“โหดเหี้ยมจริงๆ ถ้าหากชนวนทั้งแปดชิ้นจุดระเบิดพวกนี้พร้อมกันล่ะก็ ต่อให้ติงหงอยู่ที่นี่ ก็คงจะไม่เหลือกระดูกเลยมั้ง?”
ควบคุมแรงบนมืออย่างระมัดระวัง เยี่ยเทียนค่อยๆ หยิบชนวนที่เชื่อมต่อกับเชื้อปะทุออกจากสารระเบิดทีละชิ้น หลังจากทำงานเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็ปาดเหงื่อเต็มหน้าผากออก การกระทำเมื่อครู่สูญเสียพลังจิตมหาศาลอย่างเห็นได้ชัด
ระเบิดอย่างTNTหรือC-4ที่มีแรงทำลายล้างสูงสุดในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีอันตรายใหญ่หลวง แต่ก็ปลอดภัยอย่างยิ่งยวดเช่นเดียวกัน เรื่องจากพวกมันไม่เหมือนกับพวกระเบิดดินปืน ที่จะถูกจุดขึ้นเมื่อกระแทกเพียงเล็กน้อยหรือการเสียดสี
ด้วยความแพร่หลายของเทคโนโลยีไร้สาย ปัจจุบันอย่าว่าแต่ทหารรับจ้างเหล่านี้เลย ต่อให้เป็นการระเบิดภูเขาธรรมดาก็ยังใช้รีโมทคอนโทรลจุดชนวนระเบิด อีกทั้งหลักการของอุปกรณ์ประเภทนี้ยังง่ายดายอย่างมาก เพียงประกอบไปด้วยสองส่วนคือตัวส่งรหัสหมายเลขกับตัวรับหมายเลขเท่านั้น
ตอนนี้อุปกรณ์ขนาดใหญ่ประมาณนิ้วโป้งที่เชื่อมต่อกับเชื้อปะทุในกระเป๋าเป้ของเยี่ยเทียนเหล่านั้น ก็คือตัวรับเลขรหัส ทันทีที่พวกมันได้รับสัญญาณตัวเลขซึ่งส่งมาจากรีโมทคอนโทรลที่เจอร์รีถืออยู่ ก็จะสามารถจุดชนวนเชื้อปะทุไฟฟ้าและระเบิดอันรุนแรงจำนวนหลายร้อยกิโลกรัมนี้
ว่ากันตามหลักการชนวนไร้สายหนึ่งตัว ก็สามารถจุดระเบิดเหล่านี้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามติดตั้งทั้งหมดแปดชิ้นภายในคราวเดียว จึงเห็นได้ชัดว่าต้องการจะจุดระเบิดเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน เพื่อเพิ่มกำลังของมันสู่ระดับสูงสุด จึงนับว่าจิตใจโหดเหี้ยมอย่างมหันต์
ตอนนี้รีโมทคอนโทรลไร้สายถูกเยี่ยเทียนดึงออกมาจากระเบิดหมดแล้ว ระเบิดที่อยู่บนผนังหินภายในถ้ำจึงไม่มีทางถูกจุดติดได้อีกต่อไป เยี่ยเทียนอยากจะเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้นเวลากดชนวนแล้วถ้ำไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เสียจริง
แน่นอนว่า ระเบิดเหล่านั้นที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของเยี่ยเทียนรวมกันก็หนักถึงสิบกิโล พลังทำลายล้างจึงไม่น้อยเช่นกัน เพียงพอจะถล่มคฤหาสน์หลังหนึ่งจนราบเรียบ ซึ่งหากเยี่ยเทียนไม่ระมัดระวัง ก็อาจได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน
“อุตส่าห์มาทั้งที ลงไปตรวจสอบสักหน่อยดีกว่า”
หลังจากถอดอุปกรณ์จุดชนวนออกแล้ว เยี่ยเทียนก็มองไปยังถ้ำไร้ก้น ในใจเกิดความคิดแวบหนึ่ง โบราณว่าบุรุษไม่ยืนใต้ผาอันตราย พรุ่งนี้เยี่ยเทียนไม่อยากลงมาเสี่ยงภัยในถ้ำที่ติดตั้งระเบิดหลายร้อยกิโลอีกแล้ว หากฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์อื่นอีก เขาคงจะหนีเอาตัวรอดได้ยาก
กำหนดจิตแล้วปราณแท้ก็ปรากฎออกมาภายใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยเทียน ประคองร่างของเขาลงไปยังด้านล่างอย่างแผ่วเบา ถ้ำแห่งนี้ลึกถึงสามร้อยกว่าเมตร หนึ่งนาทีกว่าผ่านไป สองเท้าของเยี่ยเทียนก็เหยียบลงบนพื้นดิน
“ให้ตายสิ ใหญ่ขนาดนี้เชียว?”
