ตอนที่ 745 กวาดล้าง (3)
“ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่แกควรอยู่ ! ”
เยี่ยเทียนยิ้ม และประโยคนี้เขาใช้ภาษาจีนพูดมันออกมา ชายหน้าฝรั่งพูดภาษาจีน เมนซัคถึงกับอึ้งไปทีเดียว
แอลกอฮอล์ทำให้การตอบสนองของคนเราช้าลง ทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์อีกครั้งบนตัวของเมนซัค ผ่านไปหลายวินาที เขาเพิ่งจะคิดได้ว่ามันคือภาษาจีนที่เขาเกลียด
เมนซัคยังไม่ทันชักปืนออกมา เขาก็รู้สึกว่าบริเวณหัวใจของเขาเย็นวาบ กำลังทั้งหมดเหมือนถูกดึงออกไปหมด และรองรับร่างกายของตัวเองไม่ไหว
คอของเมนซัคเปล่งเสียง “โฮ ๆ ” ออกมา ทั้งตัวของเขาอ่อนระทวยลงไปกองกับพื้น สายตาของเขาเหม่อลอยช้า ๆ และกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็นิ่งไปเลย
“สนุกดีมั้ย ! ”
เยี่ยเทียนขยะแขยงเมนซัค จึงเดินอ้อมร่างของเขาไปอีกทาง เข็มที่ออกมาจากมือของเยี่ยเทียนแทงเข้าหัวใจของเมนซัคอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด แต่มันสามารถทำลายชีวิตของเขาได้เลย
“บ้าเอ้ย เมนซัค ดื่มเยอะอีกแล้วละสิ ! ”
ตอนที่เยี่ยเทียนเดินเข้าใกล้ โอกิเนสที่อยู่ในห้อง เห็นหน้าเยี่ยเทียนแล้วว่าไม่ใช่คนจีน การระวังตัวของเขาก็ลดลง ตอนนี้มอสโควมีศัตรูเพียงแก๊งค์เดียวเท่านั้นก็คือสมาคมหงเหมิน
แล้วเยี่ยเทียนก็ยืนห่างจากเมนซัคประมาณสี่ห้าเมตร เขาสองคนแทบจะไม่ได้ใกล้กันเลย โอกิเนสจึงคิดว่าเมนซัคล้มลงไปเพราะเมา
“แกเป็นใคร ? ห้ามเข้ามาใกล้ที่นี่ ! ” โอกิเนสเหล่ตามองเยี่ยเทียน และก้มลงไปพยุงเมนซัค แต่เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ
ร่างกายของคนเป็นจะมีความอ่อนและยืดหยุ่น แต่ร่างของคนตายจะแข็งกว่า ถึงแม้เมนซัคจะเพิ่งตาย แต่กล้ามเนื้อของเขาเริ่มตึงแล้ว พอดึงปุ๊ป โอกิเนสก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที
การตอบสนองของโอกิเนสเร็วกว่าเมนซัคมาก เขาไม่กล้ายืนขึ้นด้วยซ้ำ แต่หันไปคว้าปืนทันที และเปล่งเสียงตะโกนออกมา
แต่การกระทำของโอกิเนสหยุดไว้เพียงเท่านี้ ปากที่อ้าค้างไว้ไม่ทันเปล่งเสียงออกมา ทั้งตัวของเขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้ และล้มใส่ร่างของเมนซัคอย่างจัง
ตรงระหว่างคิ้วของโอกิเนส มีจุดสีแดงปรากฏขึ้น ซึ่งแทบจะดูไม่ออกด้วยซ้ำ และจุดนั้นก็คือเข็มเหล็กที่เยี่ยเทียนเสียบเข้าไปและดึงออกมา เพื่อทำลายประสาทส่วนสมองของเขาทั้งหมด
“พุบ พุบ ! ” เยี่ยเทียนเตะศพคนทั้งสองคนละที
เขาใช้แรงทั้งหมด ยกศพสองศพเข้าไปในห้อง คนหนึ่งจับวางไว้ด้านหลังของโซฟา อีกคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ภาพนั้นเหมือนคนสองคนกำลังนอนพักผ่อน
