“นี่…นี่คือสัตว์อะไรกัน?”
เมื่อมองดูซากศพของสัตว์ขนาดยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลบนพื้น ใจของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสั่นสะเทือน นอกจากวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ที่เคยเห็นในภาพยนตร์แล้ว ต่อให้เป็นมังกรดำ ก็มีความยาวประมาณสิบกว่าเมตร ไม่อาจเทียบกับซากกระดูกที่อยู่ตรงหน้านี้ได้
สัตว์ตัวนี้ยังมีแขนขา ลำคอยาว โครงกระดูกที่อยู่ตรงทรวงอกมีความยาวถึงสองเมตร นอกจากนี้ยังสังเกตุเห็นกรามล่างที่สึกกร่อนอยู่บนพื้น มันมีฟันแหลมคมที่ยาวเหมือนมีดสั้นเรียงกันเป็นแถว เห็นได้ชัดว่ามันคือสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่บนบก
บางทีสิ่งมีชีวิตที่เติบโตอยู่ในมหาสมุทรจะมีขนาดใหญ่แบบนี้ แต่เท่าที่เยี่ยเทียนรู้มา นอกจากยุคไดโนเสาร์แล้ว สัตว์ที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่แบบนี้ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกหมดแล้ว หากไม่อย่างนั้นจอมราชันย์ของโลกใบนี้อาจจะไม่ใช่พวกมนุษย์
“ท่านเยี่ย ตรง…ตรงนั้นก็มีครับ!”
ความจริงเหลยหู่ไม่ต้องเตือน เยี่ยเทียนก็มองเห็นเหมือนกัน ตรงที่ไม่ไกลจากสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์นี้ ยังเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกของสัตว์ชนิดต่างๆ เรียงรายอยู่แน่นขนัดเต็มไปหมด มันมีโครงสร้างที่ใหญ่มาก กระทั่งใหญ่กว่าซากศพตัวนี้อีกสองสามเท่า ส่วนโครงสร้างที่เล็กหน่อย ก็มีความยาวประมาณสี่ห้าร้อยเมตร
“แม่เจ้า พวกเรามาอยู่ที่ไหนกันแน่?” เยี่ยเทียนเกิดความรู้สึกประหลาดใจบางอย่าง เมื่อตัวเองกับเหลยหู่มาอยู่ท่ามกลางซากศพของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่พวกนี้ พวกเขาเหมือนมาอยู่ในเมืองคนยักษ์และบทบาทที่ตัวเองได้รับก็คือคนแคระ
แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนไม่เข้าใจก็คือ ซากกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ซ้อนทับถมกัน แต่กลับเรียงเป็นแถวยาวไปตามชายฝั่ง เป็นเหตุที่ทำให้เยี่ยเทียนมองออกไปไกลเมื่อสักครู่ แล้วเข้าใจผิดว่านี่คือเขตป่าไม้ที่ปกคลุมไปทั่ว
“เหมือนบนพื้นจะไม่ใช่พื้นดิน แต่…แต่เป็นซากศพเน่าเปื่อยของสัตว์ที่หลงเหลือเอาไว้?”
เยี่ยเทียนเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว แล้วความสนใจก็ถูกดึงดูดไปบนพื้นที่อ่อนนุ่มทันที ตอนนี้เขาเพิ่งพบว่า ที่แท้พื้นดินที่ดูเหมือนจะเป็นสีดำสนิท มันก็คือเนื้อหนังที่ตกหล่นมาจากสัตว์เหล่านี้ ถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ทะเลล่ะก็ เกรงว่าคงจะกลายเป็นอากาศพิษที่รุนแรงมากไปนานแล้ว
“ท่านเยี่ย พวก…พวกเรามาอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ?”
