ตอนที่ 712 กลับสู่หุบเขา
“ใช่แล้วหละ เยี่ยเทียน ศพของนักพรตนั่นล่ะ?”
หูหงเต๋อเหลียวซ้ายแลขวา ในความคิดของเขานักพรตคนนั้นไม่ต่างอะไรกับเซียน ถ้าหากรอดตายหนีไปได้ ในอนาคตจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายตามมา
“ถูกมังกรดำจัดการไปแล้ว” เยี่ยเทียนถูกคำพูดของหูหงเต๋อปลุกจากห้วงความคิด การฝึกวิชาของเขาตอนนี้ยังมองไม่เห็นบ่อพลังหยินหยางได้
“ถูกมันจัดการไปแล้ว? หรือว่าจะกินเข้าไป?”
หูหงเต๋อมองมังกรดำด้วยสายตาแปลกประหลาด เขาเหมือนกับเยี่ยเทียนตรงที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่การกินคนนี่เขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน
เยี่ยเทียนส่ายหน้า “เปล่า ถูกมังกรดำพ่นกรดใส่จนย่อยสลายไปหมดแล้ว กระดูกสักชิ้นยังไม่เหลือ!”
“เยี่ยเทียน นักพรตนั่นร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าเกิดข่าวการตายของเขาแพร่ออกไป…”
แม้ว่าฝึกวิชาก้าวหน้ามาก แต่เมื่อเทียบกับนักพรตที่ใช้มีดปัดกระสุนออกนั้น หูหงเต๋อยังกลัวจนขนลุกไม่หาย หากพลาดไปแค่นิดเดียวคงต้องพบจุดจบเดียวกับนักพรตแล้ว
“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวล!”
เยี่ยเทียนยิ้มเย็น “การฝึกเต๋าเป็นการฝึกที่ฝืนกฎธรรมชาติ ต่อให้ฝึกขั้นสูงกว่านี้ก็ทำได้แค่ทำนายชะตาของคนอื่นว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ไม่ล่วงรู้มาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้”
ระดับขั้นของเยี่ยเทียนยังไม่ขึ้นแท่น แต่เขาเรียนรู้ลึกซึ้งในศาสตร์การทำนาย จึงค่อนข้างมั่นใจ ผู้ที่ฝึกวิชายิ่งสูงขึ้น พลังงานในร่างกายยิ่งแข็งแกร่ง เวลาคนอื่นทำนายจะเป็นไปอย่างยากเย็น
วิชาของนักพรตต้องถึงขั้นกลางของระดับเซียนเป็นอย่างต่ำ ถ้าอยากจะทำนายว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในวันนี้ เกรงว่าแม้แต่ผู้ฝึกวิชาจินตันขั้นสูงก็ยังทำนายไม่ได้
ตามที่วานรขาวได้บอกไว้ ขั้นสูงของระดับเซียนนั้นเป็นผู้ที่มีวิชาสูงที่สุดในโลกมนุษย์ ส่วนจะมีไหมนั้นยังไม่รู้ได้ เยี่ยเทียนจึงไม่กังวลเลยว่าเรื่องราวจะถูกเผยแพร่ออกไป
เยี่ยเทียนตัดสินใจแล้วว่าถ้าตัวเขาฝึกไม่ถึงระดับเซียนขั้นสูง เชือกมัดมังกรดำที่อยู่ในกระเป๋าตอนนี้จะไม่มีทางได้นำออกมาใช้ ไม่เช่นนั้นแล้วเท่ากับเป็นการปล่อยข่าวออกไปเอง
“ให้ตายเถอะ คนๆนี้มีที่มายังไงกันแน่นะ?” หูหงเต๋อได้ยินที่เยี่ยเทียนพูดแล้วสบถด่าออกมา เขาอยู่บนภูเขาฉางไป๋ซานมาทั้งชีวิตยังไม่เคยเจอกับคนประเภทนี้มาก่อน
“ใช่แล้ว เหล่าหู ฉันเก็บของบางอย่างมาจากร่างของนักพรตด้วย!”
เยี่ยเทียนนึกขึ้นได้ รีบควักเอาธนบัตรกับตั๋วอาหารออกมา “นายดูซิว่าเงินแบบนี้ตั้งแต่ยุคสมัยไหน ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?”
“ธนบัตรสามหยวน?”