พอลงมาถึงก้นถ้ำแล้ว เยี่ยเทียนก็ปล่อยญาณสัมผัสออกมา เมื่อลองสำรวจดู ใบหน้าก็มีสีหน้าตกตะลึง เเพราะว่าจากจุดที่เขายืนอยู่นั้น สี่ทิศรอบด้านล้วนมีถ้ำเหมืองอยู่ทุกทิศ ราวกับเขาวงกตขนาดมหึมาใต้ดินก็ไม่ปาน
ที่ใต้ดินไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว เจ้าของเหมืองจึงติดตั้งระบบแสงสว่างควบคุมด้วยเสียง หลังจากเยี่ยเทียนลงมายังภายในถ้ำเหมืองแล้วมีเสียงดังขึ้น ทำให้ดวงไฟรอบตัวเขาส่องสว่างขึ้นมา
“พัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวเลยหรือ?”
เยี่ยเทียนพิจารณาตามแสงไฟโดยรอบ ตรงฝาผนังฝั่งขวาทางด้านหน้าลิฟท์ เต็มไปด้วยโปสเตอร์รณรงค์รักษาความปลอดภัย นี่คงจะเป็นโปสเตอร์ที่มีประวัติยาวนานถึงห้าสิบหกสิบปี ด้านบนมีเพียงคำเตือนเป็นภาษาดัตช์ ซึ่งหมายความว่าเจ้าของเหมืองทองแห่งนี้คนแรกก็คือชาวตัตช์นั่นเอง
บนกำแพงทางฝั่งซ้ายของทางเดินก็คือ “ระบบการสื่อสาร” ใต้ดิน การติดต่อสื่อสารรูปแบบนี้ออกจะคล้ายคลึงกับ “รหัสมอส” เมื่อเป็นการจัดการทำงานใต้ดิน แล้วพบว่าการส่งข้อมูลไม่ราบรื่น จึงจำเป็นต้องใช้เสียงหรือแสงไฟส่งข่าวสาร
เยี่ยเทียนใช้ญาณสัมผัสดูเล็กน้อย จึงเดินไปยังทางเดินที่โอ่โถงเป็นพิเศษ ที่เรียกว่าโอ่โถงก็มีความใกล้เคียงพอสมควร ทางเดินเส้นนี้สูงประมาณสามเมตร แต่กว้างเพียงสี่เมตรเท่านั้น ตรงกลางยังมีรางกว้างประมาณหนึ่งเมตร ใช้สำหรับขนส่งแร่ทองคำที่ขุดออกมาได้
“นกกระจอกแม้ตัวเล็ก แต่ก็มีอวัยวะครบห้าส่วน!”
เดินอยู่ภายในถ้ำเหมืองอันลึกล้ำเงียบสงบ เยี่ยเทียนกลับพบว่า ห้องว่างใต้ดินแห่งนี้แม้อยู่ลึกถึงร้อยเมตร แต่ก็มีภัตตาคาร หน่วยกู้ชีพ ใจกลางหน่วยกู้ชีพยังมีภาพโปสเตอร์ภาษาอังกฤษ แอฟริกัน ซูลูหลากหลายภาษาติดอยู่ ใหม่กว่าประวัติศาสตร์ตรงปากถ้ำอย่างเห็นได้ชัด
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ส่วนกลางของทางเดิน ยังมีบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่าเจ้าของเหมืองทองแห่งนี้ใส่ใจในชีวิต ขณะที่ตนเองกอบโกยเงิน ก็ยังสามารถดูแลความรู้สึกของเหล่าคนงานเหมืองไปด้วย
เยี่ยเทียนยอมรับว่า หากต้องการเข้าใจประวัติศาสตร์การขุดทองของแอฟริกาอย่างเรียบง่าย ที่นี่นับว่าเหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากเหมืองทองแห่งนี้หยุดการขุดทองเมื่อกลางศตวรรษที่ 90 จึงดูเหมือนรวบรวมประวัติขั้นตอนทั้งหมดของแอฟริกานับตั้งแต่การใช้แรงงานคนขุดเหมืองทองจนถึงการขุดเจาะในยุคปัจจุบัน
“หึม? ทางตันแล้ว?”
