“เจอร์รี เขาคนนั้นไปพักผ่อนแล้วล่ะ ฉันว่า บ่ายวันพรุ่งนี้พวกเราคงออกจากที่นี่ได้แล้ว!”
ที่เขตชานเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มีเขตอาคารหรูที่คนรวยกระจุกตัวกันอยู่อาศัย เวลานี้ในอาคารสูงสามชั้น กำลังปรากฏภาพชุลมุนวุ่นวาย ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมใส่หูฟัง กำลังเคาะโน้ตบุคบนตักของตัวเอง เงยหน้าฉับพลันตะโกนไปยังชั้นสอง
“จับตาดูต่อไป ฉันต้องการความมั่นใจว่าเขาจะอยู่ในห้องทั้งคืน”
ศีรษะหนึ่งยื่นออกมาจากชั้นสอง เป็นผมสีทองของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง มีแว่นตากรอบสีทองอยู่บนจมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเฉลียวฉลาดอ่อนโยน ราวกับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสักแห่ง
นอกจากจำนวนคนอันน้อยนิด มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ชายวัยกลางคนชื่อเจอร์รีคนนี้ คือหัวหน้ากลุ่มกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำนั่นเอง เขาถูกบันทึกว่าเป็นที่ต้องการตัวจากอย่างน้อยสามสิบประเทศ แต่แน่นอนว่า การกระทำเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลักลอบข้ามเขตแดน ไปจัดการภารกิจที่คนทั่วไปมองว่าเป็นไปไม่ได้จนสำเร็จเสร็จสิ้น
แรกสุดชื่อแม่ม่ายดำนี้ ถูกใช้กับเจอร์รีเป็นหลัก นั่นเพราะภรรยาศัตรูของเขาล้วนต้องกลายเป็นหญิงม่าย ภายหลังชื่อนี้จึงได้ถูกนำมาใช้เรียกกองทหารรับจ้าง และกลายเป็นตำนานหนึ่งในวงการ
หลังจากเจอร์รี่ออกจากวงกาารทหารรับจ้างด้วยเหตุผลส่วนตัว กองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งในโลกนี้จึงจำเป็นต้องแยกย้าย เพราะว่าหลังจากเหล่าทหารรับจ้างที่มีการจัดการอันแข็งแกร่งขาดเจอร์รี่ไปแล้ว ก็เหมือนกับคนทั่วไปที่สูญสิ้นวิญญาณ ไม่มีใครสามารถแทนที่บทบาทของเขาในกองกำลังได้เลย
“เจอร์รี่ สบายใจได้ ตอนนี้เขาคงนอนหลับเป็นหมูไปแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มตะโกนไปยังชั้นสองอย่างไม่ใส่ใจนัก สองมือเคลื่อนไหวควบคุมบนคีย์บอร์ดเป็นระวิง ถ้าหากเยี่ยเทียนได้เห็นจะพบว่า ภาพที่ปรากฎอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ก็คือโครงสร้างภายในเหมืองทองโจฮันเนสเบิร์กนั่นเอง
“เคลวิน อย่าประมาท คนคนนี้รับมือยากมาก”
เจอร์รี่ถือปึกกระดาษแฟกซ์หนาเป็นตั้งลงมาจากชั้นสอง พูดว่า “คนแซ่เยี่ยคนนี้ เคยปรากฎตัวในเหตุการณ์ 911 อีกทั้งเวลานั้นเขายังกระโดดลงมาจากชั้นยี่สิบกว่า นี่จึงสามารถอธิบายคำถามว่า…”
ในฐานะหัวหน้ากองกำลัง เจอร์รีจะต้องคิดคำนวณสถานการณ์ให้รอบคอบ ข้อมูลที่เขาถืออยู่ในมือมีความละเอียดถี่ถ้วน จนเรียกได้ว่าแทบจะบันทึกเหตุการณ์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่หลังจากที่เยี่ยเทียนไปปักกิ่ง
แตกต่างจากข้อมูลที่ถูกปิดกั้นของเหลยหู่ เจอร์รีกลับรู้เรื่องคดีโหดที่เกิดขึ้นในมอสโควไม่นานนั่น ที่บังเอิญก็คือ ตัวละครที่กระทำการสังหารหมู่อันน่าสะพรึงขวัญคนนั้นกลับชื่อเยี่ยเทียน เช่นเดียวกับชื่อของคนที่พวกเขาต้องรับมือไม่มีผิด
