ตอนที่ 756 ถูกเปิดเผย
“ขออภัยครับ ท่านนายพล”
กินเนสส์ตอบคำถามของเซอร์เกเยฟอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เทคโนโลยีของเราในตอนนี้ แม้เวลากลางวันยังวิเคราะห์ใบหน้าของผู้คนได้ยากลำบาก แล้วตอนกลางคืนจะขนาดไหน? อีกทั้งไซบีเรียกำลังเผชิญหน้ากับพายุหิมะทั่วทั้งพื้นที่ ความชัดเจนจากกล้องดาวเทียมจึงต่ำมาก ต่อให้เป็นชาวอเมริกาถ่ายภาพนี้ออกมา ก็คงทำได้ไม่ดีไปกว่าเราครับ!”
เมื่อเกี่ยวข้องกับความถนัดของตน ผู้การกินเนสส์ก็ไม่ยอมแพ้ต่อสถานะของเซอร์เกเยฟ ทั้งยังดึงเอาชาวอเมริกามาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาจากช่วงสงครามเย็น
เซอร์เกเยฟไม่กดดันพันเอกกินเนสส์อีกต่อไป แต่ถามต่อว่า “กล้องดาวเทียมนี้สามารถกำหนดตำแหน่งของคนร้ายในปัจจุบันได้ไหม?”
กินเนสส์ส่ายหน้าตอบ “ไม่ได้ครับ เพราะหลังจากที่สังหารนายพลลอฟสกี้และทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนร้ายคนนี้ก็หายตัวไปทันที!”
ด้วยสภาพอากาศในตอนนั้น ทำให้ภาพคนบนจอเลือนรางไปทั้งหมด และบนพื้นเป็นกองศพคนตาย จึงดูวุ่นวายสับสนอย่างมาก
บวกกับกล้องดาวเทียมเคลื่อนไหวตามเส้นทางโคจร จึงไม่สามารถหยุดตรวจจับภาพที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลายาวนาน เมื่อตำแหน่งเปลี่ยนแปลง ภาพที่ได้จึงคลาดเคลื่อนไปไกลมาก
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เป็นสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นแหล่งดาวเทียมอันดับหนึ่ง ยังไม่สามารถตรวจจับภาพของคนเพียงคนเดียวได้ ไม่อย่างนั้นอเมริกาในปัจจุบันคงไม่ต้องเกณฑ์กำลังพลเต็มอัตราไปก่อสงครามในอัฟกานิสถาน แค่ใช้กล้องดาวเทียมตามหาบินลาเดนเอาก็พอแล้ว
“ไม่มีวิธีไหนสักทาง แล้วเอาเทปวิดีโอนั่นมาฉายทำไมกัน?” หลังจากได้ยินคำพูดของผู้การกินเนสส์แล้ว นายพลคนหนึ่งตั้งคำถามขึ้นอย่างไม่พอใจ กระตุ้นให้หลายคนส่งเสียงคล้อยตาม
“เปล่าครับ เทปวิดีโอนี้ ยังสามารถช่วยเราจับตัวคนร้ายได้!”
ผู้การกินเนสส์ส่ายหน้า พอจัดการกับเครื่องฉายสักพัก ภาพด้านบนจอก็พลันขยายใหญ่ขึ้นสิบกว่าเท่า
“คนผู้นี้น่าจะเป็นคนร้าย ผู้เชี่ยวชาญของพวกเราวิเคราะห์จากท่าทางและรูปร่างของเขาโดยละเอียดแล้ว คิดว่าเขาน่าจะเป็นชาวเอเชีย อีกทั้งอายุยังไม่เกินสามสิบปี…ทุกท่านล้วนรู้ว่า คดีที่นายพลลอฟสกี้ตรวจสอบครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับแก๊งค์มาเฟียมวยใต้ดินจากประเทศจีน ดังนั้นพวกเราจึงมีเหตุผลที่จะสงสัยว่า คนร้าย…น่าจะเป็นชาวจีน!”
