ตอนที่ 774 อัสนีสวรรค์ (2)
เมฆดำเหนือศีรษะของนักพรตยิ่งก่อตัวหนาขึ้น มองเห็นสายฟ้าแลบแปล๊บๆอยู่ภายใน สายฟ้าพาดตัวยาว ท้องฟ้าในรอบรัศมีสิบกว่ากิโลเมตรมืดมิดไม่เห็นแสงตะวัน
สายฟ้าที่ปรากฏขึ้นทำให้สรรพชีวิตภายในเมฆดำก้อนใหญ่นี้เกิดความหวั่นไหวหวาดกลัว ราวกับรู้สึกว่าภัยล้างโลกกำลังจะเกิดขึ้น
“เจ้าหนุ่ม ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสสายฟ้าดูสักครั้ง!”
ติงหงยืนอยู่กลางอากาศ รัศมีสีแดงห้อมล้อมร่างกายราวกับตัวเขาเป็นทวยเทพ ยื่นมือสูงฝ่ามือหันขึ้นฟ้า นิ้วทั้งห้าชี้ขึ้น ตะโกนว่า “อัสนีสวรรค์ห้าทิศจงรวมตัว!”
สิ้นเสียงติงหง สายฟ้าขนาดใหญ่เท่าลำแขนรวมตัวกันขึ้นกลางกลุ่มเมฆนั้น เยี่ยเทียนเห็นแล้วขนลุกซู่ ในใจรู้สึกหมดแรง
เยี่ยเทียนรู้ว่าต่อให้เขาเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นสายฟ้าได้ ถ้าจะหนีให้พ้นนั่นก็ต้องหนีเร็วให้ได้มากกว่าความเร็วแสง ขืนรอให้สายฟ้าฟาดลงมา ร่างกายของเขาคงแหลกเหลวไหม้เกรียมเป็นตอตะโก
“บ้าเอ๊ย ไม่คิดเลยว่าฉันจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ท่านบูรพาจารย์ ท่านพอจะช่วยผมได้ไหม?!”
เห็นสายฟ้าเหนือหัวแล้วเยี่ยเทียนสบถออกมา ปกติเขาทำนายผูกดวงไม่เคยพลาด ก่อนมาได้ทำนายว่าการเดินทางมารัสเซียครั้งนี้จะมีอันตรายแต่ไม่ถึงชีวิต แต่เรื่องราวบานปลายจนกลายเป็นเหตุที่เกินควบคุมไปแล้ว
อีกทั้งทางรัสเซียก็ได้จัดกำลังทัพมาปิดล้อมเขาไว้อีกด้วย แต่เคราะห์หนักในครั้งนี้ เยี่ยเทียนไม่รู้เลยว่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างไร การฝึกฝนของเขาถึงระดับเซียนเทียนแล้ว หากรังแกคนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มีปัญหา แต่นี่ติงหง เขาทำอะไรติงหงไม่ได้เลย
“อ่า!”
ตอนที่เยี่ยเทียนหลับตารอรับสายฟ้าฟาดลงมาน้อมรับความตายอยู่ตรงนั้น แต่ตั้งนานทำไมสายฟ้าไม่ฟาดลงมาเสียที กลับได้ยินเป็นเสียงของติงหงร้องคร่ำครวญ
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ปรมาจารย์ติงฝึกวิชาแบบไหนมา?”
เยี่ยเทียนลืมตามองบนฟ้าแล้วตะลึงงัน เบื้องหน้าของเขามีงูสีเงินตัวใหญ่ลอยอยู่กลางฟ้า สายฟ้านั้นครอบคลุมร่างของติงหงเอาไว้
“บัดซบ จะมามาบรรลุขั้นวิชาอะไรตอนนี้?”
