ตอนที่ 773 อัสนีสวรรค์ (1)
“ผู้การ จะลองใช้ขีปนาวุธ Kh-555 อีกไหม?” เสียงของวิคเตอร์ดังขึ้นทำลายความเงียบในศูนย์บังคับการ
“บัดซบ ท่านนายพล ท่านคิดว่าขีปนาวุธ Kh-555 นี้เป็นผักธรรมดาหรือ? ในประเทศเรามีทั้งหมดไม่เกินสามสิบลูกเท่านั้น ท่านประธานาธิบดีต้องคัดค้านแน่!”
กินเนสส์ไม่ได้หนักแน่นเช่นตอนแรก เขาเริ่มใจร้อนลนลานขึ้นมาจนลืมไปว่าวิคเตอร์เป็นใครจึงสบถออกมาอย่างไม่สุภาพ
ในบรรดาอาวุธในสนามรบ ก่อนจะตัดสินใจใช้ขีปนาวุธ Kh-555 สักลูกแม้แต่ผู้บัญชาการยังต้องได้รับความกดดันขั้นสูง ถ้าไม่มีเซอร์เกเยฟสนับสนุน เกรงว่าขีปนาวุธลูกก่อนคงไม่มีทางได้ใช้
“ฟังคำสั่งของผม กองพลทหารปืนใหญ่หน่วยที่สาม เล็งปืนไปที่เป้าหมายทำการยิงสามชุด!”
ท้องฟ้าเบื้องหน้าของติงหงตอนนี้มีเมฆบดบังหนาทึบ ประเทศต่างๆรวมทั้งศูนย์สั่งการนั้นไม่สามารถควบคุมที่นั่นได้ แต่ใครๆก็รู้ว่าชายที่เป็นดั่งมัจจุราชผู้นั้นยังคงมีชีวิตอยู่
เมื่อไม่สามารถใช้ขีปนาวุธ Kh-555ได้ กินเนสส์ก็ยังออกคำสั่งให้หน่วยกองพลปืนใหญ่ระดมยิงออกไป ซึ่งผลลัพธ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าการใช้ขีปนาวุธเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากคำสั่งยิง กองพลทหารปืนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบกิโลเมตรเริ่มบังคับปืนใหญ่เป็นพันกระบอกให้ค่อยๆชี้เป้าไปที่ติงหง
“เจ้าหนุ่ม ยังจะหลบอยู่อีกหรือ?”
หลังจากจัดการเฮลิคอปเตอร์หลายลำรวดเดียวแล้ว โทสะของติงหงค่อยทุเลาลง เขายืนอยู่บนเนินดินเตี้ยๆที่ถูกระเบิดจนเหลือความสูงเพียงสามสิบกว่าเมตร สายตามองไปทางแนวป่าห่างออกไปสิบกว่าเมตรจนเห็นเยี่ยเทียน
เสียงของติงหงถึงจะไม่ดังมาก แต่เสียงของเขากระแทกเข้าสู่ใจของเยี่ยเทียนดั่งระฆังใบใหญ่ ทำเอาดวงจิตของเยี่ยเทียนสั่นไหว รีบหลบเข้าสู่กายเนื้อทันที
“ไม่ต้องหลบแล้ว สหายเยี่ย แกไล่ติดตามฉันมาจากปักกิ่งจนถึงรัสเซีย แล้วยังทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ แกทำไปเพื่ออะไรกัน?”
เยี่ยเทียนฟังออก ในน้ำเสียงเยือกเย็นของติงหงแฝงด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า เห็นได้ชัดว่าที่เขามีชีวิตมาหลายร้อยปีนี้ไม่ได้อยู่เปล่าๆ เขาคาดเดาออกอย่างง่ายดายว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดจากการชักนำของเยี่ยเทียน
เขาไม่ได้ปรักรำเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย เยี่ยเทียนมีความคิดที่จะใช้กองทัพของรัสเซียต่อกรกับติงหง
แต่เยี่ยเทียคิดไม่ถึงว่าติงหงจะเก่งกาจไร้เทียมทาน การโจมตีชนิดฟ้าถล่มแผ่นดินทลายเมื่อครู่ไม่อาจทำอันตรายเขาได้เลย
“ผู้อาวุโสติง ผมมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่น ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วย!”
เยี่ยเทียนเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้วจึงแสดงตัวออกมาจากกองดิน แม้จะรู้สึกกลัว แต่เขาได้เผชิญหน้าความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน ภายนอกจึงยังดูสงบเยือกเย็น
“ไม่รู้? หึ เจ้าหนุ่ม อย่าคิดว่าแกมีสายเลือดของปราชญ์หุบผาภูติปกป้องแล้วฉันจะไม่กล้าฆ่าแกนะ?”