หูหงเต๋อหยิบเงินขึ้นดูแล้วขมวดคิ้ว เป็นเงินที่ใช้ในปี 1955 ห่างจากปัจจุบันตั้งเกือบครึ่งศตวรรษ ความทรงจำที่ผ่านมานานเหลือเกิน
นึกอยู่นานในที่สุดหูหงเต๋อเอ่ยขึ้นมา “ฉันคิดออกแล้ว เงินแบบนี้มีใช้กันจริง แต่เหมือนใช้กันแค่ไม่ถึงสิบปีก็ถูกเรียกคืนหมดแล้ว”
ดูจากรูปภาพบนธนบัตรแล้ว เขาพูดต่อว่า “ตอนนั้นประเทศของเรามีสัมพันธ์อันดีกับสหภาพโซเวียต เจ้าพวกนั้นยังมีธนบัตรสามรูเบิลเลย ประเทศเราเลยทำธนบัตรสามหยวนขึ้นมาบ้าง
อีกทั้งพวกโซเวียตยังช่วยพิมพ์ธนบัตรพวกนี้ออกมาใช้ด้วย ผ่านมาอีกไม่นาน เรื่องมันก็เป็นแบบที่เรารู้กันพวก โซเวียตทะเลาะกับพวกเรา เลยสั่งให้คนของเขากลับประเทศตัวเองไปจนหมด
เพราะกลัวว่าพวกนั้นจะใช้เครื่องพิมพ์ธนบัตรผลิตธนบัตรปลอมออกมาใช้ เหมือนกับว่าตอนต้นปี 60 ธนบัตรพวกนี้เลยโดนเรียกเก็บคืนจนหมด!”
หลังจากยุคปฏิวัติวัฒนธรรม หูหงเต๋อเคยเข้าทำงานในกรมป่าไม้ ตอนนั้นทางตงเป่ยมีบุคคลที่เชื่อมโยงกับ โซเวียตอยู่หลายคน เมื่อเห็นเงินพวกนี้ เรื่องราวในอดีตถูกชักนำถ่ายทอดออกมาเป็นระลอก
“เงินพวกนี้ใช้กันทั่วไปในประเทศ?” เยี่ยเทียนถาม เขายังคิดว่าจะหาเบาะแสจากธนบัตรพวกนี้ได้อีกเพื่อดูว่านักพรตคนนั้นมาจากที่ไหน
“แน่นอนว่าต้องใช้กันทั่วประเทศสิ ทำไม่เธอไม่ดูพวกตั๋วแลกอาหาร ไปสนใจธนบัตรพวกนี้ทำไมกัน?”
หูหงเต๋อสามารถฝึกวิชาบรรลุขั้นหลอมปราณสู่จิตได้นั้นเขาย่อมไม่เป็นคนโง่ เขาเดาออกถึงความคิดของเยี่ยเทียนจึงพูดต่อว่า “บนนี้มันเขียนอยู่ชัดเจนไม่ใช่หรือว่ากลุ่มการค้าอาหารแห่งปักกิ่ง ตั๋วพวกนี้ต้องมาจากเมืองหลวงแน่นอน!”
“นั่นน่ะสิ ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ?”
เยี่ยเทียนตบหัวตัวเอง ความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปจดจ่ออยู่ที่ธนบัตรสามหยวนจนหมด ลืมไปเลยว่าตั๋วแลกอาหารบ่งบอกที่มาได้ดีกว่าเงินเสียอีก
ตั้งแต่ปี 1955จนถึงปี 1987 ประเทศจีนใช้ตั๋วแลกอาหารอยู่สามสิบปีเต็ม ชนิดที่มีอยู่ถูกเรียกว่า “ที่สุดของโลก”
ทั้งประเทศกว่า 2500 เมืองและตำบล ยังมีอำเภอ หมูบ้านต่างแจกจ่ายตั๋วอาหารแบบนี้ใช้กันแพร่หลาย โดยแบ่งตามประเภทของสายอาชีพ ได้แก่ กิจการการค้า เหมืองแร่ เกษตรกรรม โรงเรียน รัฐบาล ช่างกลเป็นต้น
ตามข้อความที่ระบุไว้บนตั๋วจะสามารถคำนวณได้ว่าเงินและตั๋วอาหารมาจากที่ไหน ถ้าเยี่ยเทียนยินยอม เขายังสืบหาต่อได้ว่าบัตรอาหารพวกนี้ใครเป็นคนแจกจ่ายออกมาได้ด้วย
ยุคสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพนักรบหรือชาวบ้านตาดำๆ ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คนที่สามารถนำตั๋วอาหารและเงินจำนวนมากขนาดนี้ออกมาได้ หากจะสืบค้นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
หยุดคิดเล็กน้อยแล้วเยี่ยเทียนเอ่ยต่อว่า “เหล่าหู ขอยืมไฟแช็คของคุณหน่อย”
“จะเอาไฟแช็คไปทำอะไร?” หูหงเต๋อสงสัย แต่ก็ล้วงไฟแช็คออกมาส่งให้เยี่ยเทียน
“ตั๋วอาหารพวกนี้เก็บไว้ได้ แต่ธนบัตรห้ามเหลือ เผาทิ้งให้หมด!”
