กระดูกสันหลังของเยี่ยเทียนแตกหัก อวัยวะตันทั้งห้า ได้แก่ หัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไตและอวัยวะกลวงทั้งหก ได้แก่ ลำไส้เล็ก ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ และซานเจียวได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกัน อาการบาดเจ็บเช่นนี้หากเกิดกับคนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว
ถึงแม้อาการบาดเจ็บของเยี่ยเทียนในเวลานี้จะควบคุมอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะรักษาให้หายสนิท เกรงว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง หากพลาดไปอาจจะจะพิกลพิการไปตลอดชีวิต
การดูแลรักษาที่หมอแผนจีนพูด เกี่ยวกับกระดูกสันหลังหักของเยี่ยเทียนนั้น โก่วซินเจียก็ไม่มีวิธีที่ดีอะไร พลางหันไปมองหมอเวย์แมนแล้วพูดว่า “หมอเวย์แมนครับ อาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังเยี่ยเทียน คุณมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างครับ?”
หมอเวย์แมนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “อาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังของเยี่ยเทียนนั้นยุ่งยากมากครับ มีกระดูกที่แหลกละเอียดอย่างน้อยสิบกว่าชิ้นอยู่ภายใน พวกเราต้องรอหลังจากที่สัญญาณชีพของเขามั่นคงแล้ว ถึงจะทำการผ่าตัดจัดการเศษกระดูกที่แตกหักได้ครับ”
อัตราการการเต้นของหัวใจของคนปกติทั่วไปจะอยู่ที่หกสิบถึงหนึ่งร้อยครั้งต่อนาที แต่การเต้นของหัวใจของเยี่ยเทียนทุกนาทีนั้นมีเพียงสิบถึงสามสิบครั้ง อย่างน้อยที่สุดเต้นเพียงแปดครั้งเท่านั้น
จากความคิดของหมอเวย์แมนแล้ว หัวใจของเยี่ยเทียนสามารถหยุดเต้นได้ตลอดเวลา ชีวิตของเขายังอยู่ในช่วงอันตราย ไม่เหมาะที่จะทำการผ่าตัด
“ผ่าตัด?” โก่วซินเจียขมวดคิ้วพลางพูด “ไม่ได้ การผ่าตัดจะทำร้ายพลังชีวิตมากเกินไป ทำไม่ได้!”
ตามหลักของผู้ที่บำเพ็ญตบะ ร่างกายของคนเราก็เหมือนกับคลังมหาสมบัติ หนวดเคราและผม สารจำเป็นและเลือดล้วนสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อทำการผ่าตัด จะทำให้เส้นลมปราณได้รับความเสียหาย และไม่สามารถฝึกวรยุทธได้อีกในภายหลัง นั้นเป็นความยากของความยากเลยที่เดียว
หมอเวย์แมนส่ายหน้า พลางพูด “คุณลุงครับ หากไม่เอาเศษกระดูกที่แหลกออกจากภายในร่างกาย จะมีผลกระทบต่อการฟื้นฟูของเขาเป็นอย่างมาก และกระดูกสันหลังที่แตกหัก จะต้องเสริมด้วยการผ่าตัดเพื่อความมั่นคง!”
