“พอแล้วครับ ใช้เสียงทางจิตเหมือนเดิมดีกว่า”
เสียงแหบของวานรขาว ทำให้เยี่ยเทียนขนลุกซู่ เยี่ยเทียนรู้ว่าตรงคอหอยของวานรมีกระดูกอยู่หนึ่งเส้น หากมีการฝึกฝนมันสามารถออกเสียงแบบมนุษย์ได้ แต่ไม่คิดว่าจะน่าเกลียดถึงเพียงนี้
“ฉันไม่ได้พูดนานมากแล้ว ลองพูดสักหน่อยก็พอแล้ว”
วานรเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์มากที่สุด ฉะนั้นการลอกเลียนนิสัยของมนุษย์ไม่มีสัตว์อื่น ๆ เทียบได้ วานรขาวพูดอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงของเขาฟังดูปกติมากขึ้น
“ท่านผู้อาวุโส ลูกศิษย์ของผมไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ ? ” พูดคุยกันไปครึ่งค่อนวัน เยี่ยเทียนเห็นลูกศิษย์ตัวเองไม่ตื่นสักทีก็เริ่มเป็นห่วง
“พลังระดับแค่นี้ ยังกล้ารับลูกศิษย์ด้วยเหรอ ? เสียเวลาลูกศิษย์จริง ๆ !”
วานรขาวหัวเราะเยาะเย้ยเยี่ยเทียนและพูดว่า “วิชาของเขาเก่งกว่าคนปกติไม่เท่าไหร่หรอก ตามคำสั่งของเจ้านาย เขาห้ามเห็นฉัน และฉันแค่ปิดสัมผัสทั้งหกของเขาไว้เท่านั้น ! ”
“ท่านผู้อาวุโสเก่งจริง ๆ ผมทำแบบท่านไม่ได้แน่นอน ! ”
พอเห็นวานรขาวได้ใจ เยี่ยเทียนจึงรีบเยินยอ สุภาษิตเคยกล่าวไว้ว่า การเรียนไม่มีการเรียนก่อนเรียนหลัง ผู้ที่บรรลุเข้าใจก่อนก็เป็นครูได้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงวานรตัวหนึ่ง แต่พลังวิชาของฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่าตัวเองจริง
“แน่นอน ฉันติดตามเจ้านายมาตั้งหลายปี ยังมีความสามารถอีกเยอะ ! ” วานรขาวไม่ได้คุยกับคนมาหลายสิบปี แล้วเยี่ยเทียนดันเป็นคนน่าสนใจอีก ทำให้วานรขาวรู้สึกไม่อยากไปแล้ว
พอเห็นวานรขาวดีใจ เยี่ยเทียนจึงฉวยโอกาสถามต่อ “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่มีวิธีฝึกวิชาของมนุษย์จริงเหรอครับ ? ”
“ไม่มีหรอก ตอนที่ฝึกวิชาฉันยังอ่านหนังสือไม่เป็นเลย ตอนที่อ่านเป็นแล้ว พลังวิชาของฉันก็ก็มีระดับหนึ่งแล้วล่ะ จะไปฝึกวิชาของมนุษย์อีกทำไม ? ”
วานรขาวรู้สึกเสียหน้าเล็กๆ ที่เยี่ยเทียนเอาแต่เรียกเขาว่าท่านผู้อาวุโส เขาคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “ฉันมีวิชาอีกหลายอย่างนะ เช่นการปกปิดร่องรอยไม่ให้คนตาม เดี๋ยวสอนให้เจ้าทีเดียวเลยก็แล้วกัน จิตดั้งเดิมที่มีอยู่ ก็น่าจะเอามาใช้ได้แหละ”
“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้สิ่งที่ผมยังไม่มีก็คือวิธีการฝึกพลังครับ การที่ปราณชีวิตแท้หายไปหมด มันไม่ต่างจากคนไร้ประโยชน์เลยครับ”
เยี่ยเทียนจะร้องไห้ก็ไม่ได้ จะหัวเราะก็ไม่ออก แม้เขาจะเรียนวิชาเหล่านี้จนสำเร็จ แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาจากต้นตอ หากจิตดั้งเดิมที่ไม่ได้รับการฝึก พลังวิชาของเขาก็จะหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น
“เอ่อ…ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง” วานรขาวส่ายหัว ที่จริงวานรขาวก็เป็นแค่สัตว์มีพลังพิเศษทำหน้าที่เฝ้าประตูเท่านั้น เพราะมีชีวิตนานพอสมควร มันจึงมีพลังถึงทุกวันนี้ แล้วมันจะไปสอนเยี่ยเทียนได้อย่างไร ?
