“จะย่อยสลายปราณวิเศษเหล่านี้ เกรงว่าคงต้องเก็บตัวอีกสักระยะ”
ถึงแม้ปราณวิเศษภายในถ้ำส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้บำรุงหินแร่โดยรอบแล้ว และยังมีส่วนหนึ่งถูกร่างกายดูดซับเข้าไป แต่ปริมาณของมันก็ยังมีไม่น้อย หลังจากดูดซับปราณวิเศษเหล่านั้นจนเต็มที่แล้ว จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนก็รู้สึกเหมือนอวบอูมขึ้นมา
เพียงแต่ว่าหลายครั้งก่อนที่ผ่านมา เยี่ยเทียนเรียนรู้ว่า การกักตัวไม่ใช่เรื่องน่าสนุกขนาดนั้น นั่นเพราะทันทีหลังจากที่เริ่มกักตัว อย่างสั้นใช้เวลาไม่กี่วัน อย่างยาวอาจใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเขาไม่สามารถควบคุมได้ และเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสดีสำหรับการกักตัว
“สิ้นเปลืองจริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!”
มองไปยังแร่หินวิเศษหลายชิ้นที่ดูคล้ายกับแร่หินรอบตัวแวบหนึ่ง เยี่ยเทียนก็ส่ายหน้าอย่างเสียดาย ถึงแม้เขาจะได้ประโยชน์มาบ้าง แต่ว่าปราณวิเศษเหล่านี้เมื่อรวบรวมปริมาณแล้ว กลับไม่บริสุทธิ์เท่าที่กักเก็บอยู่ภายในแร่หินวิเศษหนึ่งก้อน ถ้าหากหินวิเศษแร่โลหะเจ็ดแปดชิ้นนี้ไร้รอยบุบสลาย เยี่ยเทียนคงจะสามารถใช้มันฝึกวิชาได้ถึงเซียนเทียนขั้นกลางหรือสูงไปกว่านั้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า การกระทำนี้ของเขา จะตัดความเป็นไปได้ในการก่อเกิดสายแร่วิเศษอีกครั้งหรือเปล่า แต่แน่นอนว่า แม้เขาจะรู้เขาก็ไม่ใส่ใจ อีกร้อยพันปีให้หลังเขาคงตายนานแล้ว ต่อให้สถานที่นี้มีสายแร่วิเศษปรากฎอยู่ จะมีประโยชน์อะไรต่อเขา
พอได้รับปราณวิเศษเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ เยี่ยเทียนจึงออกมาจากเหมืองแล้วกลับไปตามทิศทางเดิม
“ชอบเล่นระเบิดนักสินะ? ฉันจะให้พวกแกเล่นจนพอใจ!”
ตอนมาถึงยังตำแหน่งที่ติดตั้งระเบิด ใบหน้าของเยี่ยเทียนก็มีรอยยิ้มเยือกเย็น กำหนดจิตแล้วปราณแท้ก็ห่อหุ้มร่างของเขาล่องลอยขึ้นไป พอถึงด้านล่างของลิฟท์ ก็ปิดรูที่ถูกตัดเปิดออกอย่างเชี่ยวชาญ เพียงพลิกฝ่ามือขวา แผ่นเล็กก็ประกบปิดรูนั้นอย่างไร้สุ้มเสียง
ช่วงเวลาที่เยี่ยเทียนเข้าไปในถ้ำไม่ยาวนานนัก เพียงแค่สิบกว่านาทีเท่านั้น หลังจากเขาออกมาแล้ว ยามเฝ้าประตูที่อยู่ในห้องยังคงกรนเสียงดังราวฟ้าผ่า พนักงานในเหมืองเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองเคยหลับอยู่หน้าปากปล่องภูเขาไฟ
“อยู่ทิศทางเดียวกับเรางั้นเหรอ?”
