ความรอบคอบของเจอร์รี เกินความคาดหมายของเยี่ยเทียนมาก ตั้งแต่วันแรกที่เยี่ยเทียนเข้าพักในโรงแรม เขาก็สั่งให้แคลวินเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของโรงแรมทำให้เขาควบคุมข้อมูลการติดต่อกับภายนอกทั้งหมดของเยี่ยเทียนไว้ได้
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างเยี่ยเทียนกับถังเหวินหย่วน และการยืมเครื่องบินส่วนตัวของหลี่เชาเหริน ข้อมูลทุกอย่างถูกบันทึกและเป็นที่รับรู้ของเจอร์รี แม้แต่เครื่องบินจะลงจอดที่เคปทาวน์เมื่อไหร่ก็ด้วยเช่นกัน
แคโรลไม่มีความสามารถเรื่องการต่อสู้เลย แต่ความสามารถในการหาข้อมูลและการสอดแนม เขามีพรสวรรค์ที่คนทั่วไปเทียบไม่ได้
ในวันที่เครื่องบินลงจอดที่เคปทาวน์วันแรก เพื่อเข้าใกล้เครื่องบินส่วนตัวลำนี้ แคโรลปลอมตัวเป็นพนักงานซ่อมบำรุงของสนามบิน และนำระเบิดพลาสติก C4 แท่งหนึ่งใส่เข้าไปตรงจุดที่ใกล้เครื่องยนต์
ระเบิดที่แคโรลใส่ไว้ในเครื่องบิน ถูกคิดค้นและผลิตเองกับมือโดยไคลด์ มันคือระเบิด C4 ที่หุ้มด้วยยางไม้ละลายได้ เมื่อถูกลมแรงพัดใส่ ยางไม้จะละลายทีละนิด
หลังจากยางไม้ชั้นนอกละลายหมด ระเบิดก็จะทำงานทันที เวลาที่ไคลด์ตั้งเวลาไว้คือห้านาที ถ้าผ่านไปสามร้อยวินาที เครื่องบินส่วนตัวที่เยี่ยเทียนนั่งอยู่ก็จะระเบิดกลางอากาศ
พูดได้เลยว่าการลอบฆ่าแบบนี้จะป้องกันล่วงหน้ายากมาก เพราะยางไม้ละลายได้ที่ไคลด์นำมาใช้ เทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจจับได้ เยี่ยเทียนจึงรู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด แต่ก็ไม่พบสาเหตุที่แท้จริง
“สามชั่วโมงแล้วนะเจอร์รี กลุ่มทหารรับจ้างแม่ม่ายดำของพวกเรา ยังคงเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น! ”
แคร์โรลคว้าเหล้าจากบนโต๊ะและเริ่มดื่ม การล่มสลายของกลุ่มทหารรับจ้างแม่ม่ายดำ เป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดเส้นทางชีวิตทหารรับจ้างของเขาเช่นกัน เขาต้องการทำความหวังสุดท้ายของเจอร์รีให้สำเร็จ
จากการออกแบบของไคลด์ ยางไม้อยู่ได้ประมาณสามชั่วโมง นั่นเท่ากับว่า ดาบของเทพแห่งความตายได้ชูขึ้นเหนือเครื่องบินลำนั้นแล้ว และชีวิตของคนในเครื่องบินทั้งหมดกำลังนับถอยหลัง
…………
“คุณเยี่ยครับ แม้ว่าคุณจะเป็นแขกพิเศษของคุณหลี่ แต่ในฐานะกัปตันของเครื่องบินลำนี้ ผมไม่สามารถทำตามคำขอของคุณได้ครับ! ”
เดินทางมาหลายพันไมล์ กัปตันเครื่องบินส่วนตัวของคุณหลี่ ได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องผู้โดยสาร เครื่องบินกำลังบินผ่านเขตฟ้าผ่าซึ่งควบคุมโดยผู้ช่วยกัปตัน
ในสายตาของกัปตัน คำขอของเยี่ยเทียนเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลย แล้วระยะห่างจากตรงนี้กับจุดลงจอดที่ใกล้ที่สุดจะต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง แต่เยี่ยเทียนสั่งให้ลงจอดเดี๋ยวนี้ ยังไม่พูดถึงเรื่องฟ้าร้องกับฟ้าผ่า ด้านล่างก็เป็นผืนน้ำกลางมหาสมุทร เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ด้วยซ้ำ