“ว่าแต่ ถ้ำเซียนของท่านผู้อาวุโส ซือถู อยู่ในป่าแห่งนี้ใช่มั้ยครับ ? ”
จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็นึกถึงเรื่อง ๆ หนึ่งขึ้นมา เขาถามออกไปว่า “ท่านผู้อาวุโส ซือถู วิจัยเรื่องฟ้ากับมนุษย์ ถ้ำเซียนของเขาน่าจะทิ้งวิธีฝึกกำลังไว้ในถ้ำนะ ท่านช่วยพาผมไปศึกษาหน่อยได้มั้ยครับ ? ”
ถ้าเป็นไปตามที่วานรขาวพูด ตระกูลซือถูจะต้องอาศัยอยู่ในอาณาเขตแห่งเทพกสิกรเป็นแน่ เวลาพัน ๆ ปี ต้องทิ้งวิชาฝึกกำลังไว้บ้าง ถ้าโชคดีจริง อาจจะเจอยาเม็ดก็ได้
“ไปถ้ำเซียนของเจ้านาย ? ”
วานรขาวดีดตัวขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น มันร้องเสียงแปลกว่า “อย่าแม้แต่จะคิดเลย ตอนเจ้านายออกจากที่นี่ไป เขาปิดผนึกถ้ำนั้นไปแล้วล่ะ อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ฉันเองก็ยังเข้าไปไม่ได้!”
“ท่านเข้าไปไม่ได้เหรอ ? ท่านผู้อาวุโสไม่ได้ให้ท่านเป็นคนเฝ้าปากถ้ำไว้เหรอ ? ” เยี่ยเทียนที่ได้ยินวานรขาวพูดแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจ พอพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าวานรขาวจะเคืองไม่เบา
“เจ้านายปิดผนึกใจกลางของถ้ำเซียนไว้แล้ว ฉันเข้าไปไม่ได้”
วานรขาวพึมพำด้วยความน้อยใจ “เจ้านายใจร้ายเกินไป ทิ้งของดี ๆ เอาไว้ข้างในหมดเลย เหลือยาเม็ดให้แค่ขวดเดียว ไม่อย่างนั้นพลังวิชาของฉันจะหยุดอยู่แค่นี้และไม่มีการพัฒนาต่อได้ยังไง ? ”
แม้ว่าจะเป็นคนใช้ของตระกูลซือถูหลายต่อหลายรุ่น แต่สัญชาตญาณความเป็นลิงไม่เคยหายไป โดยเฉพาะตัวที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน มันเป็นวานรตะกละ ไม่รู้ว่าของดี ๆ ถูกมันเอาไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
ฉะนั้นคนของตระกูลซือถูรุ่นสุดท้าย ตอนที่จากไป พวกเขาจึงปิดผนึกห้องนอน ห้องผสมยาและห้องสำคัญต่าง ๆ แม้วานรขาวจะพยายามเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
“ท่านผู้อาวุโส ท่านลองพาผมไปได้มั้ย ไม่แน่ว่า ผมอาจจะมีวิธีเปิดก็ได้นะ กำลังของคนอาจเปิดไม่ออก เราใช้ระเบิดก็ได้นะครับ ! ”
เยี่ยเทียนเห็นความคิดลึก ๆ ของวานรขาว จึงพยายามโน้มน้าวให้พาเขาไป แม้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่เขาทนสิ่งที่ล่อตาล่อใจในถ้ำเซียนนั้นไม่ไหว
“อะไรนะ ? ใช้ระเบิด ? ของที่มันเสียงดังมากนั่นเหรอ ? ”
วานรขาวส่ายหัวไม่หยุดและพูดว่า “อย่าแม้แต่จะคิดเลย ไปขโมยยาเม็ดของเจ้านายไม่เป็นอะไรนะ แต่ถ้าไปทำลายถ้ำของเจ้านาย ถ้าเจ้านายกลับมาคงฆ่าฉันตายแน่ ๆ !”