เยี่ยเทียนพูดพลางจุดไฟลนธนบัตรสามหยวนทั้งปึก ธนบัตรพวกนี้ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ถ้ามาอยู่ในมือเขา ไม่แน่อาจจะทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาของผู้ไม่หวังดี
อำนาจของเยี่ยเทียนนั้นบางเบา ไม่อาจทนรับกับเหตุผิดพลาดใดๆได้ ไม่เช่นนั้นถ้ามีคนมาตามหาเขาถึงบ้าน ผลร้ายที่เกิดขึ้นเยี่ยเทียนรับไม่ไหว
“เยี่ยเทียน พวกเราจะไปทำอะไรต่อ ลงจากเขาไหม?” หูหงเต๋อรู้ว่าเยี่ยเทียนได้ครอบครองหยกอ่อนสีดำชิ้นใหม่ที่ได้จากมังกรดำ บรรลุวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้แล้ว
แต่หูหงเต๋อเคยลิ้มลองฤทธิ์ความเย็นสุดขั้วของหยกอ่อนสีดำแล้ว ถึงตอนนี้จะฝึกวิชาสำเร็จ เขายังไม่ค่อยอยากเข้าใกล้มันเท่าไหร่
“ไม่ต้องรีบออกไปหรอก เหล่าหู พวกเราไปเยี่ยมชมที่พักอาศัยของเจ้าบอดเมิ่งดู ตามที่มังกรดำบอก ที่นั่นมีอะไรแปลกๆด้วย!” เยี่ยเทียนส่ายหน้า ก้มตัวลงลูบหัวมังกรดำแล้วถามว่า “แกจะไปด้วยกันไหม?”
ร่างกายของมังกรดำใหญ่โตมโหฬาร แต่ลำตัวส่วนที่หนาที่สุดของมันหนากว่าเอวของเยี่ยเทียนเพียงเล็กน้อย สามารถผ่านเข้าไปในโพรงถ้ำเล็กๆได้
“ได้ ฉันไปดูกับพวกนายด้วย แต่ฉันไม่ลงไปในสระน้ำนั้นนะ!”
มันร่วมเป็นร่วมตายกับเยี่ยเทียนมาครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังใช้จิตสื่อสารกันได้อีก เจ้ามังกรดำรู้สึกติดใจเยี่ยเทียนเข้าแล้ว แม้จะไม่ชอบอากาศแถวนั้น แต่มันไม่อยากแยกจากเขา
“ได้ งั้นเราไปดูกัน!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า สำรวจพื้นที่โดยรอบแล้วจัดการร่องรอยที่เหลือให้หมดก่อนออกเดินทาง นำหูหงเต๋อกับมังกรดำมาถึงโพรงถ้ำที่ซ่อนเร้นอยู่ใกล้ๆปากหุบเขา
เจ้าบอดเมิ่งได้เสียแรงลงทุนกับหุบเขานี้มากมาย ปากถ้ำมีประตูกลออกแบบไว้อย่างดี เยี่ยเทียนสำรวจอย่างระมัดระวัง ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ตัวใดเข้าไปได้
เดินเข้าไปในโพรงถ้ำหกเจ็ดสิบเมตร อุณหภูมิของอากาศโดยรอบสูงขึ้น เยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อเดินไปถอดเสื้อผ้าไป เมื่อไปถึงกลางหุบเขา ทั้งสองคนเหลือแต่เสื้อตัวในตัวเดียว
“ให้ตายสิ มีสถานที่ดีขนาดนี้แล้ว เสี่ยวเซียนยังไปพักร้อนที่เกาะไหหลำ ที่นี่ดีกว่าเป็นไหนๆ?”
หูหงเต๋อผิวปากเสียงยาว ทางเข้าที่แคบเล็กทอดยาวร้อยกว่าเมตร ทำให้พวกเขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“เหล่าหู สถานที่นี้ห้ามบอกใครเป็นอันขาด”
เยี่ยเทียนหน้าตึงขึ้นมา เข้าได้ตั้งให้ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามส่วนตัวไปแล้ว นอกจากพวกศิษย์พี่ แม้แต่คนในครอบครัวเขายังไม่คิดจะบอก หากเกิดอะไรขึ้น ที่นี่จะเป็นสถานที่หลบภัยของเขาได้
“ฉันก็แค่ล้อเล่นน่ะ!”
