อาคารยังคงสั่นไม่หยุด เหมือนพร้อมที่จะพังทลายลงทุกเมื่อ กำแพงที่ก่อขึ้นจากซีเมนต์กำลังตกลงไปข้างล่างและห้องที่คับแคบนี้ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“เยี่ยเทียน ปล่อยแม่ลง ลูกเดินไปเองเถอะ!”
ซ่งเวยหลันมองผมที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอทนดูไม่ไหวและเริ่มต่อต้าน เป็นเพราะเธอแท้ ๆ เลยทำให้สองแม่ลูกตกอยู่ในอันตรายนี้
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเอกสารฉบับนั้น ตัวเองก็คงไม่ต้องกลับมาที่ตึกนี้ เยี่ยเทียนก็คงไม่ต้องมาหาเธอถึงที่นี่ ตอนนี้ ซ่งเวยหลันรู้สึกผิดมากที่สุด
“แม่ อย่าดิ้น พวกเราต้องไม่ตาย!”
เยี่ยเทียนใช้แรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิดค่อยๆ อุ้มแม่ไว้ให้แน่นอีกครั้ง เวลานี้สภาวะของเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แค่เปิดปากพูด เขาก็ต้องสูดลมปราณที่ขุ่นมัวเข้าไป ซึ่งมันทำให้เขาเกือบสำลักจนไอ
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนกลั้นหายใจจนหน้าแดงก่ำ ใจของซ่งเวยหลันเจ็บปวดเหมือนมีดบาด และตอนที่เธอเห็นผู้คนกำลังหนีเอาชีตรอด เธอรีบพูดกับลูกว่า “ลูก ปล่อยแม่ลง แม่เดินเอง!”
ตอนนี้เยี่ยเทียนลงมาถึงชั้นที่ 28 แล้ว ผู้คนในตึกก็ทยอยทราบข่าวการก่อการร้ายครั้งนี้แล้ว เนื่องจากไฟฟ้าของทั้งตึกถูกทำลายจนขัดข้องทั้งหมด ทำให้ทางหนีไฟเป็นหนทางเอาชีวิตรอดเพียงทางเดียว
เครื่องบินพุ่งชนเข้าที่บริเวณชั้น 90 กว่า บันไดหนีไฟชั้นที่ต่ำลงมา เกือบทุกชั้นเริ่มเต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก เมื่อเยี่ยเทียนลงมาถึงชั้นที่ 28 ทางเดินก็แน่นไปหมดแล้ว
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว เพราะตอนนี้ตึกนี้กำลังสั่น พวกเขาไม่รู้ว่าจะหนีรอดออกไปได้หรือไม่ ตอนนี้ทางหนีไฟเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้กับความหวาดกลัว
“แม่ ระวังนะครับ”
เมื่อมองเห็นฝูงชนที่หนาแน่น เยี่ยเทียนถึงกับส่ายหัว และวางแม่ลง ยังดีที่ตอนนี้มาถึงชั้นที่ 20 กว่า ซึ่งห่างจากประตูทางออกไม่ไกลแล้ว
“แม่ แม่ แม่อยู่ไหน?”
เด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนตุ๊กตา อายุราวๆ 5-6 ขวบ กำลังหดตัวร้องไห้อยู่ตรงมุมทางเดิน กระโปรงสีขาวของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น เธอมองดูฝูงชนที่เบียดตัวเองผ่านไปอย่างทำอะไรไม่ถูก
“หนูน้อย ฉันจะพาเธอไปหาแม่นะ!” มือใหญ่ข้างนึงโอบเอวของเด็กหญิงไว้ และอุ้มเธอขึ้นมา
“พี่ชาย คุณแม่อยู่ข้างบน ไอลีนหาคุณแม่ไม่เจอ” เด็กผู้หญิงขยี้ตา และชี้นิ้วไปข้างบน
“ไอลีน คุณแม่หนูลงไปแล้ว เดี๋ยวพี่จะพาลงไป หนูได้เจอคุณแม่แน่นอน!”