วานรขาวเบิกตากว้างขณะที่พูด และมองเยี่ยเทียนด้วยความไม่ปลื้มเท่าไหร่ “เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ถ้ำเซียนของเจ้านายทำลายได้ที่ไหน ? แล้วอีกอย่างของที่อยู่ในนั้นก็เป็นของฉันทั้งหมด ! ”
ประโยคสุดท้ายของวานรขาวเผยให้เห็นความคิดด้านลึกของมันแล้ว เยี่ยเทียนยิ้มอย่างขมขื่น การที่ได้พบกับวานรขาวระดับนี้ เขาไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ
ก็ถือว่าได้พบกับผู้มีพลังแล้ว แต่สิ่งที่พบกลับไม่ใช่มนุษย์ ความรู้สึกของเยี่ยเทียนก็คงไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว เขาไม่ต้องการเสียเวลากับวานรขาว จึงพูดไปว่า “ถือซะว่าผมบุญน้อย ขอถามผู้อาวุโสว่า มีใครที่มีพลังพิเศษแบบท่านอีกมั้ย ผมจะขอไปเยี่ยมสักหน่อย ”
วานรคิดครู่หนึ่งและตอบว่า “เทือกเขาคุนหลุนมีคนอยู่กลุ่มนึง แต่ไม่ปรากฏตัวมา 60-70 ปีแล้วล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ายังอยู่ตรงนั้นมั้ย ?
แล้วก็มีจมูกวัว (คำเรียกนักพรตแบบขำในสมัยก่อน) ที่เทือกเขาชิงเฉิง ระดับขั้นของพลังก็ไม่ต่ำเท่าไหร่ แต่ไม่ปรากฏตัวนานมากพอ ๆ กับกลุ่มที่อยู่ในเทือกเขาคุนหลุน นอกจากนี้ฉันไม่รู้แล้วล่ะ “
“เทือกเขาชิงเฉิง มีผู้มีพลังเก่งกล้าจริงด้วย ! ”
เยี่ยเทียนรู้สึกดีใจที่ได้ยินประโยคเหล่านี้จากวานรขาว แต่เวลาที่วานรขาวพูดถึง แตกต่างกับสิ่งที่หนานไหวจิ่นเคยพูดเอาไว้ คนพวกนั้นไม่ปรากฏตัวหลายปี ไม่แน่ อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้
“จี…จีจี ! ”
เยี่ยเทียนกำลังคุยกับวานรขาว เหมาโถวกระโดดกลับมาและใช้อุ้งมือวาดบางอย่างที่ใบหน้าของตนเอง ตอนนี้มันรู้แล้วว่าวานรขาวไม่มีเจตนาร้ายต่อมัน มันจึงไม่กลัว “คน” อาวุโสท่านนี้แล้ว
เยี่ยเทียนไม่เข้าใจสิ่งที่เหมาโถวจะสื่อ แต่วานรขาวกลับเข้าใจ วานรขาวจ้องมันและพูดกับมันว่า “ฉันขี้โม้ ? ตอนที่นักรบผมยาวออกรบ ฉันมีชีวิตสิบกว่าปีแล้ว จนถึงวันนี้ก็เกือบจะ 200 ปีแล้วมั้ง เรื่องราวเมื่อสมัย 60-70 ปีก่อนจะไม่เคยรู้ได้ยังไง ? ”
“ผมยาว ? ท่านหมายถึงกบฏไท่ผิง ? ท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ? ”