เห็นเยี่ยเทียนโกรธ หูหงเต๋อรีบถอนคำพูด จะว่าไปก็แปลก ในใจของหูหงเต๋อมีความเกรงกลัวเยี่ยเทียนอยู่เหมือนกัน ตอนที่อยู่ต่อหน้าโก่วซินเจียกลับไม่มีความรู้สึกแบบนี้
“เยี่ยเทียน หินก้อนนั้น อยู่ในบ่อน้ำร้อนนี้แหละ!”
มังกรดำสื่อสารบอกคนทั้งสอง ตั้งแต่มาเข้ามาถึงในที่ราบกลางหุบเขานี้รู้สึกว่าพลังจะอ่อนแอลงมาก มันชอบอยู่ในที่อากาศหนาวเย็น ถึงมันจะมีญาณวิเศษ แต่ก็ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมละแวกนี้
“หิน ในบ่อน้ำร้อนนี้ก็มี?” ตอนแรกที่เจ้ามังกรดำสื่อสารบอกเยี่ยเทียน หูหงเต๋อยังไม่รู้เรื่อง จึงหันมามองเยี่ยเทียน
เยี่ยเทียนพยักหน้า “มังกรดำบอกว่ามี ทั้งยังมีพลังที่ไม่เหมือนกับหยกอ่อนสีดำด้วย แต่บ่อน้ำร้อนนี้ฉันลงไปไม่ได้ เหล่าหู คุณลองดูเป็นไง?”
เมื่อเดินมาถึงขอบบ่อ เยี่ยเทียนยื่นมือลงไปทดสอบอุณหภูมิน้ำ น่าจะอยู่ที่ประมาณห้าถึงหกสิบองศา
นี่อยู่แค่ที่ขอบบ่อ ไม่รู้ว่าตรงกลางบ่อที่มีฟองผุดขึ้นมาเรื่อยๆนั้น จะเหมือนกับน้ำที่เดือดหรือเปล่า เยี่ยเทียนไม่มีพลังปราณแท้ป้องกันตัว ไม่กล้าลงน้ำไปทดสอบ
“ฉัน? ก็ได้ ฉันจะลองดู!”
หูหงเต๋อมองดูฟองที่ผุดขึ้นมาที่เหนือน้ำแล้วถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่เต็มใจนัก แม้เมื่อครู่เขาจะฝึกวิชาจนก้าวกระโดด ยังต้องสูดหายใจเข้าลึกเพื่อให้พลังปราณแท้ไหลเวียนทั่วร่างกาย
“ได้อยู่ น้ำอุ่นกำลังสบาย” เมื่อย่ำลงไปในบ่อน้ำร้อน หูหงเต๋อรู้สึกถึงความอบอุ่นสบายแผ่ซ่าน
“ให้ตายเถอะ ที่นี่ต้องมีเจ็ดถึงแปดสิบองศาได้!”
พอหูหงเต๋อเดินลงไปลึกขึ้น ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เขายังมีพลังปราณแท้คุ้มกันเขาอยู่จึงทนได้
ในยุทธภพมีการใช้มือเปล่าจุ่มลงไปในน้ำมันเดือดงมหาเหรียญ นั่นไม่ใช่การแสดงปาหี่หลอกตา แต่ผู้กระทำต้องฝึกวิชามีพลังดั้งเดิมคุ้มครอง ใช้พลังครอบคลุมมือเอาไว้ น้ำมันเดือดก็ไม่อาจทำอันตรายได้
หูหงเต๋อฝึกวิชาถึงขั้นนี้ พลังดั้งเดิมแผ่ปกคลุมทั้งตัว ต่อให้นั่งอยู่ในน้ำเดือด อาจจะบ่นนิดหน่อยแต่ค่อยๆหย่อนตัวลงไปในน้ำลึก
“เหล่าหู ถ้าไม่ไหวก็ขึ้นมา น้ำในบ่อมันร้อนเกินไป!”
เห็นกระหม่อมของหูหงเต๋อยังไม่จมลงไปในน้ำ เยี่ยเทียนรู้สึกกังวล เสียงเดือดปุดๆกลางสระฟังแล้วน่าหวั่นใจเสียจริง
……