เยี่ยเทียนรู้สึกหดหู่ใจตอนที่เห็นสภาพของเด็กผู้หญิงคนนี้ ดูจากใบหน้าของเด็กผู้หญิงแล้ว เยี่ยเทียนมองออกเลยว่าแม่ของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว
“ได้ค่ะ งั้นหนูจะเดินตามพี่ชายค่ะ!”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นนิ่งลง และเธอก็ใช้สองมือน้อย ๆ โอบที่คอของเยี่ยเทียน ดวงตาคู่นั้นกวาดมองฝูงชนที่อยู่รอบๆ อย่างประหลาดใจ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หืม? กลิ่นอะไร?” หลังจากเดินลงไป 3 ชั้น จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็ได้กลิ่นเหม็นฉุนค่อนข้างแรง พอเงยหน้าขึ้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ไฟจะลามลงมาแล้ว!”
แม้ว่าบริเวณที่ถูกชนจะห่างออกไป 60 กว่าชั้น ทางหนีไฟสามทางเป็นทางที่ทะลุขึ้นชั้นบน แต่น้ำมันของเครื่องบินกลับไหลลงเฉียง ๆ
น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัน ๆ ทำให้ไฟเริ่มลุกตามทางหนีไฟที่เยี่ยเทียนอยู่ตอนนี้ แม้ยังลุกไม่ถึง แต่อุณหภูมิของทางหนีไฟเริ่มร้อนขึ้นอย่างปิดปกติ
บวกกับการปิดของช่องลม ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นรวมถึงเยี่ยเทียน ต่างก็รู้สึกหายใจลำบาก พอเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางหนีไฟก็ยิ่งแน่นมากขึ้น
“เป็นแบบนี้คงไม่ได้แล้ว!”
เยี่ยเทียนรู้ดีว่า ถ้าเดินตามพวกเขา ยังไม่ทันถึงชั้นล่าง ไฟคงลามมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงเวลานั้นก็คงจะโดนไฟครอกตายอยู่ในนี้แน่นอน
“แม่ครับ ออกไปกันครับ!”
ตอนที่ลงมาถึงชั้นที่ 23 เยี่ยเทียนดันคนที่พยายามเข้ามาข้างในทางหนีไฟ เขาอุ้มเด็กผู้หญิงและดึงแม่เบียดฝูงชนจนเข้าไปถึงภายในตึก
“บัดซบเอ๊ย ถ้าจะต้องตายก็ห้ามตายแบบหายใจไม่ออก!”
เพราะการสั่นของตึก ทำให้กระจกของตึกทิศเหนือแตกร้าวไปหมดแล้ว หลังจากที่เข้ามาภายในตึก เยี่ยเทียนรู้สึกหายใจโล่งสักที
“พี่ชาย เกิดสงครามโลกเหรอคะ? ทำไมทุกคนวิ่งกันหมดเลย?”เด็กผู้หญิงที่โอบคอของเยี่ยเทียนเอาไว้ ถามออกไปด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรนะ แม่ของหนูรอหนูอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวพี่ชายพาหนูลงไปเอง!”
เยี่ยเทียนใช้มือลูบหัวเด็กผู้หญิง และหันไปพูดกับแม่ว่า “แม่ เราไปหาทางหนีไฟอีกอันนึงกัน พวกเรารีบลงไปกันเถอะ!”
แม้ความรู้สึกการรับรู้อันตรายจะอ่อนกว่าเมื่อกี้เยอะ แต่การที่ตัวเขายังอยู่ตรงนี้ ยังไงก็ไม่สบายใจอยู่ดี เขาต้องออกไปจากตึกนี้ก่อน ถึงจะมั่นใจว่าหลบความเสี่ยงนี้ได้แล้วจริง ๆ
“โอเค แม่ทำให้ลูกต้องลำบาก กรี๊ด ๆ!”
