ตอนที่ 755 ดาวเทียมตรวจการณ์
ชาวรัสเซียเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นมาตลอด ปฎิบัติการแมนจูเรีย สงครามแห่งการล้างแค้นในอดีตเมื่อสี่สิบปีก่อนในครั้งนั้น ได้สังหารคนของพวกเขาในเขตแดนของตนเอง เยี่ยเทียนจึงไม่คาดหวังให้ชาวรัสเซียละเว้น
อีกทั้งไซบีเรียมีพื้นที่กว้างขวางผู้คนเบาบาง บวกกับตอนนี้ยังไม่เข้าฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ใบหญ้าล้วนโล่งเตียน ต่อให้อยู่นอกเขตชุมชนยังไม่อาจซ่อนตัวได้ ถ้าหากไม่อาจหลบหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว ไม่ช้าย่อมถูกอีกฝ่ายพบตัวอย่างแน่นอน
“บ้าเอ๊ย รู้งี้แค่ทำให้พวกรัสเซียนั่นสลบก็คงดี!”
เยี่ยเทียนอดตัดพ้อออกมาไม่ได้ สถานการณ์ตรงหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรดี
“บอสส์ คุณฆ่าคนรัสเซียเหรอครับ?” ได้ยินคำบ่นของเยี่ยเทียนแล้ว มาลาไกย์ตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย “คุณฆ่าใครไป? ถ้าหากเป็นนายทหารธรรมดา เครมลินคงไม่จัดกองกำลังใหญ่ขนาดนี้มาหรอกมั้ง?”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ตอบว่า “เป็นนายพลน่ะ หัวล้าน แล้วยังมีนายทหารอีกสิบกว่าคน ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร”
ตอนเร่งรุดไปยังค่ายฝึก เยี่ยเทียนได้ยินลอฟสกี้ออกคำสั่งให้ยิงต่งเทียนอี้กับหลานทิ้งพอดี จากชื่อยศของนายทหารรัสเซียคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นพลเอก
“หัวล้าน เป็นนายพล?”
มาลาไกย์ทวนคำพูดของเยี่ยเทียน ทันใดก็เบิ่งตากว้าง ลนลานคุ้ยหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งออกมาจากในรถ ชี้ไปที่รูปภาพบนนั้น แล้วบอกว่า “บอสส์…คุณ…คุณคงไม่ได้ฆ่าคนนี้ทิ้งหรอกใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนยื่นหน้าไปดู แล้วพยักหน้าตอบ “คนนี้แหละ ทำไมเหรอ? ชาวรัสเซียคนนี้มีอิทธิพลมากเหรอ?”
คนหัวล้านที่อยู่บนหนังสือพิมพ์ก็คือลอฟสกี้ที่ถูกเยี่ยเทียนฟันตายในดาบเดียว รูปนี้ถูกถ่ายขึ้นเมื่อตอนที่เขาไปตรวจตรากองทัพทางตะวันออกหลายวันก่อน หลังจากมาลาไกย์รู้ว่าเขารับผิดชอบภารกิจนี้ จึงตั้งใจหามาเก็บไว้บนรถ
แต่เยี่ยเทียนเพียงรู้ว่าคนบนรูปตายด้วยน้ำมือของตัวเอง เขาไม่เข้าใจตัวอักษรที่อยู่ด้านข้างของรูปถ่าย มองไปยังมาลาไกย์แล้วถามขึ้น “คนนี้คือนายพลยศไหน แล้วการเคลื่อนไหวกองทัพรัสเซียเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?”
เยี่ยเทียนออกจะงงงันเล็กน้อย นับตั้งแต่เขาสังหารนายพลคนนี้จวบจนปัจจุบัน เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เหตุใดทางรัสเซียถึงมีปฏิกิริยาว่องไวขนาดนี้ ถึงกับมีจุดสกัดบนเส้นทางหลักในทุกทางเลยทีเดียว?
“บอสส์ ไม่ต้องถามแล้วล่ะครับ ต้องเกี่ยวกับการตายของเขาอย่างแน่นอน!”
