“ที่นี่หรือ?”
วานรขาวเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมาแล้วพูดว่า “สถานที่ซื้อขายของผู้ฝึกตน สายตาของมนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นได้ยังไง? เจ้าอย่าดูถูกฝีมือของพวกเขาเชียวนะ!”
“ถ้าอย่างนั้นอยู่ที่ไหน?”
เยี่ยเทียนมองวานรขาวอย่างไม่เข้าใจ ถ้าจะพูดว่าเป็นช่องเขา สู้ใช้คำว่าหุบเขาสองคำนี้มาบรรยายถึงจะเหมาะสมกว่า เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าปากทางหุบเขา ก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหุบเขาทั้งหมดได้
“ฮิๆ เจ้าหนุ่ม ดูให้ดีนะ!”
วานรขาวหัวเราะฮิๆ จากนั้นก็พลันกระโดดตัวขึ้นไป แล้วพุ่งเข้าไปที่กำแพงหินที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งร่างกายกำลังจะสัมผัสหินนั้น ก็ไม่ได้คิดจะลดความเร็วลง?
“เฮ้ย หรือว่าเซ็งชีวิตจนอยากจะฆ่าตัวตาย?”
เมื่อเห็นการกระทำของวานรขาว เยี่ยเทียนจึงเกิดความคิดไร้สาระขึ้นมา ว่าสติของเจ้าลิงตัวนี้คงจะสับสนและไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว?
เพียงแต่ยังไม่รอให้เยี่ยเทียนใช้ความคิดเสร็จ จู่ๆ กำแพงหินนั่นก็เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ ขึ้นมาในทันทีทันใด ร่างกายของวานรขาวเดินทะลุเข้าไป แล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตาของเยี่ยเทียน
“คนล่ะ? หายไปไหนแล้ว?” ภาพนี้ทำให้เยี่ยเทียนตกตะลึงอ้าปากค้าง จากนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่กำแพงนั่น แล้วใช้มือลูบเข้าไป
“นี่…นี่มันคือก้อนหินจริงๆ นี่นา แต่…แต่ทำไมเจ้าลิงนั่นถึงเดินผ่านเข้าไปได้?”
ความรู้สึกเย็นเยียบผ่านเข้ามาที่มือ ทำให้เยี่ยเทียนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ หรือว่าเจ้าลิงตัวนี้จะเป็นวิชาทะลุกำแพง แล้วจึงเดินทะลุผ่านเข้าไปข้างในกำแพงหินได้?
เยี่ยเทียนพยายามใช้มือตบไปที่หิน จนกระทั่งรู้สึกมือชา เขาก็ยังสังเกตไม่ออกถึงความผิดปกติ แล้วจึงพูดเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโส ท่านอยู่ที่ไหน? ผมจะเข้าไปได้ยังไง?”
“โง่จริงๆ เลย เจ้าฝึกจิตดั้งเดิมมาทำไม? ทำไมไม่รู้จักใช้พลังจิตตรวจสอบดู?”
มีเสียงหนึ่งดังมาที่ข้างหูของเยี่ยเทียน แล้วศีรษะของเจ้าลิงตัวนั้นก็โผล่ออกมาจากหิน แต่ร่างกายกลับยังอยู่ภายในหิน มองดูแล้วแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด
“ได้ครับ!”
เยี่ยเทียนรีบตอบรับทันที แล้วจึงปล่อยแสงสว่างที่มองไม่เห็นออกมาจากดวงตาทั้งสอง มองไปที่กำแพงหินนั่น หลังจากที่พลังจิตสัมผัสกับก้อนหิน เขาก็พบความผิดปกติทันที
สิ่งที่เหมือนเป็นกำแพงหินของภูเขา เวลานี้กลับโปร่งใสอยู่ในดวงตาของเยี่ยเทียน เขาสามารถมองเห็นร่างกายของเจ้าลิงที่อยู่ในหินกับทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหลังได้อย่างชัดเจน
หุบเขาที่อยู่ตรงหน้ามีขนาดใหญ่มาก แต่ด้านหลังของกำแพงหินนี้กลับมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากกว่า นอกจากนี้ยังมีหญ้าสีเขียวขจี ดอกไม้ป่าเต็มภูเขา ไม่มีบรรยากาศที่เปล่าเปลี่ยวของฤดูใบไม้ร่วงเหมือนอย่างข้างนอก
“ท่านผู้อาวุโส หรือว่าหลังกำแพงหินนี้จะเป็นดินแดนแห่งความเพ้อฝัน?”
