ทันใดนั้นเยี่ยเทียนจึงส่ายหน้า แล้วเอ่ยพูด “ไม่ถูก คุณน่าจะมีลูกสาวหนึ่งคนกับลูกชายสองคน…”
“คุณ คุณรู้ได้ยังไง?” หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดเสริม ตู้เฉียงจึงล้มไปนั่งที่พื้น พร้อมกับหน้าอกที่หายใจถี่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างความรวดเร็ว ซึ่งแสดงออกถึงอารมณ์ตอนนี้ของเขาอย่างเห็นได้ชัด
ตู้เฉียงยังไม่ได้แต่งงาน แต่เขามีลูกสาวหนึ่งคนกับลูกชายอีกสองคนจริงๆ ทว่าลูกสาวของเขายังไม่ทันเกิดก็เสียชีวิตแล้ว และลูกชายคนโตก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน
ตอนนี้ตู้เฉียงจึงเหลือลูกชายคนเล็กอายุเก้าเดือนเพียงคนเดียว และแม่ของเด็กได้เสียชีวิตลงจากการคลอดยากขณะ ที่ให้กำเนิดเขา ตู้เฉียงจึงจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูกชายคนเล็กของเขาโดยเฉพาะ และที่ปักกิ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีลูกชายอีกหนึ่งคน
คำพูดของเยี่ยเทียนเป็นเหมือนลูกธนูที่แหลมคม ปักลงกลางใจของตู้เฉียง เพราะเรื่องที่อยู่ส่วนลึกในใจที่เขาปิดบังมาตลอด กลับถูกเปิดเผยในที่โล้งแจ้ง ทำให้ตู้เฉียงรู้สึกหวาดกลัวเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก
“ลูกชายคนโตกับลูกสาวตายหมดแล้ว ตอนนี้ลูกชายคนเล็กก็เหมือนตายไปครึ่งหนึ่ง คุณตู้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมคุณยังมีอารมณ์มาตามจีบผู้หญิงอีก ผมรู้สึกว่าคุณควรจะทำหน้าที่ของพ่อและอยู่เป็นเพื่อนลูกชายให้มากที่สุดนะครับ!”
พูดตามจริง หลังจากพยายามฝืนทำนายโชคชะตาให้ตู้เฉียง ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกรังเกียจนิสัยของตู้เฉียงมาก และยังไม่ต้องพูดถึงลูกสาวของเขาที่เพิ่งตายไปไม่ถึงปี แม้แต่ลูกชายของเขาที่อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ในตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ยังจะมีความคิดที่จะจีบผู้หญิงอีก?
“คุณ…คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? คุณเป็นปีศาจร้าย คุณเป็นปีศาจร้าย เหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ตู้เฉียงจึงร้องตะโกนออกมาอย่างยั้งสติไม่อยู่ เพราะเยี่ยเทียนพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาได้ถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ในใจของตู้เฉียงคิดว่า มีเพียงปีศาจร้ายเท่านั้นที่จะทำได้
เยี่ยเทียนขี้เกียจที่จะสนใจตู้เฉียงโดยสิ้นเชิง แล้วจึงหันหน้าไปพูด “ชิงหย่า เรืนสี่ประสานของฉันมีงานที่ต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย หรือ…เธอจะอยู่เล่นที่นี่ต่อดีไหม?”
เยี่ยเทียนรู้ว่า แค่ลักษณะท่าทางที่เหรินเจี้ยนกับคนอื่นๆ ที่แสดงต่อตัวเอง ก็ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นอิสระเมื่ออยู่ที่นี่ และตู้เฉียงก็ยังก่อเรื่องอีก เขาจึงไม่สามารถอยู่ต่อเพื่อให้ทุกคนมองเขาเป็นตัวเด่นเหมือนหมีแพนด้า
และหลังจากที่ตัวเองเปิดเผยเรื่องที่ตู้เฉียงมีลูกแล้ว เขาจึงคิดว่าสวีเจิ้นหนานได้ทานยาระงับอารมณ์แล้วแน่นอน ซึ่งก็ถือว่าภารกิจของตัวเองในวันนี้สำเร็จแล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนกำลังจะกลับ อวี๋ชิงหย่าจึงลุกขึ้น ดึงแขนของเยี่ยเทียนเอาไว้ พลางพูด “ฉันกลับไปกับนายด้วยดีกว่า หรงหรง พวกเรากลับก่อนนะ…”
“คุณเยี่ย เอ่อ…เอ่อ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ” จี่หรานก็ลุกขึ้นเช่นกัน เพราะเขาเพิ่งจะตบหน้าอกตัวเองเพื่อเป็นการรับรองว่าตู้เฉียงจะไว้หน้าเขา แต่ไม่คิดว่าผลสุดท้ายจะกลายเป็นแบบนี้
“ผมยังมีธุระต่อ พี่จี่ พวกคุณสนุกกันต่อนะครับ…” เยี่ยเทียนยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วจึงเดินออกไปข้างนอกฟาร์มพร้อมกับอวี๋ชิงหย่า
“เดี๋ยวก่อน…” ขณะที่เยี่ยเทียนเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูของฟาร์ม ตู้เฉียงที่ยังเหม่อลอยอยู่จู่ๆ ก็ได้สติขึ้นมาทันที แล้วจึงวิ่งไปหาเยี่ยเทียนเหมือนคนบ้า
“ทำไม? ยังอยากสู้อีกเหรอ?