ติงหงที่ลอยอยู่กลางอากาศยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ หลายร้อยปีมานี้เขาไม่เคยพูดแม้แต่คำหยาบเลยสักครั้ง ยังอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
การฝึกวิชาของติงหงถึงขั้นปลายของระดับเซียนเทียนมานานแล้ว ห่างจากขั้นจินตันอีกก้าวเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่อยากผ่านด่านอัสนีสวรรค์ จึงได้อดกลั้นการฝึกวิชาของตัวเองไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้จะบังคับให้เขาต้องรับทัณฑ์จากด่านอัสนีสวรรค์
การฝึกวิชาเต๋าถึงขั้นจินตัน ด่านนี้เป็นด่านที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกเต๋า ในหนึ่งพันคนอาจจะไม่มีสักคนที่รอดชีวิตจากด่านอัสนีสวรรค์ไปได้
อย่างสำนักวิชาเต๋าต่างๆในดินแดนแห่งทวยเทพ เวลาที่ศิษย์ในสำนักกำลังจะก้าวข้ามผ่านด่านอัสนีสวรรค์ พวกเขาจะตั้งค่ายกลเพื่อช่วยต้านทานแรงอัสนีสายฟ้าฟาด ทั้งยังมอบของวิเศษให้เพื่อช่วยในการสงบจิตใจ เพิ่มกำลังให้ก้าวผ่านด่านไปได้สำเร็จ
ติงหงมาจากหอประดิษฐ์วิเศษก็จริง แต่สำนักของเขาสาบสูญไปเป็นพันปีแล้ว นอกจากมีดบินที่เป็นอาวุธวิเศษแห่งชีวิตชิ้นเดียว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใช้ป้องกันตัวได้ การรับอัสนีสวรรค์ก้าวผ่านด่านนี้นั้นไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าแลก
ครั้งนี้เหมือนติงหงหาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนแรกถูกขีปนาวุธ Kh-555 เข้า ทำให้เขาถึงกับหน้ามืดเวียนหัว แล้วยังมีโทสะที่กระตุ้นจิตมารให้บังเกิดขึ้น
หลังจากติงหงถูกกระสุนนับพันโจมตีอีกครั้ง ด้วยความฉุกละหุกจึงปลดปล่อยพลังที่อดกกลั้นเอาไว้ออกมา
ตอนที่กำลังจะใช้วิชาอัสนีสวรรค์ห้าทิศสังหารเยี่ยเทียนอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังนั้น กลับกลายเป็นว่าเมฆดำที่ติงหงเรียกมา ได้ชักนำให้เขาต้องรับการผ่านด่านอัสนีสวรรค์เพื่อเข้าสู่ขั้นจินตัน
สายฟ้าขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกมาจึงไม่ได้ฟาดลงที่ตัวเยี่ยเทียน กลับฟาดใส่กระหม่อมของติงหงตรงๆ
สายฟ้าฟาดครั้งนี้ ทำให้ติงหงขนลุกไปทั้งตัว หมวกนักพรตของเขากระจุยเป็นชิ้นๆ เส้นผมถูกตัดขาดลอยขึ้นบนฟ้า
มองดูงูสีเงินที่บินอยู่เหนือศีรษะของตัวแล้ว ติงหงประสาทกระเจิง ไม่สนใจเยี่ยเทียนอีกต่อไป เขาก้มหัวลงกับพื้น ด้านหลังที่ไล่ตามมาคือแสงสายฟ้าฟาดตามเขาไปทั่ว
“ปัง ! เปรี้ยง!”
สายฟ้าฟาดไม่หยุดยั้ง ลำแสงนับไม่ถ้วนห้อมล้อมตัวติงหงไว้จนดูเหมือนคนที่เรืองแสงได้ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้พลังปราณแท้ปกป้องร่างกายไว้ คงจะต้องถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้เกรียมไปแล้ว
“นี่…เพราะทำชั่วมามาก หรือว่าจะแกล้งโดนฟ้าผ่ากันแน่?”
เยี่ยเทียนอ้าปากค้างมองดูติงหงที่ตอนแรกเก่งกาจสามารถ แต่ตอนนี้กำลังวิ่งหนีสายฟ้าแบบหางจุกตูด ตำแหน่งที่เขาอยู่ไม่ห่างจากสายฟ้ามากนัก แต่สายฟ้าไม่ได้ฟาดลงมาใกล้ตัวเขาเลย
สายฟ้าที่ฟาดลงมาถูกตัวนักพรตทำให้ติงหงหน้าดำเป็นก้นหม้อ เสื้อคลุมชุดนักพรตขาดหลุดลุ่ย ดูราวกับขอทานข้างถนน
“เจ้าหนุ่ม ต่อให้ฉันตายฉันก็จะลากแกไปด้วย!”
ติงหงประกาศออกมา เขาต้องรับอัสนีสวรรค์นี้เป็นเพราะเยี่ยเทียนทั้งนั้น เขาทั้งโกรธทั้งแค้นเยี่ยเทียน จนอยากจะสับเยี่ยเทียนเป็นพันๆชิ้น
เมื่อติงหงขยับร่างกาย พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียนเมฆดำเหนือศีรษะที่กดทับลงมาเกิดแหวกเป็นรอยเส้น สายฟ้าหนาใหญ่เท่าโอ่งน้ำฟาดลงมาที่กลางกระหม่อมของติงหงพอดี
“แตกเดี๋ยวนี้!”