เยี่ยเทียนปลดปล่อยดวงจิตสายหนึ่ง พลันสัมผัสทิศทางที่คนเหล่านั้นจากไป ตอนที่กองทหารรับจ้างกลุ่มเล็กสองกลุ่มนี้จากไป เยี่ยเทียนได้ทำเครื่องหมายทิ้งไว้บนตัวพวกเขา ขอเพียงไปไม่ไกลมากนัก เยี่ยเทียนก็จะสามารถตามตัวพวกเขาได้
สืบเสาะตามปราณของตนเองไป เยี่ยเทียนมาถึงยังด้านนอกเขตบ้านเดี่ยวของเอกชนที่มีการคุ้มกันแน่นหนาแห่งหนึ่ง ด้านนอกเขตเล็กๆ นี้ล้อมรอบด้วยกำแพงตาข่ายไฟฟ้าสูงลิบ มองจากด้านนอกดูแล้วเหมือนที่คุมขัง แต่ว่าภายในกลับมีพื้นที่มหึมา มีสถานบันเทิงหลากหลายรูปแบบครบครัน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้ทุกประเภท
จริงอยู่ว่ากำแพงตาข่ายไฟฟ้ากับกล้องวงจรปิดสามารถป้องกันโจรขโมยและพวกมาเฟียได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับไม่สามารถป้องกันจากทางท้องฟ้าได้มากนัก เยี่ยเทียนค่อยๆ ลดตัวลงด้านหลังอาคารบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง ใช้มือขวาแตะลงบนหน้าต่าง แล้วกลอนภายในก็หมุนเปิดออกด้วยตัวเอง
“เฮ้ รอบคอบขนาดนี้เชียว พวกเขาระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเหล่าหม่าอีกเหรอ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะผลักหน้าต่างเปิด เขาพบว่าที่ร่องหน้าต่างมีใยเส้นหนึ่งบางราวกับเส้นผมติดอยู่ ตรงปลายเส้นแขวนกระดิ่งลูกเล็กไว้หนึ่งชิ้น เพียงเยี่ยเทียนเปิดหน้าต่างออก กระดิ่งนั้นก็จะตกลงบนกรอบหน้าต่าง ส่งเสียงเตือนภัยออกมาในทันที
ความจริงเยี่ยเทียนไม่รู้ว่า การทำงานในวงการทหารรับจ้างก็คือการหาเงินโดยนำเอาศีรษะไปแขวนไว้กับเข็มขัด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีศัตรูรอบด้าน แต่ผู้คนหรือองค์กร ที่ พวกเขา ต้อง รับมือ ต่างมีอิทธิพล หนุนหลัง ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้กัน แถมยังมีทหารรับจ้างมากมายที่หลังจากปฏิบัติภารกิจ เสร็จ สิ้น แล้ว บ่อยครั้งพอก้าวเข้าสู่ เขตแดน ของคนอื่น ก็มักถูกกำจัดทิ้ง
ดังนั้นทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ จึงมักให้ความสำคัญ กับความปลอดภัย ของตัวเองเป็นหลัก นั่นเพราะมีเพียงการรับประกันความปลอดภัย ของตัวเอง ถึงจะมั่นใจว่าจะทำภารกิจได้สำเร็จ ถ้าหากไม่ได้กำลังเร่งรีบ ทหารรับจ้างพวกนี้คงถึงขั้นติดตั้งระบบอินฟราเรดเตือนภัยรอบด้านแล้ว
ลูกไม้เล็กน้อยพวกนี้ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อเยี่ยเทียน ในอดีตที่เขาติดตามหลี่ซั่นหยวนท่องยุทธ จักร ได้เห็นมากมายหลายสิ่ง เพียงแค่ไม่คิดว่าพวกฝรั่งก็ใช้มุกนี้เช่นกัน ทันใดนั้น ปราณแท้ลอดทะลุผ่านหน้าต่าง แล้วห่อหุ้มกระดิ่งเล็กนั่นเอาไว้
พอยื่นมือผลักออกไป หน้าต่างก็เปิดออกจากด้านใน ร่างของเยี่ยเทียนสอดแทรกเข้าไปราวกับเสือดาว โดยไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ
ว่ากันโดยทั่วไป คนที่เดินท่องบนเส้นกั้นแบ่งความตายบ่อยครั้ง มักจะมีสัมผัสที่หกเช่นกัน แต่ว่าเวลานี้รูขุมขนทั่วเนื้อตัวของเยี่ยเทียนถูกปิดหมด ต่อให้เป็นคนที่มีสัญชาตญาณระวังภัยแรงกล้า ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเยี่ยเทียน
“ทั้งหมดสิบแปดคน อยู่กันสามชั้น ทุกชั้นต่างมีการป้องกันของตัวเอง ดูท่าไม่ใช่กลุ่มเดียวกันสินะ?”
เยี่ยเทียนปลดปล่อยญาณสัมผัสออกไป เพื่อดูภาพโดยรวมทั้งหมดของอาคารทั้งหลัง เขาพบว่า เมื่อรวมตัวเองที่อยู่ชั้นหนึ่ง ชั้นสามของตึกอัดแน่นไปด้วยผู้คน ต่างสวมเสื้อผ้านอนหลับ อาวุธครบมือ ระแวดระวังอย่างที่สุด
” ซ่งเสี่ยวหลง ลงทุนขนาดนี้ นับว่าให้เกียรติฉันจริงๆ!”
