หลังออกจากโรงแรม เยี่ยเทียนมองหน้าดูท้องฟ้ายามค่ำคืน หัวเราะและพูดว่า “วันนี้อากาศดี พระจันทร์แจ่มชัดท้องฟ้าปลอดโปร่งดวงดาวสว่างไสว พวกเธอ ไปนั่งจิบชาชมจันทร์ที่อารามเมฆขาวกันมั้ย?”
ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็ทำให้เยี่ยเทียนไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ยันต์ห้าผีพรากชีวิต ตอนแรกนึกว่ายันต์นี้จะทำให้ร่างกายของฉีอี้ได้รับแผลบ้างแต่เขากลับเป็นบ้าขึ้นมาซะอย่างนั้น ผลสัมฤทธิ์เกินคาดกว่าที่เยี่ยเทียนคิดเอาไว้
บางทีการทำให้จิตวิญญาณรู้สึกเจ็บปวดมันสาหัสยิ่งกว่าเนื้อหนังที่ถูกทรมาน เยี่ยเทียนเชื่อว่าพอผ่านพ้นเรื่องนี้ไป เส้นทางของเจ้าอ้วนฉีที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนคงใกล้จะสิ้นสุดลง
คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เยี่ยเทียนรู้สึกโล่งใจมาก ความอัดอั้นมาทั้งคืนได้ถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว พอออกจากโรงแรมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มใหญ่
“เฮ้ น้องเยี่ย อารมณ์อะไรขนาดนั้น? ไอ้หนุ่มนี่มันยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่นแน่ๆ!”
เกาเฉียนจิ้นที่เดินออกมาจากข้างหลังเยี่ยเทียน มองเยี่ยเทียนอย่างไร้อารมณ์และพูดว่า “ไม่ต้องไปดื่มชา ไปดื่มเหล้ากับฉันดีกว่าไอ้น้อง ให้ตายสิ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่ซวยจริงๆ “
เมื่อกี้พ่อโทรมาถามความเป็นไปของเรื่องราว พอคุยจบก็ปามือถือทิ้ง เกาเฉียนจิ้นอารมณ์จึงยังค้างอยู่
“ดื่มเหล้าหรือครับ?”
เยี่ยเทียนได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ พอคิดอีกทีเรื่องคืนนี้ควรจะฉลองซะหน่อย จึงยิ้มและตอบตกลงไปทันที “ได้ งั้นไปดื่มเหล้ากัน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ผมไม่ดื่มเบียร์ ไวน์แดงและเหล้าฝรั่ง ถ้าจะดื่มต้องเป็นเหล้าขาวเท่านั้น……”
สมัยที่เยี่ยเทียนยังไม่รู้เรื่องอะไร ก็ถูกเยี่ยตงผิงใช้ตะเกียบจุ่มเหล้าให้กินแล้ว แม้จะไม่ถึงกับติดเหล้า แต่วันที่เกิดเรื่องดีๆ ก็จะมีดื่มบ้าง
“ได้สิ นี่เพราะฉันเห็นแกดีกับฉันนะ ไป เหล้าดีพอดื่มแน่นอน……”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้เกาเฉียนจิ้นเผยใบหน้ายิ้มออกมา เขาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนานขนาดนี้ สิ่งเดียวที่ไม่คุ้นชินก็คือเหล้าของฝรั่ง ผ่านไประยะหนึ่งเป็นต้องให้คนหาซื้อเหมาไถมาให้ พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ก็อดรู้สึกว่าพบเพื่อนที่รู้ใจขึ้นมาไม่ได้
