ตอนที่ 762 ถอนรากถอนโคน
“คุณ…”
ผู้การกินเนสส์คิดไม่ถึงว่า นายพลวิคเตอร์ที่เกรงใจเขามาตลอด กลับแข็งกร้าวขึ้นมาในเรื่องนี้ อีกทั้งนายพลคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดของเขา
“ผมมีเหตุผลจะสงสัยว่าเขาเป็นหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ เพื่อความปลอดภัยของประเทศชาติ เขาจะเข้าร่วมภารกิจนี้ไม่ได้!”
ผู้การกินเนสส์หน้านิ่ง เขาคิดเพื่อผลประโยชน์ของชาติจริงๆ นายพลลอฟสกี้มีสถานะสูงส่งในวงการทหารรัสเซีย การตายของเขาอาจก่อให้เกิดผลต่อเนื่องตามมาภายหลัง ก่อนจะสืบสวนหาสาเหตุได้อย่างชัดเจน จึงไม่เหมาะสมให้คนนอกเข้ามาร่วมในภารกิจ
“คุณครับ ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่ชาวอังกฤษแต่เป็นชาวรัสเซีย”
เคิร์ทเลียริมฝีปากแดงก่ำ หยิบบัตรประจำตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พูดว่า “ผมเป็นสหายเก่าของนายพลเซอร์เกเยฟ มาที่นี่เพียงเพื่อช่วยเหลือเขาค้นหาผู้ร้ายก่อคดีโหดในรัสเซียเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ผมจะไม่ถามเกินเลย”
เป็นอย่างที่ผู้การกินเนสส์คิด เคิร์ทไม่รู้ข่าวการตายของนายพลลอฟสกี้ เขามาที่นี่เพียงเพราะรับคำสั่งจากแดร็กคูล่า ให้ฉีกหน้ากากคนที่ใส่ร้ายรูดอล์ฟเท่านั้น
“คุณเป็นชาวรัสเซียเหรอ?”
ผู้การกินเนสส์ได้ยินเข้าก็ตกตะลึง ชายชราผอมแห้งคนนี้ดูอย่างไรแล้ว ก็ไม่มีสายเลือดชาวรัสเซียสักนิด ต้องสืบพันธุ์มากี่รุ่นต่อกี่รุ่นจึงจะสามารถให้กำเนิดคนอย่างเขา?
เคิร์ทพยักหน้า ตอบว่า “ใช่แล้วครับ ผมได้สัญชาติโซเวียตเก่าเมื่อปี 1942 และตามรัฐธรรมนูญรัสเซีย ผมควรจะได้รับสถานะของประเทศนี้”
“จริงหรือเนี่ย…”
ผู้การกินเนสส์พลิกดูบัตรประจำตัวใบนั้น แต่กลับไม่พบพิรุธใดๆ เขาทำงานด้านหน่วยข่าวกรอง จึงย่อมแยกแยะบัตรประจำตัวของแท้และปลอมได้เพียงแรกเห็น
“ตกลง คุณเคิร์ท งั้นผมอยากรู้ว่า คุณจะช่วยพวกเราได้อย่างไร?”
ส่งบัตรประจำตัวให้แก่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว ผู้การกินเนสส์ก็มองไปยังเคิร์ท กองทัพใหญ่หลายหมื่นนายยังไม่อาจเสาะหาร่องรอยของฝ่ายศัตรูได้ ผู้การกินเนสส์จึงไม่รู้สึกว่าคนผู้นี้จะมีประโยชน์ตรงไหน
“ผมสามารถตามหาคนผู้นี้!”
เคิร์ทยิ้มกริ่ม เผยให้เห็นฟันขาวเรียงยาวเป็นแถว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด คนที่เห็นจึงอดหนาวยะเยือกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
……
“หือ? จิตใจไม่สงบ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ภายในถ้ำด้านนอกห่างจากค่ายฝึกมวยใต้ดินไปสี่สิบกิโลเมตร ร่างกายราวกับต้นไม้แห้งเหี่ยวของเยี่ยเทียน ก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด ลำแสงบริสุทธิ์สองเส้นส่องทะลุเข้ามาในถ้ำอันมืดมิด แต่เขากลับลืมตาขึ้น
ด้วยความสามารถระดับเยี่ยเทียน สัญชาตญาณการระวังภัยนอกกาย จึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปร้อยเท่า เมื่อครู่นี้ลางสังหรณ์บอกว่าจะมีอันตราย ฉุดเขาให้ฟื้นจากสภาวะหลับลึกขึ้นมา
“ถ้ำถูกปิดตายแล้ว แถมเรายังวางค่ายกลตัดลมปราณเอาไว้ด้วย ยังมีคนตามตัวเราเจออีกเหรอ?”