คำพูดของผู้การกินเนสส์ ดึงดูดความสนใจของผู้คนในทันที นั่นเป็นเพราะหากเจาะจงสัญชาติของคนร้ายได้ ก็จะมีประโยชน์ยิ่งใหญ่ต่อการคลี่คลายคดี
พวกเขาสามารถตรวจค้นจากอายุและสัญชาติของผู้ต้องสงสัย ผ่านรายชื่อการข้ามเขตแดน หรือต่อให้อีกฝ่ายลักลอบข้ามเขตแดนมา พวกเขาก็สามารถล็อกเป้าหมายค้นหาในไซบีเรียได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอบเขตการค้นหาก็จะแคบลงมาก เปอร์เซนต์ในการจับตัวผู้ร้ายก็ยิ่งเพิ่มสูง
“ทุกท่าน ตรงนี้ผมมีรายชื่อชาวจีนที่ข้ามเขตแดนมาล่าสุด หนึ่งในนั้นชายคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญที่สุด!”
ผู้การกินเนสส์เปลี่ยนภาพให้กลายเป็นรูปชายคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคือเยี่ยเทียนนั่นเอง
ถ้าหากกลไกของรัฐหนึ่งทำงานขึ้นมา พลังที่เกิดขึ้นจากมันจะน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ฝ่ายข่าวกรองรัสเซียกลับคัดแยกผู้ต้องสงสัยออกมาจากรายชื่อผู้ข้ามแดนจำนวนนับแสน จนเหลือเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือเยี่ยเทียน
เหตุการณ์ที่เขาโจมตีสนามมวยใต้ดินบนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไรอีกแล้ว แม้กระทั่งเหตุการณ์ 911ที่อเมริกา ความสามารถเหนือมนุษย์ที่เยี่ยเทียนแสดงออกมา เวลานี้กลับถูกเปิดเผยอย่างไร้ขอบเขต
“เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงมีพลังโจมตีแข็งแกร่งขนาดนี้?”
“ต่อให้เขาเก่งกาจแค่ไหน ก็คงต่อกรกับกระสุนไม่ได้หรอกมั้ง? อาจไม่ใช่เขาก็ได้!”
“หลานของผู้นำในอดีตคนหนึ่ง จะทำเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร?”
หลังจากได้ยินผู้การกินเนสส์อธิบายประวัติของเยี่ยเทียนและวีรกรรมจนจบแล้ว ผู้คนในห้องประชุมก็แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสนับสนุนคำพูดของผู้การกินเนสส์
แต่ว่าอีกฝ่าย กลับไม่เชื่อว่าด้วยกำลังของคนคนเดียว จะสามารถสังหารหมู่ทหารทุกคนภายในค่ายฝึกได้ เพราะเมื่อครู่พวกเขาต่างเห็นภาพเหล่าทหารบาดเจ็บล้มตายในค่ายฝึกแล้ว
“ทุกท่าน ปัจจุบันคนผู้นี้หายตัวไปจากขอบเขตของเราแล้ว จึงแปลว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญ!”
เสียงของประธานาธิบดีสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในห้องประชุม “ยิ่งไปกว่านั้น ผมแจ้งประชุมกับทางประเทศจีนแล้ว ขอให้พวกเขาช่วยสืบหาคนผู้นี้ ขอเพียงตามหาคนคนนี้ได้ ปริศนาก็จะคลี่คลาย!”
“ท่านประธานาธิบดีครับ คนผู้นี้เหมือนกับสุดยอดนักรบของสถานีวิจัยแอเรีย 51 ในอเมริกา เป็นอาวุธลับของประเทศจีนหรือเปล่า?”