ข้อมูลนี้ทำให้เจอร์รีเกิดหวาดระแวงสุดขีด เขาไม่คิดว่ากองกำลังเล็กๆ ของตนเองจะแข็งแกร่งไปกว่ากองทัพรัสเซีย สิ่งที่เจอร์รีสามารถหวังพึ่งได้ นอกจากการวางแผนลอบสังหารอย่างรัดกุม ก็มีแต่การคาดเดาทิศทางศัตรูในที่ลับเช่นนี้เท่านั้น
“เจอร์รี ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน พรุ่งนี้เขาก็ไม่เหลือหรอก”
ชายหนุ่มเชื่อมั่นในตัวเจอร์รีอย่างสุดใจเห็นได้ชัด ยักไหล่พูดว่า “หมอนี่แต่งงานแล้ว เจอร์รี นายจะทำให้โลกนี้มีแม่ม่ายเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วล่ะ”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของกองกำลัง ถึงแม้เคลวินยังอายุไม่มาก แต่กลับเป็นแฮคเกอร์ชื่อดังที่สุดในโลก ตอนเขาอายุสิบสองปีก็สามารถทะลวงเข้าไปยังเครือข่ายของเพนตากอนได้แล้ว และเกือบปลดการควบคุมจรวดขีปนาวุธนิวเคลียร์ด้วยมือตัวเอง
เหตุการณ์ครั้งนั้นก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงในสังคมชั้นสูงของอเมริกา และเพราะเรื่องนี้ เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของอเมริกาจึงตัดสัญญาณอินเทอร์เนตลงในที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นแฮคเกอร์ที่เก่งกาจถึงขั้นไหนก็อย่าหวังจะได้ช่วงชิงข้อมูลใดๆ จากในนั้นได้
แต่ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกแก้ไขแล้ว เคลวินกลับยังถูกจองจำในคุก อายุเพียงสิบสองปีต้องใช้ชีวิตในคุกถึงห้าปี ลงนามในสัญญาว่าจะไม่แตะคอมพิวเตอร์อีกภายในเวลาสิบปีแล้ว ก็ถูกปล่อยตัวออกมา
เคลวินที่ดื้อด้านเพราะยังเด็ก จึงไม่ยอมใช้ชีวิตเรียบเฉยไปวันๆ พอถูกปล่อยตัวในเดือนที่สาม เคลวินจึงหายตัวไปจากบ้านอย่างลึกลับ การหายตัวไปของเขาทำให้ผู้คนมากมายไม่อาจข่มตาหลับในยามค่ำคืน
ไม่มีใครรู้ว่า เคลวินที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดในเวลานั้น ถูกเจอร์รีดึงตัวเข้ามาในกลุ่มแล้ว หลายปีมานี้หากไม่มีความหลักแหลมของเคลวิน สถิติการปฏิบัติภารกิจสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบในทุกครั้ง คงไม่อาจเป็นไปได้
เคลวินที่ถูกรับเข้ามาในกองกำลังแม่ม่ายดำ ยังแสดงให้เห็นพรสวรรค์อันไร้เทียมทานด้านคอมพิวเตอร์ของเขา ในภารกิจหลายต่อหลายครั้ง ล้วนเป็นเขาที่บุกทะลวงเข้าไปใจกลางคอมพิวเตอร์ใดๆ ก็ตาม ผ่านการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้กองกำลังสามารถปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นได้อย่างว่องไวสุดๆ
อย่างไรก็ตามการมองสถานการณ์โดยรวมของเคลวินไม่เทียบเท่าเจอร์รี ดังนั้นถึงแม้เขาจะเป็นสมาชิกที่ไม่อาจขาดหายไปของกองกำลังแม่ม่ายดำ แต่ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ขาดการออกคำสั่งหรือตำแหน่ง ก็ยังห่างชั้นจากเจอร์รีอยู่มาก นับว่าเป็นบุคคลหมายเลขสองในองค์กร
“เคลวิน ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น…”
เจอร์รีคลึงหัวคิ้วอย่างอ่อนล้า พูดต่อว่า”จริงสิ ตำแหน่งที่นายติดตั้งระเบิดพวกนั้น มั่นใจว่าจะกลบฝังเหมืองแห่งนั้นแน่นอนใช่ไหม?”