เยี่ยเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะทำสมาธิ เขาใช้มือวางค่ายกลง่ายๆ ไว้รอบตัว ถึงแม้จะไม่มีอุปกรณ์อะไร แต่ก็เพียงพอจะปกปิดลมปราณของเขา เยี่ยเทียนจึงนึกไม่ถึงว่า จะยังมีคนตามตัวเขาพบ
“ขอเพียงเราฟื้นฟูกำลังได้ห้าส่วน ต่อให้มาทั้งกองทัพจะสักเท่าไหร่กัน?”
เยี่ยเทียนเคลื่อนจิต ทันใดนั้นญาณก็ท่องเข้าไปภายในร่างกาย ใบหน้ามีอารมณ์ยินดีขึ้นมา “ทำลายแต่ฟื้นขึ้นภายหลัง ดูท่าแม้ว่าคราวนี้จะอับจนหนทาง แต่พลังยุทธ์กลับพัฒนาขึ้นไม่น้อย!”
ก่อนทำสมาธิ เยี่ยเทียนเพียงคิดจะฟื้นฟูร่างกาย แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า ภายในช่วงเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งวัน พลังในร่างกายกลับฟื้นฟูถึงเจ็ดแปดส่วน อีกทั้งปราณแท้ซึ่งหลั่งไหลภายในร่างกายราวสายน้ำ ดูเหมือนจะเข้มข้นกว่าแต่ก่อนขึ้นเล็กน้อย
“เอ๋ คนผู้นี้ช่างแปลกจริง!”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังรู้สึกยินดีอยู่นั้น เขากลับสัมผัสได้ว่า มีปราณแปลกประหลาดสายหนึ่งส่งมาจากที่ไกล ภายในลมปราณนี้ห่อหุ้มพลังชีวิตเอาไว้ ซึ่งเยี่ยเทียนไม่เคยพบเห็นมาก่อน เขากล้าตัดสินได้ว่า ไม่ได้มาจากเหล่านักพรตเต๋าอย่างแน่นอน
สองตาเปิดขึ้นเล็กน้อย ลำแสงสีขาวถูกปล่อยออกมาจากจุดอิ้นถัง เพียงพริบตาก็ทะลุออกจากถ้ำ สูงขึ้นไปนอกท้องฟ้ากว่าหลายสิบเมตร เหตุการณ์โดยรอบรัศมีสิบกว่ากิโลเมตรปรากฎสู่สายตาของเยี่ยเทียน
“พุ่งเป้ามาที่เราจริงๆ เรอะ? ชาวตะวันตกคนนี้มีฝีมือจริงๆ !”
เยี่ยเทียนพบว่า ห่างจากถ้ำที่เขาซ่อนตัวอยู่ไปเจ็ดแปดกิโลเมตร ชายชราผอมแห้งสวมชุดดำคนหนึ่ง กำลังเคลื่อนที่มายังถ้ำอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังของชายชราผู้นั้น ติดตามมาด้วยกองทหารหนาแน่น จิตสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากภายใน ขนาดที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนบนท้องฟ้า ยังผงะด้วยความยำเกรง จากจิตสังหารระลอกนั้นถึงหลายวินาที
จิตดั้งเดิมเกิดหลังจากจิตวิญญาณพัฒนาเปลี่ยนรูป แม้ว่าพลังจิตวิญญาณของแต่ละคนมีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง แต่เมื่อผู้คนจำนวนหลายหมื่นมารวมกันแล้ว จะน่าหวาดหวั่นอย่างมาก เช่นเดียวกับเวลาทำศึก กองทัพโบราณประจันหน้ากัน จิตสังหารจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จนกระทั่งนกกาล้วนไม่กล้าบินผ่าน
เมื่อจิตสังหารระลอกนี้แผ่มา เยี่ยเทียนเองจึงได้แต่ต้องยอมถอยร่น เคลื่อนจิตย้อนกลับไปยังกายเนื้อ แต่ว่าเวลานี้เคิร์ทที่วิ่งสลับไปมาบนเขาเจตนาเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า ใบหน้าพลันตึงเครียดขึ้นทันที
เส้นทางบนเขาเจ็ดถึงแปดกิโลเมตร ถ้าหากเป็นคนธรรมดาเดินเท้า เกรงว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงสองสามชั่วโมง แต่เคิร์ทที่ดูอ่อนล้าชราภาพ ใช้เวลาสั้นๆ เพียงครึ่งชั่วโมงกว่า ก็มาถึงด้านหน้าถ้ำแล้ว
ด้านหลังเคิร์ท มีชายฉกรรจ์ร่างกายบึกบึนสิบกว่าคนยืนเรียงกันเป็นรูปพัด พวกเขาก็คือราชาแห่งมวยใต้ดินในอนาคตที่มาจากค่ายฝึก หลังจากผ่านการฝึกยาวนานในค่ายฝึกเป็นเวลาห้าปีแล้ว พวกเขาก็ได้มาอยู่ในวินาทีสุดยอดของชีวิต
เคิร์ทมองไปยังปากถ้ำที่ถูกฝุ่นหินและหญ้าแห้งกลบทับ พูดว่า “อยู่ตรงนั้นแหละ ระเบิดมันออกเลย!”