หลังจากเดินมาสี่ห้าร้อยเมตร ทางเดินเส้นนี้ก็มาถึงปลายทาง เยี่ยเทียนหยุดฝีเท้า สำนึกตัวขึ้นมาได้ ว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวชม ใต้เหมืองทองแห่งนี้จะมีปราณวิเศษอยู่หรือไม่ต่างหาก คือสิ่งที่เยี่ยเทียนใส่ใจ
นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น แล้วดวงตาสองข้างก็หรี่ลงมาเล็กน้อย ลำแสงสว่างเส้นหนึ่งส่องขึ้นจากหน้าผากของเยี่ยเทียน แต่เป็นจิตดั้งเดิมของเขาที่ออกจากร่าง ญาณสัมผัสผ่านทะลุพื้นที่กีดขวางได้อย่างมีขีดจำกัด แม้ญาณสัมผัสของเยี่ยเทียนจะสามารถตรวจสอบพื้นที่โดยรอบหลายกิโลเมตร แต่ว่านั่นก็ทำได้เพียงในพื้นที่ป่าเขาเท่านั้น
หากใช้ตรวจสอบพื้นที่ใต้ดิน ระยะทางนั้นจะถูกย่นเหลือเพียงไม่กี่สิบเมตร ยิ่งเมื่อเผชิญกับปราณวิเศษของแร่เหล็กจำนวนหนึ่งที่คงเหลืออยู่ภายในเหมืองทอง ก็จะส่งผลกระทบต่อญาณสัมผัสของเยี่ยเทียน ด้วยเหตุนั้นการใช้จิตดั้งเดิมออกไปจึงเป็นการเหมาะสมกว่า
แตกต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากผ่านการหลอมรวมเข้ากับปราณวิเศษแล้ว วรยุทธ์ของเยี่ยเทียนก็มั่นคงสมบูรณ์กว่าช่วงเริ่มต้นเซียนเทียน จิตดั้งเดิมเองก็กลับกลายเข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับคิ้วและดวงตากับร่างกาย กลายเป็นเหมือนเยี่ยเทียนในขนาดเล็กจิ๋ว
จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนในเวลานี้ ยังไร้รูปไร้สี มีเพียงจิตดั้งเดิมที่ผ่านขั้นหยวนอิงอัสนีสวรรค์ จึงจะสามารถทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้า เวลานี้เยี่ยเทียนสามารถออกไปได้ไกลสุดเพียงสามถึงห้าร้อยเมตร หากไกลกว่านี้ก็จะเกินกำลัง
แต่ว่าเมื่อใช้สำรวจเหตุการณ์ใต้ดิน เพียงจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนในปัจจุบันก็นับว่าเพียงพอแล้ว หลังออกจากร่าง จิตดั้งเดิมก็กลายเป็นเหมือนฟองอากาศ ซึมซาบลงบนพื้นดินโดยไร้รูปไร้สี เจาะลงไปใต้พื้นดินราวกับตัวตุ่น
“พื้นดินหนาหนัก ใช้จิตดั้งเดิมกับจุดนี้ คงลำบากกว่าในอากาศหลายเท่า!”
ขณะที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียสอดแทรกลงไปใต้ดินสิบกว่าเมตร ทันใดก็รู้สึกถึงแรงกดดันแผ่มาจากทุกทิศทุกทาง หนึ่งในนั้นนอกจากเป็นปราณวิเศษที่ส่งออกมาจากกลุ่มแร่ทองคำที่ยังไม่ได้ถูกขุดเจาะ ยังแอบมีปราณวิเศษบางประเภทที่เยี่ยเทียนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ในอดีตเยี่ยเทียนเคยส่งจิตดั้งเดิมตรวจสอบสภาพพื้นใต้ดินมาแล้ว แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรก คงเป็นเพราะว่าเขาลงใต้ดินมาลึกหลายร้อยเมตรแล้ว
ความกดดันที่แผ่ออกมาจากใต้ดินคล้ายคลึงกับระดับใต้น้ำ ล้วนทำให้รู้สึกหายใจลำบากและหัวใจเต้นรัว ยังดีที่เป็นจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน นอกจากสิ้นเปลืองพลังจิตเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังพอต้านทานได้ไหว
“เอ๋ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” ขณะที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวลึกลงมาสามสิบกว่าเมตร ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาตะลึงงัน
มันคือถ้ำใต้ดินความยาวประมาณสิบกว่าเมตร ภายในโพรงนั้น เต็มไปด้วยปราณวิเศษโลหะอันเข้มข้น เพียงน้อยกว่าสายแร่วิเศษที่ไซบีเรียนิดหน่อยเท่านั้น หินแร่โลหะวิเศษขนาดแตกต่างกันหกเจ็ดชิ้นฝังอยู่ในโพรงแห่งนี้เอง
แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนตกตะลึงก็คือ สีสันของแร่หินเหล่านั้นกลับกลายเป็นมืดทึบ ปราณวิเศษที่กักเก็บภายในดูเหมือนจะแผ่อยู่ภายในโพรงถ้ำแห่งนี้ เยี่ยเทียนลองใช้จิตดั้งเดิมจับแร่หินขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แล้วกลับพบว่า ปราณวิเศษภายในแร่หินนั้นหลงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”
มองไปยังแร่หินวิเศษเจ็ดแปดชิ้นนั้นแล้ว เยี่ยเทียนรู้สึกปวดใจเหลือเกิน เขาไปดูเหมืองทองในแอฟริกาใต้มาหกเจ็ดแห่ง กลับพบสายแร่พลอยวิเศษเพียงที่นี่เท่านั้น ทว่าสายแร่นี้กลับสูญสิ้นคุณค่าที่ควรมี ต่อให้เยี่ยเทียนขุดนำเอาแร่วิเศษเหล่านี้ออกมา ก็มีประโยชน์ต่อเขาเพียงแค่เล็กน้อย
“หรือว่าเป็นเพราะทองคำถูกขุดออกจนหมด?”
