“บนโลกนี้ยังจะมีคนที่ทำนายดวงชะตาได้แม่นยำกว่าฉันอีกหรือ?”
เยี่ยเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงครุ่นคิดอย่างหนัก ในใจเกิดความรู้สึกว่าเมื่อครู่ได้มีใครบางคนลอบเข้ามาแอบดูดวงจิตของเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เดินลมปราณไปรอบหนึ่งขับเอาความรู้สึกแย่ๆนั้นออกไป แต่เขาก็ฟื้นฟูสติกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“หรือเป็นเพราะซ่งเสี่ยวหลงรู้ว่าเรามาที่เคปทาวน์แล้ว? จะปล่อยข่าวให้เขารู้หน่อยดีไหม?”
เยี่ยเทียนยิ้มเย็น ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าซ่งเสี่ยวหลงก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่แม่ของเขาบอกมา ถ้าซ่งเสี่ยวหลงลงมือกับเขาก่อน เยี่ยเทียนก็ไม่ลังเลที่จะบีบแมลงวันที่มารบกวนเขาให้ตายคามือ เจ้านั่นใช้วิธีลอบกัดเขามาหลายครั้งแล้ว
เขายื่นมือออกไปหยิบเหรียญต้าฉีทงเป่ากับเหรียญทองแดงอีกสองเหรียญ เยี่ยเทียนโยนมันขึ้นบนอากาศ รอจนเหรียญทั้งสามตกลงเรียบร้อยแล้วดูคำทำนายแล้วเขาก็ต้องตะลึง
ถึงจะบอกว่าทำนายชะตาตัวเองไม่ได้ แต่ด้วยวิชาของเยี่ยเทียนพอจะเดาได้ถึงลิขิตสวรรค์ ส่วนชะตาของตัวเองยังพอจะดูได้สักครึ่งหนึ่ง
คำทำนายที่แบอยู่ตรงหน้าเขานี้ช่างผิดแผกแปลกประหลาดมาก ตอนแรกจะพบกับภัยอันตราย แล้วเปลี่ยนเป็นปลอดภัย หลังจากนั้นเกิดความพลิกผันครั้งใหญ่ซึ่งเป็นภัยมหันต์แก่เยี่ยเทียน ส่วนผลลัพธ์ตอนสุดท้ายกลับไม่ปรากฎ
“กองทัพทั้งกองทัพยังทำอะไรเราไม่ได้ ยังจะมาเจอเหตุร้ายแรงอะไรในเมืองเคปทาวน์เล็กๆนี้อีก?”
คำโบราณว่าไว้คนเก่งมักใจกล้า คำทำนายเกี่ยวกับอันตรายของเขานั้นเยี่ยเทียนเห็นแล้วยิ้มออกมาไม่หวาดหวั่น ด้วยการฝึกวิชาของเขาตอนนี้ ต่อให้มีคนคิดร้ายต่อเขาในรัศมีหลายร้อยเมตร เขาจะรู้สึกได้ทันที
อีกอย่างเคปทาวน์ไม่เหมือนกับไซบีเรียที่มีพื้นที่กว้างขวางแต่คนน้อย ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่คึกครื้นมีชีวิตชีวา ตรอกซอกซอยเล็กๆมีอยู่ทั่วไป แค่เลี้ยวหลบมุมเข้าไปในตรอกใดตรอกหนึ่งก็หนีจากการติดตามได้แล้ว เยี่ยเทียนไม่กลัวเหตุการณ์ถูกล้อมดังเช่นตอนอยู่ที่ไซบีเรีย
“ที่นี่พลังธรรมชาติน้อยเกินไปหน่อย…”
เมื่อครู่ตอนเยี่ยเทียนนั่งสมาธิไม่ได้บังเกิดผลมากมายแต่อย่างใด เขาพลิกข้อมือขึ้นในมือมีหินวิเศษธาตุไฟขนาดเท่าหัวแม่มือ เขาคิดเล็กน้อย ยิ้มเศร้าแล้วเก็บมันไว้
แม้จะด้วยความบังเอิญ เยี่ยเทียนได้หินวิเศษธาตุน้ำ ไฟ ดิน และไม้มาแล้ว แต่หินธาตุไม้นั้นมีเพียงก้อนเดียว อิทธิฤทธิ์ของมันยังถูกเยี่ยเทียนดูดกลืนไปใช้ฝึกวิชาเพื่อเข้าถึงระดับเซียนเทียนไปเสียมาก
ส่วนหินธาตุอื่นๆที่เหลืออีกสามธาตุ เยี่ยเทียนก็มีเหลือไม่มาก เมื่อรวมกันแล้วแค่สิบก้อนเท่านั้น ตอนนี้พวกศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่มีใครบรรลุถึงระดับเซียนเทียนเลยสักคน ถ้าเยี่ยเทียนใช้หินพวกนี้ฝึกวิชาจนหมด จะไม่เป็นการเสียของหรือ
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าทางแอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำ จะเป็นไปได้ไหมที่จะไปหาหินวิเศษธาตุทองมา?”
