ศพของจางซันเฟิงถึงแม้จะเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีกลิ่นเหม็นคลุ้งใดๆ ออกมา เนื่องจากระยะเวลาการฝึกวรยุทธมากว่าสองพันปี ทำให้เลือดเนื้อและกระดูกของเขา ถูกปราณวิเศษหล่อเลี้ยงจนไม่บุบสลาย หลังจากที่เลือดเนื้อภายในร่างกายสูญสิ้นแล้ว ทำให้ทั่วทั้งร่างกลายเป็นศพแห้งเหมือนมัมมี่
แต่ศพที่แห้งนี้ก็ไม่เหมือนกับมัมมี่ที่เยี่ยเทียนเคยเห็นรวมทั้งศพของหญิงสาวที่อยู่ในสุสานหม่าหวังตุยของประเทศจีน หลังจากที่เสียความชื้นในร่างกายหมดแล้ว ร่างกายของจางซันเฟิงกลายเป็นสีดำขลับทั้งหมด จนถึงตอนนี้ก็ไม่เน่าเปื่อย
“คนเราถ้าไม่ได้เป็นเซียน สุดท้ายก็หนีความตายไม่ได้!”
นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนถอนหายใจไม่หยุด เนื่องจากจางซันเฟิงเป็นผู้คงแก่เรียน และมีวรยุทธเกือบถึงระดับจินตัน แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานวัฏจักรกฎแห่งสวรรค์ได้ สุดท้ายจิตแห่งหยางก็ดับสลาย เป็นนักพรตที่มีจุดจบด้วยความตาย
“อาจารย์ รีบเอาเขาลงไปฝังในหลุมเถอะครับ!”
ขณะที่มองดูขั้นตอนที่ศพเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหลยหู่ทนไม่ไหวจริงๆ จึงเอ่ยพูดว่า
“ได้ยินว่ามัมมี่สาปแช่งคนได้ แล้วคนนี้…จะทำได้เหมือนกันไหมครับ?”
“ดูแกสิ แกกลับไปก่อนเถอะ!”
มองดูจางซันเฟิงที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เยี่ยเทียนนึกถึงสภาพที่ตัวเองต้องถูกขังอยู่บนเกาะแห่งนี้ จึงรู้สึกบอกไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ หลังจากเหลยหู่เดินไปแล้ว เยี่ยเทียนจึงนำศพของจางซันเฟิงลงไปฝังในหลุมลึกอย่างระมัดระวัง
“กินเจเดือนแรก ท่องคัมภีร์เต๋า ส่งวิญญาณที่ล่วงลับ ละสังขาร สู่ตำหนักใต้ กินเจเดือนเจ็ด ท่องคัมภีร์เต๋า ร่างกายเป็นเซียน รายนามของสวรรค์ สมุดบันทึกเทพเซียน สิ้นใจขึ้นสู่ชั้นสวรรค์…”
หลังจากใช้ดินฝังกลบหลุมศพแล้ว เยี่ยเทียนจึงท่องบทสวดของ “คัมภีร์ศาสนาเต๋า” ขึ้นมา เสียงสวดของเขา ทำให้เกิดระลอกคลื่นของพลังวิญญาณเป็นชั้นๆ ล้นออกไปไกลราวกับคลื่นน้ำ เหล่านกและแมลงบริเวณโดยรอบต่างเงียบสงบ แม้แต่เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่อยู่ในภูเขาลึกก็ยังหยุดร้อง ราวกับกำลังมาส่งปรมาจารย์ของยุคนี้
หลังจากผ่านไปอยู่นานครึ่งค่อนวัน เสียงสวดมนต์ของเยี่ยเทียนจึงหยุดลง เสร็จแล้วจึงพ่นลมหายใจออกมาลำแสงสีเงินก็ลอยแวบผ่านไปราวสายฟ้า ตัดผ่านตรงกลางของหินผา เยี่ยเทียนใช้พลังจิต มีดสั้นอู๋เหินก็ทะลุเข้าไปในกำแพงหินกลายเป็นลำแสงสีเงินจากนั้นก็ถูกเขากลืนเข้าไปในท้องอีกครั้ง
“จงมา!” เยี่ยเทียนยื่นมือออกไป แล้วดูดแผ่นหินหนึ่งชิ้นที่มีความยาวประมาณสองเมตร กว้างประมาณหกสิบเซ็นติเมตรลงมาจากกำแพงหิน จากนั้นก็ปักลงไปหน้าหลุมฝังศพของจางซันเฟิง โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้
“หลุมฝังศพของนักพรตผู้รอบรู้ ผู้น้อยเยี่ยเทียนขอแสดงความเคารพ!”
นิ้วชี้ข้างขวาของเยี่ยเทียนเปรียบดั่งสายลม สลักตัวหนังสือสิบกว่าคำบนแผ่นหินราวกับมีดแกะสลัก ซึ่งชื่อ “นักพรตผู้รอบรู้” นี้ ได้รับพระราชทานนามมาจากจักรพรรดิอิงจงแห่งราชวงศ์หมิง คำว่าผู้รอบรู้นั้น เหมาะสมกับฐานะของจางซันเฟิงพอดี
เมื่อยืนสงบอยู่หน้าป้ายหลุมฝังศพอยู่พักหนึ่ง เยี่ยเทียนจึงหมุนตัวเดินออกมา ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นดั่งแดนสวรรค์ เขาเองก็จะไม่ยอมถูกขังอยู่ในเกาะ “เผิงไหล” แบบนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน
“เหลยหู่ แกกำลังทำอะไร?”