เยี่ยเทียนตกตะลึง ตั้งแต่ราชวงศ์ชิงส่งเสริมการตัดผมส่วนหน้าและแต่งตัวง่าย ๆ ส่วนราชอาณาจักรไท่ผิงสั่งห้ามตัดผม ห้ามเปียผม แต่ให้ปล่อยผม ด้วยเหตุนี้จึงได้ฉายาว่า “ผมยาว”
กบฏไท่ผิงเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1850 ถ้าตอนนั้น วานรขาวอายุ 10 กว่าปี หากนับดูแล้ว ตอนนี้ก็ประมาณ 200 ปี วานรขาวน่าจะไม่ได้พูดเล่น
วานรขาวเบะปากและตอบว่า “กองทัพผมยาว มีเด็กคนหนึ่งสนิทกับเจ้านาย หลังจากกบฏพ่ายแพ้ ก็ขอให้เจ้านายออกจากป่า เขาคนนั้นคุกเข่าตรงนี้หนึ่งเดือนเต็ม แต่เจ้านายไม่ได้สนใจเขาเลย จากนั้นเขาก็จากไป”
ในตอนนั้น ความสามารถพิเศษของวานรขาวแม้จะมีบ้างแล้ว แต่มันยังพูดไม่ได้และส่งเสียงไม่ได้ วานรขาวได้ยินคน ๆ นั้นบ่นทุกวัน ทำให้มันรู้เรื่องด้านนอกอยู่บ้าง
“บ้าเอ๊ย นี่มันพจนานุกรมมีชีวิตชัด ๆ ถ้ามีคนที่วิจัยประวัติศาสตร์ช่วงอาณาจักรไท่ผิง คนนั้นจะต้องกราบไว้เขาเป็นบรรพบุรุษเป็นแน่ ! ”
เดิมทีเยี่ยเทียนคิดว่าอายุของอาจารย์กับโก่วซินเจียมากอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับวานรขาวตัวนี้แล้ว พวกอาจารย์เป็นแค่คนรุ่นหลังไปแล้ว
หลังจากที่เล่าเรื่องต่าง ๆ ของสมัยก่อนให้เยี่ยเทียนฟังเสร็จ วานรขาวถามไปว่า “ว่าแต่ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าในอาณาเขตแห่งนี้มีผู้ฝึกวิชา ? ”
“ผมได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง ด้านในมีร่องรอยแผนที่ภาพหนึ่ง น่าจะเป็นผู้เก่งวิชาทิ้งเอาไว้ และมันน่าจะอยู่ในอาณาเขตแห่งนี้ ผมจึงลองมาดูครับ”
แม้แต่วานรขาวยังพูดได้แล้ว เยี่ยเทียนไม่มีทางกลัวว่ามันจะไม่เชื่อคำพูดของเยี่ยเทียนอยู่แล้ว จึงได้เปิดคัมภีร์เต๋าไคหยวนขึ้นมา จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องภาพให้วานรขาวฟัง
“หืม ? มีเรื่องแบบนี้ด้วย ? ” วานรขาวพูดต่อ “เจ้าส่งแผนที่นั้นมาให้ฉัน มันน่าจะคล้ายกับการส่งเสียงทางจิต”
เยี่ยเทียนลองใช้วิธีที่วานรขาวสอน และแผนที่แผ่นนั้นก็ส่งเข้าไปที่สมองของฝ่ายตรงข้ามได้จริง
วานรขาวเหมือนคิดบางอย่างออก หลังจากได้ดูแผนที่ภาพนั้นแล้ว พึมพำว่า “ที่นี่เองเหรอ ? แต่มันไม่มีคนไปหลายปีแล้วนะ ! ”
