วรยุทธของโก่วซินเจียถึงแม้ก่อนหน้านี้จะต่างจากเยี่ยเทียนระดับหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมันต่างกันมาก ปกติตอนที่เขาฝึกวรยุทธอยู่ในค่ายกลชุมนุมพลัง ก็จะควบคุมความเร็วในการดูดซับพลังปราณชีวิตของตัวเอง เพื่อป้องกันร่างกายทนรับไม่ไหว
แต่การกระทำของเยี่ยเทียนในเวลานี้ มันคือการปล้นชิงพลังแห่งฟ้าดินเหล่านั้นไปเลย ลักษณะแบบนั้นราวกับปลาวาฬที่ดูดน้ำก็ไม่ปาน ไม่ช้าปราณวิเศษที่อยู่รอบๆ ค่ายกลชุมนุมพลังก็หายไปจนหมดสิ้น
หลังจากปราณวิเศษในค่ายกลชุมนุมพลังหมดไปแล้ว จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย
แต่ปราณวิเศษพวกนี้ไม่อาจทำให้มันเพียงพออย่างเห็นได้ชัด จิตดั้งเดิมที่ไร้รูปไร้สีกลุ่มนั้นก็กระโดดมาที่ปากมังกรของจุดชมวิว
ตำแหน่งปากมังกรของจุดชมวิวนั้น เป็นสถานที่สำคัญที่สุดของค่ายกลชุมนุมพลังทั้งหมด รับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นจากการดูดซับปราณวิเศษของเสาฮวงจุ้ยรวมและลูกบอลฮวงจุ้ย พลังแห่งฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดผ่านเสาฮวงจุ้ยแล้วเคลื่อนผ่านเข้าสู่ค่ายกลชุมนุมพลังนับจากตรงนี้
ค่ายกลชุมนุมพลังที่เยี่ยเทียนสร้างขึ้นมาสามารถดูดปราณวิเศษได้ด้วยตัวเอง เมื่อปราณวิเศษที่อยู่ในค่ายกลอยู่ในระดับที่เต็มอิ่มแล้ว ค่ายกลของปากมังกรก็จะกั้นปราณวิเศษที่มาจากเสาฮวงจุ้ยให้อยู่ข้างนอก
ปราณวิเศษที่ถูกกั้นเหล่านั้น ก็จะกระจายหายไปจากโลกกลับคืนสู่ธรรมชาติ จึงทำให้บนไหล่เขานี้ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย นับตั้งแต่ที่สร้างค่ายกล ต้นไม้ที่อยู่บนภูเขาลูกนี้ก็เขียวชอุ่มเป็นพุ่มพฤกษ์มากขึ้น
แต่วันนี้ สำหรับไหล่เขาลูกนี้กลับเป็นเหมือนมหันตภัย
ขณะที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนเข้าไปที่ปากมังกร ตรงไหล่เขาดูเหมือนจะเกิดลมพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แล้วปราณวิเศษที่มาจากเสาฮวงจุ้ยก็ถูกจิตนั้นกลืนกินเข้าไปก่อน
ตอนที่พลังปราณชีวิตของเสาฮวงจุ้ยมีพลังไม่เพียงพอ จิตของเยี่ยเทียนเหมือนกับหลุมดำ ดูดปราณวิเศษที่อยู่บนภูเขาทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง
ไม่เพียงเท่านี้ พลังดวงดาวที่เกิดเป็นสายจากดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้น ก็เข้าไปอยู่ในจิตของเยี่ยเทียนอย่างไม่ขาดสาย เพียงชั่วเวลานิดเดียว พลังปราณชีวิตที่อยู่โดยรอบกับพลังดวงดาวที่เต็มท้องฟ้า ก็มารวมตัวกันอยู่ที่จุดชมวิว
“เป็นไปได้ยังไง?” โก่วซินเจียเบิกตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ท่านลุง ทำไมตรงนี้ถึงไม่มีปราณวิเศษเลยสักนิดเดียว?” โจวเซี่ยวเทียนก็งงมาก ก่อนหน้านี้เขาควบคุมตัวเองไม่ให้ดูดซับปราณวิเศษมากเกินไป แต่จู่ๆ ปราณวิเศษกลับหายไปทั้งหมด ทำให้เขาทรมานจนเกือบกระอักเลือด
จิตของเยี่ยเทียนบังอยู่ตรงปากมังกร ทำให้พลังปราณชีวิตที่มาจากเสาฮวงจุ้ย ถูกเขาดูดกลืนเข้าไปหมดแล้ว เพียงลมหายใจสั้นๆ สองสามที อย่าว่าแต่ค่ายกลชุมนุมพลังเลย แม้แต่บนภูเขาทั้งลูกก็ไม่มีปราณวิเศษหลงเหลือเลยสักนิด
“ศิษย์พี่หนาน จิตดั้งเดิมนี้มีพลานุภาพมากขนาดนี้เชียวหรือ?” จั่วเจียจวิ้นไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง แล้วจึงจับหนานไหวจิ่นเอาไว้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ คงมีเพียงเขาที่ตอบปัญหานี้ได้
หนานไหวจิ่นก็ตกตะลึงอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน แล้วจึงพูดตะกุกตะกัก “ฉัน…ฉันก็ไม่เคยเห็น ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ฉันเคยเห็นพฤติการณ์ของผู้อาวุโสท่านนั้น แต่ไม่มีผลกระทบกับพลังที่อยู่ในโลกมนุษย์เลย เขาไม่เคยมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้!”