เมื่อสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ เยี่ยเทียนก็ไม่กลัวการสัมผัสก้อนหินแล้ว แล้วจึงยกเท้าเดินเข้าไป เพียงแต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเขา หน้าผากก็ชนกำแพงหินเข้าเต็มเปา
“อ้าว เป็นของจริงเรอะ?!” พอเอามือลูบหน้าผากที่ถูกชน เยี่ยเทียนก็มองไปที่เจ้าลิงอย่างสงสัย
“ไร้สาระ ถ้ามีฝีมือเพียงแค่นี้ แบบนี้ถ้าใครอยากเข้าไปข้างในก็เข้าไปได้งั้นซิ?”
วานรขาวถลึงตาใส่เยี่ยเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “ปล่อยจิตดั้งเดิมของเจ้าออกมา แล้วกำแพงภูเขาจะเปิดประตูบานหนึ่งเอง”
“บัดซบ ถ้าโกหกอีกเดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องที่ซุนหงอคงถูกกักขังไว้ที่หุบเขาห้านิ้วให้แกฟัง”
พอเห็นวานรขาวหดศีรษะเข้าไป เยี่ยเทียนจึงสบถด่าอยู่ในใจด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ยังทำตามที่เจ้าลิงบอกอย่างเชื่อฟัง แบ่งจิตดั้งเดิมออกมาครึ่งหนึ่งแล้วสัมผัสไปบนภูเขาอันสูงชะโงกเงื้อม
ครั้งนี้เจ้าลิงไม่ได้โกหกเขา หลังจากจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนสัมผัสก้อนหิน กำแพงหินก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทันที แล้วระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ ก็แบ่งประตูบานใหญ่ออกมาบานหนึ่ง
เยี่ยเทียนไม่รีรอ รีบเก็บจิตดั้งเดิมแล้วก้าวเข้าไปในประตู หลังจากที่ร่างกายของเขาเข้าไปแล้ว ประตูใหญ่ที่อยู่ด้านหลังก็ปิดทันที
เมื่อเห็นการกระทำของเยี่ยเทียน วานรขาวจึงเบ้ปากแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม คราวหน้าอย่าเก็บจิตดั้งเดิมเร็วแบบนี้ ไม่อย่างนั้นหากไม่ระวังก็จะเล่นงานตัวเองถึงตายได้”
เห็นได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างมาก ว่าประตูบานใหญ่จำเป็นต้องใช้พลังของจิตดั้งเดิมในการเปิด เมื่อครู่เยี่ยเทียนเก็บพลังจิตเร็วเกินไป ถ้าหากเขาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ไม่แน่อาจจะถูกหินที่กำลังจะปิดหนีบตัวไว้ก็เป็นได้
เมื่อได้ยินคำเตือนของเจ้าลิงแล้ว เยี่ยเทียนก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลไปทั่วทั้งตัว แต่หลังจากนั้นเขาก็ถูกดึงดูดความสนใจจากปราณวิเศษที่อยู่ในหุบเขาลูกนี้
ภายในหุบเขาลูกนี้ มีปราณวิเศษที่เข้มข้น พลังแห่งฟ้าดินต่อเนื่องไม่ขาดสายได้ไหลเข้าทุกรูขุมขนทั่วทั้งตัวผ่านเข้าไปภายในร่างกายของเขา
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนพยายามฝืนก่อตัวจิตดั้งเดิม แล้วดูดกลืนพลังปราณชีวิตเข้าไปอย่างเต็มที่แล้ว เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของเยี่ยเทียนในตอนนี้ คงจะถูกปราณวิเศษทำให้ระเบิดตายทั้งเป็น
แต่ปราณวิเศษที่เต็มเปี่ยมมีประโยชน์ต่อจิตดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ แม้ว่าไม่มีวรยุทธในการฝึกฝน แต่ความเร็วในการดูดซับปราณวิเศษนั้นก็สูงกว่าค่ายกลชุมนุมพลังที่ฮ่องกงของเขา
“ที่แท้เหนือเขายังมีเขา เหนือคนยังมีคน!”
