ตอนที่ 707 แกล้งตาย
หูหงเต๋อรู้ดีว่า การที่มีดสั้นจะตัดถูกหัวของเขาย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ในสมองเขาปรากฏภาพตัวเองที่หัวขาดออกจากตัว ลำคอมีเลือดแดงสดพุ่งขึ้นเหมือนน้ำพุ นึกถึงตอนที่บิดาของเขาจัดการกับผีร้ายด้วยการตัดหัวออกกับมือแบบนี้เหมือนกัน
“ชีวิตของฉันใช้คุ้มแล้ว!”
หูหงเต๋อไม่กล่าวโทษเยี่ยเทียน เขาหลับตาลงยอมรับในโชคชะตา ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาฆ่าคนไปมากมาย แต่มีอยู่สิบกว่าชีวิตที่สมควรชดใช้คืนให้
ตอนที่หูหงเต๋อหลับตาเชิดคอน้อมรับความตายนั้นเอง รออยู่หลายวินาทียังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย มีดสั้นที่ร่อนไปมาอยู่ตอนแรกหายไปเฉย
“นี่มันอะไรกัน?” หูหงเต๋อลืมตาขึ้น กลับพบว่าหิมะบนพื้นเบื้องหน้าเขาละลายไปหมด มีดสั่นนั้นเสียบคาอยู่บนพื้นหิมะ
“ให้ตายสิ นี่ฉันยังไม่ตาย?” หูหงเต๋อเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงบนพื้น เข้าไปเดินวนรอบประตูยมบาลมารอบหนึ่ง ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลชุ่ม
“โอ๊ย เจ็บจังเลย!”
จนถึงตอนนี้หูหงเต๋อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทง ก้มหน้าลงมอง มืออาบไปด้วยเลือดแดงฉาน นิ้วก้อยกับนิ้วนางหายไปพร้อมกับฝ่ามือบริเวณนั้นด้วยถูกมีดสั้นคมกริบตัดขาด
ภายใต้อุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา แผลบาดเจ็บบนมือซ้ายเริ่มแข็งตัว เนื้อเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว เลือดก็หยุดไหลแล้ว
ไม่ต้องคิดอะไรต่อหูหงเต๋อฉีกชายแขนเสื้อออกข้างหนึ่ง นำมาห่อมือไว้ ถึงเขาจะเป็นคนร่างกายแข็งแรง แต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เมื่อได้รับบาดเจ็บเข้า อีกไม่นานมือข้างซ้ายของเขาจะแข็งตายไป
หูหงเต๋อเป็นคนใจกล้า เขาจัดการกับบาดแผลของตัวเอง เขาเพิ่งคิดถึงการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นในหุบเขาจึงรีบหันกลับไปซุ่มดูต่อ
“เหล่าหู คุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
ยังไม่ทันโผล่ศีรษะออกไปดูให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในหุบเขา หูหงเต๋อได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น ไม่รู้เยี่ยเทียนยืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่เป็นไร บาดเจ็บนิดหน่อย เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น?” หูหงเต๋อส่ายหัว จนถึงตอนนี้เขายังไม่ทันรู้ตัวว่าทำไมอยู่ดี ๆ นักพรตนั่นถึงปล่อยเขาไป?
“เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้ฟัง ไป เข้าไปในหุบเขากัน!”
เยี่ยเทียนโบกมือ มือซ้ายถือกระดิ่งสามอันไว้ มือขวาชักเอาดาบออกมาจากกระเป๋าที่พิงอยู่ตรงโคนต้นไม้
“เยี่ยเทียน การต่อสู้จบลงแล้วหรือ? เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หูหงเต๋อเดินตามเยี่ยเทียนมาด้านหลัง ตอนนี้เขาสับสนไปหมดว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในหุบเขา เจ้ามังกรดำไม่รู้หายไปไหน นักพรตที่ยืนอยู่ในตอนแรก ตอนนี้ทำไมนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“เหล่าหู ฉันประมาทเกินไป ไม่คิดว่าเจ้านักพรตจะร้ายกาจขนาดนี้?”