สาเหตุที่เจอร์รีกลายเป็นจิตวิญญาณและบุคคลสำคัญของกองกำลัง นั่นเป็นเพราะเขามีสัญชาตญาณที่แม่นยำราวกับสัตว์ป่า บวกกับมันสมองอันล้ำเลิศกว่าคนปกติทั่วไป ช่วยสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้เขาในกองกำลังแม่ม่ายดำ
“เจอร์รี ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันตรวจเช็คซ้ำแล้ว ขอเพียงคลีโอสามารถวางระเบิดได้สำเร็จ ต่อให้เป้าหมายมีเก้าชีวิต ฉันก็สามารถทำให้เขาตายได้แน่นอน!”
เคลวินไม่ค่อยรู้สึกคล้อยตามเจอร์รีเท่าไหร่นัก เขาใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์โครงสร้างแต่ละจุดของเหมืองทองแห่งนั้น แต่ละจุดสีแดงที่แสดงบนหน้าจอ เป็นตำแหน่งซึ่งค้ำยันถ้ำเหมืองได้อ่อนแอที่สุด หากเกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน จะมีความเป็นไปได้สูงมากที่เหมืองเก่าแก่ที่สุดในแอฟริกาใต้แห่งนี้จะถล่มราบเป็นหน้ากลอง
“ถึงอย่างนั้นก็ประมาทไม่ได้ เคลวิน แจ้งไปทางแมกโนเลีย ว่าหลังจากผ่านไปสักชั่วโมงให้หาเหตุผลไปเคาะประตูหรือโทรศัพท์เข้าไป ดูสิว่าคนคนนั้นอยู่ที่ห้องจริงหรือเปล่า?”
ขณะที่เจอร์รีกำลังพูดอยู่นั้น ด้านนอกอาคารหรูพลันมีเสียงรถยนต์ดังขึ้น เขาจึงเลิกพูดคุยไร้สาระกับเคลวิน รีบผุดลุกขึ้นยืนออกไปต้อนรับ
“เป็นยังไงบ้าง คลีโอ?”
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่หน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราลงมาจากรถคนนั้น สีหน้าของเจอร์รีก็ออกจะวิตกกังวลเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าเขาเป็นจิตวิญญาณของกองกำลัง แต่เขาก็ต้องการผู้ปฏิบัติงานได้อย่างเยี่ยมยอดเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหากระเบิดยังติดตั้งไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับมือกับเยี่ยเทียน
“เจอร์รีเรอะ ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เหมืองแห่งนั้นจะต้องถล่มลงมาเพราะความทรุดโทรม ระเบิดที่ฉันติดตั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเหมืองมากประสบการณ์ก็ตรวจไม่พบอะไรหรอก”
คลีโอมีรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้า และเขาเองก็มีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนี้ นั่นเพราะคลีโอเป็นมืออาชีพด้านการทำระเบิดที่เก่งที่สุดในโลก ขอเพียงให้ของใช้ในชีวิตประจำวันประเภทสบู่จำพวกนั้นแก่เขา เขาก็จะสามารถผลิตระเบิดออกมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที
“งั้นก็ดีแล้ว…”
สำหรับคู่หูเก่า เจอร์รีให้ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม จึงเอ่ยปากบอกว่า “พวกนายไปนอนได้แล้วล่ะ ที่แอฟริกาเฮงซวยนี่ยุงเยอะบรรลัยเลย ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วันเดียว พรุ่งนี้เราทำภารกิจสำเร็จเมื่อไหร่จะกลับกันทันที”
ความจริงสาเหตุที่เจอร์รีรีบร้อนอยากจากไป เกี่ยวข้องกับความอึดอัดงุ่นง่านไม่สบายใจอย่างมาก เขาทำงานด้วยความปลอดภัยมาตลอด อาจยอมให้ภารกิจล้มเหลว แต่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องกับคนในทีมให้บาดเจ็บล้มตายเด็ดขาด
……-
ความจริงหลังจากที่คลีโอออกจากถ้ำของเหมืองไปห้านาที ร่างของเยี่ยเทียนก็ปรากฎอยู่ด้านนอกเหมืองโจฮันเนสเบิร์กแล้ว เขาไม่รีบร้อนเข้าไป แต่กลับเดินรอบกำแพงที่ล้อมรอบ พิจารณาเหมืองทองที่อยู่มาเป็นระยะเวลายาวนานถึงร้อยปีแห่งนี้