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าตลาดนั้น เป็นที่เกี่ยวกับอะไรเหรอครับ ? ” เดิมทีเยี่ยเทียนคิดว่าตลาดเป็นถ้ำเซียนของลูกหลานตระกูลซือถู พอเห็นสีหน้าของวานรแล้ว เขารู้ทันทีว่าตัวเองเดาผิด
“ตลาด เป็นตลาดที่เอาไว้แลกเปลี่ยนสิ่งของของคนที่ฝึกวิชาน่ะสิ นี่เจ้าไม่รู้เลยเหรอ ? ”
วานรพูดกับเยี่ยเทียนด้วยความไม่สบอารมณ์ “เมื่อ 60-70 ปีก่อน มีคนไปๆมาๆค่อนข้างบ่อย แต่มันถูกทิ้งไว้ให้ร้างมานานแล้วนะ ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงนั้นตายไปกันหมดหรือยัง ? ”
ต่อหน้าเยี่ยเทียน วานรขาวยังสามารถสวมรอยการเป็นผู้อาวุโส แต่ถ้าเป็นคนที่ไป ๆ มา ๆเมื่อ 60-70 ปีก่อน แค่ดีดนิ้วก็สามารถทำลายวานรขาวได้เลย ในตอนนั้น วานรทั้งหลายอยู่ด้วยความลำบากมาก พวกมันจึงไม่ค่อยชอบคนพวกนั้นเท่าไหร่
“ท่านผู้อาวุโส ท่านพอจะพาผมไปที่ตลาดนั่นได้มั้ยครับ ? ”
เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่ง มาถึงอาณาเขตแห่งเทพกสิกรทั้งทีคงกลับไปมือเปล่าไมได้หรอกมั้ง การไปสถานที่ ๆ มีผู้มีพลังวิเศษแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ไม่แน่ว่าอาจจะเก็บของที่ไม่เข้าตาสำหรับพวกเขาได้สักชิ้นก็เป็นได้
“วานรขาวพยักหน้าและตอบว่า “เจ้าถือว่าเป็นผู้ฝึกวิชา ไปที่นั่นได้อยู่แล้ว แต่คนนั้นไม่ได้ เจ้านายเคยพูดแล้วว่า คนธรรมดาห้ามเข้าไป ! ”
“เซี่ยวเทียนไปไม่ได้เหรอครับ ? งั้นเหมาโถวล่ะ ? ” เยี่ยเทียนชี้ไปที่เหมาโถว ที่กำลังทำหน้าตลกใส่วานรอยู่
“มันไปได้อยู่แล้ว นอกจากฉันแล้ว ก็มีแต่มันเนี่ยแหละที่ลอยได้”
วานรยิงฟันใส่เหมาโถว และพูดด้วยความได้ใจว่า “วันหลังฉันจะสอนวิชาให้แกสักสองสามวิชา ให้แกสามารถใช้จิตได้ แต่ถ้าอยากจะเป็นเหมือนฉันละก็ คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ! ”
การฝึกพลังพิเศษของสัตว์ ที่สำคัญที่สุดคือการเปิดปราณแห่งความฉลาด มันจะทำให้สัตว์สามารถคิดได้อย่างมนุษย์ ส่วนการออกเสียงพูด มีเพียงโครงสร้างร่างกายแบบวานรกับสัตว์พิเศษคล้ายมนุษย์เท่านั้นถึงจะทำได้
“ได้ ผมจะไปกับท่าน แต่ผมขอเขียนโน้ตไว้ให้เซี่ยวเทียนก่อน” เยี่ยเทียนคิดไปครู่นึง หยิบกระดาษ ปากกาออกจากกระเป๋า และเริ่มเขียนโน้ต
……………………………………………..