ใบหน้าของมาลาไกย์มีรอยยิ้มเจื่อน เขาเคยปฏิบัติการเป็นกองทหารรับจ้างในหลายสิบประเทศ แต่ยังไม่เคยประสบกับเหตุการณ์อย่างคราวนี้ ที่ผู้ว่าจ้างของเขา ดันไปสังหารคนใหญ่คนโตระดับประเทศเข้า
เห็นสีหน้าเยี่ยเทียนยังคงมึนงง มาลาไกย์จึงพูดต่อว่า “เขาคือนายพลลอฟสกี้ มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าใหญ่สุดของกองทัพทั้งหมดในไซบีเรีย บอสส์ครับ คราวนี้คุณทำพลาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ…”
ในยุคสมัยโซเวียตยังเคยมียศจอมพล แต่ว่าหลังจากแยกประเทศแล้ว รัสเซียก็ยกเลิกยศจอมพล อีกทั้งยศทางการทหารที่เคยใช้ในระบบโซเวียตเก่า
รัสเซียในปัจจุบัน นอกจากเซอร์เกเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหมซึ่งเป็นจอมทัพแห่งสหพันธรัฐรัสเซียแล้ว ยศสูงสุดในกองทัพทหารก็คือนายพล และลอฟสกี้ ก็คือผู้ที่กุมอำนาจแท้จริงหนึ่งในนั้น
สุขภาพของเซอร์เกเยฟไม่ค่อยดีนักมาตลอด ดังนั้นเสียงเรียกร้องให้นายพลลอฟสกี้เข้ารับตำแหน่งของเขา กลายเป็นจอมทัพคนที่สองของสหพันธรัฐรัสเซียจึงมีสูงมาก
กระทั่งผู้นำแห่งวังเครมลิน ยังแสดงความชื่นชมความสามารถของนายพลลอฟสกี้ ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าภายใต้เซอร์เกเยฟ นายพลลอฟสกี้ก็คือบุลคลสำคัญอันดับสองในกองทัพ
เป็นถึงผู้นำกองทัพใหญ่ผู้มีส่วนร่วมภายในการเมืองคนนี้ อีกทั้งในเวลาเดียวกันยังเป็นประเด็นวิเคราะห์สำคัญสำหรับต่างชาติ เมื่อเยี่ยเทียนสังหารเขา จึงเท่ากับเป็นการจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ในรัสเซีย
เชื่อว่าหลังจากที่ฟ้าสว่าง แต่ละประเทศคงจะแพร่กระจ่ายข่าวนายพลลอฟสกี้ถูกสังหารแล้ว
ผู้นำของกองทัพถูกฆาตกรรมภายใต้การโอบล้อมของกองทหาร ถ้าหากรัสเซียไม่เร่งรีบตามจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว คงจะอับอายขายขี้หน้าทั้งประเทศอย่างแน่นอน
“บัดซบเอ๊ย ก็ผมไม่รู้ว่าเขาคือนายพลลอฟสกี้นี่หว่า!”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของมาลาไกย์แล้ว เยี่ยเทียนก็หน้าซีดเผือด เมื่อครู่เขาเห็นเฒ่าญี่ปุ่นอิโตสังหารคนในสมาคมหงเหมิน ท่ามกลางความเดือดดาล ไหนเลยจะมีใจไปถามชื่อเสียงเรียงนามของนายพลลอฟสกี้?
“แล้วจะทำยังไงดี?”
เยี่ยเทียนที่เผลอสังหารคนใหญ่คนโตของประเทศนี้ไป จึงเครียดหนักจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ แต่โชคดีที่คนในเหตุการณ์ล้วนถูกเขาสังหารทิ้งหมดแล้ว ทางรัสเซียจึงไม่สามารถพุ่งเป้ามาที่ตนเอง
“บอสส์ครับ ถ้ายังไง…ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่…”
มาลาไกย์หันไปมองข้างหลังเล็กน้อย ใช้มือวาดที่ลำคอ กระซิบเสียงเบา “ถ้ายังไงเราฆ่าพวกเขาซะ แล้วเราสองคนหนีไปจากที่นี่ คงจะไม่มีปัญหา!”
มาลาไกย์เองก็รู้ถึงความสามารถในการหลบเร้นกายของเยี่ยเทียน ขอเพียงปราศจากภาระสองคนนี้ พวกเขาก็สามารถหลบหนีไปจากรัสเซียได้อย่างง่ายดาย แล้วค่อยทิ้งการตายของนายพลลอฟสกี้ไว้เบื้องหลัง
“ไม่ได้ ทำอย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ของฉันจะไม่เสียเปล่าเหรอ?”