การแตกหักของกระดูกสันหลังของเยี่ยเทียน ถ้าหากไม่ผ่าตัดล่ะก็ ต่อไปเขาจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก และการผ่าตัดนี้ยังเกี่ยวข้องกับประสาทศูนย์กลางอีกด้วย แม้แต่โรงพยาบาลที่หมอเวย์แมนทำงานอยู่ ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรักษาให้หายขาดได้
“ไม่ได้ พวกคุณแค่ทำให้อาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในของเขามั่นคงได้ก็พอแล้ว ห้ามผ่าตัด”
โก่วซินเจียหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาจากกระเป๋า หลังจากเปิดจุกขวดแล้ว กลิ่นหอมของยาก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องคนไข้ เทเม็ดยาที่มีขนาดเท่าถั่วเหลืองออกมา
มองไปที่ขาที่บาดเจ็บของซ่งเวยหลัน แล้วโก่วซินเจียจึงพูดว่า “คุณหญิงเยี่ย อาการบาดเจ็บที่ขาของคุณก็หนักไม่เบา แค่ทานเม็ดเดียวก็พอแล้ว ส่วนอีกหนึ่งเม็ดให้ไปละลายกับน้ำเกลือ แล้วฉีดใส่เส้นเลือดดำของเยี่ยเทียน”
เยี่ยเทียนในเวลานี้ไม่สามารถกลืนกินอาหารได้อย่างสิ้นเชิง ต้องอาศัยการฉีดสารอาหารบางส่วนเพื่อคงสภาพของชีวิต ยารักษาแผลของโก่วซินเจียจึงได้แต่ผ่านวิธีแบบนี้เพื่อใส่เข้าไปภายในร่างกายของเยี่ยเทียน
ด้วยวรยุทธของเยี่ยเทียนแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เขาสามารถตื่นขึ้นมาได้ ลมปราณชีวิตแท้ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถึงแม้อาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังจะรุนแรงมาก แต่หากค่อยๆ ใช้ปราณชีวิตแท้ดูแลรักษา ก็จะสามารถกำจัดเศษกระดูกที่แหลกอยู่ภายในร่างกายให้หมดไปได้ ดังนั้นโก่วซินเจียจึงยืนกรานคัดค้านการผ่าตัดเอากระดูกที่แตกออกมา
“อันนี้ ฉันจะคุยกับหมอเวย์แมนนะคะ…” ซ่งเวยหลันได้ยินแล้วจึงรับยาสองเม็ดนั้นมา จากนั้นจึงนำคำพูดเป็นภาษาจีนของโก่วซินเจียอธิบายให้หมอเวย์แมนฟังอีกรอบ
“ไม่ ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด จะฉีดยาใส่ไปในเส้นเลือดดำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ นี่มันผิดกฎของการรักษาทางการแพทย์ คุณซ่งครับ จุดนี้ผมรับปากไม่ได้เด็ดขาด!”
หลังจากได้ยินคำพูดของซ่งเวยหลันแล้ว หมอเวย์แมนจึงส่ายหน้าเป็นพัลวัน แค่การฉีดยาธรรมดาทั่วไป ก็มีบางคนที่มีปฏิกิริยาการตอบสนองที่ไวมาก นับประสาอะไรกับอาการบาดเจ็บหนักของเยี่ยเทียน ถ้าหากเกิดผิดพลาดเพียงนิดเดียว ผลเสียที่ตามมาก็คือความตาย
“ไม่ได้ก็ย้ายโรงพยาบาล อาการบาดเจ็บของศิษย์น้องเล็กรุนแรงมาก จำเป็นต้องใช้สูตรยาลับของอาจารย์ของพวกเราถึงจะได้”
โก่วซินเจียรู้ว่า ผลของการรักษาแผลอักเสบและระงับความเจ็บปวดของยาแผนปัจจุบันนั้นดีกว่ายาแผนจีน แต่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของอวัยวะนั้น ยาที่เขาเป็นคนปรุงขึ้นมาสามารถเยียวยาให้ตรงกับโรคได้อย่างไม่ต้องสงสัย
และอย่าดูถูกยาเม็ดนี้ ถ้าหากพูดถึงต้นทุนแล้ว มันแพงจนทำให้คนตกสะดุ้งใจได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่โก่วซินเจียเก็บกวาดและขูดรีดยาอันล้ำค่านับร้อยปีในเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนจนหมดแล้ว ก็ปรุงยาออกมาได้เพียงสิบกว่าเม็ดเท่านั้น หากคำนวณแล้วหนึ่งเม็ดอาจมีราคาเป็นล้านหยวน ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปใช่ว่าจะใช้ได้
“โอเคค่ะ ฉันจะเชื่อคุณค่ะ”
เมื่อนึกถึงความพิเศษที่อยู่ในตัวของลูกชาย ซ่งเวยหลันจึงพยักหน้า มองไปทางหมอเวย์แมนแล้วพูดว่า “คุณหมอเวย์แมนคะ ฉันอยากขอเช่าห้องไอซียูของโรงพยาบาลนี้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์บางส่วนค่ะ ส่วนการรักษาเยี่ยเทียน พวกคุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวค่ะ!”