เยี่ยเทียนหมุนตัวกลับมา นัยน์ตาเผยให้เห็นถึงสายตาเย็นชา ถ้าหากตู้เฉียงเป็นฝ่ายลงมือก่อน เขาก็จะไม่ถือสาและสั่งสอนผู้ชายคนนี้อย่างไม่ปราณี
“ไม่…ไม่ใช่ครับ เยี่ย…คุณเยี่ย ผม ผมมีเรื่องส่วนตัวอยากจะพูดกับคุณครับ!” ตู้เฉียงรีบโบกมือติดต่อกัน พร้อมกับแสดงอารมณ์ของการขอร้องออกมาจากนัยน์ตาของเขา
เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้า พูดอย่างเย็นชา “ผมกับคุณมีเรื่องอะไรที่คุยกันได้เหรอครับ? คุณตู้ คนที่ทำกรรมอะไรไว้ กรรมนั้นก็ตามสนอง ถ้าคุณว่างก็ควรคิดทวนว่าที่ผ่านมาตัวเองทำเรื่องอะไรไว้บ้าง!”
“ไม่…ไม่ครับ คุณเยี่ย เรื่องไม่ใช่อย่างที่คุณคิดครับ ผม…ผมก็มีเรื่องลำบากใจ” ตอนที่ตู้เฉียงพูด น้ำตาได้ไหลลงมาอาบหน้า พร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวดรวดร้าว
อวี๋ชิงหย่าใจอ่อน จึงดึงเยี่ยเทียนพลางพูด “เยี่ยเทียน นายก็ลองฟังเขาหน่อยสิ”
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณอวี๋ครับ!” หลังจากได้ยินคำพูดของอวี๋ชิงหย่า ตู้เฉียงจึงพูดขอบคุณเธอไม่หยุดปาก
“เธอชอบหาเรื่องใส่ตัวเหรอ?”
เมื่อมองดูสายตาอ้อนวอนของอวี๋ชิงหย่า เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้าอย่างจนใจ แล้วพูด “เธอกลับไปปิ้งย่างกับพวกเธอต่อนะ ฉันกับเขามีเรื่องต้องคุยกัน… “
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวของตู้เฉียง เยี่ยเทียนก็รู้ค่อนข้างเลือนราง ถ้าไม่ใช่เพราะการขอร้องของอวี๋ชิงหย่า เยี่ยเทียนจะไม่รับปากเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ตามมาหลังจากความอยากรู้อยากเห็น มักจะเป็นเรื่องยุ่งยากทั้งนั้น
“พูดมา!” หลังจากห้านาทีผ่านไป เยี่ยเทียนกับตู้เฉียงก็นั่งอยู่ภายในห้องวีไอพีแห่งหนึ่งของฟาร์ม ซึ่งมีเพียงพวกเขาสองคน
ตู้เฉียงก็เป็นคนรู้จักกาลเทศะ เขาจึงพูดเปิดประเด็นทันที “คุณเยี่ย ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้วิเศษ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำบ้างไหมครับ?”
เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว เขาไม่คิดว่าจู่ๆ ตู้เฉียงจะพูดถึงคำนี้ จึงย้อนถาม “ไสยศาสตร์? ไสยศาสตร์ของยุคสังคมศักดินาของทวีปยุโรป? ไหนว่าถูกตัดขาดไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ในฐานะผู้สืบทอดวิชาของสำนักเสื้อป่านเทพพยากรณ์ ถึงแม้เยี่ยเทียนจะไม่ค่อยสนใจและไม่เห็นด้วยกับตำนานผีดูดเลือด วิชาพ่อมดหรือแม่มด รวมทั้งเรื่องไสยศาสตร์เหล่านั้นของต่างประเทศสักเท่าไร แต่การทำความเข้าใจเรื่องพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเยี่ยเทียน
ในทวีปยุโรปไสยศาสตร์จะถูกเรียกอีกอย่างว่าเวทย์มนต์ดำ โดยมีเป้าหมายในการทำร้ายคนอื่นเป็นหลัก โดยผ่านวิธีการปล่อยสัตว์มีพิษ สาปแช่ง กระทำพิธีกรรมอันลึกลับ เขียนยันต์ เป็นต้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการถูกสังหาร เจ็บไข้ได้ป่วย หลงเสน่ห์ ถูกบังคับ หรือถูกใส่ร้าย ทำให้คนนั้นได้รับเคราะห์โดยไม่รู้ตัว
การแสดงพิธีกรรมของไสยศาสตร์มนต์ดำในตำนาน คือการขอยืมพลังช่วยเหลือของมนต์ดำหรือปีศาจร้าย ให้ปีศาจร้ายสามารถกระทำการที่ชั่วร้ายของเขาได้ และคนที่ช่วยปีศาจร้าย ก็จะได้รับความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ดำ
สาเหตุที่เยี่ยเทียนพอจะรู้เรื่องของไสยศาสตร์อยู่บ้าง ก็เพราะวิธีการของการปล่อยแมลงพิษ การสาปแช่งรวมทั้งการเขียนยันต์ มีความคล้ายคลึงกับวิชาหมอผีของประเทศจีนอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยสัมผัสวิชาพวกนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าพวกไสยศาสตร์มนต์ดำนั้นมีจริงไหม?
สีหน้าของตู้เฉียงเผยถึงความหวาดกลัวออกมา แล้วจึงเอ่ยพูด “ผม…ผมคิดว่า ผมจะโดนคุณไสยครับ ไม่ใช่แค่ผม กระทั่งแฟนคนก่อนของผมกับลูกชายทั้งสองคน ต่างก็โดนคุณไสยชั่วร้ายนั่นด้วยครับ!”
“โดนคำสาป? คุณตู้ เชิญคุณพูดต่อ…” เยี่ยเทียนขมวดคิ้วพลางมองตู้เฉียงสองสามที แล้วจึงโบกมือเพื่อแสดงให้เขาพูดต่อไป
ตู้เฉียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงพูด “เมื่อห้าปีก่อน ผมพอจะมีชื่อเสียงที่ย่านวอลล์สตรีทอยู่บ้าง คุณเยี่ย คุณก็รู้ว่างานอย่างพวกเรามีความกดดันสูง ทุกครั้งที่ทำออเดอร์ได้กำไรสำเร็จแล้ว พวกเราก็จะออกไปท่องเที่ยวระยะหนึ่ง…”
“พูดแต่เนื้อ ไม่เอาน้ำ!” เยี่ยเทียนตัดบทคำพูดของตู้เฉียง เพราะเขาไม่มีเวลาฟังนิทานอยู่ที่นี่
“ครับ ตอนนั้นผมไปประเทศอังกฤษ ได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง…” ตู้เฉียงตกอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและบูดเบี้ยวสลับกันไปมา แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาช่วงหนึ่งออกมา
ที่แท้ตอนที่ตู้เฉียงไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศอังกฤษ เขาได้รู้จักกับลูกสาวของท่านเอิร์ลคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว และระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือน ทั้งสองคนก็ตัวติดกันเหมือนเงาตามตัว
แต่ตู้เฉียงมีนิสัยเป็นหนุ่มเจ้าสำราญอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงชาวตะวันตก แต่สาเหตุที่เขาคบกับผู้หญิงชาวอังกฤษคนนั้น ก็เป็นเพราะอยากหาคู่นอนเท่านั้น หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป ตู้เฉียงก็กลับไปที่วอลล์สตรีทอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ตู้เฉียงคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากครึ่งปีผ่านไป ผู้หญิงคนนั้นก็ตามหาเขาเจอ และตอนนั้นก็ท้องโต พร้อมกับบอกว่าในท้องคือลูกของตู้เฉียง
ตอนนั้นกิจการของตู้เฉียงกำลังรุ่งเรือง บวกกับเขาไม่ได้มีความรู้สึกกับผู้หญิงคนนี้เท่าไร จึงปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่พ่อของเด็ก แล้วจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้หญิงชาวอังกฤษคนนั้น เพื่ออยากให้เธอจากไป