หนานไหวจิ่นกับโก่วซินเจียแล้วก็จั่วเจียจวิ้นสามคนถึงแม้จะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของจิตของเยี่ยเทียน แต่ก็สามารถรับรู้ได้ ปราณวิเศษที่อยู่เต็มภูเขาลูกนี้ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วเวลาของการหายใจ
ทำให้โก่วซินเจียและคนอื่นๆ รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ถ้าหากเกิดกับตัวของพวกเขา อย่าว่าแต่การดูดซับพลังปราณชีวิตมากมายขนาดนี้ในเวลาอันสั้นเลย แค่ดูดซับเศษหนึ่งในพัน ก็สามารถทำให้พวกเขาตัวแตกได้
แต่เมื่อเห็นร่างกายของเยี่ยเทียนที่ยังนอนอยู่บนเปลไม่มีความผิดปกติอะไร และใบหน้ากระทั่งแฝงไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขาจึงวางใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกอิจฉาจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนไม่หยุด
ค่ายกลชุมนุมพลังไม่มีปราณวิเศษอีกแล้ว การนั่งอยู่ตรงนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไร จึงปล่อยให้โจวเซี่ยวเทียนคอยเฝ้าเยี่ยเทียนเอาไว้ แล้วคนอื่นที่เหลือก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง
……
“เหล่าอู๋ เกิดอะไรขึ้น ทำวันนี้รู้สึกแปลกๆ ?”
“ใช่ ปกติจะได้รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นทุกวัน ทำไมวันนี้รู้สึกอึดอัด ฝนจะตกเหรอ?”
“ไม่ได้ยินว่าฝนจะตกนะ เอ๊ะ แปลกจัง นายดูใบไม้นั่นสิทำไมถึงเหี่ยวลงมาแบบนี้?”
เนื่องจากความเข้มข้นของปราณวิเศษที่อยู่บนภูเขา จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายของคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตรงไหล่เขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกวันเวลาตีสี่ตีห้า จะมีมหาเศรษฐีที่รักสุขภาพตื่นขึ้นมาออกกำลังกายทุกเช้า
แต่ก่อนเวลาที่พวกเขาหายใจเข้าไปก็ยังมีอากาศของน้ำค้างอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกมีกำลังกระปรี้กระเปร่า ร่างกายผ่อนคลายไปทั้งตัว แต่วันนี้พอออกจากบ้าน ก็มีบางคนรู้สึกแปลกๆ
ไม่เพียงแต่คุณภาพของอากาศที่เปลี่ยนไป บรรดาพืชเมืองร้อนที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ดูเหมือนจะถูกโจมตีจากพายุทอร์นาโด ใบไม้เหี่ยวเฉาไม่มีชีวิตชีวา
“ไม่ได้ เหล่าหวัง เดี๋ยวท้องฟ้าสว่างแล้วค่อยให้หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมมาดูหน่อย”
“ใช่ ต้องไปตรวจสอบเสียหน่อย ถ้าไม่ได้ก็ค่อยไปหาอาจารย์จั่ว ขออย่าให้ค่ายกลเกิดปัญหาอะไรเลย!”