ความคลั่งไคล้ทองคำในแอฟริกาใต้เริ่มต้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เหล่าผู้คนที่คาดหวังจะร่ำรวยเพียงค่ำคืนจากทั่วโลกต่างกรูกันมายังสถานที่แห่งนี้ แต่ด้วยข้อจำกัดทางเครื่องมือและอุปกรณ์อันเรียบง่าย คนที่สามารถค้นพบเหมืองทองจึงมีไม่มาก
วันหนึ่งเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 นักขุดทองชาวออสเตรเลียผู้สิ้นหวังคนหนึ่งเดินวนกลับไปมาอย่างท้อแท้บนสันเขาเมืองโจฮันเนสเบิร์ก จู่ๆ หินก้อนหนึ่งก็เกือบทำเขาสะดุดล้ม
นักขุดทองผู้นี้ใช้ก้อนหินเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ โดยการเตะมันอย่างหนักหน่วงไปข้างหน้า และด้วยการเตะครั้งนั้น ก่อให้เกิดตำนานแห่งเมืองโจฮันเนสเบิร์กทั้งหมด นั่นเพราะ…มันคือแร่หินทองคำที่มีปริมาณทองคำสูงอย่างยิ่ง
โจฮันเนสเบิร์กเมืองบนเขาแห่งนี้ ค่อยๆ เริ่มก่อกำเนิดขึ้นจากสาเหตุทั้งหมดนี้ จนกลายเปป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าในแอฟริกาใต้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ล้วนกำเนิดขึ้นจากการเตะโดยไม่ตั้งใจครั้งนั้น
แล้วเหมืองทองแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่าเหมืองทองโจฮันเนสเบิร์ก ดังนั้นหากต้องการประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก จึงไม่มีหนทางใดดีไปกว่าการเข้าไปยังเหมืองทองที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้
เดินรอบกำแพงสูงสิบกว่าเมตร ร่างของเยี่ยเทียนก็หายเข้าไปสู่มุมอับของกำแพงที่ล้อมรอบ และเมื่อปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็เข้าไปภายในเหมืองแล้ว
“เหมืองแห่งนี้ใหญ่กว่าเหมืองของอู๋เต๋อหลินมากทีเดียว”
โครงสร้างที่พื้นดินของเหมืองทองแห่งนี้ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ในอดีตยุคที่การขุดทองรุ่งเรืองถึงขีดสุด สถานที่แห่งนี้เคยมีคนงานเหมืองอยู่อาศัยถึงแปดร้อยกว่าคน บนพื้นดินมีกระท่อมไม้ง่ายๆ ในยุคปี20-30 ปลูกสร้างไว้ไม่น้อย ในฐานะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กระท่อมไม้เก่าแก่ล้าหลังเหล่านี้จึงถูกเก็บรักษาเอาไว้
และในฐานะเหมืองทองแห่งแรกของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มันจึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน ซึ่งติดตั้งกล้องไว้ทั่วทุกทิศทาง แต่ก็ย่อมไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเยี่ยเทียน พอกำหนดจิตครั้งหนึ่ง หมอกควันสีเทาที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็ค่อยๆ สลายหายไปในความมืด
“หืม? พวกนั้นเคลื่อนไหวได้เร็วทีเดียว?”
หลังจากเยี่ยเทียนคลายญาณสัมผัส ทั้งเนื้อทั้งตัวก็หยุดนิ่ง จากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ห่างจากถ้ำเหมืองนั่นไกลถึงเจ็ดแปดร้อยเมตร เขายังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรง ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดเยี่ยเทียนยังรู้ว่า นี่ต้องเป็นการกระทำของพวกซ่งเสี่ยวหลงอย่างแน่นอน
“หนทางสู่สวรรค์มีไม่เดิน ไร้ประตูสู่นรกเพียรจะเข้า รอจัดการเขี้ยวเล็บพวกนี้ของแกเสร็จก่อนเถอะ แล้วจะส่งแกไปหาพระเจ้า”
ร่างกายวูบไหวของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวเข้าไปภายในเหมืองราวกับวิญญาณ เพียงพริบตาก็มาถึงยังปากถ้ำเหมือง ที่ดวงไฟตรงประตูใหญ่นั้นยังคงส่องสว่าง
…………………………………………….