เยี่ยเทียนยิ้มเหี้ยม เขาทำงานร่วมกับมาลาไกย์มาหลายต่อหลายครั้ง ย่อมรู้ตัวเลขราคากองทหารรับจ้างนานาชาติ ดูท่าเพื่อกำจัดเขาในครั้งนี้ ซ่งเสี่ยวหลงถึงกับกระอักเลือดหนักทีเดียว
“กรรมใดใครก่อ ดาบนั้นคืนสนอง อยากฆ่าฉัน ก็ต้องเตรียมตัวตายเสียก่อน… ” ดวงตาของเยี่ยเทียนฉายแววดุดัน เคลื่อนตัวเข้าไปภายในห้องราวกับวิญญาณ ชายร่างยักษ์ ที่เฝ้ายามชั้นหนึ่งอยู่พลันรู้สึกง่วงงุน คอพับหลับลึกในทันใด
เยี่ยเทียนสอดส่องสายตาไปทั่วห้อง ขณะที่เขาเห็นถาดทรงกลมสำหรับใส่กระสุนปืนกล ดวงตาก็ฉายแวววาบ หยิบระเบิดTNTที่เชื่อมต่อกับชนวนและตัวจุดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ ออกมาจากกระเป๋า ยัดใส่ลงไปในนั้น
นอกจากในถาดกระสุน เยี่ยเทียนยังยัดระเบิดอีกหนึ่งชิ้นลงไปในกระเป๋าทหารสำหรับใส่กระสุนอีกหนึ่งชิ้น ระเบิดสองชิ้นนี้ถึงแม้รวมกันแล้วหนักเพียงสองกิโลกรัม แต่ก็เพียงพอจะส่งคนเหล่านี้ไปพบพระเจ้าหรือซาตานที่พวกเขาบูชา
ดังนั้น หลังจากร่างของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวไปรอบอาคารหลังนี้ ระเบิดที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเขาจึงใช้ออกไปจนหมด แต่ไหนแต่ไรเยี่ยเทียนไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา ในความคิดของเขา ศัตรูก็เท่ากับคนตาย
ถอยออกมาจากหน้าต่างที่เข้าไปบานนั้นอีกครั้ง แล้วนำกระดิ่งแขวนกลับยังที่เดิม เยี่ยเทียนไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้แม้แต่น้อย ต่อให้ชายร่างยักษ์ เฝ้ายามกะกลางคืนคนนั้นตื่นยังรู้สึกว่าตนเองแค่เผลองีบหลับไป แต่จะไม่สงสัยว่ามีใครแทรกตัวเข้ามาในบ้านของพวกเขา
“เจอร์รี นายออกจะจุกจิกเกินไปหรือเปล่า?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดจะกลับโรงแรม ก็มีเสียงสนทนาดังมาจากอาคารบ้านเดี่ยวด้านข้างที่ยังเปิดไฟอยู่ เยี่ยเทียนจึงหยุดฝีเท้า หลบซ่อนร่างของตนเองท่ามกลางความมืด
นั่นเพราะเยี่ยเทียนพบว่า บนร่างของคนที่กำลังพูดอยู่มีปราณที่เขาปล่อยออกมา น่าจะเป็นคนที่ออกมาจากเหมืองทองคำแห่งนั้น
“ทำไมถึงเปลี่ยนแผนล่ะ? ตอนแรกก็แค่ให้เหมืองใต้ดินนั่นถล่มลงมาก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง?” เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้กำลังสอบสวนเจอร์รี ซึ่งเห็นได้น้อยครั้งในกองกำลังแม่ม่ายดำ พวกเขาล้วนเคยชินกับการเชื่อฟังคำสั่งและบัญชาการของเจอร์รี
ได้ยินคำถามของเพื่อนร่วมงานแล้ว เจอร์รีก็ส่ายหน้า ตอบว่า “ไคลด์ คู่ต่อสู้ของเราแข็งแกร่งมาก การถล่มเหมือง อาจไม่ทำให้เขาเสียชีวิต ฉันต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่ผิดพลาด”
“เหมืองลึกหลายร้อยเมตรถล่มยังไม่ตายเนี่ยนะ? เจอร์รี นายต้องเข้าใจนะว่าผลลัพธ์นี้ พวกเราคงไม่อาจแบกรับไหว…”
ไคลด์ที่กำลังพูดอยู่ก็คือมือระเบิดของกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำนั่นเอง เดิมทีเขาไปติดตั้งระเบิด TNTจำนวนสามสิบกิโลกรัมในถ้ำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นพอจะถล่มถ้ำแห่งนั้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่นึกไม่ถึงว่าเจอร์รีกลับเปลี่ยนแผน โดยให้กลุ่มทหารรับจ้างสกอร์เปี้ยนนำระเบิดอีกหลายร้อยกิโลกรรมไปยังถ้ำเหมือง เมื่อทำเช่นนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ นั่นเพราะทันทีที่ระเบิดหนักหลายร้อยกิโลกรัมระเบิดขึ้นจะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและก๊าซพิษ จนเกิดภัยพิบัติต่อโจฮันเนสเบิร์ก