จากสภาพของเยี่ยเทียนในตอนนี้ ไม่สามารถทนรับการทรมานของการย้ายโรงพยาบาลได้ ซ่งเวยหลันจึงยื่นข้อเสนอนี้ขึ้นมา ในอเมริกา ขอเพียงเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อให้เกิดเรื่อง ก็เอาผิดจากโรงพยาบาลไม่ได้
“คุณซ่งครับ ต้องรู้นะว่า พวกเรามีหมอที่ดีที่สุดและมีวิธีการรักษาที่ทันสมัยที่สุดในโลกนะครับ?”
หมอเวย์แมนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดของซ่งเวยหลัน หรือว่าคนบนโลกใบนี้จะเป็นบ้ากันหมดแล้ว? ประเทศอเมริกาที่แข็งแกร่งที่สุดถูกการโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสมองของคุณผู้หญิงที่งดงามที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ปกติ
“ทำตามที่ฉันบอกเถอะค่ะ หมอเวย์แมนคะ หากเกิดเรื่องอะไรก็จะไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาลของคุณแน่นอนค่ะ” ซ่งเวยหลันโบกมืออย่างอ่อนเพลีย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลาเพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ทำให้เธอหมดแรงจริงๆ
“ตกลงครับ ผมจะเอาสัญญาหนึ่งฉบับมาให้นะครับ”
หมอเวย์แมนยักไหล่ด้วยความเสียดาย ในความคิดของเขา ชีวิตของเด็กหนุ่มคนนั้นจะถูกแม่ของเขาเป็นคนส่งลงหลุมด้วยตัวเอง หากไม่มีการรักษาจากพวกเขา เยี่ยเทียนจะต้องตายอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะเป็นการเช่าใช้ แต่อุปกรณ์และยาแผนปัจจุบันที่โก่วซินเจียต้องการทั้งหมด ก็มีพยาบาลเอามาให้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนำยาไปละลายในน้ำแล้ว โก่วซินเจียจึงนำน้ำที่มียาผสมอยู่ใส่เข้าไปในน้ำเกลือด้วยตัวเอง จากนั้นจึงให้พยาบาลฉีดเข้าไปในร่างกายของเยี่ยเทียน
หมอเวย์แมนที่ออกมาจากห้องคนไข้ของซ่งเวยหลันแล้วใช่ว่าจะหมดความสนใจในตัวเยี่ยเทียนไป เขาพบว่า หลังจากที่ฉีดยาเข้าไปในร่างกายของเยี่ยเทียนแล้ว อาการของเยี่ยเทียนไม่ได้ทรุดลงไป
และวันที่สองตอนที่หมอเวย์แมนใช้อุปกรณ์ในการตรวจสอบสภาพร่างกายของเยี่ยเทียนนั้น กลับพบความแปลกประหลาด กลุ่มกล้ามเนื้อที่ได้รับความเสียหายทั้งตัวของเยี่ยเทียน กลับสมานตัวกันอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมาย
จึงทำให้หมอเวย์แมนรู้สึกหงุดหงิดและตื่นตระหนกตกใจไม่หยุด เพราะตามสัญญาแล้ว เขาไม่สามารถเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรักษาเยี่ยเทียนในตอนนี้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่ายาเพียงเม็ดเดียวไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเยี่ยเทียนได้ ภายในสามวันหลังจากนี้ โก่วซินเจียจึงต้องใช้ยาหนึ่งเม็ดทุกเช้าเย็น อาการบาดเจ็บภายในทั้งหมดของเยี่ยเทียน ถึงได้ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ
เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ยาของโก่วซินเจียก็ใช้ไปกับตัวของเยี่ยเทียนจนหมดแล้ว
แต่นอกจากการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วของสมรรถนะร่างกายของเยี่ยเทียนที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าแล้ว ลักษณะพิเศษอย่างอื่นกลับเหมือนตอนที่เพิ่งส่งเข้ามาในโรงพยาบาลในตอนแรกไม่ผิดเพี้ยน
โดยเฉพาะการเต้นของหัวใจ จากเดิมที่จะเต้นสิบถึงสามสิบครั้งทุกนาที ตอนนี้กลับเป็นสิบครั้งต่อหนึ่งนาที
ถ้าหากไม่ใช่กรณีตัวอย่างตัวเป็นๆ ที่อยู่ตรงหน้า แม้แต่หมอก็แทบไม่อยากจะเชื่อ บนโลกนี้ยังมีคนที่สามารถรักษาอัตราการเต้นของหัวใจแบบนี้ได้แต่กลับไม่ตาย
“พี่หยวนหยาง ศิษย์น้องเยี่ยกำลังเข้าอยู่ในสภาวะการหายใจแบบเต่าอย่างแน่นอน หลังจากบรรพบุรุษอย่างปรมาจารย์เฉินถวนในตอนนั้น ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่สามารถอยู่ในสภาพการแสร้งตายได้ การฝึกวรยุทธของศิษย์น้องเยี่ยไกลเกินความคาดเดาของพวกเราจริงๆ”
เมื่อยืนอยู่ในห้องคนไข้ของเยี่ยเทียน สีหน้าของหนานไหวจิ่นเต็มไปด้วยความอิจฉา
เขาโชคดีเมื่อตอนอยู่ที่ภูเขาชิงเฉิง ที่ได้ตัดสินใจมาฝึกบำเพ็ญตบะ และยังเคยฝึกการหายใจแบบเต่า แต่ยังอยู่ไกลจากสภาพของเยี่ยเทียนในตอนนี้ อย่างมากที่สุดเขาสามารถรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจอยู่ที่สี่สิบครั้งต่อนาทีเห็นจะได้
“ศิษย์ก้นกุฏิคนนี้ของอาจารย์ ฉันเองก็มองไม่ทะลุปรุโปร่งเหมือนกัน”
โก่วซินเจียฝืนยิ้มพลางพูดหนึ่งประโยค “ศิษย์น้องไหวจิ่น อาการบาดเจ็บของศิษย์น้องเล็กทรงตัวแล้ว ฉันตัดสินใจว่าจะปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นมา เธอมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?”
อาการบาดเจ็บของเยี่ยเทียน มีบางส่วนที่โก่วซินเจียสามารถรักษาได้ แต่ตำแหน่งของกระดูกสันหลังนั้นเขาไม่สามารถรักษาได้ จำเป็นต้องหลังจากที่เยี่ยเทียนฟื้นคืนสติกลับมา แล้วจึงใช้พลังลมปราณชีวิตแท้ในการหล่อเลี้ยงอย่างช้าๆ
โก่วซินเจียคิดว่า ปราณชีวิตแท้ของเยี่ยเทียนได้หายไปตอนที่เขาเข้าไปอยู่ในสภาวะการหายใจแบบเต่า หลังจากรอให้เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมา ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาดังเดิมได้
หนานไหวจิ่นส่ายหน้า พลางพูด “ผมคิดว่า ศิษย์น้องเยี่ยสามารถอยู่ในสภาพแบบนี้ได้สามถึงห้าปี พี่หยวนหยางครับ พวกเราอยากจะเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้น่ะสิ!”