ติงหงต้องหยุดการเคลื่อนไหว อ้าปากพ่นเอาลำแสงสีแดงออกมา มีดสั้นสามนิ้วจู่ๆก็ใหญ่ขึ้นหลายเท่า พุ่งใส่สายฟ้าที่ฟาดลงมา
“เปรี้ยง!” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีดบินของติงหงถูกแสงสายฟ้าห้อมล้อมไว้ มันกันสายฟ้าเอาไว้ได้ที่ตรงหน้าของติงหงพอดี แต่เขาถึงกับกระอักเลือดออกมา
ยื่นมือออกไปรับมีดสั้นกลับมา ตรวจดูครั้งหนึ่งมีดสั้นที่เขาเฝ้าประคบประหงมมาเป็นร้อยปี เกิดรอยแตกเป็นเส้นเล็ก ๆ ติงหงโกรธจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
พอนึกได้ติงหงจึงหันมาหาเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนกลับหายตัวไปแล้ว
เยี่ยเทียนรู้ว่าติงหงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ตอนที่นักพรตตะโกนเสียงดังนั้น เขาได้หลบออกมาจากรัศมีของอัสนีสวรรค์แล้ว ใช้ปราณแท้ตั้งค่ายกลป้องกันตัวเองและกลบเกลื่อนร่องรอย
“เยี่ยเทียน ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”
ติงหงผมเผ้าหลุดลุ่ย กำลังถูกอัสนีสวรรค์ฟาดลงมาทำให้พลังปราณแท้ของเขาสูญสิ้น กระอักเลือดออกมาเป็นพักๆ
“เปรี้ยง ฮึ่ม ฮึ่ม!”
อัสนีสวรรค์แต่ละลำยิ่งหนักขึ้นอีก การโจมตีในแต่ละครั้ง ลดทอนพลังคุ้มกันตัวของติงหงลงเรื่อยๆ ร่างที่โดนฟ้าฟาดกระตุกลอยขึ้นกลางอากาศ
ยังไม่ทันรอให้ร่างตกถึงพื้น อัสนีสายใหม่ก็ซัดลงมาอีก กายของติงหงราวกับถูกฝังลงด้วยอัสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วน เสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดดังไม่หยุด
ขั้นตอนนี้ใช้เวลาถึงสิบกว่านาทีเต็มจึงสิ้นสุด สายอัสนีหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนบนพื้นตรงนั้นเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณอันไหม้เกรียมของติงหง
เมื่ออัสนีสวรรค์สิ้นสุดลง เมฆดำบนฟ้าจางหายไป ลำแสงสีทองของพระอาทิตย์สาดกระทบพื้นดิน ความรู้สึกกดดันหนักหน่วงของเมฆดำสลายตามไปด้วย
“เจ้าหนุ่ม แกทำร้ายฉันถึงเพียงนี้ ฉันจะไม่มีวันละเว้นแก!”
เมื่อเมฆดำหายไปแล้วปรากฏเงาเด็กทารกโปร่งแสงเกิดขึ้น เงานั้นเป็นรูปลักษณ์เหมือนติงหงที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น
ถึงจะก้าวผ่านด่านอัสนีสวรรค์ไม่สำเร็จ ร่างกายดับสูญไป แต่ติงหงผู้ฝึกวิชาหลายร้อยปีก็ไม่ธรรมดา ในเมื่อไม่อาจเข้าถึงระดับจินตันได้ แต่เขายังสามารถรักษาจิตเดิมแท้ให้อยู่รอดในโลกนี้ต่อไปได้
ขอเพียงแค่ภายในสามวันนี้ติงหงกลับถึงดินแดนแห่งทวยเทพ ชิงเอากายเนื้อของนักพรตคนอื่นมาได้ ก็จะมีโอกาสฟื้นคืนชีพ แน่นอนว่าระดับวิชาของเขาจะร่วงลงมาสู่ขั้นแรกของระดับเซียนเทียนอีกครั้ง
ใบหน้าโกรธแค้นมองไปตามทิศทางที่เยี่ยเทียนไป ติงหงยังไม่กล้าไปหาเรื่องเยี่ยเทียนตอนนี้ เพราะเขาเหลือแต่ดวงจิต อาจจะสู้กับกระดิ่งวิเศษของเยี่ยเทียนไม่ได้
“ยังไม่ตาย?”