ในใจของเยี่ยเทียนผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ปริมาตรในเหมืองทองแห่งนี้ยังใหญ่กว่าในไซบีเรีย แต่ความแตกต่างของทั้งสองแห่งก็คือ เหมืองทองแห่งนั้นยังไม่ถูกถลุงจนหมด แต่ที่แห่งนี้กลับถูกขุดมากว่าร้อยปี เหมือนกับได้ขุดเอาทองคำที่มีมูลค่าออกไปจนหมดแล้ว
ตอนที่เยี่ยเทียนอยู่ในไซบีเรียก็พบว่า ยิ่งมีสายแร่วิเศษอยู่ใกล้ทองคำเท่าไหร่ ความบริสุทธิ์ก็ยิ่งสูงเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า สายแร่วิเศษมีส่วนช่วยต่อการกำเนิดทองคำ ในทางกลับกัน หากมีทองคำปริมาณมาก ก็อาจมีนัยยะพิเศษต่อการปรากฎของสายแร่วิเศษเช่นกัน?
ความจริงเยี่ยเทียนคาดการณ์ได้ไม่ผิด เงื่อนไขการประกอบร่างสายแร่วิเศษนั้นยากลำบาก มันจะต้องมาพร้อมกับการมีอยู่ภายในเหมืองทอง อีกทั้งปริมาณกักเก็บทองคำในเหมืองยังต้องมากมหาศาล สายแร่จึงจะสามารถแผ่ปราณวิเศษเพื่อให้ก่อเกิดทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง
แต่ในขณะเดียวกัน ปราณโลหะเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากทองคำ ก็มีประโยชน์ตอบแทนต่อสายแร่วิเศษ แร่วิเศษก็จะถือกำเนิดขึ้นในสภาวะเช่นนี้นั่นเอง ขั้นตอนอย่างนี้ล้วนจำเป็นต้องกินเวลายาวนานถึงหลายหมื่นปี
อย่างไรก็ตามเมื่อทองคำถูกขุดใช้จนหมดแล้ว สายแร่วิเศษก็จะสูญเสียสารอาหารบำรุงตัวมันเองเช่นกัน แร่หินวิเศษที่ยังไม่ถูกขุดเมื่ออยู่ในสภาวะเช่นนี้ จะปลดปล่อยปราณวิเศษภายในออกมา เพื่อจะให้กำเนิดสายแร่ใหม่อีกครั้ง
เช่นเดียวกับโพรงแห่งนี้ที่เยี่ยเทียนพบ หลังจากรอให้ปราณวิเศษในแร่หินเจ็ดแปดชิ้นนี้ใช้จนหมดแล้ว ผนังหินภายในถ้ำก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสภาวะที่มีส่วนประกอบของทองคำอีกครั้ง บางทีหลังจากผ่านไปหลายพันหลายหมื่นปี ที่แห่งนี้อาจจะกำเนิดสายแร่ทองคำใหม่ขึ้นอีกครั้ง
“พบสายแร่วิเศษง่ายดายอย่างนี้ คงจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ละมั้ง?”
เยี่ยเทียนไม่รู้สาเหตุความเป็นไป แต่เมื่อสัมผัสถึงปราณวิเศษเข้มเข้นภายในโพรงถ้ำ ปากของจิตดั้งเดิมเยี่ยเทียนก็อ้าออกแรงดูดออกมาจากภายในนั้น สูดหายใจราวกับปลาวาฬสูบน้ำ ดึงเอาปราณวิเศษเหล่านั้นเข้าไปไม่มีหยุด
ในขณะเดียวกัน จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนราวกับมีสายสัมพันธ์อันน่าทึ่งต่อกายเนื้อ จึงส่งปราณวิเศษเข้าสู่ร่างกายของเยี่ยเทียนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
…………………………………….