มองหินที่มีประกายทองวับแววแล้วเกิดความคิดบางอย่างขึ้น ผ่านเหตุกาณ์ในไซบีเรียมาแล้วเขาเกือบจะแน่ใจได้ว่าสถานที่ๆเป็นบ่อทองไม่แน่ว่าจะมีหินวิเศษอยู่ แต่ถ้าเป็นรอบๆบริเวณที่มีสายแร่ทองคำจะต้องมีทองคำอยู่แน่นอน
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าโอกาสมีมากน้อยแค่ไหน แต่แอฟริกาใต้ขึ้นชื่อเรื่องเหมืองทองอยู่แล้ว ถ้าโชคดีก็อาจจะหาพบก็เป็นได้
คิดได้ดังนี้แล้ว เยี่ยเทียนกระตือรือร้นขึ้นมา สำหรับตัวเขาในตอนนี้ความมั่งคั่งไม่มีค่าในสายตา ต่อให้นำเงินร้อยล้านดอลลาร์มากองอยู่ตรงหน้าเขา เขายังไม่เห็นว่าเงินจะสำคัญกว่าหินวิเศษตรงไหน
มองดูเวลา ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว เยี่ยเทียนหลับตาลงพักผ่อน เขายังต้องอยู่ในเคปทาวน์อีกอย่างน้อยสามวันถึงประมาณหนึ่งสัปดาห์ ไม่ต้องรีบร้อนจากไป
………………
“คุณเฉียว มีเรื่องที่จะรบกวนคุณหน่อย”
เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนหานามบัตรของเฉียวเฟิงหลินแล้วโทรติดต่อเขา เขาเป็นผู้จัดการของบริษัทอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ การจะจัดการให้เยี่ยเทียนเข้าชมเหมืองแร่ทองคำสักแห่งคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร?
“คุณจ้าว? มีธุระอะไรหรือครับ?”
เฉียวเฟิงหลินได้ยินเสียงที่ดังมาตามสายแล้วเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คุณจ้าวคนนี้ดูอายุยังไม่มาก น่าจะเป็นลูกหลานของคนสำคัญระดับประเทศสักคน เฉียวเฟิงหลินมักจะรักษาระยะห่างไม่ดูแลต้อนรับจนมากเกินไปแต่ก็ไม่ทำสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจเหมือนกัน
เยี่ยเทียนบอกความต้องการของตัวเองตามตรง “คุณเฉียวครับ คืออย่างนี้ ผมสนใจเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้มาก อยากจะมาลงทุนที่นี่อยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณพอจะแนะนำให้ผมได้ไหม? หรือว่าช่วยจัดการให้ผมไปเยี่ยมชมในเหมืองทองได้ไหม?”
เยี่ยเทียนหาเส้นทางพลังธรรมชาติไม่เป็น แต่จากประสบการณ์การขุดเส้นทางพลังธรรมชาติตอนอยู่ไซบีเรีย ทำให้รู้ว่าเส้นทางพลังมีพลังชั้นหนึ่งที่บดบังไม่ให้เขาใช้พลังจิตเข้าไปตรวจสอบได้ เพียงแค่ให้เขาเข้าใกล้เหมืองทอง ถ้าใช้พลังจิตเข้าไปด้านในไม่ได้ แสดงว่าข้างในมีพลังธรรมชาติอยู่
“ลงทุนเหมืองทอง?”
เฉียวเฟิงหลินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ถึงจะตอบว่า “คุณจ้าวครับ เหมืองแร่เหมืองทองในแอฟริกาใต้นั้นมีอยู่มากก็จริง แต่ที่นั่นถูกขุดมาเป็นร้อยปีแล้ว แร่ทองที่มีค่าส่วนใหญ่ถูกขุดไปขายเกือบหมดแล้ว พูดตามจริงคืออนาคตในการลงทุนด้านนี้ไม่ค่อยดีนัก”
แอฟริกาใต้ไม่ใช่สมรภูมิการรบที่สำคัญ เฉียวเฟิงหลินเป็นเพียงสายสืบของคนหนึ่งเท่านั้น แต่งานอาชีพที่แท้จริงคือบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้น ซึ่งปกติก็ยุ่งมากอยู่แล้ว
คนอย่างเยี่ยเทียนทุกปีเฉียวเฟิงหลินได้ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นตระกูลระดับสูงที่มีอำนาจในประเทศ การที่คิดว่าอยากจะไปเยี่ยมชมธุรกิจเหมืองทองในแอฟริกาใต้เป็นเพียงการเอาเงินก้อนใหญ่ไปละลายทิ้ง สุดท้ายก็กลับประเทศไปอยู่ดี
เฉียวเฟิงหลงรู้นิสัยของลูกคนรวยพวกนี้ดี แต่เท่าที่รู้ไม่มีแซ่จ้าวเลย ดังนั้นเขาไม่อยากจะเสียเวลาเสียพลังงานไปกับเยี่ยเทียน จึงพูดบอกปัดไปอย่างชัดเจน
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รบกวนคุณเฉียวแล้ว”
เยี่ยเทียนติดตามหลี่ซั่นหยวนออกท่องยุทธภพตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทำการทำนายดวงชะตาให้ผู้คน ถ้าพูดถึงการดูคนแล้วไม่มีใครมองคนได้ถ่องแท้เท่าเยี่ยเทียนอีก คำพูดของเฉียวเฟิงหลินที่เอ่ยมา เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายดี
“ไม่ ไม่ ไม่ครับ ไม่ลำบาก คุณจ้าว เอาอย่างนี้ไหมครับ มีทัวร์ท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ที่รับดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะพวกเขาสามารถพาคุณไปเยี่ยมชมเหมืองทองที่เปิดเป็นแห่งแรกในแอฟริกาใต้ ทั้งยังแนะนำถึงประวัติความเป็นมาของเหมืองทอง พวกเขาเชี่ยวชาญมากกว่าผม”
เฉียวเฟิงหลินรีบเสนอความคิดเห็นออกไป แต่เห็นเยี่ยเทียนไม่ตอบรับเขาจึงรีบพูดต่อว่า “ไม่อย่างนั้นคุณติดตามไปท่องเที่ยวเที่ยวชมกับคณะทัวร์ดีไหมครับ แอฟริกาใต้เหตุการณ์ไม่ค่อยสงบนัก แต่ถ้าไปกับคณะทัวร์นั้นปลอดภัยได้หายห่วง”
การทำงานต้อนรับแขกแบบนี้ทำให้เฉียวเฟิงหลินเปลี่ยนบุคลิกสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าเมื่อครู่เขาพูดตรงเกินไป จึงคิดอยากจะชดเชยให้ เขารู้ว่าลูกคนรวยในประเทศจีนที่ชอบเที่ยวเล่นมักจะประกอบกิจการงานไม่ค่อยสำเร็จ ส่วนใหญ่จะล้มเหลวมากกว่า
“คณะทัวร์ท่องเที่ยว? ก็ได้ รบกวนคุณหน่อยก็แล้วกัน”
เยี่ยเทียนลูบจมูกพลางยิ้มแหย ดูท่าคุณเฉียวจะเห็นเขาเป็นคนไม่เอาถ่านที่มาเที่ยวกินเที่ยวเล่นไปวันๆ ถึงจัดการให้เขาไปกับคณะทัวร์ท่องเที่ยว
แต่เยี่ยเทียนไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเขาหวังแค่จะไปแสวงโชคเท่านั้น รู้อยู่ว่าความหวังในการหาเส้นทางพลังธรรมชาติพบนั้นช่างริบหรี่ เขาจึงไม่ตำหนิการจัดการของเฉียวเฟิงหลินแต่อย่างใด
“พูดอะไรอย่างนั้น คุณจ้าวเกรงใจเกินไปแล้ว เดี๋ยวคุณเอาพาสพอร์ตยื่นให้หน้าเคาน์เตอร์ที่โรงแรมได้เลย ที่เหลือผมจะดำเนินการให้”