สีหน้าติงหงเคร่งเครียดจนกลายเป็นสีเขียว หลังจากจัดการกองทัพเฮลิคอปเตอร์จนหมดสิ้นแล้ว เขารู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างประหลาด ราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับชีวิตของตัวเอง ในใจกระวนกระวายไม่อยู่นิ่ง
เชื้อสายของปราชญ์หุบผาภูติมีความสามารถในการทำนายทายทักตกทอดกันมา ไม่แน่ว่าในอนาคตจะมีคนทำนายออกว่าตนเป็นผู้สังหารเยี่ยเทียนแต่ติงหงในตอนนี้ไม่คิดพะว้าพะวงอะไรอีก เจ้าหนุ่มคนนี้ถ้าไม่ฆ่าให้ตายคงไม่อาจชำระความแค้นที่สั่งสมในใจได้
“ถ้าผู้อาวุโสอยากจะรังแกเด็กอย่างผม ผมก็คงไม่มีทางเลือก!”
เยี่ยเทียนหวาดหวั่น เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงของติงหง จึงเริ่มเดินพลังปราณแท้เตรียมตัวรับมือ แต่ด้านหลังเขาห่างออกไปหลายสิบเมตรมีกองทัพทหารหนึ่งแสนคนรออยู่ เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะอาศัยวิธีกวนน้ำให้ขุ่นแล้วแอบหลบหนีไป
“คิดหนีหรือ? แกคิดว่าจะหนีพ้นหรือ?”
ด้วยพลังญาณของติงหง แม้จะห่างกันตั้งสามสิบกว่าเมตร แต่ความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของเยี่ยเทียนถูกเขาจับตามองอยู่ ติงหงหัวเราะเสียงเย็นแล้วเอ่ยว่า “กระดิ่งที่อยู่บนตัวแกเป็นของดีนี่ มันใช้ควบคุมจิตมารได้ เดี๋ยวฉันจะได้ใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้!”
นอกจากวิชามาร วิชาปีศาจแล้ว ผู้ฝึกเต๋ายิ่งฝึกได้ขั้นสูงเท่าไหร่ ยิ่งมีจิตสังหารรุนแรงมากขึ้น เกิดจิตมารได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
เพราะอิทธิฤทธิ์ของพวกนักพรตนั้นมากล้น แต่จะอยู่ในโลกภายนอกร่วมกับมนุษย์ทั่วไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าระดับจิตใจยังไม่สูงพอ ก่อเกิดจิตอาฆาตสังหารคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
เส้นเลือดเขียวปูดขึ้นตรงขมับของติงหง จิตอาฆาตเยี่ยงมัจจุราชที่ซ่อนเร้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน มันต้องการให้เขาลงมือกวาดล้างโลกนี้ให้พังทลายลง ฆ่าล้างทุกคนที่อยู่ตรงหน้า
กระดิ่งในมือเยี่ยเทียนเป็นของวิเศษในลัทธิเต๋า สามารถสงบจิตมารลงได้ ครั้งก่อนติงหงไม่ได้เห็น ไม่เช่นนั้นเกรงว่าตอนนั้นเขาคงต้องช่วงชิงมาแล้ว
“ท่านไม่กลัวว่าศิษย์พี่ของผมจะไปตามหาท่านหรือ?”
เยี่ยเทียนเผชิญหน้ากับติงหงผู้ผลีผลามวู่วามแล้วในใจค่อยๆสงบมั่นคงขึ้น
เยี่ยเทียนรู้ดีว่าด้านการฝึกวิชาของทั้งตนและฝ่ายตรงข้ามนั้นยังไม่อาจก้าวข้ามผ่านด่านที่ยากที่สุดไปได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การบาดเจ็บของติงหงเมื่อครู่ทำให้ฝ่ายนั้นจัดการกับตนเองได้ลำบากขึ้น
เพราะขณะที่ติงหงกำลังเอ่ยปากพูดนั้นเยี่ยเทียนรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลกำลังครอบร่างของตนอยู่ ทำให้ปราณแท้ของเขาเดินติดขัด หากคิดหนีก็เท่ากับเพ้อฝันลมๆแล้งๆ
ติงหงฟังแล้วหัวเราะเสียงดัง “ทายาทของปราชญ์หุบผาภูติจะสักเท่าไหร่กันเชียว เมื่อสามพันปีก่อนมีคนแก่ง่ายตายยาก แต่ตอนนี้คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ฉันจะต้องกลัวอะไรอีก?!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะ ติงหงก็มีสีหน้าตกตะลึง เพราะดวงจิตของเขาเห็นว่าเบื้องหน้ามีลูกระเบิดเป็นพันลูกกำลังพุ่งเข้าใส่ตัวเอง
“บ้าจริง!”