เซอร์เกเยฟไม่ได้เป็นเพียงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เขายังรับตำแหน่งผู้ช่วยประธานาธิบดีด้านกลยุทธ์
พิเศษ มีความรอบรู้สถานการณ์ในแต่ละประเทศอย่างแจ่มแจ้ง
เมื่อยี่สิบปีก่อน รัฐบาลอเมริกาสนับสนุนเงินทุนและรวบรวมนักวิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยามนุษย์จำนวนมาก สร้างหน่วยพิเศษแห่งหนึ่งในแอเรีย 51 เพื่อค้นคว้าความสามารถสูงสุดของมนุษย์ โดยโครงการนี้ถูกเรียกว่าโครงการ “สุดยอดนักรบ”
ในช่วงทำสงครามเย็นกับโซเวียต ทั้งสองฝ่ายทำเรื่องราวที่ผู้คนต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากมาย ต้นแบบไอเดียภาพยนตร์สตาร์วอร์เอง ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากเบื้องหลังนี้
ในอดีตทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอเมริกาให้ความสนใจ โซเวียตจะไม่มีทางเมินเฉย ในทางกลับกันอีกฝ่ายก็เป็นเช่นเดียวกัน
ดังนั้นพอได้ยินโครงการ “สุดยอดนักรบ” แล้ว ทางโซเวียตเองก็สร้างสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องขึ้นมาด้วย เพียงแต่ยังไม่ทันพัฒนาไปถึงไหน โซเวียตก็แตกเสียก่อน โครงการวิจัยนั้นจึงต้องหยุดลงเพราะประสบปัญหาทางด้านการเงิน
เมื่อเห็นภาพกระหายเลือดที่ดูท่าไม่น่าเกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์แล้ว เซอร์เกเยฟเองก็นึกถึงสาเหตุของเรื่องนี้ หรือว่าจะมีเพียงยอดมนุษย์ในตำนาน ที่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้
“ตอนนี้ประเทศจีนเป็นพันธมิตรกับเรา พวกเขาคงไม่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก”
ประธานาธิบดีส่ายหน้าตอบ “แต่ว่าคำพูดของนายพลก็มีเหตุผล โครงการ “หมีขั้วโลก” ของพวกเราจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายฉันจะอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ และให้นายพลอาบีเยฟเป็นคนรับผิดชอบโครงการ!”
“ครับ ท่านประธานาธิบดี!” หลังจากประธานาธิบดีกำหนดชื่อแล้ว นายพลร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็ยืนขึ้น
“ท่านประธานาธิบดีครับ ทางจีนให้คำตอบกลับมาแล้ว!” ขณะที่ประธานาธิบดีเพิ่งจะออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบก็เคาะประตูใหญ่ของห้องประชุม
“หืม? คนชื่อเยี่ยเทียนคนนี้กำลังท่องเที่ยวในแอฟริกาอยู่งั้นหรือ? คงไม่สามารถเป็นคนร้ายสังหารลอฟสกี้ได้? หรือว่าจะมีใครบังอาจปลอมแปลงข้อมูลว่าเยี่ยเทียนเข้ามายังรัสเซีย?”
เห็นข้อมูลที่ตอบกลับมาแล้ว ประธานาธิบดีออกจะงงงัน เขานึกไม่ถึงว่าทางประเทศจีนจะตอบกลับมาอย่างฉับไวเช่นนี้ อีกทั้งยังยืนกรานหนักแน่น ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาษาที่ใช้สื่อสารทางการทูตระหว่างสองประเทศสักเท่าไหร่
“ท่านประธานาธิบดีครับ ไม่ว่าจะเป็นเขาคนนี้หรือไม่ ขอเพียงจับตัวคนร้ายได้ ทุกอย่างย่อมกระจ่างแจ้งเอง!”
เซอร์เกเยฟมองไปยังคำตอบในแผ่นกระดาษนั้น ใบหน้ามีอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แต่ว่าต่อให้คิดว่าเป็นเยี่ยเทียนอีกคน พวกเขากลับไม่รู้สึกโล่งใจสักเท่าไหร่
“ท่านนายพลพูดได้ถูกต้อง!”
ประธานาธิบดีพยักหน้า ประกาศคำสั่งที่สองของวันนี้ “ฉันขอออกคำสั่ง ให้ผู้การกินเนสส์เป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการตามล่าในครั้งนี้ เขามีสิทธิขับเคลื่อนทุกหน่วยในเขตทหารฝั่งตะวันออกไกล!”
ผู้คนในห้องประชุมไม่มีใครออกความคิดเห็นใดๆ ต่อคำสั่งครั้งนี้ของประธานาธิบดี
ในสายตาของนายพลเหล่านี้ ไซบีเรียไม่ถือว่าเป็นดินแดนน่าพิศมัยเท่าไหร่นัก ลอฟสกี้เพียงสืบสวนคดีสนามมวยใต้ดิน กลับยังต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น พวกเขาจึงไม่อยากเดินตามรอยเท้าคนอับโชคอย่างลอฟสกี้
ด้วยสถานภาพพิเศษของลอฟสกี้ การประชุมด่วนที่จัดขึ้นโดยประธานาธิบดีครั้งนี้ จึงราวกับเป็นการวิเคราะห์คดีของตำรวจ แต่ให้ประสิทธิภาพสูงมาก หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้การกินเนสส์ก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังไซบีเรีย
……
“บอสส์ครับ อีกสี่ชั่วโมงฟ้าจะสว่างแล้ว ถ้าหากยังหาหนทางไม่ได้ พวกเราคงต้องปล่อยพวกเขาสองคนไว้แล้วล่ะ!”