เยี่ยเทียนโบกมือ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ เขาตกปากรับคำกับต่งเซิงไห่ไปแล้ว ว่าต้องคุ้มกันสายเลือดนี้ของตระกูลต่ง แต่มาลาไกย์ที่เป็นชาวต่างชาติคงไม่มีทางเข้าใจความคิดของชาวจีน เยี่ยเทียนจึงขี้เกียจอธิบาย
สำหรับความปลอดภัยของตนเองนั้น เยี่ยเทียนไม่นึกใส่ใจอะไร เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้จรวดนำทางและปืนใหญ่ แต่อีกฝ่ายก็ต้องค้นพบพิกัดของเขาก่อนจึงทำได้ ดังนั้นถึงแม้อีกฝ่ายจะโอบล้อมด้วยกองทัพนับแสน เยี่ยเทียนจึงไม่นึกกังวลอะไร
“ขอฉันคิดก่อน ต้องมีวิธีแน่” เห็นมาลาไกย์ทำท่าจะพูดอะไรต่อ เยี่ยเทียนก็โบกมือตัดบทเขา
……
ในพระราชวังเครมลิน กลางดึกทหารยศสูงทั้งหลายในรัสเซีย ล้วนได้รับการแจ้งเตือนอย่างเร่งด่วนจากฝ่ายใน จนต้องลุกขึ้นจากเตียงมายังพระราชวังเครมลิน พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของประธานาธิบดีแล้ว พวกเขาก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามท่านประธานาธิบดี นายพลทั้งหลายต่างพูดคุยซุบซิบกัน จวบจนกระทั่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เซอร์เกเยฟมาถึง เสียงวิจารณ์จึงได้เงียบลง
“ผมจำเป็นต้องแจ้งข่าวอันเศร้าสลดต่อทุกๆ คน!”
ประธานาธิบดีร่างไม่สูงนักจ้องมองมายังเหล่านายพลด้วยสายตาเฉียบคม กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้บังคับบัญชาการภาคตะวันออกไกลลอฟสกี้ ถูกคนสังหารที่ไซบีเรีย ขอให้ทุกคนถอดหมวกแสดงการไว้อาลัย!”
“ว่าไงนะ? ลอฟสกี้ตายแล้วหรือ?”
“เป็นไปได้ยังไง ใครกันจะฆ่านายพลใหญ่ในรัสเซียได้?”
“ท่านประธานาธิบดี เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ลอฟสกี้เสียชีวิตได้อย่างไร?”
คำพูดของประธานาธิบดี ราวกับทิ้งระเบิดลงยังที่ประชุม ห้องประชุมอันเงียบสงบพลันเดือดพล่านขึ้นมาทันที กระทั่งจอมพลเซอร์เกเยฟยังมีสีหน้าตกตะลึง
ด้วยสถานะของพวกเขา ล้วนได้รับการคุ้มกันจากหน่วยรบพิเศษตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีกองกำลังสนับสนุนอีกหนึ่งกอง
ความสามารถของทหารเหล่านั้น เพียงพอจะรับมือสงครามเล็กๆ แห่งหนึ่งได้ อีกทั้งเมื่อลอฟสกี้ไปตรวจสอบเรื่องกรณีในมอสโคว รอบตัวย่อมต้องมีการคุ้มกันหนาแน่น แต่กลับถูกคนสังหารได้อย่างไร?
นายพลที่อยู่ในห้องประชุมเหล่านี้ ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับลอฟสกี้ ในทางกลับกัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นศัตรูทางการเมืองกับเขา แต่ว่าเวลานี้ พวกเขากลับตั้งคำถามต่อการตายของลอฟสกี้
แน่นอนว่า ที่คนเหล่านี้สนใจคือ ลอฟสกี้ถูกสังหารในสถานการณ์ใด เพราะถ้าคนร้ายมีความสามารถพอที่จะสังหารลอฟสกี้ได้ ก็ต้องเป็นอันตรายต่อพวกเขาเช่นกัน นี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“เงียบ!”