ทหารรับจ้างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภารกิจเสร็จสิ้นก็จริง แต่มโนธรรมของแต่ละคนต่างมีขอบเขตของตนเอง ถึงแม้ไคลด์จะรับคำสั่งของเจอร์รี แต่เขากลับไม่สบายใจ หลังกลับมาจากเหมืองทองก็เริ่มไม่เห็นด้วยกับเจอร์รี
ไม่เพียงแต่ไคลด์เท่านั้น กระทั่งสมาชิกคนอื่นอีกหลายคนก็มองไปยังเจอร์รีเช่นกัน ต้องเข้าใจว่า ถ้าหากจุดระเบิดพวกนั้นขึ้นมาจริงๆ เหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเหตุการณ์ “911” ของอเมริกา ถ้าหากถูกคนตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำ บนโลกใบนี้ก็คงจะไม่มีพื้นที่ยืนให้พวกเขาเป็นแน่
“ไคลด์ ฉันเข้าใจความคิดของพวกนาย”
เจอร์รียักไหล่อย่างเหนื่อยหน่าย ตอบว่า “แต่ว่าจากมุมมองของฉัน ฉันจำเป็นต้องทำให้ปฏิบัติการไร้ซึ่งการสูญเสีย นั่นเพราะเจ้าคนจีนนั่น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีพลังพิเศษ ต่อให้เหมืองถล่มทลาย ก็อาจยังไม่สามารถต้านทานเขาได้!”
“พลังพิเศษ จะ…จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง?”
พอเจอร์รีพูดออกมาอย่างนี้ คนทั้งหลายภายในห้องล้วนมีสีหน้าประหลาด ไคลด์ยิ่งถามขึ้นอย่างหวาดๆ “เจอร์รี นายรู้ว่าเขามีพลังพิเศษแล้วทำไมถึงยังรับภารกิจนี้อีก นี่อาจทำให้พวกเราตายกันหมดได้นะ!”
“เจอร์รี ฉันก็ต้องการคำอธิบายเหมือนกัน!”
ชายคนหนึ่งที่นั่งเงียบไม่ส่งเสียงอยู่ตรงมุมห้องมาตลอด ก็เงยหน้าขึ้น มองมายังเจอร์รีเช่นกัน คนคนนี้คือบรูกแมน หน่วยโจมตีของกองกำลังแม่ม่ายดำ และยังรับหน้าที่ปฏิบัติการอีกด้วย แต่ถ้าหากคนที่คุ้ยเคยกับเขาพบเขาเข้า ย่อมจดจำใบหน้าเขาไม่ได้แน่นอน
เดิมทีบรูกแมนแม้ไม่อาจพูดได้ว่าหล่อเหลา แต่ก็มีใบหน้าเด็ดเดี่ยวมั่นคง อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้านั้นของบรูกแมนกลับน่าสยดสยองอย่างยิ่ง ตั้งแต่ไรผมตรงหน้าผากจรดคางของเขา ผิวเนื้อปริแตกออก ราวกับถูกกรงเล็บแหลมคมของสัตว์ร้ายตะปบลงบนใบหน้า
“บรูกแมน ไคลด์ ฉันเองก็เพิ่งค้นพบเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำในอดีต หลังจากที่รับภารกิจแล้วเหมือนกัน…”
ใบหน้าของเจอร์รีมีรอยยิ้มเจื่อน ตอนที่เขาตกลงรับภารกิจนี้ ก็รีบเริ่มรวบรวมข้อมูลทุกอย่างของเยี่ยเทียน แต่ยิ่งรวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บในใจยิ่งขึ้นเท่านั้น
ยิ่งเมื่อหลังจากได้รู้ว่าเยี่ยเทียนมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกับทางรัสเซีย เขาก็แทบจะมั่นใจได้ว่าเยี่ยเทียนคือหนึ่งในคนที่มีพลังพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง
ที่เจอร์รีตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะกองกำลังของพวกเขา เคยพานพบกับคนประเภทนี้มาก่อน และครั้งนั้นพวกเขาก็แทบจะพบความวิบัติทั้งกองทัพ
……………………………………….