หลังจากจัดการเสร็จ เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับกล้องบันทึกภาพในห้อง ใบหน้าของรูดอล์ฟน่ากลัวมากเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้
“มาเฟียก็คือมาเฟีย เลวทรามจริง ๆ ! ”
ในความคิดของเยี่ยเทียน เขาสามารถเห็นคนสิบกว่าคนที่อยู่ในอาคารนี้อย่างชัดเจน นอกจากสิบคนที่เล่นพนันอยู่ด้านนอก ที่เหลือล้วนแต่อยู่ในท่าดั้งเดิมกับพวกผู้หญิง
“โห นี่ทำไรกันวะเนี่ย ? ”
ความคิดของเยี่ยเทียนเลี้ยวเข้าห้องหนึ่ง พบว่า ผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องกล้องวงจรปิดดุเดือดยิ่งกว่า ภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่แทบจะทำให้เขาอ้วกออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นจากความคิด เขาไม่กล้าคิดเลยว่า ผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนั้น จะคลานอยู่บนโซฟาเหมือนกับผู้หญิง แล้วยอมให้ผู้ชายอีกคนทำแบบนั้นได้
เยี่ยเทียนส่ายหัว เดินขึ้นไปชั้นสามของอาคาร การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ก้าวแค่ก้าวเดียว เขาก็หายไปจากประตูกระจกในระยะ 20 เมตรแล้ว
ห้องโถงใหญ่ของชั้นหนึ่ง มีผู้ชายสิบกว่าคนนั่งล้อมวงกันกำลังเล่นพนันกันอย่างดุเดือด แทบจะไม่มีคนทันสังเกตเลยว่าเยี่ยเทียนเข้ามา เยี่ยเทียนเดินมาใกล้พวกเขาก็ไม่มีใครถามอะไร
“บัดซบ จะหมดตัวแล้ว ฉันจะไปสูบบุหรี่ก่อน ” ผีพนันที่อยู่ข้าง ๆ เยี่ยเทียนบ่น เหมือนจะแพ้พนัน เขาถอยหลังออกมา “เฮ้ ขอยืมไฟแช็กหน่อย ! ”
ตาของเขาไม่เห็นเยี่ยเทียน และยื่นปากเข้าไปใกล้ เพื่อให้เยี่ยเทียนจุดไฟให้เขา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาน่าจะเป็นหัวโจกคุมตรงนี้
“บัดซบ เร็ว ๆ สิ ! ” รออยู่ตั้งนาน เขาเพิ่งจะพบว่าเยี่ยเทียนไม่ได้สนใจเขาเลย จนเขาเร่งอีกรอบ จึงมีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาตรงหน้าเขา
เป็นมือที่ว่างเปล่า ไม่มีไฟแช็คตามที่เขาต้องการ และตอนที่เขากำลังจะต่อว่าคน ๆ นั้น มือข้างนั้นก็ยื่นเข้าใปใต้คางของเขา “แคร่ก” เสียงแคร่กดังเข้าไปในสมองของเขา
“เสียงอะไร ? ” หัวโจกอึ้ง จากนั้นก็พบว่า หัวของเขาห้อยลงมาถึงตรงอก แสงไฟสว่างวิบวับของห้องโถง มืดสนิทในทันใด
“คนแบบนี้นะเหรอจะขับไล่สมาคมหงเหมินออกจากมอสโคว ? ”
หลังจากหักคอของชายคนนี้จนแหลก เยี่ยเทียนส่ายหัวอย่างผิดหวัง เพราะพวกผีพนันที่กำลังเล่นพนันกันอย่างเมามัน ไม่มีใครทันสังเกตเลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบ ๆ ตัวของพวกเขาบ้าง
ไม่แปลกเลยที่ต่งเซิงไห่สามารถคุมสนามมวยใต้ดินมอสโคว์ได้ถึงสิบยี่สิบปี เพราะมาเฟียที่ไม่มีองค์กร ไม่มีกฏระเบียบพวกนี้ ยังไม่ใช่คู่ปรับของสมาคมหงเหมิน