“กัปตัน ผมสงสัยว่ามีคนวางระเบิดบนเครื่องบินลำนี้ และมันใกล้จะระเบิดแล้วด้วย ถ้าไม่ลงจอด พวกเราทุกคนจะตายกันหมด! ”
เยี่ยเทียนแสดงสีหน้าวิตกกังวลมากที่สุดออกมา แม้จะเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 911 เขาก็ไม่มีความรู้สึกว่ามีความสามารถแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้ สุดท้ายแล้วที่ความสูงถึงหมื่นเมตร แม้ว่าเยี่ยเทียนจะสามารถหนีออกจากเครื่องบินได้ แต่คนอื่นๆ ที่อยู่บนเครื่องบินก็คงไม่มีใครรอด
เหลยหู่กับแอร์โฮสเตสจะไม่สนใจก็ได้ แต่เจียงซานเยี่ยเทียนปล่อยไว้ไม่ได้ คนที่มีพรสวรรค์ด้านการทำนายอย่างหล่อนคงหาเจอได้ยาก ฉะนั้นไม่ว่าจะต้องทำยังไงเยี่ยเทียนก็จะรักษาเด็กสาวคนนี้ไว้ให้ได้
“คุณเยี่ย เป็นไปไม่ได้ครับ! ”
กัปตันไม่เชื่อสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด เขาพูดว่า
“เครื่องบินของเรา ก่อนทำการบินขึ้น จะต้องได้รับการตรวจเช็คความปลอดภัยถึงสองครั้ง ผมยืนยันได้ว่าบนเครื่องบินไม่มีทางมีระเบิดอย่างแน่นอน…”
ในฐานะมหาเศรษฐีชาวจีนอันดับต้นๆ หลี่เชาเหรินจะต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่เขานั่งหรือเครื่องบินส่วนตัว ทุกอย่างจะต้องได้รับการตรวจเช็คความปลอดภัยด้วยชุดตรวจเฉพาะก่อนใช้งานทุกครั้ง
เดิมทีบอดี้การ์ดของหลี่เชาเหรินจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ครั้งนี้เป็นการให้ผู้อื่นยืมใช้เครื่องบิน งานตรวจเช็คความปลอดภัยจึงเป็นหน้าที่ของกัปตันแทน อุปกรณ์ที่กัปตันใช้เป็นอุปกรณ์ใหม่ล่าสุด แม้แต่วัตถุโลหะขนาดเล็กเท่าเส้นผม ก็สามารถตรวจเจอได้
เครื่องบินลำนี้ก็เหมือนชีวิตของกัปตัน เขารักเครื่องบินลำนี้มากกว่าเยี่ยเทียนเสียอีก และเขามั่นใจว่าได้ตรวจเช็คแล้วทุกซอกทุกมุม ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกว่าเยี่ยเทียนกำลังทำสิ่งที่ไร้เหตุผลอยู่
“คุณมั่นใจ? ”
เมื่อเห็นท่าทีอันหนักแน่นของกัปตัน เยี่ยเทียนส่ายหัวและพูดว่า
“คุณรู้จักจั่วเจียจวิ้นมั้ย? ”
“จั่วเจียจวิ้น? ”
กัปตันชะงักไปครู่หนึ่ง และถามว่า
“คุณหมายถึงอาจารย์จั่วแห่งฮ่องกงเหรอครับ? ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์อยู่แล้ว”
ที่ฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือประชาชนทั่วไป ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนสังคมชั้นสูง ชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นดังกว่าพวกดาราของเกาะฮ่องกงเสียอีก
“ผมเป็นศิษย์น้องของจั่วเจียจวิ้น และผมทำนายได้ว่าเครื่องบินลำนี้มีระเบิด คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ? ”
เยี่ยเทียนไม่รอให้กัปตันตอบ พูดต่ออีกว่า
“ผมรู้ว่าเครื่องบินลำนี้สามารถลงจอดที่เซี่ยงไฮ้ได้ เราทำการลงจอดและออกจากเครื่องบินก่อน ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อยบินขึ้นอีกครั้งก็ไม่สายนี่ กัปตัน ผมคิดว่าเราต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเองก่อนหรือเปล่า? ”
