“บรีม นี่มันเรื่องอะไรกัน? กองกำลังเฮฟเว่นของพวกเราไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งแม่ม่ายดำนี่?”
ภายในห้องตรงปากทางเข้าเหมือง มีคนสามสี่คนอยู่ข้างใน ชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรหนึ่งในนั้นกำลังวิดพื้น แต่ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ก็คือสิ่งที่พยุงร่างอันมหึมาของเขา คือนิ้วมือขวาและซ้ายอย่างละข้างเท่านั้น พื้นหินอิฐสีเทาถูกนิ้วชี้รูปทรงคล้ายแครอทของเขาเจาะทะลวงเป็นสองรูเล็ก
“เลิกโวยวายเสียที โอเดล ถ้าหากแกสามารถกำจัดเจอร์รีกับบรูกแมนได้ พวกเราก็ไม่ต้องฟังคำสั่งพวกเขาแล้ว”
จู่ๆ ที่มุมหนึ่งของห้อง ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น ร่างของเขาหลบซ่อนอยู่ใจกลางมุมมืดที่แสงสว่างส่องไม่ถึง หากไม่เอ่ยปาก คนทั่วไปก็คงไม่มีทางล่วงรู้ถึงตัวตนของเขา
ชายผู้นี้อายุราวสามสิบปี ใบหน้าเด็ดเดี่ยวมั่นคงอย่างชาวเยอรมัน กำลังขัดปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายอยู่ ปืนพกที่ราวกับปืนใหญ่นั้น ถูกเขาขัดเสียจนขึ้นเงา ส่องสะท้อนสีดำของเหล็กออกมา
แต่ทว่าเยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายกระบอกนี้ นั่นเป็นเพราะกระสุนที่อยู่ภายในรังเพลิง ล้วนถูกเขาปรับแต่ง ให้ถึงขั้นสามารถทะลวงเจาะเกราะชั้นหนาปกติ จนไม่อาจต้านทานได้ ทำให้เยี่ยเทียนสัมผัสถึงอันตรายขึ้นมา
“บ้าเอ๊ย ให้กำจัดบรูกแมน ชอล์ค แกประเมินฉันสูงไปแล้ว เพื่อนเก่าของแกคนนั้นมันวิปริตแท้ๆ!”
หลังจากชายร่างใหญ่ที่วิดพื้นอยู่ได้ยินคำพูดของเขา ไม่ทันอึดใจ สองนิ้วของเขาก็ไม่อาจพยุงร่างใหญ่ยักษ์ได้อีกต่อไป กระแทกลงพื้นอย่างหนักหน่วง พ่นลมหายใจออกมาจากปาก แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ไหนแต่ไรเจอร์รีไม่เคยปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน หากจะกำจัดเขา เกรงว่าจัดการประธานาธิบดีอเมริกายังจะง่ายกว่า?”
เจอร์รีที่ชอล์คพูดถึง ย่อมหมายถึงผู้นำของกองกำลังแม่ม่ายดำ การมีตัวตนของเขาเป็นความทุกข์ทนของเหล่ากองทหารรับจ้างทั้งหลาย นั่นเพราะหลังจากเขาเปิดตัวครั้งแรก เจอร์รีก็ไม่เคยทำผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความสามารถในการคำนวณของเขาเป็นที่น่าหวาดหวั่น และปฏิบัติการของเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในทุกครั้ง
เมื่อมีผู้นำที่โดดเด่น แน่นอนว่าต้องมีทีมงานเปี่ยมประสิทธิภาพ และคนผู้นั้นก็คือบรูกแมนที่ชอล์คกล่าวถึง
บรูกแมนผู้ถือกำเนิดในทิศตะวันตกของเยอรมันนีอายุสี่สิบสองในปีนี้ เขาได้รับขนานนามว่าเป็นราชาผู้เก่งกาจรอบด้านแห่งวงการทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการลอบยิงในป่าหรือการโจมตีอย่างดุดันและต่อให้เป็นภารกิจบุกเดี่ยวเพื่อเด็ดหัว บรูกแมนก็สามารถแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงความหมายของนักรบผู้สมบูรณ์แบบรอบด้าน เคียงบ่าเคียงไหล่เจอร์รีได้โดยไร้ข้อบกพร่อง
โอเดลร่างบึกบึนผู้มีชื่อเล่นในวงการทหารรับจ้างว่า “แทงค์” แม้จะเชื่อมั่นในตนเอง แต่เมื่อได้ยินชอล์คพูดถึงสองชื่อนี้ ยังเหลือกตามองบนไม่กล้าพูดต่อ ช่วงเริ่มแรกที่เขาเข้ามาในวงการทหารรับจ้าง ก็เติบโตมากับการได้ยินตำนานของบรูกแมนแล้ว
“เอาเถอะ ได้เวลาแล้ว สกอร์เปี้ยนคงจะมาแล้วล่ะ!”