“ลุงเว่ย ท่านประธานเหลย แล้วก็ท่านประธานหลิว ไป ไปด้วยกันสิ พี่เกาผมพาเพื่อนไปเพิ่มคงไม่ว่าอะไรนะ?”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เกาเฉียนจิ้นพูด เยี่ยเทียนหันกลับไปมองพบว่าวงนี้มีคนอยู่ไม่น้อย ยังไม่นับที่เว่ยหงจวินกับเหลยอู้ตามมาด้วย แม้แต่หลิวต้าจื้อเองยังพาสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างหลังมาด้วย
“พูดอะไรแบบนั้น คนเยอะสิคึกคักดี เดี๋ยวฉันให้คนเตรียมอาหารปิ้งย่างไว้……” เกาเฉียนจิ้นคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ชื่นชอบการจัดpatiเป็นที่สุด จึงหยิบมือถือขึ้นมาและเริ่มสั่งการทันที
เหลยอู้รู้จักกับเกาเฉียนจิ้นอยู่แล้ว ส่วนเว่ยหงจวินกับหลิวต้าจื้อเป็นนักธุรกิจ อยากทำความรู้จักกับคุณชายผู้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ท่านนี้ ทุกคนพยักหน้าตอบตกลงกันหมด
หลงเสวี่ยเหลียน “แฟนสาว” ของเกาเฉียนจิ้นก็ขึ้นรถของเหลยอู้ และพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้กับน้าตัวเอง
เยี่ยเทียนกับอวี๋ชิงหย่ากลับขึ้นรถของเว่ยหงจวินแทน รถหลายคันเรียงกันเป็นขบวนตามหลังรถของเกาเฉียนจิ้นออกไปจากโรงแรม
“เยี่ยเทียน หยกอันนี้ใช้ยังไงหรือ?” เว่ยหงจวินมือนึงขับรถไปอีกมือนึงก็หยิบหยกที่ประมูลมาได้ออกมา
“ลุงเว่ย ลุงตั้งใจขับรถก่อนดีกว่า หยกอันนี้ใช้สำหรับป้องกันภัย ลุงจับปลาสองมือแบบนี้ ระวังมันให้ผลกลับกันนะ……”
มองเห็นการกระทำของเว่ยหงจวินเยี่ยเทียนยื่นมือไปหยิบหยกและพูดว่า “ของสิ่งนี้ยังไม่เคยผ่านการสัมผัสลูบคลำ ลุงเว่ยเก็บไว้กับตัว เวลาไม่มีอะไรทำก็เอาขึ้นมาเล่นที่มือก็พอ อืม เวลาขับรถห้ามเอาขึ้นมาเล่นนะ……”
เมื่อกี้เห็นอ้วนฉีเจอเรื่องซวย เยี่ยเทียนอารมณ์ดีขึ้นเยอะมาก เริ่มพูดเล่นหัวเราะไปกับเว่ยหงจวิน เยี่ยเทียนเพิ่งจะมีความสุขเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปิดกิจการเทียนเยี่ยไปสองเดือนในตอนนั้น
จากคำพูดของเยี่ยเทียน เว่ยหงจวินฟังออกว่าเขาดีใจแค่ไหน จึงได้ลองถามออกไปว่า “ไอ้หนุ่มทำไมเธอถึงอารมณ์ดีขนาดนี้? เป็นเพราะว่าเห็นอ้วนฉีเจอเรื่องซวยเหรอ?”