ซ่งเวยหลันตอบรับ และหันไปทางเยี่ยเทียนอย่างรู้สึกผิด เธอหันไปปุ๊ป ก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที
“อะไร?” เยี่ยเทียนรีบหันตามสายตาของซ่งเวยหลันที่กำลังมองอยู่ เขาเห็นเงาคนกระโดดลงจากหน้าต่าง
“โห สูงขนาดนี้ กล้าโดดได้ไง ไม่กลัวตายเหรอ’
เยี่ยเทียนวิ่งเข้าไปดูตรงหน้าต่างที่ไม่มีกระจกแล้ว เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคน ๆ นั้นตกลงไปที่พื้นอย่างแรง ตอนตกถึงพื้น ตัวของคน ๆ นั้นไม่กระตุกเลยสักนิดตายทันที
“ยังมีอีก……”เยี่ยเทียนยังไม่ทันหันตัวกลับ มีคนสองคนกระโดดลงไปอีก สภาพเดียวกันเป๊ะ เพราะตกจากที่สูงเป็นร้อยเมตรแบบนี้ ไม่มีทางมีชีวิตรอดหรอก
เงยหน้าขึ้นดูเขม่าควันชั้นบนสุดของตึก เยี่ยเทียนรู้เลยว่า คนพวกนี้น่าจะกระโดดมาจากบนนั้น ทางหนีถูกปิดตายไปแล้ว พวกเขาไม่อยากโดนย่างสด จึงเลือกวิธีการตายที่โหดร้ายแทน
“ลูก อย่า….ดูเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ซ่งเวยหลันเห็นลูกชายยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เธอรีบปิดตาลง แม้ตอนนี้จะอยู่ชั้นที่ 23 แล้ว แต่ระยะห่างจากชั้นนี้ถึงข้างล่าง ก็เกือบ 70-80 เมตร คนที่ตกลงไปก็คงตายสถานเดียวเท่านั้น
ตอนนี้พนักงานในชั้นที่ 23 หนีไปหมดแล้ว ทั้งชั้นเหลือแค่ซ่งเวยหลันแม่ลูก กับเด็กผู้หญิงคนนั้น พวกเขาได้ยินเสียงรถดับเพลิงดังขึ้น
9:02น. เยี่ยเทียนดูนาฬิกาข้อมือ ตอบแม่ไปว่า “ครับ ไปกัน!”
แต่เยี่ยเทียนเพิ่งหันตัวได้ครึ่งเดียว เขาไม่กล้าขยับอีกเลย เพราะสิ่งที่เขาเห็น คือเครื่องบินอีกลำนึงชนเข้าตึกทิศใต้อย่างจัง
แสงไฟกับเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกัน เศษซากของเครื่องบินกับเศษซากของตึกกระจายทั่วทิศ มันหล่นไปโดนสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างทั้งร้องไห้ทั้งวิ่งหนี ภาพที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนวันสุดท้ายของโลก
“บ้าเอ้ย วันหลังไม่ต้องดูหนังฝรั่งแล้ว นี่มันตื่นเต้นกว่าในหนังพวกนั้นอีก!”
สถานการณ์แบบนี้แม้แต่เยี่ยเทียนเองก็อึ้งจนอ้าปากค้าง พอรู้สึกตัวเขาก็รีบอุ้มเด็กผู้หญิงวิ่งไปหาซ่งเวยหลันทันที ตึกสองตึกถูกชนติดต่อกันแบบนี้ ถ้าชนอีกรอบ ก็คงพังทลายแน่ๆ
อาจเป็นเพราะตึกทิศใต้โดนชน ตึกทิศเหนือที่สั่นอยู่แล้ว ตอนนี้จึงสั่นยิ่งกว่าเดิมอีก กำแพงที่แตกกำลังตกลงไปที่พื้น ช่องว่างของกำแพงก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“เสี่ยวเทียน ทางนี้!”
ทั้งตึกมีทางหนีไฟ 3 จุด ตอนนี้ซ่งเวยหลันยืนอยู่หน้าประตูทางหนีไฟอันหนึ่ง เธอโบกมือเรียกเยี่ยเทียน
“หืม? แม่ กลับมา!”