ในฐานะสิ่งมีชีวิตจากชนเผ่าแวมไพร์ เคิร์ทจึงมีประสาทสัมผัสต่อเลือดเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป ประสาทการดมกลิ่นนี้ฉับไวยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก
ในที่เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ระเบิด เคิร์ทแยกแยะกลิ่นคาวเลือดของคนทั้งสี่ออกได้ สามคนในนั้นตายไปก่อนแล้ว และตอนนี้กลิ่นที่ลอยออกมาจากในถ้ำ ก็คือของคนที่สี่นั่นเอง
“ข้างในนี้มีคนอยู่จริงๆ เหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเคิร์ทแล้ว ชายชาวยุโรปคนหนึ่งซึ่งแบกปืนยิงรถถังไว้บนหลังก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว กดไหล่ลง ถือเครื่องยิงจรวดไว้ในมือ ของที่หนักหลายสิบกิโล กลับเบาเสมือนไร้น้ำหนักในมือเขา
“ถ้ายังไง คุณไปขุดปากถ้ำออกดูก่อนไหม?”
เคิร์ทมองคนผู้นั้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม เช่นเดียวกับที่เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสถึงปราณของเขา เคิร์ทเองก็สามารถสัมผัสได้ว่า ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่มีราชามวยใต้ดินเลือดลมแข็งแรงสิบกว่าคนนี้ เขาก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเยี่ยเทียนโดยลำพัง
เห็นคนเหล่านี้อยู่ตรงหน้า เคิร์ทยังอดเลียริมฝีปากไม่ได้ มนุษย์เพียงนึกว่าแวมไพร์ดูดเลือดโดยสัญชาติญาณ ด้วยเหตุนั้นจึงขนานนามพวกเขาว่าเป็นผีดูดเลือด เมื่อถูกคนเห็นว่าเป็นพวกนอกคอก จึงได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ภายในความมืด
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น แวมไพร์ไม่ชอบแสงสว่าง แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขามีสภาพร่างกายเย็นเยียบ เคยชินการใช้ชีวิตในตอนกลางคืน เวลาผ่านไปนานจึงถูกคนเข้าใจผิด แต่ในความเป็นจริงถึงแวมไพร์ปรากฎตัวอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ก็ไม่อาจเป็นอันตรายใดๆ
ส่วนเรื่องการดูดเลือด นั่นเป็นเพราะเลือดของทุกคนที่อยู่ภายในร่างกาย ล้วนกักเก็บพลังปราณบริสุทธิ์ไว้ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถถูกแวมไพร์ดูดซับหลอมรวมกันได้
จากการดูดซับพลังปราณชนิดนี้ ทำให้เลือดเนื้อของสมาชิกแวมไพร์กลับกลายแข็งแกร่งขึ้น เพิ่มอายุขัยให้ยาวนาน เช่นเดียวกับที่ดวงจันทร์ยามค่ำคืนสามารถเปลี่ยนร่างคนให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งดูดซับแก่นพลังจากแสงจันทร์ยามค่ำคืน ส่วนอีกฝ่ายรับพลังงานจากเลือดมนุษย์
และยิ่งเป็นคนร่างกายแข็งแรงเท่าไหร่ พลังปราณที่กักเก็บอยู่ภายในเลือดจะยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น ดังนั้นในสายตาของเคิร์ท ราชามวยใต้ดินเหล่านี้ จึงเหมือนยาชูกำลังชั้นยอด ถ้าหากอยู่ที่อื่น เขาคงจะอดเฉลิมฉลองงานเลี้ยงโลหิตขึ้นไม่ได้
“ตามคำสั่งของท่านเถอะครับ!”