“ช่างเถอะ ประหยัดเข็มหน่อยดีกว่า ! ”
เยี่ยเทียนคิดไปคิดมา สุดท้ายก็เลือกเก็บเข็มกลับไป ถึงแม้เขาจะนำเข็มมาด้วยหนึ่งห่อ มีเข็มมากถึงหนึ่งร้อยสองร้อยเล่ม แต่จุดรวมตัวแต่ละจุด มีคนมากถึงสิบกว่าคน เยี่ยเทียนต้องเหลือเอาไว้ใช้บ้าง
เยี่ยเทียนปรากฏตัวขึ้น เดินวนไปหนึ่งรอบ สองมือเร็วปานฟ้าผ่า ตบเข้าท้ายทอยของทุกคนคนละหนึ่งที เดิมทีเสียงที่ดังกึกก้องอยู่จู่ ๆ ก็เงียบกริบ
“เอวาล เสียงด้านนอกหายไปไหน ? ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนที่กดทับผู้หญิงเอาไว้คนละคน อยู่ในห้องข้างห้องโถง พวกเขารู้สึกไม่คุ้นชินกับเสียงด้านนอกที่หายไป
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวฉันจะออกไปดู ! ”
เอวาลส่ายหัว ถอนตัวออกจากผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ เขาตบเข้าสะโพกอย่างแรงเสร็จ จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกแบบเปลือยเปล่า
พอประตูเปิดออก ยังไม่ทันคุ้นเคยกับแสงไฟด้านนอก จู่ ๆ ระหว่างคิ้วก็รู้สึกด้านชา และสูญเสียการรับรู้ไปในทันที
ขณะเดียวกัน ผู้ชายอีกคนที่กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างเมามันในห้องนอน กำลังนำร่างที่หนักกว่า 150 กิโลทับลงบนตัวของผู้หญิงที่อยู่ด้านล่าง
“เงียบ ๆ กันก่อนเถอะ ! ”
เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนกำลังจะตะโกน เยี่ยเทียนทำท่าดีดนิ้วเบา ๆ จากนั้นปราณชีวิตแท้ก็พุ่งเข้าขมับของผู้หญิงสองคนนั้นแล้วก็สลบไป
เยี่ยเทียนเหมือนปีศาจแห่งความตายที่มากับความมืดมิด กำลังเดินเร่ร่อน จากห้องหนึ่งมาโผล่อีกห้องหนึ่ง และเอาชีวิตของคนพวกนั้นคนแล้วคนเล่า
สิบกว่านาทีอันสั้นผ่านไป ตั้งแต่ชั้นสามจนถึงชั้นใต้ดินอีกสามชั้น ไม่มีผู้รอดชีวิตอีกต่อไป สองคนที่อยู่ในห้องบันทึกภาพก็ตายไป ๆ พร้อมกันกับความตื่นเต้นและความเร้าใจ
“พอถึงระดับโฮ่วเทียน ไม่ต้องถูกสวรรค์ผูกมัดเอาไว้ แต่ที่ตรงนี้ไร้ประโยชน์แล้ว ต่อไปก็คงเอามาทำเป็นสนามมวยไม่ได้อีก ! ”
เยี่ยเทียนใช้ความคิดเดินท่องไปทั่วตึกรอบหนึ่งเสร็จ เขาพบว่าพลังพิฆาตของศพเหล่านั้นถูกปราณแท้ของตนปกป้องเอาไว้ ไม่มีพลังไหนสามารถซึมเข้าร่างของเขาได้เลย
แต่ว่าพอเยี่ยเทียนเปิดตาแห่งสวรรค์ เขาพบว่าอาคารที่กินพื้นที่บริเวณไม่ใหญ่ทั้งด้านนอกและด้านในแห่งนี้ กลับถูกครอบงำไว้ด้วยปราณแห่งความตาย
พลังพิฆาตของคนที่แผ่ออกมาจากคนที่เพิ่งตาย มันผสมกับพลังพิฆาตจากสนามมวยชั้นใต้ดินทั้งสามชั้น จนทำให้ฮวงจุ้ยของที่นี่แปรเปลี่ยนไปในทันที