เมื่อสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของจิตดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายแล้ว เยี่ยเทียนจึงอดถอนหายใจไม่ได้ เดิมทีเขาคิดว่าค่ายกลชุมนุมพลังที่ตัวเองสร้างขึ้นมานั้น ไม่มีค่ายกลใดในโลกสามารถเทียบเคียงได้ แต่ในหุบเขาลูกนี้ กลับทำให้เขาได้รับการโจมตีอย่างแรง
“ปราณวิเศษของแท่นบูชาที่สองแห่งฟ้าดินที่อยู่ข้างนอกถูกดึงมาที่นี่ทั้งหมด ปราณวิเศษจึงมีอย่างเต็มที่เป็นธรรมดา!”
เห็นได้ชัดว่าวานรขาวรู้สึกพอใจกับสีหน้าที่ตกตะลึงของเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก แต่ตอนที่สายตาของมันมองไปในหุบเขานั้น ก็รู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมาทันที
วานรขาวไม่สนใจเยี่ยเทียนอีกต่อไป แล้วจึงส่งเสียงร้องประหลาดออกมา พุ่งไปในหุบเขา แล้วปีนขึ้นไปบนต้นท้ออย่างรวดเร็ว บนต้นไม้นั่นมีลูกท้อขนาดเท่ากำปั้นออกลูกเต็มไปหมด
“ต้นท้อสามปีถึงจะออกผล ต้นพลัมสี่ปีถึงจะออกผล ไม่คิดว่าเดือนนี้ยังจะมีลูกท้ออีก”
เยี่ยเทียนเดินเข้าไปในหุบเขา เขาไม่ได้สนใจลูกท้อสักเท่าไร แต่สิ่งที่อยู่ใต้ต้นท้อนั้นกลับทำให้เขาตกตะลึง “นี่…อายุของเห็ดหลินจือนี้น่าจะถึงหนึ่งพันปีแล้วใช่ไหม?”
ใต้ต้นท้อที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน ปกคลุมไปด้วยเห็ดหลินจือสีแดงเพลิงขนาดเท่าแท่นโม่หิน ส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมาเป็นระลอกน่าหลงใหล
“เจ้าหนุ่ม เจ้าอย่าคิดไม่ดีกับของสิ่งนั้น อีกสองสามปีมันก็จะมีอายุหนึ่งพันปีแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจำเป็นต้องใช้มันในการฝ่าด่าน!”
เจ้าลิงรู้สึกถึงสายตาของเยี่ยเทียน แล้วจึงทิ้งลูกท้อหนึ่งลูกหนึ่งลงมาจากต้นไม้ พร้อมกับพูดบ่นไปด้วย “นายท่านไม่สอนวิชากลั่นยาวิเศษให้ข้า ถ้ากินแบบนี้ ก็น่าเสียดายจริงๆ แต่ถ้าไปหาจมูกโค (คำเรียกดูหมิ่นนักพรตเต๋า) พวกนั้น ไม่แน่คงจะถูกพวกเขาแย่งไปได้!”
“ท่านอาวุโส ท่านบอกว่ายอดฝีมือพวกนั้น ก็มาที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้าลิงแล้ว เยี่ยเทียนจึงถามอย่างแปลกใจ “ถ้าหากพวกเขาอยากจะเก็บเห็ดหลินจือ ก็แค่เดินมาที่นี่ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?”