ความสัมพันธ์ของเว่ยหงจวินกับอ้วนฉีนั้นผิวเผินมาก บวกกับตอนที่ประมูลของ อ้วนฉีเอาแต่โจมตีเยี่ยเทียน ดังนั้นการกระทำของฉีอี้เมื่อกี้แม้แต่เว่ยหงจวินยังรู้สึกสะใจ
หลังจากได้ยินเว่ยหงจวินพูดแบบนั้นอวี๋ชิงหย่าผู้ซึ่งเกาะแขนของเยี่ยเทียนไว้แน่นตั้งแต่ออกจากตรงนั้น ก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “คุณลุงเว่ย หัวหน้าฉีไม่ใช่คนดีอะไรค่ะ ตอนฉันฝึกงานที่สถานี ก็ชอบมาสร้างความลำบากให้กับฉัน……”
ตอนเยี่ยเทียนอายุแปดขวบ เพราะว่าไปตีกับลูกชายของคนฆ่าหมูที่อยู่ในเมือง ถูกคนฆ่าหมูคนนั้นไล่ตามมาถึงห้อง ดึงหูและสั่งสอนไปครั้งนึง แต่ว่าในคืนนั้นเองบานเกล็ดหน้าต่างกว่ายี่สิบบานของบ้านคนฆ่าหมูก็ถูกทุบจนแตกไปหมด
เพราะฉะนั้นคนรอบข้างก็เลยไม่รู้สาเหตุที่หัวหน้าฉีบ้าคลั่ง แต่อวี๋ชิงหย่าที่เติบโตมาด้วยกันกับเยี่ยเทียนนั้นพอจะเดาออกบ้าง แฟนของเธอคงไม่ใช่เด็กที่โดนตีโดนด่าแล้วไม่โต้กลับแน่นอน
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องวันนี้ลุงเว่ยก็คงไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนไม่ดี สมแล้วที่โดนทำให้ขายหน้าต่อหน้าคน……” เว่ยหงจวินก็พอจะฟังออกว่าอวี๋ชิงหย่าหมายถึงอะไร คิดดูเถอะหัวหน้าอายุสี่สิบกว่ารังแกเด็กฝึกงาน ก็คงหนีไม่พ้นคิดถึงแต่เรื่องพรรค์นั้นใช่ไหม?
ทุกคนพูดคุยกันอยู่ในรถ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็เลี้ยวเข้าบริเวณของคฤหาสถ์แห่งหนึ่งที่อยู่แถบชานเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เพิ่งขยายเมื่อช่วงปีใหม่ของปีก่อน และเป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนมีฐานะของเมืองปักกิ่ง
พอลงจากรถก็เรียกเยี่ยเทียนกับคนอื่นๆเข้าไปข้างใน เกาเฉียนจิ้นพูดว่า “พวกเธอนั่งกันก่อนนะ ฉันจะไปหยิบเหล้า”
“เฮ้ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย จะดื่มเหล้ายังไง?” เห็นสวนโล่งๆ ขนาดนี้ เยี่ยเทียนรู้สึกสงสัย
พอเยี่ยเทียนพูดจบปุ๊ปก็มีเสียงเบรกรถดังขึ้นจากหน้าประตู ตามมาด้วยคนประมาณสี่ห้าคนเดินเข้ามาในสวน ต่างคนต่างทำงานของตัวเองโดยไม่สนใจเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ
ผ่านไปเจ็ดแปดนาที สวนของคฤหาสถ์นี้ก็ถูกจัดเรียงด้วยโต๊ะบุฟเฟ่ต์สองโต๊ะที่ถูกผ้าคลุมไว้ และบนโต๊ะก็ถูกจัดวางไปด้วยอาหารต่างๆนานา ไม่ต่างจากโรงแรมห้าดาว