เมื่อมองดูสถานการณ์แปลกประหลาดที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว เหลยหู่ที่เคยเล่นบทโหดฆ่าคนเลือดสาดมานักต่อนัก ขาทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นหลอมปราณสู่จิตเมื่อสักครู่ เวลานี้ได้หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่ายังมีสถานที่ไหนบนโลกที่มีสิ่งมีชีวิตแบบนี้หลงเหลืออยู่?”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ดวงตาทอดมองออกไปไกลๆ ทะลุผ่านซากกระดูกของสัตว์เหล่านี้ ทำให้เยี่ยเทียนมองเห็นว่า เบื้องหน้าในระยะหนึ่งร้อยกว่าเมตรของเขานั้น แทบจะไม่มีหญ้าสีเขียวเลย แต่ในบริเวณนี้ กลับเป็นป่าไม้เขียวขจี มีต้นไม้สูงเสียดฟ้ามากมาย ปรากฏให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา
แต่ท่ามกลางความมีชีวิตชีวาเหล่านั้น เยี่ยเทียนกลับรู้สึกถึงพลังอาฆาตที่รุนแรงบางอย่าง กระทั่งเขาไม่กล้าปล่อยปราณแท้ออกไปสำรวจภายนอก เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ว่า สถานที่เหล่านี้เหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่และแข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่ และมากพอที่จะทำลายแก่นวิญญาณของเขาให้บาดเจ็บได้
“บ้าเอ้ย ต่อให้เป็นอุโมงค์มังกรและถ้ำเสือ ฉันก็จะลองบุกเข้าไป!”
ต่อให้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่รู้ ในใจก็จะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาขนาดคนที่แข็งแกร่งอย่างเยี่ยเทียน เวลานี้ก็ยังเกิดความรู้สึกหวาดผวาบางอย่าง ความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่เหลือจากความรู้สึกเสียหน้า จึงได้ปลุกเร้าจิตใจที่แข็งแกร่งและตรงไปตรงมาที่อยู่ในสายเลือดของเขา
“ท่านเยี่ย ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยครับ!” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เหลยหู่จึงอดจินตนาการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ป่าที่เขียวชอุ่มเป็นพุ่มพฤกษ์นั่น เหมือนกับเป็นปากขนาดใหญ่ของสัตว์ที่ดุร้าย กำลังรอพวกเขาเข้าไป
“ท่านเยี่ย พวกเราไปรอทีมกู้ภัยบนชายหาดดีกว่าไหมครับ? ที่ตรงนั้นดูอันตรายมากเกินไป”
เดิมทีเหลยหู่ก็ไม่ใช่นักต่อสู้อยู่แล้ว ความรู้สึกสั่นสะท้านที่เกิดขึ้นมาในหัวใจ ทำให้ร่างกายของเขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว ไม่มีแม้แต่ความคิดอยากจะเข้าไปสำรวจป่าแห่งนี้เลย
นอกจากนี้เหลยหู่ยังสัมผัสได้ว่า ซากศพของสัตว์พวกนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ด้านนอกของหาดทราย ไม่มีสัตว์สักตัวสามารถเข้าไปในนั้นได้ ทำให้เหลยหู่พอจะเข้าใจอยู่บ้าง บางทีชายหาดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเกาะแห่งนี้
“ตำแหน่งจากดาวเทียมก็ส่งออกไปไม่ได้ แกคิดว่าพวกเขาจะตามหาพวกเราเจอหรือ?”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าอย่างช้าๆ ความเต็มเปี่ยมของพลังแห่งฟ้าดินในพื้นที่แห่งนี้ มากกว่าค่ายกลชุมนุมพลังที่เขาสร้างไว้ที่ฮ่องกง และสนามแม่เหล็กที่มีความพิเศษเฉพาะตัวจากการก่อตัวของปราณวิเศษทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดกลายเป็นเศษเหล็ก
ถ้าหากเยี่ยเทียนเดาไม่ผิด ธาตุของปราณวิเศษที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้น ยังมีความสามารถในการอำพรางตัว ห่อหุ้มเกาะทั้งเกาะเอาไว้ และมีเพียงอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะพออธิบายสาเหตุที่ยังไม่มีใครค้นพบเกาะแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน
“ท่านเยี่ย อย่างนั้น…อย่างนั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?”