ชายวัยสี่สิบต้นที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องลุกขึ้นยืน เขาก็คือบรีม หัวหน้ากองทหารรับจ้างเฮฟเว่นนั่นเอง ขณะที่เสียงของเขาเงียบลง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากภายในถ้ำ ชายสามสี่คนเดินออกมาจากในความมืด
“ปฏิบัติการเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ สกอร์เปี้ยน?”
บรีมเดินไปยังคนที่อยู่ด้านหน้าสุด แต่ก็หยุดฝีเท้าลงในระยะห่างสามถึงสี่เมตร สกอร์เปี้ยนมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักในวงการทหารรับจ้าง กระทำเรื่องหักหลังกันเองมาไม่น้อย
เคยมีกองทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งร่วมงานกับสกอร์เปี้ยนในสงครามอิรัก หลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง กองกำลังกลุ่มนั้นก็ถูกกำจัดทั้งกองทัพ แต่สกอร์เปี้ยนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย จึงทำให้เขาไร้มิตรสหายในวงการทหารรับจ้าง
อย่างไรก็ตามที่สกอร์เปี้ยนยังสามารถตระหง่านอยู่ในวงการทหารรับจ้างได้ ย่อมเป็นเพราะมีจุดเด่นของตนเอง เขาสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่สุดในโลกใบนี้ได้ ราวกับแมงป่องทะเลทราย อีกทั้งยังสามารถโจมตีฝ่ายศัตรูจนถึงแก่ชีวิต
“บรีม ในเมื่อรับภารกิจแล้ว ก็ต้องทำสำเร็จแน่นอน!”
ชายผู้ที่มีฉายาว่าสกอร์เปี้ยนมีรอยยิ้มมืดหม่นออกมาบนใบหน้า แล้วหยิบสิ่งของชิ้นขนาดพอๆ กับรีโมทคอนโทรลรถยนต์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หัวเราะหึๆ ตอบ “บรีม ขอเพียงเรากดเจ้าตัวนี้ ก็จะเกิดควันรูปทรงดอกเห็ดใต้ฝ่าเท้าเรา พระเจ้า ช่างเป็นการตายที่ยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร”
“สกอร์เปี้ยน อย่ามาขู่ฉันให้ยาก แน่จริงก็กดลงไปสิ”
บรีมเองก็เป็นคนที่อยู่ในสนามรบมานาน ไหนเลยจะหลงกลของอีกฝ่าย จึงหันหลังร้องเรียก “หลังจากจบภารกิจนี้ ให้ทุกหน่วยแยกย้ายกันออกไป ส่วนที่เหลือพวกเราไม่ต้องไปยุ่งแล้ว”
กองทหารรับจ้างที่รับภารกิจนี้มีทั้งหมดหกกอง แต่ว่าหลังจากแม่ม่ายดำเข้าร่วมด้วยแล้ว อีกห้ากองที่เหลือก็ถูกรวมเข้าด้วยกัน และต่างทำงานของตัวเองตามคำสั่งของเจอร์รี
แน่นอนว่า ค่าจ้างที่ได้รับของพวกเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และนั่นเองก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขายินยอมฟังคำสั่งของเจอร์รี ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของคนเหล่านี้ คงจะเกิดการต่อสู้กันภายในเสียก่อนแล้ว
คนพวกนี้เคลื่อนไหวกันได้รวดเร็วอย่างยิ่ง หลังจากปิดไฟทางเข้าถ้ำแล้ว พวกเขาก็กำจัดร่องรอยการมาของตนเองจนสิ้นซาก แล้วหายตัวไปในความมืดอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเยี่ยเทียนที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปเจ็ดถึงแปดเมตรกลับพบว่า กองกำลังเล็กๆ สองกองนี้ ล้วนปีนเข้ามาจากทางกำแพงเช่นเดียวกัน
“ในเมื่อมาเพื่อเผชิญหน้ากับฉัน ก็ไม่ต้องเมตตากันหรอก เฮ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พอเห็นเงาร่างของคนเจ็ดแปดคนนี้กำลังปีนออกจากกำแพง ดวงตาของเยี่ยเทียนก็ส่งประกายจิตสังหาร ขณะที่กำลังจะไล่ตามไปอยู่นั้นเอง หัวใจก็เกิดสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย หนังศีรษะตึงชา รู้สึกหนาวยะเยือกคืบคลานขึ้นมาจากช่วงเอวด้านหลัง แผ่นหลังพลันเต็มไปด้วยเหงื่อ
“นี่มันอะไรกันน่ะ? พวกมันทำอะไรไว้ในถ้ำกันแน่?”