เยี่ยเทียนหันมามองมือซ้ายที่บาดเจ็บของหูหงเต๋อแล้วแสดงสีหน้าละอายใจ
เยี่ยเทียนประเมินวิชาของนักพรตไว้สูงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตจะซัดมีดสั้นออกมาในระยะร้อยกว่าเมตรจนเกือบเอาชีวิตหูหงเต๋อ
พอนึกถึงเหตุกาณ์เมื่อครู่ เยี่ยเทียนยังกลัวไม่หาย ถ้าเขาลงมือช้าไปนิดเดียว ป่านนี้หูหงเต๋อคงกลายเป็นศพไปแล้ว
ย้อนเวลากลับไปเมื่อสามนาทีก่อน ตอนที่มีดสั้นถูกซัดออกไป ใบหน้าของนักพรตส่อแววชั่วร้าย
ถึงจะบอกว่าการซัดมีดไกลระยะร้อยกว่าเมตรปลิดชีวิตคนนั้นดูเกินจริง แต่นักพรตเชื่อว่า ภายในหนึ่งร้อยเมตร จิตดั้งเดิมของเขาสามารถสั่งการมีดสั้นได้ และใช้สังหารคนที่ยิงปืนใส่เขาได้อย่างแน่นอน
แต่นักพรตยังต้องแบ่งพลังจิตออกไปควบคุมมีดสั้นอีก พร้อมกันนั้นยังต้องต่อสู้กับเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำ ถึงเขาจะมีวิชาแข็งกล้า แต่การโจมตีจากสองทางพร้อมกันของหูหงเต๋อกับเจ้ามังกรดำ ทำให้เขาเปลืองแรงและเสียสมาธิ
ตอนนี้เองที่เยี่ยเทียนลงมือ เยี่ยเทียนรวบรวมพลังจิตดั้งเดิมของตนทั้งหมดให้กระทบกับกระดิ่งทั้งสาม
วินาทีถัดมา คลื่นพลังที่ไร้เสียงถูกสั่นขึ้น โจมตีใส่จิตดั้งเดิมของนักพรตที่กำลังต่อสู่อยู่
เยี่ยเทียนครอบครองกระดิ่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว จากการสืบทอดวิชาเขาได้ค้นพบคุณประโยชน์ของกระดิ่งเพิ่มขึ้น คือมันช่วยให้รวบรวมดวงจิตให้มั่นคงขึ้นเสริมการฝึกวิชา ขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธที่มีอานุภาพการโจมตีสูงด้วย
เมื่อจิตดั้งเดิมถูกกระตุ้น กระดิ่งทำให้เกิดพลังงานคลื่นกระทบกับประสาทของฝ่ายตรงข้าม ถ้าหนักเข้าส่งผลให้เสียชีวิตคาที่ ถ้าเบาทำให้จิตดั้งเดิมว้าวุ่น เสียสติฟั่นเฟือน
แต่เยี่ยเทียนไม่เคยใช้กระดิ่งเป็นอาวุธมาก่อน ตอนนี้ได้แต่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง ตามวิธีการใช้ที่ได้รับการสืบทอดมาคือส่งกระแสคลื่นสังหารเข้าไปสู่ประสาทสมองของนักพรต
นักพรตไม่มีทางรู้เลยว่า ที่นี่ยังมีอีกคนซ่อนอยู่ ทั้งเป็นคนที่ใช้อาวุธเป็นคลื่นเสียงสังหารซึ่งหาได้น้อยมาก
ถึงนักพรตจะฝึกวิชามาขั้นสูงแค่ไหน จิตดั้งเดิมแข็งแกร่งเกินใคร แต่เมื่อถูกคลื่นสังหารถ่ายทอดเข้าสู่ประสาทแล้ว ทำให้จิตดั้งเดิมกระเจิดกระเจิง หลุดรุ่ยขาดร่วงไม่เหลือชิ้นดี
ส่วนเม็ดพลังเน่ยตันที่มังกรดำพากเพียรฝึกมานานไม่ได้มีไว้เพื่อดูเล่น ขณะที่มือใหญ่ของนักพรตจางหายไปนั้นเอง เม็ดพลังเน่ยตันของเจ้ามังกรดำก็ปล่อยลำแสงออกมาแล้วพุ่งชนหน้าอกของนักพรตอย่างแรง
การปะทะในครั้งนี้ นักพรตไม่ทันได้ป้องกันตัว เม็ดพลังเน่ยตันทะลุผ่านร่างของนักพรตออกไป ทำให้เกิดรูโหว่ตรงกลางลำตัวของเขาจนช่วงเอวเกือบจะขาดออกเป็นสองท่อน
แม้จะบรรลุระดับเซียนแล้ว การฝึกฝนสามารถเปลี่ยนกายเนื้อให้เป็นดวงจิตได้