ถูกสายตาของเคิร์ทเหลือบมองบนร่าง ราชาแห่งมวยใต้ดินผู้โดดเด่นเหนือสมาชิกกว่าร้อยคนในค่ายฝึกปีเดียวกันยังหนาวสะท้านขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกงูพิษจับจ้อง ใจไม่อยู่กับเนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
นับตั้งแต่จบการฝึกในค่ายมวยใต้ดินอีกทั้งถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งมวย ไม่มีใครที่ไม่พยศดุร้าย ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ก่อนหน้านี้ที่ผู้การกินเนสส์ให้พวกเขาฟังคำสั่งจากเคิร์ท คนเหล่านี้ยังแสดงสีหน้าออกมาว่าไม่สบอารมณ์
แต่หลังจากคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ถูกเคิร์ทใช้ฝ่ามือผอมแห้งตบกระเด็น ก็ไม่มีใครกล้าออกปากคัดค้านอีกต่อไป อย่างไรเสียแม้พวกเขาแต่ละคนจะเย่อหยิ่งจองหอง แต่ก็ยังยึดหลักเทิดทูนผู้แข็งแกร่งอยู่ดี
เคิร์ทออกคำสั่งหนึ่งครั้ง กลุ่มคนสิบกว่าคนนั้นล้วนถอยไปข้างหลังยี่สิบกว่าเมตร ระยะใกล้ขนาดนี้จึงไม่จำเป็นต้องเล็งแม้แต่น้อย หลังจากลั่นไก เสียงระเบิดกึกก้องก็ดังขึ้น เศษหินปลิวกระจายออกมาจากหน้าผา ฝุ่นควันลอยตลบ พื้นดินสนั่นหวั่นไหวในพริบตา
“หือ? ทำไมไม่มีคนอยู่ข้างในล่ะ?”
เศษฝุ่นหินที่ฟุ้งกระจายสามารถปิดบังวิสัยทัศน์ของคนทั่วไป แต่กลับไร้ความหมายต่อเคิร์ทโดยสิ้นเชิง เมื่อเศษหินตรงปากถ้ำถูกกำจัดออกไปแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที นั่นเป็นเพราะพลังชีวิตที่หลงเหลืออยู่ภายในถ้ำกลับสลายไปในเวลาเดียวกัน
ใจของเคิร์ทเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน ร่างเตี้ยนั่นไม่ถอยแต่กลับก้าวไปข้างหน้า ทิ้งระยะห่างออกจากชายสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลัง และแทบในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังตามขึ้นมา
ร่างของราชามวยที่อยู่วงนอกสุดถูกโยนขึ้นสูงลิ่ว ช่วงเอวของเขาดูเหมือนจะถูกบิดจนรอบ ด้านหลังของศีรษะและส้นเท้าถูกหักเข้าหาแทบจะแนบติดกัน กระดูกสีขาวทิ่มแทงทะลุออกมานอกผิวหนังช่วงเอว
ขณะที่ร่างของคนผู้นั้นถูกโยนไป เงาร่างหนึ่งแทรกเข้ามายังใจกลางราชามวยสิบกว่าคนนั้นราวกับสายฟ้าแลบ ทันใดนั้นเสียงร้องโอดครวญก็ดังขึ้นทุกทิศทาง ราชามวยใต้ดินผู้หล่อหลอมกล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวเหล็กไหลเหล่านั้น กลับไม่สามารถตอบโต้การเคลื่อนไหวของร่างนี้แม้เพียงหนเดียว
บางคนเห็นสบโอกาส จึงกดลั่นไกอาวุธในมือ แต่ว่าคนผู้นั้นกลับเคลื่อนไหวไร้ทิศทางราวกับปีศาจ ต่อให้ไม่กลัวว่าจะยิงพลาดถูกสหายร่วมรบ กระสุนก็ยังไม่สามารถเล็งถูกคนผู้นั้น
ผ่านไปหลายสิบวินาที เสียงร้องโหยหวนก็หยุดลงกะทันหัน เงาร่างของเยี่ยเทียนปรากฎขึ้นในใจกลางควันดินปืนและระเบิดที่ยังไม่ทันจางหาย