวยเฟิงก็เข้าใจความหมายดี
“ท้าประลอง? พวกเขาเป็นใคร?”
ไม่เพียงแต่จู้เหวยเฟิง แม้แต่เยี่ยเทียนยังเข้าใจความหมายของฮิราโนะ อิจิโร่ พวกนักพนันคนอื่นที่อยู่ในละแวกเมื่อได้ยินก็พากันกรูมามุงดู
การท้าประลองในวงการมวยใต้ดินต่างพัวพันไปถึงผลประโยชน์ ทุกการท้าประลองเป็นตัวบ่งบอกว่าฐานอำนาจจะรุ่งเรืองขึ้นหรือดับสูญลง ทั้งยังเป็นการแสดงถึงทิศทางของมวยใต้ดินระดับสากลด้วย
“คนญี่ปุ่นท้าประลองกับคนจีน พวกเขาต่างเป็นศัตรูกันมาช้านาน!”
รูดอล์ฟเอ่ยเพราะจงใจจะให้ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มุงดูอยู่โดยรอบเข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น
เจ้าของค่ายมวยปล้ำล้วนแล้วแต่เป็นมาเฟียเก่ามาก่อน ไม่มีคนดีสักคน ดูจากรอยยิ้มกระหยิ่มได้ใจ ยิ่งพูดยิ่งเป็นการยั่วยุทั้งสองฝ่าย
“ขออภัยด้วย ผมมาครั้งนี้เพียงเพื่อชมการแข่งขันเท่านั้น ไม่สามารถรับคำท้าประลองได้ อีกอย่างผมไม่ได้พานักมวยของผมมาด้วย พวกคุณคงต้องผิดหวังแล้ว!”
ได้ยินคำของฮิราโนะ อิจิโร่กับเสียงวิจารณ์จากรอบข้างแล้ว จู้เหวยเฟิงตีหน้าขรึมลงทันที เกือบจะต้องเอ่ยทวนประโยคเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง
อับอายขายหน้า ตอนนี้จู้เหวยเฟิงรู้สึกได้เพียงแต่ความอับอายขายหน้า!
การถูกท้าประลอง แล้วยังเป็นคนญี่ปุ่นที่เป็นศัตรูกันมานาน จู้เหวยเฟิงอกแทบระเบิด เกือบรับคำท้าของคนญี่ปุ่น ลงสนามประลองด้วยตัวเอง
แต่ความโกรธในใจของจู้เหวยเฟิงถูกกดข่มลงไป เขารู้ดีว่าความสามารถของเขา ในค่ายมวยนั้นเทียบกับใครก็ไม่ได้ จะต้องโดนคนอื่นตีตายแน่ พื้นที่ของตัวเองก็ต้องเสียไป
“ไม่เป็นไร เราสามารถประลองกันอีกทีหลังจากงานประชุมนี้จบลง เวลาและสถานที่ให้คุณจู้เป็นผู้กำหนด ขอเพียงแค่ลงนามในใบสัญญานี้ก็พอแล้ว!”
ฮิราโนะ อิจิโร่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แต่คำพูดกดดันบังคับขู่เข็ญ ราวกับกำลังใช้มือตบหน้าจู้เหวยเฟิงไม่หยุดหย่อน
ครั้งนี้จู้เหวยเฟิงหน้าเปลี่ยนสี ข้ออ้างของเขาถูกฝ่ายตรงข้ามตีตกไป ถ้ายังไม่รับคำท้าอีก ก็เท่ากับยอมแพ้ให้แก่คนญี่ปุ่น
จู้เหวยเฟิงรู้ดีว่านักมวยใต้ดินในสังกัดของเขาแต่ละคนเทียบไม่ได้กับนักมวยใต้ดินระดับสากลเลย ถ้าหากรับคำท้า โอกาสชนะแทบเป็นไปไม่ได้
“ประธานจู้ ถึงจะยอมแพ้ไป พวกเขาจะริบเอาพื้นที่ของคุณไปได้หรือ?”
ตอนที่จู้เหวยเฟิงไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เยี่ยเทียนพูดแทรกขึ้นกะทันหัน ถามต่อว่า “ที่นั่นเป็นพื้นที่ของคนจีนเรา พวกเขาจะทำอะไรได้?”
เยี่ยเทียนถึงจะไม่ใช่คนภายในพื้นที่ และไม่ใช่คนทำการค้าแต่เขาเข้าใจดีว่าการทำกิจธุระกับคนจีนนั้นต้องอาศัยความสัมพันธ์และเส้นสาย
ดังนั้นถึงจู้เหวยเฟิงเป็นฝ่ายแพ้ เยี่ยเทียนก็เชื่อว่าฮิราโนะ อิจิโร่ไม่มีทางแทรกซึมอิทธิพลเข้าไปในถิ่นของประเทศจีนได้ แม้จะได้ครอบครองพื้นที่แต่ก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย?