เฉียวเฟิงหลงยิ้มออกมา คนหนุ่มคนนี้ช่างรู้กาลเทศะดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเฉียวเฟิงหลินจะต้องขับรถพาเขาไปด้วยตัวเอง แต่พอได้ยินว่าจะไปเหมืองทองคำ ธุรกิจด้านนี้ไม่ได้ดีนัก ตัวเฉียวเฟิงหลินเองก็ไม่อยากไปที่แบบนั้น
เหตุกาณ์ในรัสเซียทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน ซ่งเฮ่าเทียนจัดการช่วยเหลือเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวังที่สุด คนที่รู้ความจริงและชื่อจริงของเยี่ยเทียน ถ้านับฝูเจิ้งหมิงด้วยทั้งหมดมีแค่สามคน
ด้วยสถานะคนนอกอย่างเฉียวเฟิงหลินไม่มีสิทธิ์จะได้ล่วงรู้ใจความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงกระตือรือร้นจะบริการเยี่ยเทียนมากกว่านี้ เขาเพียงแค่ส่งเยี่ยเทียนไว้ที่โรงแรมเฉยๆ
เฉียวเฟิงหลินเป็นคนทำงานให้บรรลุเป้าหมาย อีกยี่สิบนาทีต่อมา มีพนักงานโรงแรมคนหนึ่งมาเคาะประตูห้องพักของเยี่ยเทียนเพื่อขอจดข้อมูลส่วนตัวในพาสปอร์ต แล้วออกไป เขาบอกว่าจะไปทำเรื่องการติดต่อทัวร์ท่องเที่ยวให้เยี่ยเทียน
เมื่อพนักงานคนนั้นเดินลงมาถึงล็อบบี้โรงแรมก็ถูกธนบัตรดอลลาร์ปึกหนึ่งฟาดหัวเพื่อให้บอกร่องรอยของเยี่ยเทียน และแผนการที่จะเดินทางไปแอฟริกาใต้ของเขาก็ถูกแพร่งพรายออกไปเรียบร้อย
“ศิษย์พี่เหลย สวรรค์ต้องการให้เราทำลายตระกูลเยี่ย!”
ตอนที่เมเดียน่าหรือเจียงซานอยู่ที่ห้องของเหลยหู่ในโรงแรม เหมียวจื่อหลงสีหน้าตื่นเต้น ถ้าเยี่ยเทียนหลบอยู่แต่ในโรงแรมไม่ออกไปไหนละก็ เขาก็ไม่มีทางทำอะไรได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเยี่ยเทียนกำลังจะเดินทางท่องเที่ยวไปกับคณะทัวร์ ไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?
“ศิษย์น้องเหมียว เยี่ยเทียนเป็นคนฉลาดล้ำลึก แกจะต้องดูให้แน่ใจก่อนถึงจะลงมือ!”
เมื่อครั้งเยี่ยเทียนประลองกับหัวหน้าใหญ่ในสมาคมหงเหมิน เยี่ยเทียนได้ปล่อยพลังจิตสังหารรุนแรงออกมา เหลยหู่เห็นแล้วยังใจสั่น พลังระดับนี้ไม่ได้ได้จากการฝึกหมัดมวยธรรมดา จำนวนคนที่ตายด้วยมือของเยี่ยเทียนมีไม่น้อย ดังนั้นคนแบบนี้เป็นคนที่รับมือด้วยยากที่สุด
“ศิษย์พี่เหลย วางใจเถอะ นอกจากกลุ่มทหารหกกองแอฟริกาใต้ ฉันยังได้เชิญทหารมาจากคองโกอีกกลุ่มหนึ่ง คราวนี้เยี่ยเทียนไม่มีทางรอดแน่!”
ฟังเหลยหู่พูดจบ เหมียวจื่อหลงยิ้มอย่างบ้าดีเดือด ครั้งนี้ซ่งเสี่ยวหลงต้องจ่ายให้เขามากถึงหกสิบล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเงินสนับสนุน
เมื่อมีแหล่งเงินทุนที่มากพอ เหลยหู่นอกจากจะติดต่อกับกลุ่มทหารในแต่ละประเทศทางแอฟริกาใต้ให้มารวมตัวแล้วยังจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเรียกให้แม่ทัพแห่งคองโกคนหนึ่งซึ่งกำลังทำสงครามอยู่กลับมาพร้อมกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าต้องใช้ตำแหน่งทางการทหารเพื่อเข้าสู่แอฟริกาใต้
จู่ๆนึกถึงเด็กสาวเมื่อวาน เหมียวจื่อหลงมองเหลยหู่แล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่เหลย ถ้าคุณเจียงซานยอมร่วมมือด้วยละก็ แผนการจะสำเร็จได้มากขึ้น”
………………………………………..