เยี่ยเทียนผู้กลบเกลื่อนร่องรอยของตัวเองไว้ แล้วแอบมองดูติงหงอยู่ห่างๆ เห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของติงหงแล้วรู้สึกหนักใจ กำลังของมนุษย์ไม่อาจสังหารติงหงได้ หรือว่าแม้แต่อำนาจสวรรค์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลยหรือ?
คิดได้ว่าติงหงจะต้องกลับมาแก้แค้นได้อีกในคราวหลัง ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกทุกข์ใจ เขาสามารถหนีไปให้ไกล ติงหงไม่มีทางหาเขาพบ แต่ครอบครัวของเขายังอยู่ในปักกิ่ง หนีไม่พ้นแน่นอน!
“โจรเฒ่า ฉันอยู่ตรงนี้ ถ้ายังมีน้ำยาก็ออกมาสิ!”
เยี่ยเทียนตัดสินใจยกเลิกค่ายกล ปล่อยพลังจิตออกไป ในความคิดของเขา เคยสู้กับติงหงมาหลายครั้ง ก็ควรจะต้องหาทางจบสิ้นเสียที?
“เอ๋? เหลือแต่จิตดั้งเดิม?”
เยี่ยเทียนปล่อยดวงจิตออกไปพบเข้ากับจิตดั้งเดิมที่เป็นทารกของติงหง แล้วตกตะลึง กลับกันจิตดั้งเดิมของติงหงที่เมื่อครู่ประกาศชัดว่าจะตามจองล้างจองผลาญเยี่ยเทียน ตอนนี้กลับเกิดอาการหวาดหวั่น
“โจรเฒ่า เหลือแค่ดวงจิตแค่นี้เองหรือ?”
เยี่ยเทียนใช้ดวงจิตมองดูซากเนื้อดำๆบนพื้นอย่างสะใจ พุ่งตัวเข้าใส่ติงหงที่อยู่เบื้องหน้า เห็นเขาพ่ายแพ้ยับเยินจะต้องไม่ปล่อยให้รอดชีวิตไปอีก
ตอนที่เยี่ยเทียนพุ่งตัวออกไปนั้น ดวงจิตของติงหงยังอยู่ในบริเวณที่เมฆดำหลงเหลือตกค้าง และแล้วอัสนีสวรรค์ฟาดลงมาอีกลำหนึ่ง ตรงดวงจิตของเขาพอดี
สิ่งที่จิตดั้งเดิมกลัวที่สุดคือแสงจ้าและสายฟ้า นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมนักพรตถึงชอบถอดจิตดั้งเดิมออกในเวลากลางคืน และมักหลีกให้ไกลจากเสียงฟ้าร้อง
เมื่ออัสนีสวรรค์ฟาดลงมาอีกครั้ง ติงหงยังไม่ทันได้อ้าปากร้อง จิตดั้งเดิมถูกตีให้แตกดับ สูญหายไปกับอากาศในสากลโลก
“ตายแล้วหรือ?”
เยี่ยเทียนที่กำลังปลุกกำลังใจให้ฮึกเหิมเตรียมจะตะลุมบอนกับติงหงอีกครั้ง ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง ตอนที่ฟ้าผ่าลงมานั้นดวงจิตของเยี่ยเทียนกระตุกอย่างรุนแรง
เขารู้สึกได้ทันทีว่าในอัสนีสวรรค์ลำสุดท้ายนี้เหมือนมีหมู่มารกำลังร่ำร้อง ถึงจะไม่ได้พุ่งเข้าใส่เยี่ยเทียนแต่ก็ทำให้เขาจิตใจสับสนว้าวุ่นได้เหมือนกันจนถึงกับกระอักเอาเลือดออกมา
“ให้ตายสิ เจ้านักพรตคนนี้ทำบาปมากมายขนาดนี้เชียว? ถึงทำให้สวรรค์ลงโทษอย่างแสนสาหัส?”
เมื่อดึงเอาดวงจิตกลับเข้าสู่ร่างกายแล้ว เยี่ยเทียนยังใจสั่นไม่หาย ถ้าอัสนีสวรรค์ฟาดใส่ตัวเขาละก็ เขาคงจะตายไปตั้งแต่โดนฟ้าผ่าครั้งแรกแล้ว