การหายใจแบบเต่า นอกจากจะทำให้ส่วนบำรุงร่างกายที่คนเราต้องการทั้งหมดลดลงจนถึงระดับต่ำที่สุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ดีในการฝึกสติปัญญาและจิตใจ
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนเราไร้ซึ่งความปรารถนา จิตใจจึงเหมือนกลับเข้าไปอยู่ในท้องของแม่ เหมือนกับปรมาจารย์เฉินถวนในตอนนั้น เขาใช้เวลาในการนั่งสมาธิสิบกว่าปีหลังจากที่นอนหลับไปสามปี
ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการตื่นรู้ตามที่หลักพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ ปัญหามากมายที่ยากจะตอบได้ในเวลาปกติ บางทีการอยู่ในสภาพของการหายใจแบบเต่า จะสามารถหาคำตอบได้ จึงเป็นเหตุที่หนานไหวจิ่นคัดค้านการปลุกเยี่ยเทียนให้ตื่นขึ้นมา
“พวกเราสามารถรอได้ แต่…พวกเขาล่ะ?”
โก่วซินเจียสามารถเข้าใจเหตุผลนี้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่หลังจากที่มองดูคนสองสามคนที่อยู่นอกหน้าต่างกระจก เขาจึงได้แต่มีสีหน้าที่เศร้าสลดออกมา
หนึ่งสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา ซ่งเวยหลันและคนอื่นๆ เกือบใช้เวลาทั้งหมดอยู่นอกห้องคนไข้ของเยี่ยเทียน ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาอาบหน้า แต่ท่าทางของความเศร้าโศกแบบนั้น ก็ยากที่จะให้ทำให้คนทนได้
หนานไหวจิ่นถอนหายใจอย่างเสียดาย พลางพูด “งั้นก็ได้ ถ้าปลุกให้เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมาในเร็ววัน พวกเราก็จะสามารถกลับฮ่องกงได้ เพราะปราณวิเศษในค่ายกลมีผลดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา แค่ก็ขอให้เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมาแล้วไม่โทษพวกเราเป็นพอ!”
หากเปลี่ยนเป็นตัวของหนานไหวจิ่นเอง ถ้าหากมีใครปลุกเขาให้ตื่นจากสภาวะการหายใจแบบเต่า เขาก็จะสู้สุดชีวิต การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเยี่ยเทียนก็ต้องคิดแบบนี้
แต่ถ้าสติของเยี่ยเทียนที่ถูกขังอยู่ใน “หมอกของความคิด” ได้ยินเข้า เขาคงจะโกรธจนแทบบ้าแน่นอน เขาอยากจะเข้ามาอยู่ในสภาวะการหายใจแบบเต่าเสียที่ไหน? แต่เป็นจิตที่ลากเข้ามาอยู่ในตันเถียนเองต่างหาก
ใน “คัมภีร์เซียนจิงหรือคัมภีร์แห่งเซียน (หมายถึงคัมภีร์ของลัทธิเต๋า)” กล่าวไว้ว่า “ตันเถียนล่าง เป็นศูนย์รวมของพลังกาย ตันเถียนกลาง เป็นศูนย์รวมของพลังชีวิต ตันเถียนบน เป็นศูนย์รวมของพลังจิตหรือสมอง”
ตันเถียนแบ่งเป็นสามจุด ตันเถียนกลางเรียกว่า “เจี้ยงกง” อยู่จุดกลางหน้าอก เหมือนกับตันเถียนล่างหรือจุดกวนหยวนที่อยู่ต่ำกว่าใต้สะดือ ทั้งสองจุดนี้เป็นการฝึกร่างกายสร้างลมปราณชีวิต
และการที่วรยุทธถูกทำลายตามที่กล่าวไว้ในนิยายกำลังภายใน ส่วนมากจะหมายถึงตันเถียนล่าง แต่ถ้าอยากจะเข้าสู่ภาวะการฝึกเซียนหวนคืนสู่ความว่างเปล่านั้น กลับต้องสำรวจความลึกล้ำและมหัศจรรย์ของตันเถียนบนให้ถ่องแท้เสีย ก่อน
……………………………………………….