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ตู้เฉียงคาดไม่ถึงก็คือ วันที่ผู้หญิงจากไปในวันเดียวกันนั้น เธอได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อรอให้ตู้เฉียงรีบมาถึงโรงพยาบาล ผู้หญิงคนนั้นก็ท่องคาถาแปลกประหลาดบทหนึ่งใส่เขา จากนั้นก็เสียชีวิต และยังเป็นศพที่มีสองชีวิตอีกด้วย เพราะเด็กทารกผู้หญิงในท้องก็ไม่รอดเช่นกัน
ตู้เฉียงมีนิสัยค่อนข้างเย็นชา เขาเสียใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ลืมเรื่องทุกในไม่ช้า จากนั้นจึงเริ่มคบกับแฟนสาวชาวจีนอีกครั้ง
หลังจากหนึ่งปีผ่านไป ผู้หญิงคนนี้ก็ให้กำเนิดลูกชายกับตู้เฉียงหนึ่งคน เพราะคนจีนให้ความสำคัญกับการให้กำเนิดลูกชายมาก ตอนนั้นตู้เฉียงก็ดีใจเป็นอย่างมาก และเตรียมตัวอยู่ช่วงหนึ่งเพื่อจะกลับไปแต่งงานกับแฟนสาวที่ประเทศจีน
แต่ตอนที่เด็กทารกผู้ชายเพิ่งจะอายุได้แปดเดือน จู่ๆ ก็เกิดป่วยด้วยโรคประหลาด มีรอยแผลเน่าเปื่อยขึ้นเต็มทั้งตัวของเด็ก เขาได้พาเด็กไปหาหมอในอเมริกาหลายคน แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้ เมื่ออายุเพิ่งผ่านไปได้หนึ่งขวบก็เสียชีวิตแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องเคยมีคนพูดกับตู้เฉียงว่า ลูกของเขาถูกคำสาปแช่งของมนต์ดำ ตอนนั้นตู้เฉียงไม่เชื่อ แล้วจึงพาแฟนสาวที่กำลังท้องเดินทางกลับประเทศจีน
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมา กลับทำให้ตู้เฉียงแทบทรุด เพราะตอนที่แฟนของเขากำลังคลอดลูกคนที่สองซึ่งคลอดยากแล้วจึงเสียชีวิตลง
และลูกชายคนเล็กที่ถูกตู้เฉียงดูแลประคบประหงมอย่างตั้งใจ จู่ๆ ก็เกิดโรคเหมือนกับลูกคนแรกเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ร่างกายเกิดแผลเน่าเปื่อยพุพองขึ้นเต็มทั้งตัว
และในขณะเดียวกัน ตู้เฉียงก็เริ่มฝันร้ายติดต่อกันหลายคืน เขามักจะฝันเห็นผู้หญิงชาวอังกฤษคนนั้นกับลูกสาวของตัวเองที่ตายไป แม้แต่ตอนกลางวันก็รู้สึกไม่สบายใจเลยสักวินาทีเดียว
แต่ในงานสังสรรค์ครั้งนี้ ตู้เฉียงได้รู้จักกับเว่ยหรงหรง เขาพบว่าเพียงแค่เขาเข้าใกล้เว่ยหรงหรง เงามืดที่ปกคลุมหัวใจของเขาได้กระจายออกไป พอตกเย็นกลับไปถึงบ้านก็ไม่นอนฝันร้ายอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ตู้เฉียงตามจีบเว่ยหรงหรงอย่างบ้าคลั่ง
“เยี่ย…คุณเยี่ยครับ ผม…ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้วิเศษ คุณสามารถช่วยผมได้ ใช่ไหมครับ?”
หลังจากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของตัวเองจบแล้ว ตู้เฉียงจึงคุกเข่าเสียงดัง “พรุก” ต่อหน้าเยี่ยเทียน เพราะเขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ทำให้ตัวเองสงบสุขได้จากตัวของเยี่ยเทียน
ตู้เฉียงเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนพูดเรื่องความลับที่อยู่ในใจของเขาก่อนหน้านี้ เขาจึงเข้าใจในทันที ว่าคนที่มีกลิ่นอายแบบนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน และเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ บางทีอาจจะมีวิธีช่วยชีวิตตัวเองก็เป็นได้
“หรือว่าไสยศาสตร์มนต์ดำจะมีอยู่จริง?” เยี่ยเทียนไม่ได้ตอบตู้เฉียง และก็ไม่ได้ให้เขาลุกขึ้น แต่กลับหลับตาแล้วสำรวจการเปลี่ยนแปลงของพลังชีวิตที่อยู่รอบตัวอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปหกถึงเจ็ดนาที เยี่ยเทียนจึงลืมตามองตู้เฉียง พลางพูด “เป็นเพราะการก่อกรรมของตัวคุณเอง ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย?”
เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แปลกประหลาดมากบางอย่างจากตัวของตู้เฉียง เขามีความสามารถในการกำจัดสิ่งอัปมงคลออกไป แต่กลับไม่อยากช่วยเหลือผู้ชายที่ทรยศต่อความรักคนนี้