นอกจากนี้ยังมีเตาปิ้งย่างอีกสามเตา มีโต๊ะตัวหนึ่งที่วางอยู่ข้างๆ เตาปิ้งย่างก็ถูกวางเต็มไปด้วยอาหารที่ถูกเสียบไม้ไว้เสร็จแล้วอย่างน่องไก่ปีกไก่ คนพวกนี้ทำงานเสร็จปุ๊ปต่างก็เดินออกไปทันที
“นี่……มีเงินมันดีอย่างนี้นี่เอง!” ภาพที่เห็นทั้งหมดนี้เหมือนถูกเสกขึ้นอย่างกับมายากล เยี่ยเทียนอึ้งไปเลยทีเดียว
เขาคิดว่าตัวเขาเองมีเงินล้านกว่า ชีวิตเล็กๆ ของเขาก็อิ่มเอมแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเกาเฉียนจิ้นแล้วสภาพชีวิตของเขาช่างแตกต่างออกไป ราวกับความกว้างของถนนหนึ่งเส้น
“ลูกพี่อย่างฉันน่ะจน จนเหลือแค่เงินแล้ว”
เกาเฉียนจิ้นมาถึงข้างๆ เยี่ยเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สองมือยังอุ้มเหล้าไว้อีกหนึ่งลังและพูดว่า “เหล้าเหมาไถปี80 มีพอสำหรับค่ำคืนนี้ ทุกคนไม่ต้องเกรงใจนะ จัดให้เต็มที่มีทุกอย่างพร้อมแน่นอน……”
เมื่อได้ยินเกาเฉียนจิ้นพูดจบแล้ว เหลยอู้หัวเราะพลางพูดว่า “เฉียนจิ้น เธอปิ้งของอร่อยๆ ให้เสวี่ยเหลียนกินก่อนสิ สำหรับพวกเราเธอไม่ต้องสนใจหรอก……”
“น้าเขย ใครจะอยากให้เขามาปิ้ง ฉันทำเองได้……”หลงเสวี่ยเหลียนหน้าแดง หยิบปีกไก่สองไม้ไปวางบนเตาปิ้ง
ถ้าจะให้พูด ถึงแม้ว่าพื้นหลังฐานะทางบ้านก็ไม่ได้แย่ไปกว่าบ้านของเกาเฉียนจิ้น แต่ว่าในประเทศก็ยังไม่นิยมงานสังสรรค์ทำปิ้งย่างบุฟเฟต์แบบนี้ สิ่งที่เกาเฉียนจิ้นทำในวันนี้ทำให้หลงเสวี่ยเหลียนมองเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ชิงหย่า ฉันช่วยเธอปิ้ง……”
ตอนกลางคืนเยี่ยเทียนใช้วิชาไปจึงทำให้พลังชี่ดั้งเดิมได้รับผลกระทบบ้าง ท้องก็หิวตั้งนานแล้ว ตอนนี้จึงไม่รู้สึกเกรงใจอะไรอีก มือหนึ่งยื่นไปหยิบน่องไก่เสียบไม้สิบกว่าอัน แล้วยึดตะแกรงปิ้งย่างไปคนเดียว
เกาเฉียนจิ้นไม่มีลักษณะท่าทางอย่างคนในตระกูล แต่หลิวต้าจื้อกับเว่ยหงจวินสองคนนี้ตั้งใจทำความรู้จักกัน บรรยากาศในสวนเป็นไปอย่างราบรื่นเข้ากันได้ดีทีเดียว มีเสียงหัวเราะออกมาเป็นพักๆ
ผ่านไปสิบกว่านาที กลิ่นหอมของเนื้อย่างก็ค่อยๆ ลอยออกไป เกาเฉียนจิ้นได้ปูผ้าใช้แล้วทิ้งไว้ที่พื้นหญ้าหนึ่งผืน ทุกคนก็นั่งลงที่พื้น อาหารที่ปิ้งเสร็จก็ถูกจัดวางไว้บนผ้าเรียบร้อย
พอทำอย่างนี้แล้วก็ได้แสดงออกมาให้เห็นว่าฝีมือปิ้งย่างของแต่ละคนเป็นอย่างไร อาหารที่เยี่ยเทียนกับเกาเฉียนจิ้นปิ้งออกมามีสีออกเหลืองทอง กลิ่นหอมแตะจมูก แต่ปิ้งย่างของคนอื่นกลับเป็นสีดำไหม้
“โอเค จะกินแล้วนะ เฮ้ ลุงเว่ย ลุงกินที่ตัวเองปิ้งสิ อย่ามาแย่งของผม…….”