“พวกเขาสามารถหาที่นี่เจอหรือ?” เจ้าลิงพูดอย่างดูถูก “ตอนที่นายท่านจากไป ได้ย้ายตลาดมาไว้ที่นี่ ถ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูแผนที่ในหัว ว่าตำแหน่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่า?”
“อืม ห่างกันมากจริงๆ” เยี่ยเทียนได้ยินจึงตกตะลึง เมื่อมีเจ้าลิงเป็นคนนำทาง เขาจึงไม่ได้ดูแผนที่อีก แต่พอดูเวลานี้ ตำแหน่งของตลาดที่ปรากฏนั้น ไม่ใช่ตำแหน่งที่ตัวเองอยู่จริงๆ
สำหรับวิธีการของผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเพียร ไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปมาอธิบายได้ เยี่ยเทียนรู้สึกชาอยู่บ้าง จึงรีบส่ายหน้าทันที พร้อมกับกัดลูกท้อที่อยู่ในมือไปหนึ่งคำ
“เอ๊ะ เจ้าสิ่งนี้ก็มีปราณวิเศษแฝงอยู่ด้วย?”
ลูกท้อที่ถูกเยี่ยเทียนกัดไปหนึ่งคำ พอเข้าปากไปก็ละลายทันที จากนั้นปราณวิเศษที่บริสุทธิ์ก็ไหลเข้าสู่ไขกระดูกและร่างกาย มันสบายจนเยี่ยเทียนเกือบจะร้องครวญครางออกมา
ปกติเวลาที่เยี่ยเทียนดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน จำเป็นต้องได้รับการหลอมละลายจากจุดตันเถียนภายในร่างกายก่อน แล้วจึงจะนำไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ แต่ปราณวิเศษที่อยู่ในลูกท้อนี้ กลับมีผลเข้าไปในร่างกายได้โดยตรง หากจะเรียกว่าเป็นผลไม้วิเศษก็ยังได้
หลังจากยัดลูกท้อที่อยู่ในมือเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว เยี่ยเทียนจึงยืดแขนขา แล้วมองไปที่วานรขาวอย่างน่าสงสาร
ถ้าหากลูกท้อทุกลูกมีสรรพคุณแบบนี้ อย่างนั้นร่างกายของเยี่ยเทียนก็แข็งแกร่งจนยากจะเกินบรรยาย ไม่แน่อาจจะสร้างจุดตันเถียนที่ถูกทำลายให้กลับมาใหม่ได้อีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงลืมจุดประสงค์ของการมาที่ตลาดในทันที
“อย่ามองข้า ป่าท้อนี้เป็นนายท่านย้ายมาจากทิศตะวันตกของภูเขาคุนหลุน เพียงแต่จะมีผลในคำแรก ถ้าจะกินอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
เมื่อเห็นสายตาแห่งความหวังของเยี่ยเทียน วานรขาวจึงทิ้งลูกท้ออีกลูก แล้วตัวเองก็กินอย่างมีความสุขมาก แถมยังมีน้ำของลูกท้อติดอยู่ข้างปาก
“ไม่มีประโยชน์จริงเหรอ?” เยี่ยเทียนกัดลูกท้ออีกหนึ่งคำ พบว่าเป็นเหมือนที่วานรขาวพูดไม่มีผิด ถึงแม้จะยังหอมหวานมากกว่าปกติ แต่ปราณวิเศษที่แฝงอยู่ภายในกลับไม่มีเลยสักนิดเดียว
“ไม่มีประโยชน์แล้วยังจะกินอย่างไม่คิดชีวิต?”