เมื่อสังเกตเห็นลูกระเบิดลอยมาจากทุกทิศทาง ติงหงอ้าปากพ่นแสงไฟสีแดงออกมาล้อมรอบตัวเองไว้
ขณะเดียวกัน แสงสีแดงฉานพุ่งออกมาจากกลางหน้าผากของติงหงลอยพุ่งขึ้นบนฟ้า สลายเมฆหมอกหนาทึบที่ลอยอยู่เหนือหัวเขา ร่างของเขาลอยขึ้นกลางอากาศ ภายในพริบตาเดียว ร่างนั้นลอยสูงจากพื้นร้อยกว่าเมตร
ตอนแรกเขาโดนกักไว้กับพื้นดิน เมื่อถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ Kh-555 แม้ภายนอกจะดูไม่เป็นอะไรมาก แต่ความจริงแล้วบาดเจ็บไม่น้อย
แต่ติงหงบนพื้นตอนนี้กลับเคลื่อนไหวอย่างอิสระเสรี นอกเสียจากวังเครมลินปล่อยระเบิดไปที่ไซบีเรียนั่นแหละ ไม่เช่นนั้นคงทำอะไรเขาไม่ได้
“ไอ้เจ้าฝรั่งพวกนี้ เล็งให้ตรงเป้าหน่อยไม่ได้หรือไง?”
ตอนนที่ติงหงเก็บเอาพลังที่ควบคุมดวงจิตของเยี่ยเทียนไว้กลับมา เยี่ยเทียนได้ยินเสียงลูกระเบิดลอยอยู่ด้านบน เขาเลยไม่กล้าลอยตัวขึ้นเหนือพื้น ทำได้แต่หมอบราบคลานหลบเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว
“บึ๊ม! บึ๊ม!!!”
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท ลูกกระสุนเป็นพันนัดถูกรัวยิงออกไป ทำให้ภูเขาในรอบรัศมีหลายกิโลเมตรสั่นสะเทือน แม้แต่ศูนย์บัญชาการกองพันทหารที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรยังรู้สึกได้
เศษหินกระจัดกระจายปลิวว่อน กลิ่นควันไฟตลบอบอวลไปทั่วท้องฟ้า เนินดินที่เดิมเหลือความสูงอยู่เพียงสามสิบกว่าเมตรตอนนี้พังทลายราบเป็นหน้ากลอง
“เจ้าหนุ่ม แกยังคิดหนีอยู่อีกหรือ?”
ควันหนาทึบปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดินและอากาศ ทัศนวิสัยด้านหน้ามองไม่ชัดเจนสำหรับคนทั่วไป แต่กับติงหงแล้วเขามองเห็นภาพทุกอย่างชัดเจนเหมือนเดิม
เขายิ้มชั่วร้ายออกมา เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตามเยี่ยเทียนเข้าไปอย่างกระชั้นชิดจนเหลือระยะห่างเพียงเจ็ดแปดเมตร ส่งเสียงคำรามออกมา แสงสีแดงที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่รวมกันเป็นลำแสงพุ่งใส่เยี่ยเทียน
“นี่…นี่มันมีดบิน?”
ตอนที่กำลังหนีอย่างสุดชีวิตนั้น เยี่ยเทียรู้สึกว่ากลางกระหม่อมชาวาบขึ้น เมื่อหันกลับไปมองพบว่ามีดสั้นสีแดงขนาดสามนิ้วกำลังลอยตามหลังเขามาติดๆ
ในสิบกว่าปีมานี้เยี่ยเทียนฆ่าคนไปมากก็จริง ได้พบกับอุปสรรคครั้งใหญ่มาไม่น้อย แต่การต่อสู้กับนักพรตนั้นเขาไม่มีประสบการ์เลย เห็นมีดสั้นลอยใกล้เข้ามาจะตัดคอเขา เยี่ยเทียนทำได้เพียงชูมือขวาขึ้นใช้กระดิ่งป้องกันตัวไป
“ติ๊ง ดิ๊ง ดิ๊ง!”
เสียงกระดิ่งสดใสกังวานทำให้เยี่ยเทียนใจชื้นขึ้น มีดบินที่ลอยมาถูกหยุดไว้ได้ วาดตัวเป็นวงกลมแล้วลอยค้างอยู่กลางอากาศห่างจากตัวเขาไปเจ็ดแปดเมตร
“เอ๋ ใช้จิตดั้งเดิมโจมตีได้ด้วย เป็นของวิเศษชั้นดีจริงๆ?”