เมื่อเสพสุขกับอากาศที่บำรุงสุขภาพจนเคยชินแล้ว ถ้าให้กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน พวกมหาเศรษฐีเหล่านี้จึงไม่มีทางรับได้
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่มีอารมณ์ออกกำลังกายแล้ว หลังจากคุยกันสองสามประโยค ต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง รอให้ฟ้าสว่างก่อนแล้วค่อยไปกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เวลาสองสามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่แสงอาทิตย์แตะขอบฟ้า จิตดั้งเดิมกลุ่มนั้นของเยี่ยเทียนที่ยึดครองพื้นที่ตรงตำแหน่งปากมังกร จู่ๆ ก็ระเบิดแสงแวววับจับตาพักหนึ่ง แล้วจึงดูดซับแสงตะวันจากทิศตะวันออกเข้าไปอยู่ในจิตดั้งเดิม
ถ้าหากมีคนสามารถมองเห็นจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนได้ ก็จะพบว่า เดิมทีที่จิตดั้งเดิมผสมปนเปเป็นกลุ่มก้อน ดูเหมือนจะกระชับแน่นรวมกันมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีลักษณะเหมือนกับคนอยู่นิดหน่อย
แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าลักษณะเหมือนคน เป็นเพียงแค่วัตถุลักษณะทรงกลมที่นูนขึ้นมาบางส่วน ถ้าจะพูดว่ามีลักษณะเหมือนคน ก็ดูจะฝืนกันเกินไป
หลังจากดูดซับแสงตะวันจากทิศตะวันออกแล้ว จิตดั้งเดิมจึงลอยละล่องกลับมาที่ร่างกายของเยี่ยเทียน แล้วมุดเข้าไปอยู่ในจุดหนีหวานกงของเขา
ขณะเดียวกัน พลังแห่งฟ้าดินที่มาจากเสาฮวงจุ้ย ก็ถูกค่ายกลชุมนุมพลังรับเข้าไปอีกครั้ง เพียงเวลาไม่นานก็เติมเต็มพลังไปทั่วทั้งคฤหาสน์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“เอ้า ท้องฟ้าสว่างแล้วเรอะ? ฉัน…แขนของฉันเป็นอะไร?”
เมื่อจิตดั้งเดิมกลับเข้าร่าง เยี่ยเทียนจึงตื่นขึ้นมาจากการเข้าฌานระดับลึก หลังจากบิดขี้เกียจด้วยความเคยชินแล้ว เยี่ยเทียนจึงตกตะลึงงันทันที
เพราะเมื่อสองสามชั่วโมงก่อนหน้า แขนที่ใส่เฝือกของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้กลับชูขึ้นเหนือศีรษะได้ และยังไม่รู้สึกเจ็บอีกด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พลังชีวิตถูกเติมเต็มตั้งแต่เมื่อไร?”
เยี่ยเทียนตกตะลึงก่อนเป็นสิ่งแรก แล้วจึงรีบใช้พลังจิต สำรวจร่างกายที่อยู่ภายใน เยี่ยเทียนสามารถใช้พลังจิตนี้ได้อย่างไม่ต้องกังวล ทันใดนั้นเขาพบว่าจิตที่อยู่ภายในร่างกาย เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินต่างจากเมื่อวานมาก
พลังจิตในตอนต้นของเยี่ยเทียนก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะสามารถสำรวจภายในร่างกายตัวเองได้นิดเดียวมีขอบเขตที่จำกัดมาก ตอนที่เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่แขนนั้น ไม่อาจควบคุมความเจ็บปวดที่กระดูกสันหลังได้
แต่เวลานี้ เยี่ยเทียนใช้พลังจิตเพียงนิดเดียว ก็สามารถตรวจสอบโครงสร้างภายในร่างกายทั้งหมดของตัวเองได้ แล้วปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา นอกจากนี้เขายังรับรู้ได้ถึง พลังปราณชีวิตที่เต็มเปี่ยมอยู่ทุกจุดของร่างกายตัวเอง
ซึ่งแตกต่างจากการเดินพลังปราณชีวิตแท้ในการบำรุงรักษาร่างกาย พลังของจิตเหล่านี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงเซลล์ภายในร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างน้อยเยี่ยเทียนก็พบว่า อาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ส่วนที่แตกของตับและถุงน้ำดีก็เหมือนมีเยื่อวัตถุสีเหลืองทองทาทับไว้อีกชั้น บาดแผลก็สมานตัวกันอย่างรวดเร็วโดยสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากนี้จากการห่อหุ้มของจิตดั้งเดิมนี้ โครงกระดูกที่หักแยกกันของเยี่ยเทียน ก็เหมือนถูกดึงด้วยพลังงานบาง อย่างที่มองไม่เห็น ตอนที่เยี่ยเทียนขยับแขนเมื่อครู่ จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้ย แบบนี้ต่อไปฉันก็เป็นยอดมนุษย์ที่ฆ่าไม่ตายแล้วสิ?”