ประธานาธิบดีขึ้นเสียง กวาดสายตาเยือกเย็นไปยังใบหน้าของคนเหล่านี้ ห้องประชุมเงียบสงัดลงทันใด
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ลอฟสกี้คือฝ่ายสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของประธานาธิบดี เมื่อลอฟสกี้ตาย คนที่เครียดหนักที่สุดก็คงจะเป็นประธานาธิบดี พวกเขาจึงไม่อยากให้สถานการณ์ตึงเครียดไปกว่านี้
“ท่านประธานาธิบดี ผมรู้สึกเสียใจต่อการตายของลอฟสกี้อย่างสุดซึ้ง แต่ว่าตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็ คือการจับตัวคนร้าย ท่านคงมีเบาะแสใช่ไหมครับ?”
ความเงียบสงบในห้องประชุมถูกเซอร์เกเยฟแทรกขึ้น เขามียศเป็นจอมพลของประธานาธิบดีสมัยก่อน มีความอาวุโสในกองทัพสูง ประธานาธิบดีจึงต้องให้ความเคารพต่อเขา
“ฉันเซ็นคำสั่งประธานาธิบดีออกไปแล้ว ตำแหน่งของลอฟสกี้ให้อีวานอฟรักษาการชั่วคราว ตอนนี้ไซบีเรียประกาศกฎอัยการศึกแล้ว จะไม่ปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้เด็ดขาด!”
กำปั้นของประธานาธิบดีทุบลงบนโต๊ะทำงานเนื้อไม้ตรงหน้าอย่างหนักหน่วง ส่งเสียงดังตึง ทุกคนที่ได้ยินต่างเลิกคิ้วพร้อมกัน พวกเขาสัมผัสถึงความแน่วแน่จากประธานาธิบดีได้
“ที่ฉันเรียกทุกคนมา ก็เพราะอยากให้ทุกคนดูเทปวิดีโอ!”
จ้องมองกลุ่มคนที่เงียบงันไม่ส่งเสียงแล้ว ประธานาธิบดีก็แอบถอนหายใจอยู่ภายใน หลังจากการตายของลอฟสกี้ ความหวังต่อการปรองดองกองทัพของเขาคงต้องสูญสลายอีกแล้ว
พอเจ้าหน้าที่เลิกม่านด้านหน้าห้องประชุมออก ภาพที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก ก็เคลื่อนไหวอยู่บนจอเล็กๆ
ภาพเหล่านี้ไม่มีเสียงใดๆ ตัวภาพเองยังเลือนรางมองเห็นไม่ถนัด ขนาดที่ต้องเพ่งมองเงาร่างของคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีความละเอียดต่ำมาก กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเห็นได้ไม่ถนัดตา
“ท่านนายพลที่เคารพทุกท่าน ผมคือพันเอกกินเนสส์”
ชายวัยกลางคนในเครื่องแต่งกายทหารยศผู้พันเดินมายังด้านหน้าจอ ในมือเขาถือไม้สำหรับชี้ตำแหน่ง ชี้ไปยังภาพบนจอ กล่าวว่า “นี่เป็นภาพที่กล้องดาวเทียมจับไว้ได้ตอนที่ลอฟสกี้เสียชีวิต…”
ขณะที่นายพันคนนี้ปรากฎตัว นายพลในห้องประชุมมากมายหลายคนแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
เพราะพวกเขาล้วนรู้ว่า พันเอกกินเนสส์รับภารกิจด้านดาวเทียมตรวจการณ์ ในยุคนี้ที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นแล้ว หน่วยนี้อาจนับได้ว่าเป็นหน่วยงานลับและสำคัญที่สุดในกองทัพ
ผู้คนในห้องประชุมต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเวลาที่พวกเขาเข้าร่วมงานประชุมสำคัญนอกรัฐบาลทั้งหลาย อาจถูกพันเอกกินเนสส์ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานใช้ดาวเทียมจับตาดูเอาก็ได้
“ผู้การกินเนสส์ ที่ฉันอยากรู้ก็คือ ทำไมภาพถึงไม่ค่อยชัดแบบนี้? เงินสนับสนุนที่กระทรวงกลาโหมจ่ายให้พวกคุณทุกปี ถูกเอาไปใช้ในส่วนไหนกัน?”
จอมทัพเซอร์เกเยฟเห็นภาพบนหน้าจอแล้ว เอ่ยคำพูดตำหนิขึ้นมา