ติงหงเห็นดังนั้นแล้วก็ยิ้มดีใจ “ตอนนั้นเคยได้ยินตำนานของปราชญ์หุบผาภูติว่ามีของวิเศษตกทอดแก่ลูกศิษย์ หลังจากนั้นมันก็สาบสูญไป หรือมันคือกระดิ่งที่แกถืออยู่ตอนนี้?”
ในโลกของนักพรต มีการแบ่งประเภทของอาวุธวิเศษและของวิเศษ ของวิเศษนั้นมีพลังวิเศษสะสมอยู่ ส่วนอาวุธวิเศษนั้นพลังน้อย ส่วนใหญ่ใช้กับการวางค่ายกล สำหรับติงหงผู้มาจากหอประดิษฐ์วิเศษแล้วไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาวุธวิเศษเท่าใด
อาวุธวิเศษยังแบ่งได้เป็นอาวุธวิเศษประจำกายกับอาวุธวิเศษแห่งชีวิต อาวุธวิเศษประจำกายนั้นสร้างขึ้นได้สำเร็จในครั้งเดียว อิทธิฤทธิ์ที่มีจะขึ้นอยู่กับขั้นวิชาของผู้ฝึก ฝึกวิชายิ่งแก่กล้าอาวุธวิเศษจะยิ่งมีอำนาจมาก
ส่วนอาวุธวิเศษแห่งชีวิตนั้นจะต้องเก็บรักษาไว้ในตันเถียนเพื่อบ่มเพาะพลัง ฤทธิ์เดชจะเพิ่มขึ้นตามกำลังวิชาของเจ้าของ รูปลักษณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ถือเป็นอาวุธที่แสดงถึงความเติบโตก้าวหน้า
มีดบินของติงหงเล่มนี้เป็นอาวุธวิเศษแห่งชีวิตของเขานั่นเอง มีดนี้เกิดจากเมื่อก่อนที่เขาเคยช่วยเหลือสำนักดาบสู่ซานสร้างอาวุธวิเศษแห่งชีวิตขึ้น จากนั้นจึงได้ศึกษาวิธีสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
มีดบินเล่มนี้ติงหงได้ใช้ทั้งเลือดลมและปราณแท้หล่อเลี้ยงมันมาร้อยกว่าปี ในตัวมีดได้ถูกหล่อเลี้ยงจนเกิดเป็นจิตดั้งเดิมดวงที่สองขึ้น
ถ้าติงหงรอจนฝึกสำเร็จขั้นจินตันได้แล้วไม่แน่ว่าจะสามารถแยกจิตดั้งเดิมที่สองออกมา ทำให้มีดเล่มนี้กลายเป็นอาวุธวิเศษที่มีจิตวิญญานได้
แต่เมื่อมีดบินกับกระดิ่งของเยี่ยเทียนมาปะทะกัน ติงหงรู้สึกว่าพลังวิเศษจากกระดิ่งเข้าโจมตีมีดจนเกือบจะทำลายจิตดั้งเดิมในมีดให้สลายไป
ติงหงไม่ได้ตกใจแต่กลับยินดี กระดิ่งมีฤทธิ์มากขนาดนี้ จะเป็นประโยชน์กับเขามาก เขาไม่จำเป็นต้องใช้มีดโจมตีฝ่ายตรงข้าม อย่างผู้ฝึกเต๋าขั้นแรกเริ่มอย่างเยี่ยเทียน แค่เขาขยับมือนิดเดียวก็บีบให้ตายได้
มีดบินเป็นอาวุธวิเศษแห่งชีวิต ติงหงไม่กล้าใช้มันโจมตีเยี่ยเทียน จึงโบกมือเรียกเอามีดบินลำแสงสีแดงกลับไป
“เจ้าหนุ่ม ฉันจะให้แกได้เห็นวิชาที่แท้จริงของฉันเป็นบุญตา!”
ติงหงยิ้มเหี้ยม มือทั้งสองประนมเข้าหากัน เมฆหมอกที่สลายไปแล้วกลับมารวมกันใหม่เหนือหัวของนักพรต ตรงกลางหมอกดำหนาทึบปรากฎเป็นลำแสงสายฟ้าแลบ
“ให้ตายสิ อย่าบอกว่าเจ้าแก่นี่จะใช้สายฟ้าฟาดใส่เรา?”
เห็นภาพตรงหน้าแล้วเยี่ยเทียนขนหัวลุก นี่สิถึงเรียกว่าการโจมตีแบบลัทธิเต๋าของจริง ถ้าเทียบกันแล้ว การใช้พลังพิฆาตฆ่าคนของเยี่ยเทียนนั้นเทียบกันไม่ติดฝุ่น