แต่ระดับเซียนยังอ่อนแอเกินไป ทั้งดวงจิตและเลือดเนื้อต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ทั้งจิตดั้งเดิมจะต้องลงสิงสู่ที่ความรู้สึกตัวของร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส จิตดั้งเดิมก็ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพัง
ยิ่งกว่านั้นเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำได้โจมตีตรงตำแหน่งตันเถียนล่างของร่างกายนักพรตพอดี พอชนเข้าไปแล้วทำให้วิชาที่บำเพ็ญมาเกือบร้อยปีสูญสลายไป
เชือกที่ใช้รัดมังกรดำไว้เมื่อไม่มีดวงจิตอันเข้มแข็งควบคุมจึงหลุดหลวมออก เจ้ามังกรดำเองก็ไม่ได้มีเมตตาอารีย์ต่อศัตรูนัก มันอ้าปากดูดเม็ดพลังเน่ยตันของตัวเองกลับคืนพร้อมกันกับดูดกินจิตดั้งเดิมของนักพรตเข้าไปในปากจนหมด
ด้วยเหตุนี้ นักพรตจึงบาดเจ็บสาหัส ไม่มีกำลังควบคุมมีดสั้นอีกต่อไป หูหงเต๋อถึงรอดชีวิตมาได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่อึดใจเดียว เมื่อเยี่ยเทียนพบกับหูหงเต๋อนั้นถึงคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงกับทำให้เขาตกใจจนเหงื่อกายแตกไปทั้งตัว หูหงเต๋อเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะคำพูดของตัวเองแล้ว
เรื่องราวมีเหตุก็ต้องมีผล เยี่ยเทียนไม่ได้หยุดฝีเท้าลง เขาเดินไปตรงกลางสมรภูมิเมื่อครู่
ร่างของนักพรตกระเด็นห่างออกไปไกลจากสระน้ำสิบกว่าเมตร อวัยวะภายในช่องท้องและช่องอกทะลักออกมา รอยเลือดแดงฉานเป็นวงย้อมสีหิมะ ดูท่าน่าจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว
“แล้วเจ้ามังกรดำเล่า?”
หูหงเต๋อเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของนักพรตแล้วเดินหลีกห่างออกไปหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว เขาโวยวายขึ้นมา “เรามาช่วยแกนะ แกนี่สิ หนีหายไปไหนไม่รู้?”
“มันได้รับบาดเจ็บหนัก กลับลงสระน้ำไปแล้ว ไม่ต้องตะโกนหรอก”
เยี่ยเทียนหยุดเดิน ยังคงจับจ้องร่างไร้วิญญาณนั้นอยู่ไม่ละสายตา เมื่อห้ามปรามหูหงเต๋อแล้ว เยี่ยเทียนพูดขึ้น “อย่าเสแสร้งเลย ฉันรู้ว่าแกยังไม่ตาย ลืมตาขึ้นมาเถอะ!”
“อะไรนะ? ยังไม่ตาย? เยี่ยเทียน เธออย่าล้อฉันเล่น?”
ฟังเยี่ยเทียนพูดจบหูหงเต๋อถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าวราวกับเห็นผี แล้วพิจารณาดูร่างของนักพรตที่เริ่มจะแข็ง ส่ายหัวไปมาเอ่ยว่า “เยี่ยเทียน เขาตายแล้วจริงๆ ต่อให้เขาเก่งกว่านี้ก็ไม่รอดหรอก”
อวัยวะภายในของนักพรตไหลออกมากองอยู่ข้างนอก เลือดสดเหมือนไหลจนหมดตัว สภาพแบบนี้ยังมีชีวิตอยู่ได้คงมีแค่เหตุผลเดียวคือร่างตรงหน้านี้ไม่ใช่คน
เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เหล่าหู ผมจะตัดหัวของเขาออกมา ถือเป็นการแก้แค้นให้คุณก็แล้วกัน!”