พวกฝรั่งไม่รู้จักเชิญซินแสมาทำพิธี สถานที่แบบนี้ อีกสิบปีข้างหน้าก็ยังไม่เหมาะที่จะเอามาทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือตึกทำงานอีก ไม่เช่นนั้นจะต้องพบเจอแต่โชคไม่ดีและเจ็บป่วยเป็นแน่
เยี่ยเทียนหันกลับไปมองสถานที่ที่อบอวลไปด้วยพลังแห่งความตาย จากนั้นร่างของเยี่ยเทียนก็หายวับเข้าไปในความมืด
“ท่านเยี่ย ท่านกลับมาแล้ว ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ ? ”
อาหวาจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนึง รู้สึกถึงการสั่นของรถยนต์ ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏขึ้นตรงเบาะหลัง อาหวาจึงรีบหันไปมอง
ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงตะโกนฆ่าฟัน อาคารที่อยู่ไกล ๆ ตรงนั้นยังคงมีไฟเปิดอยู่ อาหวารู้สึกสงสัยอย่างที่สุด เขาไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนเข้าไปทำอะไรในนั้นบ้าง ?
“ไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะ ไปอีกจุดนึง”
เยี่ยเทียนเลียปาก มันมีพลังจิตสังหารที่ไม่อาจบังคับได้เกิดขึ้นในใจของเขา ตาสีแดงที่ผิดปกติ ทำให้เขาเหมือนเป็นปีศาจ อาหวาที่เห็นภาพนั้นถึงกับขนลุกซู่
“แก๊ง ! ” เสียงกระดิ่งดังฟังชัดดังขึ้นภายในใจของเยี่ยเทียน เสียงนั้นมีผลต่อความคิดของเยี่ยเทียนทันที เพราะจิตสังหารเมื่อครู่หายไปแล้ว
“ฉัน…ฉันเป็นอะไรไป ? ”
เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นทำให้เยี่ยเทียนตื่นจากจิตสังหาร เยี่ยเทียนถึงกับตกใจจนเหงื่อไหลท่วมตัว เมื่อครู่เขาไม่รู้สึกว่ามีพลังพิฆาตซึมเข้าร่างกาย แล้วพลังอะไรที่ควบคุมความคิดของเขาอยู่ ?
“หรือฆ่าคนเยอะเกินไป ? แต่ตอนที่อยู่พม่า ฉันฆ่ามากกว่านี้อีกนะ ! ” เยี่ยเทียนจับกระดิ่งซานซิง มีแรงเย็นส่งออกมา จิตสังหารที่ไม่สามารถควบคุมได้ จู่ ๆก็หายไปทั้งหมด
“ท่านเยี่ย ท่าน…ท่านเป็นอะไรไปครับเมื่อครู่ ? ”
หลังจากจิตสังหารบนตัวเยี่ยเทียนหายไปหมด อาหวาเพิ่งจะกล้าพูดออกมาแต่ก็ยังติดอ่าง สายตาที่เขามองเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะเมื่อครู่เยี่ยเทียนเหมือนเทพแห่งความตายที่กระหายเลือด
“ไม่เป็นไร อาหวา ไปต่อเลย รีบไปนะ วันนี้เราจะยุ่งกันมาก ! ”
เยี่ยเทียนจิตใจแน่วแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขาแน่นอน เพราะกระดิ่งซานซิงจะเป็นตัวช่วยให้มีสติ ถ้ากวาดล้างเส้นทางมาเฟียในมอสโควเสร็จ ค่อยว่ากันอีกที
“ครับท่าน ท่านจับแน่น ๆ นะครับ ! ”
หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น อาหวารู้สึกขนลุก เขารู้ว่าในคำพูดของเยี่ยเทียนแฝงจิตสังหารเอาไว้ และความคิดที่ว่าเยี่ยเทียนไปเดินเล่นในอาคารหนึ่งรอบ มันได้หายไปแล้ว