นับตั้งแต่เข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับกองทัพรัสเซียเป็นพันหมื่น เยี่ยเทียนก็ยังไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้ หัวใจราวกับถูกสองมือใหญ่บีบเค้น จนถึงกับทำให้เยี่ยเทียนแอบหายใจติดขัด
เยี่ยเทียนเลิกสนใจจะติดตามพวกคนเหล่านั้น แต่สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหมุนร่างกลับไปยังถ้ำเหมือง
ตอนที่ผ่านห้องตรงทางเข้าเหมืองนั้นเอง นิ้วชี้ขวาของเยี่ยเทียนก็ชี้ออกทันใด สายลมแรงพัดเข้ามาภายในห้องวูบหนึ่ง พุ่งกระทบลงจุดถานจงของคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแม่นยำ ทันใดเสียงกรนดังสนั่นก็ดังออกมาจากปากของคนผู้นั้น
ความจริงเยี่ยเทียนรู้นานแล้วว่า ภายในสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเหมืองทองคำร้างแห่งนี้ มีคนจำนวนแปดคนอยู่อาศัย แต่ว่าเวลานี้พวกเขาล้วนหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว โดยไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งแอบเข้าเยี่ยมชมเหมืองทองคำโดยไม่ซื้อบัตรเข้าชม
หลังจากทำให้คนคนนั้นเข้าสู่ภวังค์หลับลึกแล้ว เยี่ยเทียนก็เข้าไปภายในเหมือง ซึ่งคล้ายกับเหมืองในเคปทาวน์ หลังจากเดินตรงเข้าไปสิบกว่าเมตร ลิฟท์ตัวหนึ่งซึ่งมีพื้นที่ขนาดยี่สิบตารางเมตร เหมือนกับห้องเล็กห้องหนึ่งก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเยี่ยเทียน
“เมื่อครู่ไม่เห็นได้ยินเสียงลิฟท์เลย…”
เยี่ยเทียนพึมพำอยู่สักครู่ หลังจากกวาดสายตาไปยังลิฟท์แล้ว ก็หยุดลงตรงมุมด้านตะวันออกของลิฟท์ แผ่นเหล็กที่ตรงนั้น ยังมีลมหายใจของกลุ่มคนเมื่อครู่หลงเหลืออยู่
เดินไปตรงที่มุมนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วเยี่ยเทียนก็ใช้มือขวากดและดึงขึ้น แผ่นเล็กสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างสี่สิบเซนติเมตรถูกเขาหยิบออกมา ภายใต้แผ่นเล็กนั้นคือเหล็กเส้นเรียงไขว้กันเป็นรูปตาราง ซึ่งถูกคนตัดเปิดออก เผยให้เห็นถ้ำเหมืองลึกไร้ก้น
เยี่ยเทียนวางแผ่นเหล็กนั้นลงด้านข้างอย่างแผ่วเบา แล้วสอดร่างปราดเปรียวราวเสือดาวลงไปในรูนั้น ลงไปยังด้านล่างอย่างรวดเร็วตามแนวลวดสลิง
“เฮ้ย ใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ?”