เวลาเดียวกับการประชุมที่พระราชวังเครมลิน กลางป่าละเมาะในเขตไซบีเรีย มาลาไกย์ขมวดคิ้วหน้าเคร่งเครียดจ้องมองมายังเยี่ยเทียน
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการทหารรับจ้างมานาน มาลาไกย์รู้ซึ้งถึงวิกฤตในสถานการณ์นี้ดี ถ้าหากเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย ครึ่งชีวิตที่เหลือก็อย่าหวังจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขอีกเลย
“ไม่ได้ จะทิ้งพวกเขาไว้ไม่ได้”
เยี่ยเทียนโบกมือ มองไปยังแผนที่ไซบีเรียเบื้องหน้า พลันพูดว่า “จริงสิ ตรงจุดนี้เป็นเขตแดนติดกับประเทศจีน ทางนั้นน่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นเรา สามารถข้ามเขตแดนจากที่นี่ได้ไหม?”
“บอสส์ครับ จากตรงนี้ไปถึงที่นั่นระยะทางกว่าเจ็ดร้อยกิโลเมตร ไม่ใช่แค่น้ำมันรถผมไปไกลขนาดนั้นไม่ได้ ต่อให้ไปถึง พรมแดนตรงนั้นก็เป็นเทือกเขากว่าร้อยกิโลเมตร พวกเราข้ามไปไม่ไหวหรอก!”
พอพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของมาลาไกย์ก็พลันสว่างวาบ ตอบว่า “น้ำมันยังพอหาวิธีได้ ขอเพียงบอสส์สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์สักเครื่องมารอที่นั่น แผนการนี้ก็ใช่ว่าจะไม่สำเร็จ!”
“ตกลง ฉันจะลองโทรศัพท์ดู” เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมที่แม่ให้ออกมา พูดขึ้นว่า “เหล่าหม่า คุยโทรศัพท์ดาวเทียมคงจะไม่ถูกทางรัสเซียล็อคเป้าเอาหรอกนะ?”
มาลาไกย์ส่ายหน้าตอบ “ไม่หรอกครับ พวกเขาไม่รู้รหัสคลื่นดาวเทียมคุณนี่!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า กดโทรศัพท์หมายเลขส่วนตัวของซ่งเฮ่าเทียน เพื่อขอใช้เฮลิคอปเตอร์และรับรองความเสี่ยงในการข้ามเขตแดน นอกจากผู้เฒ่าคนนี้ น่ากลัวว่าคงไม่มีใครสามารถทำได้อีกแล้ว
“ไอ้เด็กบ้า ตอนนี้แกอยู่ไซบีเรียหรอกเรอะ?”
“ครับ ผมอยู่ไซบีเรีย!”
สายถูกกดรับอย่างรวดเร็ว หลังจากได้ยินประโยคแรกของเยี่ยเทียนแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็ลนลานตอบ “แกไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะบอกแกสามเรื่อง แกฟังให้ชัดๆ ล่ะ…
เรื่องที่หนึ่ง ทางรัสเซียยืนยันสถานะของแกแล้ว ส่งจดหมายมาทางจีน ถูกฉันปฏิเสธกลับไป
เรื่องที่สอง ถ้าหากแกจะหนีออกมาจากรัสเซีย อย่ากลับเข้ามาประเทศจีนเด็ดขาด แกหาทางไปสาธารณรัฐซาฮา แล้วฉันจะจัดหาคนไปรับ แล้วแกต้องไปแอฟริกาจากที่นั่น!
เรื่องที่สาม คราวหลังช่วยอยู่เฉยๆ บ้างได้ไหมไอ้หนู ตอนนี้ฉันยังพอปกป้องแกได้ แต่หลังจากฉันตายไปแล้ว ใครจะมาจัดการธุระให้แก!”
ดูเหมือนซ่งเฮ่าเทียนจะยังมีเรื่องพะวงบางอย่าง พอพูดสามเรื่องนี้เสร็จ ก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที ตอนที่มีเสียงดังตื๊ดๆ ดังมาจากลำโพง เยี่ยเทียนยังคงเรียบเรียงคำพูดของผู้เฒ่าอยู่ในหัว