“เจ้าหนุ่ม แกรังแกฉันมากเกินไป!” พอเยี่ยเทียนพูดจบ ศพบนพื้นจู่ๆก็เปล่งเสียงออกมา
กายเนื้อกับจิตดั้งเดิมถูกโจมตีเสียหาย นักพรตคิดว่าจะแกล้งตายไปก่อน รอจนเยี่ยเทียนเผลอ สบโอกาสเมื่อไหร่เขาจะส่งจิตออกนอกร่างเพื่อหาร่างของคนอื่นแทน แต่ไม่คิดว่าจะถูกเยี่ยเทียนมองออก เมื่อรู้ว่าปิดบังไม่อยู่แล้วจึงลืมตาขึ้น
นักพรตบำเพ็ญเพียรฝึกวิชามาเป็นร้อยปี แม้ร่างกายจะแตกดับ แต่ชีวิตยังไม่จบสิ้น จิตดั้งเดิมสามารถกักเก็บไว้ในห้วงแห่งการรับรู้ของร่างกาย
หากเยี่ยเทียนเกิดตัดหัวเขาออกมาจริง จิตเดิมแท้ที่เหลืออยู่ของเขาคงไม่มีที่ให้อยู่อีก กลายเป็นแค่ดวงจิตดวงหนึ่งที่หลุดลอยท่องไปสามโลก
“โอ้โห ศพฟื้นคืนชีพ?” หูหงเต๋อเห็นดังนั้นก็ตกใจสะดุ้งโหยง
“แกทั้งสองคนร่วมมือกันช่วยเหลือเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นทำร้ายฉันไปเพื่ออะไรกัน?”
นักพรตยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตอบอย่างโกรธเคืองว่า “พวกแกไม่กลัวว่าศิษย์อาจารย์สำนักเดียวกับฉันจะไปตามแก้แค้นหรือ ไม่กลัวนักพรตทั่วหล้าโจมตีหรือ?”
นักพรตรู้สึกอัดอั้นตันใจ ชื่อของเขาคือเก๋อข่าย ด้วยเหตุที่คนในตระกูลทางโลกของเขามีปัญหา เขาถึงละทางธรรมกลับเข้าสู่ทางโลกอีกครั้งในรอบห้าสิบกว่าปี
แต่คิดได้ว่าเมื่อก่อนเคยค้นพบต้นโสมต้นหนึ่งที่มีอายุเป็นพันปี นักพรตจึงออกเดินทางมาที่นี่เพื่อเก็บโสมไปจัดการธุระทางโลก ใครจะไปคิดว่าการตัดสินใจฉับพลันกลับทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ด้วยพลังของนักพรตมองออกทันทีว่าเยี่ยเทียนยังฝึกวิชาไม่ถึงระดับเซียน ส่วนอีกคนเป็นเพียงแค่นักสู้ธรรมดา จิตดั้งเดิมของเขาเสียหาย แต่ยังสามารถเข้าแย่งร่างกายของคนอื่นได้อยู่
เป็นเพราะกระดิ่งที่เยี่ยเทียนถืออยู่ต่างหากที่ทำให้เขาคับแค้นใจไม่หาย เขาอยากจะใช้วาจาตำหนิติเตียนเยี่ยเทียนที่ลงมือโดยพลการ ทำให้จิตดั้งเดิมของเขาที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีถูกดูดกลืนไปหมด
“เจ้ามังกรดำไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด แกเป็นถึงผู้อาวุโสจะถลกหนังดึงเอ็นมัน จะไม่ผิดศีลธรรมไปหน่อยหรือ?”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมา เดินเข้าไปใกล้นักพรต “ฉันก็กลัวว่าศิษย์สำนักของแกจะมากล่าวโทษเอา ดังนั้น….แกไปตายเสียเถิด!”