เวลานี้เหลยหู่ทำอะไรไม่ถูกแล้ว สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่พวกนี้ล้วนมาตายอยู่ตรงหน้า เขาจึงไม่กล้าจินตนาการจริงๆ ว่าบนเกาะนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแบบไหนหลงเหลืออยู่อีก
“ทำยังไง? มีสองวิธี”
หลังจากมองป่าที่อยู่ไกลๆ เยี่ยเทียนจึงคิดครู่หนึ่ง พลางชี้นิ้วออกไปแล้วพูดว่า “อย่างแรก พวกเราใช้แพชูชีพพายออกไปที่ทะเล เพื่อหนีออกจากเกาะแห่งนี้ แต่จะออกไปได้ไหม ฉันก็ไม่กล้ารับประกัน
อย่างที่สอง ก็คือเข้าไปสำรวจเกาะแห่งนี้ ดูว่าข้างในยังมีมนุษย์อยู่หรือไม่ ถ้าหากมี พวกเราก็จะได้ข้อมูลจากพวกเขามาบางส่วน หรือบางทีก็จะสามารถหาวิธีออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้ ขอเพียงออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ฉันเชื่อว่าตำแหน่งทางดาวเทียมจะสามารถใช้การได้”
ตอนนี้เยี่ยเทียนคาดเดาแบบนี้ เพียงแต่เขาไม่กล้ามั่นใจ เพราะสภาพการณ์ของที่นี่ไกลเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
เหลยหู่มองไปที่ป่าลึกและเงียบสงบที่อยู่ไกลๆ รีบพูดว่า
“ท่านเยี่ย ผม…ผมรู้สึกว่าพวกเราเดินกลับกันเถอะครับ บางทีถ้าผ่านหมอกสีขาวพวกนั้น ไม่แน่อาจจะออกไปได้ก็ได้นะครับ?”
“ได้ งั้นพวกเราก็ไปดูที่ทะเลกันก่อน!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า พูดตามจริง ทุกครั้งที่เขามองไปยังป่าลึกนั่น หัวใจของเยี่ยเทียนจะเต้นอยู่พักหนึ่ง นี่คือลางบอกเหตุของอันตราย ถ้าหากสามารถหาทางออกจากทะเลได้ เยี่ยเทียนจะไม่ยอมเข้าไปหาเรื่องสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าเด็ดขาด
หลังจากตกลงกันแล้ว เยี่ยเทียนกับเหลยหู่จึงหมุนตัวเดินกลับไป ขณะเดียวกับที่พวกเขากำลังหมุนตัว ตรงชายป่านั่น จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามเสียงดังออกมา สั่นสะเทือนจนทำให้ซากศพของสัตว์เหล่านั้นต่างกระจัดกระจาย
“บ้าเอ๊ย รีบเดินเร็วเข้า!” ตอนที่เสียงคำรามดังออกมา ความรู้สึกถึงอันตรายพลันเอ่อล้นเข้ามาในหัวใจทันที เยี่ยเทียนรีบดึงเหลยหู่ให้วิ่งไปทางชายหาดอย่างรวดเร็ว
“โกรล!” เสียงคำรามครั้งที่สองดังตามมา จากเสียงคำรามนี้ ก็มีร่างเงาสีเขียวโผล่พรวดออกมาจากในป่า ผ่านระยะห่างหนึ่งร้อยกว่าเมตรภายในชั่วพริบตาเดียว เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ก็ไล่ตามหลังเยี่ยเทียนกับเหลยหู่ทันแล้ว
“นี่คืออะไร?” พลังของอีกฝ่ายนั้นเร็วเกินไป เหลยหู่ที่อยู่ข้างหลังเยี่ยเทียนเพิ่งจะหมุนตัว ก็พบร่างเงาสีเขียวอยู่ตรงหน้าแล้ว เขายกมือขวาขึ้นมาเมื่อรู้ตัว แล้วกำหมัดชกไปที่ทิศทางของอีกฝ่าย
หลังจากเข้าสู่ขั้นการหลอมปราณสู่จิตแล้ว เหลยหู่รู้สึกว่าพลังที่อยู่รอบตัวเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างน้อยสิบเท่า การชกหมัดนี้ออกไป เขาเชื่อว่าต่อให้ข้างหน้าคือแผ่นเหล็ก ก็สามารถชกจนทะลุได้
“อ๋า? โอ๊ย!”