จู้เหวยเฟิงยิ้มแห้ง “เยี่ยเทียน นายไม่เข้าใจ ถ้าหากแพ้ ฉันก็จะไม่ได้ครอบครองค่ายมวยปล้ำในประเทศจีนอีก แม้แต่พวกลูกค้าของฉันก็ต้องถ่ายโอนไปด้วย เรื่องของพื้นที่นั่น ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ในประเทศอย่างเดียว…”
สิ่งที่สำคัญที่สุดของมวยปล้ำคือเงินทุน หรือก็คือพวกลูกค้าที่เข้าลงพนันแข่งมวยนั่นเอง
หากเขาเกิดแพ้ ฮิราโนะ อิจิโร่จะได้ครอบครองเงินทุนส่วนของลูกค้าเหล่านั้น เขาสามารถจัดการประลองสนามมวยปล้ำขึ้นได้อีกในน่านน้ำสากลที่ไม่ห่างจากประเทศจีนมาก
อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันของสองประเทศ ฮิราโนะ อิจิโร่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการแย่งชิงตลาดมวยใต้ดินไปได้อย่างรวดเร็ว
รอให้คนอื่นยอมรับผลการแข่งขันแบบนั้นแล้ว เขาถึงจะถอยไปอยู่เบื้องหลัง แล้วหาคนจีนเข้ามาดูแลแทน เพียงแต่คอยรับเงินผลประโยชน์อยู่อย่างเดียว
จู้เหวยเฟิงรู้กฎของวงการมวยปล้ำดี เขาไม่อยากตกปากรับคำท้าของฮิราโนะ อิจิโร่ง่ายเกินไป เพราะเกรงจะพลาดท่าเหมือนกับต่งเซิงไห่ ที่ถูกคนอื่นวางกับดักให้ตกหลุมพราง
เยี่ยเทียนกวาดสายตามองดูเจ้าคนอินเดียที่ยืนอยู่ข้างฮิราโนะ อิจิโร่นั่น ในมือของเขาก็ถือเอกสารเอาไว้ฉบับหนึ่งเหมือนกัน เยี่ยเทียนจึงถามอย่างแปลกใจว่า “ใช่แล้ว แล้วคุณต้องการอะไร?”
“ผมมาจากอินเดีย ชื่อฟรุส ผมอยากจะเสนอคำท้าต่อคุณจู้ด้วยเหมือนกัน”
ท่าทางของเจ้าคนอินเดียดูหยิ่งผยองกว่าฮิราโนะหลายเท่า เขาสะบัดใบสัญญาในมือไปมา พลางเอ่ยว่า “ผมเป็นเจ้าของสังกัดของค่ายมวยปล้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถ้าหากคุณจู้ยินยอม ผมจะใช้ที่นั่นเป็นเดิมพันเพื่อตัดสินการแข่งขันประลองในครั้งนี้!”
คำพูดของฟรุสทำให้ทุกคนอึ้งตะลึง ไม่ใช่เพราะฟรุสต้องการจะท้าประลองกับจู้เหวยเฟิง แต่เป็นเพราะไม่เชื่อว่าฟรุสจะยอมใช้ค่ายมวยในเมืองไทยเป็นเดิมพัน
ถ้าจะบอกว่ามวยใต้ดินในเอเชียนั้นรุ่งเรืองเฟื่องฟู ประเทศไทยเป็นอีกสถานที่หนึ่งมีชื่อเสียงด้านนี้ แม้คนไทยจะนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่ยากจนนั้น การต่อยมวยถือเป็นความฝันสูงสุดอย่างหนึ่ง
ประเทศไทยเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับจีน กีฬามวยไทยได้รับความนิยมอย่างสูง นอกจากการใช้หมัดแล้ว ยังใช้ศอก เท้า เข่า เข้าต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
เมื่อมีพื้นฐานมวยดีแล้ว การพนันจึงตามมา มีคนไทยมากมายที่เข้าร่วมในการประลองมวยใต้ดิน เพื่อหาเงินทุนสนับสนุนการต่อยมวยของตัวเองต่อไป
นักมวยที่โดดเด่นจะมีแฟนคลับคอยติดตาม เหล่าแฟนคลับมีทั้งเงิน ทั้งอำนาจและมีหน้ามีตา
ตั้งแต่ระดับลูกชายนายกรัฐมนตรีไปจนถึงลูกชาวนา ต่างได้ตั้งความหวังในตำแหน่งราชาแห่งมวยไทยทั้งนั้น สำหรับลูกชาวนาพวกเขาอยากจะอาศัยมวยไทยเป็นเส้นทางให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากจน นักมวยฝีมือดีคนไทยส่วนมากมักจะมาจากจังหวัดในถิ่นทุรกันดารหรือไม่ก็ชุมชนยอดดอยทางภาคเหนือ
ดังนั้นในประเทศไทย ใครๆก็อยากจะลองเดิมพันทั้งนั้น โดยเฉพาะวงการมวยใต้ดิน ทั้งคนยุโรปอเมริการต่างหมายปอง
แต่ฟรุสมีความสัมพันธ์อันดีกับกษัตริย์ของประเทศไทย พวกเขาไม่มีทางสอดมือเข้าไปได้ หลังจากฟังข้อเสนอของ ฟรุสแล้ว หลายๆคนต่างเกิดความโลภไปตามๆกัน
“ฟรุส คุณกล้าเอาค่ายมวยใต้ดินเมืองไทยมาเป็นเดิมพันเชียวหรือ ไม่งั้น ผมใช้หุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของโรงแรมลาสเวกัสลงด้วย ลงสู้กับคุณสักตั้งเป็นไง?”