คนอย่างหลี่เชาเหริน ต้องมีการป้องกันเรื่องเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว ตอนที่ขึ้นเครื่อง เยี่ยเทียนสังเกตุเห็นแล้วว่าใต้ท้องเครื่อง บริเวณใกล้กับล้อยาง มีแลนดิ้งเกียร์อยู่ น่าจะใช้กับการบินขึ้นและร่อนลงบนน่านน้ำได้
“คุณเป็นศิษย์น้องของอาจารย์จั่ว? ”
สีหน้าของกัปตันดูไม่เชื่อ ความสามารถการทำนายของอาจารย์จั่วเป็นที่รู้กันในฮ่องกง แล้วศิษย์น้องของอาจารย์เป็นคนพูดออกมา ก็คงมีน้ำหนักอยู่บ้างแหละ
“ช่วยผมโทรไปที่เบอร์นี้หน่อยครับ! ”
เยี่ยเทียนเขียนเบอร์โทรเบอร์หนึ่งอย่างรวดเร็ว และยื่นให้กับแอร์โฮสเตสที่กำลังงุนงงอยู่
“เยี่ยเทียน ฉันเพิ่งรู้จากเหล่าถังว่าเธอโทรมา ฉันกำลังจะโทรหาเธออยู่พอดี!”
เสียงของจั่วเจียจวิ้นดังขึ้นในสาย
“ศิษย์พี่ใหญ่ทำนายเมื่อเช้า รู้สึกจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอ เธอต้องระวังตัวหน่อยนะ ลมพัดคลื่นใหญ่ก็ผ่านมาหมดแล้ว อย่าให้เรือพลิกคว่ำที่คูน้ำเชียวล่ะ! ”
“ศิษย์พี่ใหญ่รู้แล้วเหรอ? ”
เยี่ยเทียนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินแต่มันก็ยิ่งทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก โบราณเคยกล่าวไว้ว่าการทำนายไม่สามารถหยั่งรู้เรื่องของตนได้ เยี่ยเทียนไม่สามารถทำนายตัวเองและคนรอบตัวได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความโก่วซินเจียจะทำนายออกมาไม่ได้ พลังฝีมือของโก่วซินเจียอาจสู้เยี่ยเทียนไม่ได้ แต่ความเชี่ยวชาญของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเสื้อป่านก็แกร่งกว่าเยี่ยเทียนที่ไม่เอาถ่านมาก
“ตอนนี้เธออยู่บนเครื่องบินใช่มั้ย? ศิษย์พี่ใหญ่ฝากบอกว่าให้เธอรีบออกมาจากตรงนั้น! ”
จั่วเจียจวิ้นพูดอีกครั้ง ข้างๆ มีเสียงของถังเหวินหย่วนกับโก่วเซินเจียด้วย
เยี่ยเทียนยิ้มอย่างหดหู่พูดว่า
“ศิษย์พี่จั่ว ผมก็รู้สึกแปลกๆ และสงสัยว่ามีคนวางระเบิดบนเครื่องบินลำนี้ แต่กัปตันที่เป็นคนฮ่องกง ผมสั่งให้เขาเอาเครื่องลงจอดบนมหาสมุทรแล้ว เขาไม่เชื่อผมครับ! ”
“ฉันคือถังเหวินหย่วน นำเครื่องลงด่วน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะคุยกับคุณหลี่เอง จะต้องทิ้งเครื่องบินก็ไม่เป็นไร! ”
จั่วเจียจวิ้นยังไม่ทันพูด แต่กลับเป็นถังเหวินหย่วนที่เริ่มกังวล แม้ว่าเครื่องบินลำนี้มีมูลค่าสูงมาก แต่เครื่องบินหนึ่งร้อยลำก็เทียบกับชีวิตของเยี่ยเทียนไม่ได้
“คุณถัง? ”
เสียงในสายพูดดังมาก กัปตันเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน เขารู้ว่าเครื่องบินลำนี้ ถังเหวินหย่วนเป็นคนไปยืมกับเถ้าแก่ของตน เขาเริ่มลังเลและไม่แน่ใจว่าจะฟังคำสั่งของเยี่ยเทียนดีหรือไม่
“เดี๋ยวฉันจะโทรหาคุณหลี่ เยี่ยเทียน บอกตำแหน่งของพวกเธอมาหน่อย ฉันจะหาคนในแอฟริกาไปรับพวกเธอเอง”
ถังเหวินหย่วนไม่สงสัยในความสามารถของเยี่ยเทียน ในเมื่อเขาบอกว่ามีระเบิดอยู่บนเครื่องบิน แปลว่ามีมูลความจริง คนทำงานแบบไม่รีรออย่างถังเหวินหย่วน พอทราบเรื่อง เขาก็เริ่มจัดการวางแผนต่อทันที