ขณะเดียวกับที่เหลยหู่ปล่อยหมัดออกไป เขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน จึงร้องเสียงตกใจออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่หมัดที่ปล่อยออกไปอยางเต็มเหนี่ยวนั้น ไม่สามารถชักกลับมาได้ หลังจากส่งเสียงร้องตกใจ ก็ตามด้วยเสียงร้องโอดครวญ ร่างกายถอยหลังไปติดต่อกัน บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากตัวของเขา
“บ้าเอ้ย นี่มันตัวอะไรกัน?” ขณะเดียวกับที่เหลยหู่ถอยหลังไปอย่างทุลักทุเล เยี่ยเทียนก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเช่นกัน ดวงตาจึงเบิกโพลงขึ้นทันที
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีตัวสูงประมาณสามเมตร ตัวเขียวไปทั้งตัว บนหลังของมัน มีหนามแหลมแข็งเหมือนเม่นงอกเต็มไปหมด แต่หัวของมันนั้นกลับมีหน้าตาคล้ายกับหัววัว
เพียงแต่มันไม่เหมือนกับวัวที่กินหญ้าทั่วไป เวลานี้ในปากของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ กลับคาบแขนที่ยังมีเสื้อผ้าข้างหนึ่งเอาไว้ ฟันที่คล้ายกับมีดสั้น ก็กัดฝังเข้าไปในเนื้อ ดวงตาโตเหมือนระฆัง จ้องมองเยี่ยเทียนที่หันตัวกลับมาตาไม่กระพริบ
เหลยหู่ที่อยู่ข้างหลังเยี่ยเทียน แขนขวาเหนือข้อศอกได้หายไปหมดแล้ว ดูเหมือนเหลยหู่จะยังไม่ได้สติกลับมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาตกตะลึงอยู่กับที่แบบนั้น ปล่อยให้เลือดไหลหยดลงบนพื้นไปเรื่อยๆ
“รีบห้ามเลือดเร็วเข้า ฉันจะสู้กับมันเอง!”
นิ้วกลางมือขวาของเยี่ยเทียนจี้เบาๆ สกัดจุดสองสามตำแหน่งบนไหล่ของเหลยหู่ เพื่อห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมา เหลยหู่เองก็ได้สติกลับมาแล้ว รีบฉีกชายผ้าที่อยู่บนตัว ห่อแขนที่ขาดเอาไว้แน่น
“กร๊อบ กร๊อบ!”
ไม่รู้ว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้เยี่ยเทียนหรือเปล่า ปากใหญ่ของสัตว์ประหลาดตัวนี้อ้าแล้วหุบ ฉีดกัดแขนขาดของเหลยหู่ที่อยู่ในปาก เสียงกระดูกแตกหัก ดังออกมาจากปากของขนาดใหญ่นั่นอย่างชัดเจน ทำให้คนรู้สึกขนพองสยองเกล้า
“วัวกินเนื้อมนุษย์?”
เยี่ยเทียนเกิดความคิดบางอย่าง มีแววตาที่เหลือเชื่อ อ้าปากพ่นลมหายใจออก แสงสีเงินแวววาวพุ่งออกมาจากปากแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าอก
“ไป!” เยี่ยเทียนไม่หยุดชะงักเลยสักนิด มีดบินพุ่งออกไปเมื่อเขาแผดเสียงคำรามออกมาเบาๆ ด้วยระยะห่างที่สั้นขนาดนี้ มีดบินก็ได้ปรากฏตัวอยู่บนลำคอของสัตว์ประหลาดแล้ว
ขณะที่เห็นมีดบินกำลังจะตัดหัวของเจ้าวัวนั่น ร่างของสัตว์ประหลาดก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้มีดบินพุ่งไปโดนหนามแข็งที่งอกอยู่เต็มหลังของมันแทน จากนั้นก็มีเสียงเหมือนโลหะปะทะกันดัง “ติ๊ง” แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ถอยหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
“แม้…แม้แต่ขนก็เจาะไม่เข้า?”
มองเห็นสัตว์ประหลาดเว้นระยะห่างจากตัวเองเกือบหนึ่งร้อยเมตรภายในเวลาอันรวดเร็ว เยี่ยเทียนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะตรงหน้าของเขานอกจากจะเป็นหนามแหลมราวกับเข็มเหล็กสิบกว่าเส้นแล้ว ก็ยังมีของเหลวสีเขียวเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ
ของเหลวพวกนั้นดูเหมือนจะมีความกัดกร่อนสูงมาก หลังจากตกลงไปบนพื้นแล้ว ก็จะละลายแล้วเกิดหลุมที่มีขนาดเท่าฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ส่งกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงบางอย่าง ทำให้คนได้กลิ่นแล้วถึงกับอยากอาเจียน
“มือของฉัน?”
หลังจากสัตว์ประหลาดล่าถอยออกไป เสียงเจ็บปวดทรมานที่อัดอั้นของเหลยหู่จึงดังมาจากข้างหลังของเยี่ยเทียน
“ท่านเยี่ย นี่มันคืออะไรกันแน่?”
……………………………….