ในสายตาของคนพวกนี้ ไม่มีใครเป็นมิตรที่แท้จริง พวกเขาต่างอาศัยผลซึ่งกันและกัน หลังจากหายตะลึงแล้ว รูดอล์ฟรีบเสนอคำท้าต่อฟรุสทันที
“รูดอล์ฟตามกฎแล้ว การแข่งขันในแต่ละปีสามารถท้าประลองได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คุณได้เซ็นสัญญากับต่งเซิงไห่แห่งรัสเซียไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนสวมแว่นตากรอบทองดูเป็นคนแก่คนหนึ่งก้าวออกมาเอ่ยว่า “ฟรุส ผมจะนำค่ายมวยในอังกฤษพนันกับคุณ นอกจากนี้ยังมีม้าแข่งที่ได้รางวัลชนะเลิศระดับโลกในปีที่แล้วอีกหนึ่งตัวเป็นไง?
ฟรุสส่ายหัวหัวเราะ “คัลเดคอต เงื่อนไขของคุณเยี่ยมยอดมาก แต่ถ้าคุณจู้ยอมรับคำท้าของผม คุณจะไม่มีทางได้เซ็นสัญญากับผม!”
ฟรุสดูราวกับหวาดระแวงคนอย่างคัลเดคอต จึงยังไม่ตอบรับคำท้าของเขาเสียทีเดียว
“เจ้าคัลเดคอตนั่นเป็นใครกันหรือ?” เยี่ยเทียนกระซิบถามจู้เหวยเฟิง ตอนนี้คนในที่นั้นต่างให้ความสนใจไปที่ฟรุสและชาววัยกลางคนๆนั้น
“เขาเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ ในมือมีทีมฟุตบอลที่มีนักเตะชื่อดังอยู่หลายคน ส่วนม้าตัวที่พูดถึงนั้นราคาประมาณสามร้อยล้านดอลลาร์ขึ้นไป!”
สำหรับจู้เหวยเฟิงแล้ว คัลเดคอตกับสถานภาพของเขาในวงการมวยใต้ดินนั้น เปรียบเทียบได้กับนักกีฬาบาสเกตบอลมือใหม่ที่เพิ่งได้เข้าร่วม NBA กับไมเคิล จอร์แดน ก่อนที่จะเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้ ในสายตาของจู้เหวยเฟิง คัลเดคอตเป็นแค่บุคคลในตำนาน
“คุณจู้ ผมขอยื่นคำท้าประลองกับคุณก่อน หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ!”
เมื่อเห็นว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบไป ฮิราโนะ อิจิโร่แสดงความไม่พอใจ เขาตะโกนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคนว่า “จีนกับญี่ปุ่นมีบุญคุณความแค้นต่อกันมานาน ผมหวังว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าใครที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน!”
“คุณว่าอะไรนะ?”
จู้เหวยเฟิงได้ยินคำประกาศของฮิราโนะแล้วก็ตาตั้งขึ้นมา การท้าประลองแบบนี้จะเป็นการต่อสู้ระดับประเทศไปได้อย่างไร แม้รู้ว่าเขากำลังยั่วยุตน แต่จู้เหวยเฟิงก็ทนไม่ไหวแล้ว
“ใจเย็นก่อน!”
ตอนที่จู้เหวยเฟิงกำลังจะตอบตกลงนั้น เยี่ยเทียนตบที่บ่าของเขาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง!”
แม้ว่าตอนแรกจะทำท่าไม่อยากสนใจในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนแล้ว แต่ด้วยคำพูดเยาะเย้ยของฮิราโนะ ก็ทำให้เยี่ยเทียนทนไม่ได้เหมือนกัน
“เยี่ยเทียน ฉันขอร้องให้ครั้งนี้นายออกโรงแทน ขอแค่ชนะ กิจการทรัพย์สินของฉันยกให้นายทั้งหมดเลย!” ได้ยินสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดแล้วจู้เหวยเฟิงถึงกับตาแดง
“ผมจะเอาทรัพย์สินของคุณไปทำอะไร?” เยี่ยเทียนหัวเราะ ประกายตาฉายแววเยือกเย็น
………………………………………………………