เยี่ยเทียนแอบตำหนิวานรขาวที่กำลังกินลูกท้ออยู่บนต้นไม้อยู่ในใจ จากนั้นจึงย้ายสายตามองไปที่อื่น ปราณวิเศษของที่นี่มีอย่างเปี่ยมล้นเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นยาสมุนไพรที่ธรรมดาที่สุด สรรพคุณก็ยังสูงกว่าที่อยู่ข้างนอกแน่นอน
“เหอโส่วอู? เจ้านี่น่าจะมีอายุสองสามร้อยปีแล้วมั้ง?”
ขณะที่เยียเทียนกำลังคิดอยู่ พลางสำรวจบริเวณรอบๆ ไปด้วย จึงมองเห็นสมุนไพรมากมาย โดยเฉพาะชีเย่เหอโส่วอู ยอดอ่อนของมันเกือบจะโผล่พ้นออกมาจากดินแล้ว
อย่าพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่เหอโส่วอูอย่างเดียว ถ้าหากเยี่ยเทียนสามารถได้มาในตอนนั้น ผมที่ขาวไปทั่วศีรษะของเขาก็คงฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมนานแล้ว
“เจ้าหนุ่ม เจ้าอย่าคิดอะไรกับของที่อยู่ที่นี่ เพราะทุกอย่างล้วนเป็นของฉัน!”
วานรขาวเหมือนจะสัมผัสถึงสายตาที่ร้อนระอุของเยี่ยเทียนได้ จึงกระโดดลงมาจากต้นไม้พร้อมกับถือลูกท้อเต็มทั้งสองมือ พลางมองเยี่ยเทียนอย่างระแวดระวัง “ก่อนนายท่านจะไปได้กำชับให้ข้าดูแลที่นี่ให้ดี เจ้าอย่าคิดมิดีมิร้ายเด็ดขาด”
“ท่านผู้อาวุโส ของพวกนี้ถ้ากินโดยตรงจะสิ้นเปลืองเกินไป หากกลั่นเป็นยา จะมีประสิทธิผลมากกว่านี้หลายเท่า”
เยี่ยเทียนใช้ความคิด แล้วจึงพูดต่อ “ขอเพียงท่านผุ้อาวุโสสามารถแก้ปัญหาการฝึกวรยุทธของผมได้ กับวิธีการกลั่นยา ผมก็สามารถกลั่นยาวิเศษให้กับท่านผู้อาวุโสได้!”
“แน่นอนข้าเข้าใจอยู่แล้ว…”
วานรขาวเกาหูเกาแก้มเมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน มันรู้อยู่แล้วว่าการกินยาสมุนไพรเข้าไปโดยตรง จะได้รับคุณสมบัติของยาไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน เพียงแต่มันเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะ จึงไม่สามารถใช้เพลิงแท้ในขั้นตอนการกลั่นยาในขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีทางกลั่นยาวิเศษได้
หลังจากวานรขาวเดินวนอยู่ที่เดิมไปมาสักพักหนึ่ง ทันใดนั้นจึงก็หยุดลง เหมือนได้ทำการตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วมองไปที่เยี่ยเทียน “เจ้าหนุ่ม เจ้าตามข้ามา แต่จะมีโอกาสและจังหวะหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวเจ้าแล้ว!”
“ท่านอาวุโส เชิญครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของวานรขาว จิตใจของเยี่ยเทียนจึงร้อนระอุขึ้นมา เพราะเจ้าลิงตัวนี้หาข้ออ้างต่างๆ นานามาตั้งนาน สงสัยคงจะยอมควักของดีออกมาจริงๆ แล้ว
เมื่อเดินตามวานรขาวผ่านป่าท้อแห่งนี้ แล้วเบื้องหน้าก็ปรากฏลานกว้างพื้นที่ประมาณสองร้อยตารางเมตร ที่ถูกปูด้วยหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งหมด
จุดสิ้นสุดของลานกลว้างนั้น กลับมีกระท่อมไม้เล็กๆ อยู่หนึ่งหลัง มีเถาวัลย์สีเขียวปกคลุมอยู่ข้างบนเต็มไปหมด
…………………………………………………………