เมื่อเห็นภาพนี้ แม้แต่เยี่ยเทียนยังตกตะลึงอ้าปากค้าง ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพลังจิตที่อ่อนแอ จึงไม่ได้แสดงประสิทธิภาพเหล่านี้ออกมา
แต่เวลานี้ เยี่ยเทียนกลับเข้าใจแล้ว เดิมทีจิตดั้งเดิมกับปราณชีวิตแท้นั้นมีคุณภาพที่แตกต่างกัน ประสิทธิผลระหว่างทั้งสองมันต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อมีการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ขอเพียงไม่ถูกยิงตาย เยี่ยเทียนเชื่อว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่สามารถทำให้เขาตายได้
เยี่ยเทียนนำพลังจิตวางไว้ภายในร่างกายมาตลอด จึงไม่รู้ตัวว่ามีคนเพิ่มมาอีกคนตั้งแต่เมื่อไร พร้อมกับถือผ้าห่มอยู่ในมือแล้วห่มไปที่ตัวเขาอย่างแผ่วเบา
“ชิงหย่า ขอบใจนะ!”
การสัมผัสที่แผ่วเบานี้ ทำให้เยี่ยเทียนรีบตื่นขึ้นมาทันที เงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเห็นภรรยากำลังนั่งลงยองๆ อยู่ข้างเปล
“เยี่ยเทียน นายตื่นแล้ว? อยากจะไปเข้าห้องน้ำไหม?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนหน้าแดงก่ำ อวี๋ชิงหย่าจึงคิดว่าเขาปวดปัสสาวะ จึงรีบก้มมองดู แล้วจึงพูดอย่างเขินอายว่า “ฉันจะไปหยิบโถปัสสาวะมาให้ นายทนหน่อยนะ!”
ถึงแม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่อวี๋ชิงหย่าก็เป็นคนหน้าบาง เรื่องแบบนี้ปกติจะเป็นพยาบาลที่จัดการให้โดยเฉพาะ เพียงแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านแล้ว จึงไม่ได้มีการรักษาที่สะดวกสบายแบบนั้น
“ไม่ต้อง ชิงหย่า ฉันไม่ต้องการ”
เยี่ยเทียนรีบคว้ามือของอวี๋ชิงหย่าทันที แล้วพูดว่า “ชิงหย่า เธอช่วยลองประคองฉันขึ้นหน่อย ฉันอยากรู้ว่าจะเดินได้กี่ก้าว?”
เยี่ยเทียนนอนอยู่บนเตียงมาหนึ่งถึงสองสัปดาห์แล้ว จึงรู้สึกอึดอัดมาก เมื่อเห็นพลังงานของจิตดั้งเดิมที่มีประ โยชน์มหาศาลขนาดนี้ เขาจึงอดที่จะขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้
“เดิน นายไม่สบายหรือเปล่า? อาการบาดเจ็บของนายแม้แต่นั่งก็ยังนั่งไม่ได้เลย?”
อวี๋ชิงหย่าตกใจมาก ที่พูดตรงเกินไป แต่เมื่อนึกได้ทัน เธอจึงพูดด้วยสีหน้าขอโทษ “เยี่ยเทียน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นายรักษาสุขภาพและพักผ่อนให้มากๆ แล้วจะต้องลุกขึ้นมาได้อีกแน่นอน!”
“เฮ้อ สามีของเธอเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเชียวหรือ?” เยี่ยเทียนพูดอย่างจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ออก “อาการบาดเจ็บภายในร่างกายของฉันดีขึ้นแล้ว จึงอยากจะลองเดินดู เธอแค่ประคองฉันหน่อยก็พอ!”
“เอ๊ะ? ทำไมมือของนายถึงขยับได้ล่ะ? พ่อคะ แม่คะ มือของเยี่ยเทียนขยับได้แล้วค่ะ!”
เวลานี้อวี๋ชิงหย่าพบว่ามือขวาของเยี่ยเทียนกำลังจับตัวเองไว้อยู่ เธอจึงมีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา ไม่สนใจเยี่ยเทียนอีก ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในบ้าน
“อ้าว…เดี๋ยว เธออย่าวิ่งสิ!”
เยี่ยเทียนมองดูอวี๋ชิงหย่าที่วิ่งไปไกลด้วยสีหน้าที่กลัดกลุ้ม เพราะภรรยาก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่ทำไมเวลาเกิดเรื่องอะไรจึงต้องรีบไปรายงานผู้ใหญ่ก่อน?
………………………………………………