เยี่ยเทียนกะจะเดินไปหา แต่จู่ๆ ในสมองของเขาก็รู้สึกอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างสนั่น ตึกสั่นกว่าเดิมรุนแรงมาก
ส่วนตรงหัวของซ่งเวยหลัน มีกระดานเป็นแผ่นใหญ่ตกลงมา เยี่ยเทียนที่เห็นภาพนั้นถึงกับตะลึง เขาไม่รอช้า พุ่งเข้าไปพร้อมกับอุ้มเด็กผู้หญิงไว้ในอก กระดานแผ่นที่ตกใส่แม่ของเขาถูกบังเอาไว้ด้วยแผ่นหลังของเยี่ยเทียน
“ผัวะ!”
เพราะเยี่ยเทียนวิ่งขึ้นบันไดในอึดใจเดียวเกือบ 70-80 ชั้น แล้วยังอุ้มแม่ไว้ค่อนข้างนาน อาการบาดเจ็บเดิม ๆ ของเยี่ยเทียนก็ยังไม่หายดี ทำให้ตอนที่แผ่นกระดานหนักเป็นหลายร้อยกิโลกรมตกใส่หลังของเขานั้น เขาจึงกระอักเลือดออกคำหนึ่ง
เยี่ยเทียนกลั้นพลังลมปราณชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ด้วยความโกรธ ก่อนที่อาคารกำแพงตรงนั้นจะถล่มลงทั้งหมด เขารีบดึงแม่ไว้และวิ่งไปตรงกลางทันที
“เสี่ยวเทียน แม่ขอโทษ!” มองเห็นเลือดบนเสื้อกับบนตัวของเด็กผู้หญิง ซ่งเวยหลันไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เธอรู้สึกผิดจึงได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
“แม่ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวน้องจะตกใจ แม่ แม่บาดเจ็บนี่?”
เยี่ยเทียนพยุงแม่เอาไว้ และเหลือบไปเห็นขาด้านขวาของแม่ ที่อาจจะโดนหินตกใส่ เลือดทีขากำลังไหล
ตอนนี้ซ่งเวยหลันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย เธอดึงมือของเยี่ยเทียนเอาไว้ และพูดว่า “เสี่ยวเทียน อย่าสนใจแม่เลย รีบพาเด็กผู้หญิงคนนี้หนีไป หนีออกไปให้ได้นะลูก!”
“แม่ จะไม่มีใครตายทั้งนั้น เราต้องไปด้วยกัน!”
เยี่ยเทียนหันตัวกลับมาและแบกแม่ขึ้นหลัง แต่ตอนที่เขามองไปทางเดินหนีไฟ เข่าแทบทรุด
เพราะการระเบิดเมื่อครู่นี้ ทำให้ทางหนีไฟถูกอุดไว้ทั้งหมดแล้ว หินกว่าพันกิโลกั้นทางหนีไฟไว้อย่างหนาแน่น
“ลูก พวกเราจะตายที่นี่จริงๆ เหรอ?”
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุด แต่ซ่งเวยหลันกลับนิ่งลงแล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ชยเชยให้สองพ่อลูก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ยังทำให้ลูกต้องลำบาก
“คุณน้าคะ อะไรคือตายคะ?”เด็กผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเยี่ยเทียนยื่นหัวออกมา และมองไปที่ซ่งเวยหลัน
“ตาย ก็คือขึ้นสวรรค์จ้ะ อยู่ที่นั่นเราจะได้เห็นพระเจ้า!” เธอรู้สึกเริ่มจะหมดหวังแล้ว เพราะเธอเริ่มคุยกับเด็กผู้หญิง
เยี่ยเทียนเปล่งเสียงไม่เห็นด้วยออกมา “แม่ ผมไม่เชื่อพระเจ้า พวกเราไม่ได้เห็นเขาหรอก!”
ความลำบากที่เจอมากับตัวตั้งแต่เด็ก หลังจากโตขึ้นเขาพบกับความตายมาแล้วนับไม่ถ้วน เยี่ยเทียนจึงเป็นคนดื้อรั้นมาก อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย ภูเขายังไม่ถล่ม น้ำก็ยังไม่หมด ถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมาจริงๆ เขาก็จะขุดหลุมออกไปให้ได้
…………………………………………………….