ตอนที่ร่างของเยี่ยเทียนลงไปถึงระยะหกสิบกว่าเมตร มือขวาพลันออกแรงในทันใด ร่างทั้งร่างหยุดนิ่ง ตอนที่เขามองไปยังกำแพงส่วนนั้น หนังหัวพลันสะท้านสะเทือน ขนลุกชูชัน
ที่กำแพงหินตรงระดับสายตาของเยี่ยเทียน มีวัตถุสีเหลืองทรงกลมความกว้างราวสามสิบเซ็นติเมตร ล้อมรอบช่องนี้ทั้งหมด ในใจกลางวัตถุคล้ายดินเหนียวสีเหลืองนั้น ยังมีอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์สำหรับส่งสัญญาณเสียบอยู่ห้าหกชิ้น
“บัดซบเอ๊ย พวกระยำ ไอ้พวกนี้สมควรตายให้หมดจริงๆ!” เยี่ยเทียนสูดลมหายใจลึก ทันใดสภาพจิตก็สงบนิ่ง ทว่าจิตสังหารที่มีต่อคนที่เพิ่งออกไปเหล่านั้น นอกจากจะไม่ลดลงแล้วยังกลับเพิ่มขึ้น
นับตั้งแต่เยี่ยเทียนออกท่องยุทธภพ มีน้อยครั้งที่จะใช้อาวุธปืนกับศัตรู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้จักระเบิด ตอนที่เยี่ยเทียนระเบิดปลาในอ่างเก็บน้ำเมื่ออายุสิบขวบ ยังเคยแอบขโมยระเบิดจำนวนหนึ่งมาจากคนงานเหมืองขุดภูเขา หลังจากเข้าเรียนหนังสือแล้วจึงเห็นว่าระเบิดสะดวกดีก็เท่านั้น
เยี่ยเทียนสามารถดูออกว่า ของแข็งที่ติดอยู่โดยรอบกำแพงหินนั้น ก็คือระเบิดซึ่งมีพลังทำลายล้างรุนแรงที่สุดอย่างหนึ่งในโลก…ระเบิดTNT!
ระเบิดชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดพลังงานสี่ล้านสองแสนพลังงานจูลส์ต่อหนึ่งกิโลกรัม เป็นระเบิดพลังรุนแรงที่สุดที่รู้จักกันโดยทั่วไป อีกทั้งหลังจากระเบิดจะทำให้เกิดสมดุลออกซิเจนเป็นลบ ผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ระเบิดในงานวิศวกรรมใต้ดิน
น้ำหนักของระเบิดที่อยู่รอบถ้ำเหล่านี้ เกรงว่าอย่างน้อยคงถึงห้าร้อยกิโลขึ้นไป ระเบิดTNTสองกิโลกรัมก็สามารถทำลายบ้านได้หลังหนึ่ง และถ้าหากระเบิดTNTระเบิดภายในสภาะวะปิดเช่นนี้ จะไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียร์ลูกเล็กลูกหนึ่งเลยทีเดียว
เยี่ยเทียนโกรธจัดก็เพราะสาเหตุนี้ ระเบิดTNTที่คนเหล่านั้นใช้ที่นี่ เมื่อถูกจุดแล้ว ไม่เพียงแค่ถ้ำนี้จะถล่มลงมาทั้งหมด แต่พื้นที่รัศมีโดยรอบจะได้รับผลกระทบจากแก๊สพิษเป็นระยะสิบกิโลเมตร ซึ่งเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง
เมื่อมองไปยังระเบิดเหล่านี้แล้ว กระดูกสันหลังของเยี่ยเทียนยังเย็นยะเยือกขั้นมาเช่นกัน พรุ่งนี้เขาจะต้องมาเยี่ยมชมที่นี่ ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามจุดชนวนระเบิดตอนเยี่ยเทียนเข้าไปในถ้ำ น่ากลัวว่าต่อให้เยี่ยเทียนมีวรยุทธ์ขั้นจินตัน ก็คงหนีจากความตายไปไม่พ้น
“คิดจะระเบิดฉันให้ตายเหรอ? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ฉันจะให้แกลิ้มรสชาติระเบิดพวกนี้ของตัวเอง!”
แววตาของเยี่ยเทียนปรากฎแววยิ้มเยาะ ทันใดก็ยกมือขวาขึ้น ตะปบนิ้วทิ้งห้าบนกำแพงหิน พลันระเบิดTNTขนาดเท่ากำปั้นเด็กก็ถูกเขากำไว้ในมือ
เยี่ยเทียนใช้มือขวาหยิบเอาระเบิดที่ติดชนวนและระบบอิเล็กทรอนิกส์ยัดใส่กระเป๋า ทุกที่ที่มีชนวนระเบิดอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนเผยให้เห็นรูขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน
……………………………………………..