“ครับ รอให้ผ่านเขตพายุไปแล้ว ผมจะบินลงทันที! ”
สุดท้ายกัปตันก็กัดฟันรับปาก เขาเป็นเพียงพนักงานรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือฐานะก็ไม่อาจเทียบเทียมกับเยี่ยเทียนและคนอื่น ในเมื่อมีถังเหวินหย่วนอยู่ด้วย แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเถ้าแก่ก็คงไม่ตำหนิเขาหรอก
“ครับศิษย์พี่จั่ว งั้นผมขอวางสายก่อน ศิษย์พี่รองรีบให้เหล่าถังจัดการเลยนะครับ! ”
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปแล้วของกัปตัน เยี่ยเทียนรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะโหดเหี้ยมกับศัตรู แต่เจ้าพนักงานบนเครื่องบินเหล่านี้เป็นแค่คนทั่วไป เยี่ยเทียนมีเคารพต่อชีวิตของทุกคน และเขาเองก็ไม่อยากให้คนเหล่านี้ต้องเสียชีวิตเพราะเขา
กัปตันเชื่อในสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดมากขึ้น หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างเยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้น แล้วคนที่อ้าปากก็เรียกถังเหวินหย่วนว่าเหล่าถัง บนโลกนี้มีไม่กี่คน ดังนั้นสถานะของเยี่ยเทียนจึงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“ท่านเยี่ย มีระเบิดอยู่บนเครื่องจริงเหรอ? ”
พอเยี่ยเทียนพูดกับกัปตันเสร็จ เหลยหู่ก็ถามออกไป บทสนทนาเมื่อครู่ทำให้เขาเหงื่อแตกไปหมด
“อืม แปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไอ้พวกนั่นจัดการยากจริงๆ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า หันไปมองเจียงซาน และพูดว่า “เหลยหู่ แกมันเก่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้ได้เจอฉัน แล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน หล่อนคงตายคามือพวกแกแล้วมั้ง”
ความสามารถของเจียงซานแปลกมาก คลื่นความคิดที่กระจายออกมาจากตัวของหล่อน สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของคนทั่วไปได้ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเยี่ยเทียนที่แกร่งเกินไป เยี่ยเทียนอาจจะกลายเป็นเป้ายิงของกองกำลังกลุ่มนั้นแล้วก็ได้
“แฮะๆ ท่านเยี่ย นั่นเพราะเหลยหู่ไม่รู้ประสีประสา ผมรู้ว่าท่านเป็นคนใจกว้าง ท่านปล่อยผมไปเถอะครับ ! ”
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เหลยหู่ไม่กล้าคิดต่อต้านเยี่ยเทียนอีกเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อาจจะไม่เชื่อว่าคนที่จะพูดคำนี้ออกมาคือผู้อาวุโสแห่งตำหนักอาญา
“แก…แกนี่มันปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้จริงๆ นะ”
คำพูดของเหลยหู่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง คนตรงข้ามเยี่ยเทียนเป็นคนอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาอีก
“หืม ไม่สิ!” ตอนที่เยี่ยเทียนอยากจะพูดต่อ จู่ๆ เครื่องบินก็สั่นอย่างรุนแรง สีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไปทันที
…………………..