“คนมีความสามารถก็ต้องใช้แรงงานเยอะหน่อยไหม? แกปิ้งออกมาดีขนาดนี้ ลุงเว่ยจะช่วยแกกินสักสองสามอัน……”
น่องไก่สิบกว่าไม้ที่เยี่ยเทียนปิ้งแค่นำไปวางปุ๊ป มือกว่าสามสี่มือก็ยื่นออกมาหยิบไปพร้อมกัน เยี่ยเทียนต้องใช้มือบังแล้วบังอีก จนทุกคนหัวเราะขึ้นมา
“ตอนฉันอายุแปดขวบฉันก็เริ่มย่างกระต่ายป่าแล้ว จะไม่ให้ฝีมือดีได้ไง?” เยี่ยเทียนหัวเราะแฮะๆ หยิบน่องไก่มาอันนึงยื่นไปให้ชิงหย่าที่นั่งอยู่ข้างๆ
หลงเสวี่ยเหลียนที่นั่งตรงข้ามเยี่ยเทียนกลับมองน่องไก่ที่ตัวเองปิ้งจนไหม้ไปหมด สีหน้ารู้สึกสับสน ใจนึงก็อยากจะยื่นมือไปหยิบที่เกาเฉียนจิ้นปิ้งไว้ แต่ก็รู้สึกเกรงใจไม่กล้าหยิบ
อันที่จริงเกาเฉียนจิ้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับชีวิตการแต่งงานที่ถูกจัดโดยคนในครอบครัว พฤติกรรมของเขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้จงใจพุ่งเป้าไปที่หลงเสวี่ยเหลียน ตอนนี้คนหนุ่มสาวนั่งสังสรรค์อยู่ด้วยกัน เขาจึงไม่ใจร้ายถึงขั้นให้ผู้หญิงกินของไหม้หรอก พูดออกไปว่า “เสวี่ยเหลียน เอ้า เราสองคนก็ถือว่าโตมาด้วยกัน มาถึงที่นี่ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ……”
สิ่งที่ทำให้หลงเสวี่ยเหลียนคาดไม่ถึง ก็คือเกาเฉียนจิ้นหยิบปีกไก่ที่ปิ้งออกมาสีเหลืองทองยื่นให้กับตัวเอง จึงรีบยื่นมือไปรับไว้ พูดด้วยเสียงอันเบาว่า “ขอบคุณ!”
“ฮ่าๆ พรหมลิขิตพันลี้ถูกเชื่อมต่อด้วยปีกไก่ พี่เกา ผมทำโทษตัวเองเลยนะ!” ภาพที่เกิดขึ้นตรงข้ามทำให้เยี่ยเทียนอดใจไม่ได้ถึงกับหัวเราะ หยิบเหล้าเหมาไถขึ้นมาทั้งขวด พอถึงปากปุ๊ปก็ยกดื่มทันที
ตั้งแต่อาจารย์จากไป สภาพจิตใจของเยี่ยเทียนก็รู้สึกอึดอัดมาตลอด เขาไม่ใช่คนที่จะกำจัดความเครียดด้วยเหล้า นานๆ ทีถึงมีโอกาสแบบนี้ เหล้าที่ยกขึ้นดื่มหมดไปเกือบครึ่งขวด
“ดี ดีมาก มา มาดื่มพร้อมกัน!”
เห็นสภาพของเยี่ยเทียนแล้วเกาเฉียนจิ้นก็ไม่ใช้แก้วเหมือนกัน แถมเลียนแบบเยี่ยเทียน หยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกเลย ส่วนเว่ยหงจวินและคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะไปตามกัน ดื่มเหมาไถแบบนี้มันสิ้นเปลืองชัดๆ
“อาจารย์เยี่ย ผมพูดมาตลอดว่าจะเลี้ยงข้าวคุณแต่ก็หาโอกาสไม่ได้สักที ขอยืมเหล้าของน้องเกาในครั้งนี้ดื่มให้คุณหนึ่งแก้วแล้วกัน……”
หลังจากที่เยี่ยเทียนกินน่องไก่เข้าไปเสร็จ หลิวต้าจื้อก็หยิบขวดเหล้าและยืนขึ้น เห็นเกาเฉียนจิ้นกับเยี่ยเทียนสนิทกันขนาดนี้ เขานึกว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้เสียอีกว่าเยี่ยเทียนคือใคร
…………………………-