ตอนที่เยี่ยเทียนกลับมาถึงกระท่อมไม้ เพื่อเตรียมจัดระเบียบคัมภีร์โบราณกับเคล็ดวิชาที่จางซันเฟิงทิ้งไว้นั้น ก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงแล่นเข้ามาในหู จึงรีบเข้าไปดูในห้อง กลับพบเหลยหู่นั่งขัดสมาธิอยู่บนตำแหน่งที่จางซันเฟิงดับขันธ์ร่างสลายกลายเป็นเซียนอยู่
แต่ว่าสถานการณ์ของเหลยหู่ในตอนนี้ ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีส่งเสียงดัง หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาราวสายฝน ร่างสั่นไปทั่วทั้งตัว หลับตาทั้งสองข้างสนิท ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมา แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก
“ไม่ได้แล้ว พลังชีวิตในร่างกายของเขามีอย่างท่วมท้น เกินกว่าวรยุทธของเขาจะรับได้!”
ขณะที่เยี่ยเทียนจะผลักเหลยหู่ มือที่ยื่นออกไปนั้นกลับหยุดชะงัก เพราะเขาพบว่า ภายในร่างกายของเหลยหู่ มีพลังชีวิตขนาดใหญ่น่าตกใจเป็นอย่างมากกำลังพลุ่งพล่านอยู่ และกำลังช่วยชะล้างหลอดเลือดและเส้นลมปราณของ เหลยหู่อย่างไม่หยุดยั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนแปลกประหลาดใจมากขึ้นก็คือ แขนขวาที่ขาดของเหลยหู่นั้น กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง รอยแผลเป็นที่เป็นชั้นหนาๆ กำลังหลุดออกมา แขนที่ขาดนั้นกลับมีเนื้องออกออกมายาวประมาณสามสี่เซนติเมตร ช่วยรักษาเส้นลมปราณที่เสียหายทั้งหมด ให้ยืดขยายออกไป
วิธีการช่วยคนตายให้ฟื้นถึงอย่างไรก็เป็นเพียงในตำนาน กลุ่มพลังชีวิตนั่นช่วยซ่อมแซมเส้นลมปราณแขนข้างขวาของเหลยหู่ ทำให้เหลยหู่ได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ต่อไปเขาไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องที่เส้นลมปราณถูกปิดจะมีผลทำให้วรยุทธยากที่จะพัฒนาได้อีกแล้ว
“ไม่ดีแล้ว สิ่งต่างๆ ที่พัฒนาไปจนถึงขีดสุดจะกลับกลายไปในทางตรงกันข้าม ร่างกายของเขาใกล้จะทนรับไม่ไหว”
หลังจากที่ซ่อมแซมเส้นลมปราณแขนข้างขวาของเหลยหู่แล้ว เยี่ยเทียนพบว่า เหลยหู่ไม่อาจทนรับพลังชีวิตที่พลุ่งพล่านขนาดนั้นได้อีก ร่างกายทั้งตัวของเขาเกือบจะบวมขึ้นมา เขาจึงรีบเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้ปราณแท้ส่งผ่านไปยังร่างกายของเหลยหู่ให้ถอยหลังไปไกลหนึ่งเมตรกว่า
“อาจารย์ ผม…ผมเป็นอะไรไปครับ?”
ถึงแม้ตอนที่กำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เหลยหู่จะได้รับความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันที่ร่างกายออกจากเบาะรองนั่งสมาธิแล้ว เหลยหู่กลับรู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัว กระดูกแขนขาและปราณแท้ไหลเวียนคล่องตัว ไม่มีติดขัดแม้แต่นิดเดียว
เมื่อจ้องมองเหลยหู่อยู่นานครึ่งค่อนวัน เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้าและถอนหายใจพูดว่า
“แกนี่โชคดีกว่าฉันจริงๆ นะ ออกไปนั่งสมาธิข้างนอก เพื่อปรับวรยุทธของตัวเองให้เสถียรเถอะ!”
กลุ่มพลังชีวิตเมื่อครู่ ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเหลยหู่ ขณะเดียวกันยังช่วยขยายเส้นลมปราณของเขา เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งชั่วโมง เหลยหู่ก็เข้าสู่ระดับพลังสับเปลี่ยนขั้นปลายแล้ว การที่ระดับการเลื่อนขั้นที่รวดเร็วเช่นนี้ เกรงว่ายังจะน่ากลัวกว่าเยี่ยเทียนในอดีตเสียอีก
เมื่อเทียบกับศิษย์พี่สองสามคนของเยี่ยเทียนแล้ว พื้นฐานของเหลยหู่นั้นยังห่างอีกมาก ถ้าหากต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ อย่าว่าแต่โก่วซินเจีย จั่วเจียจวิ้นและคนอื่นๆ เลย เกรงว่าเขาคงจะสู้ไม่ได้แม้แต่โจวเซี่ยวเทียนที่มีระดับพลังสับ เปลี่ยนขั้นต้น
“เอ๋? ดูเหมือนวรยุทธของผมจะพัฒนาขึ้นแล้ว อาจารย์ ผมออกไปก่อนนะครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ใบหน้าของเหลยหู่จึงมีสีหน้าดีใจออกมา หลังจากที่มองไปที่วัตถุชิ้นนั้นที่อยู่บนพื้นก็รีบเดินออกไปจากห้อง เวลานี้เส้นลมปราณของเขาเหมือนกับสายน้ำที่เหือดแห้ง จึงจำเป็นต้องเพิ่มพลังปราณวิเศษเข้าไปอย่างเร่งด่วน
“ของสิ่งนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ สามารถรักษาบาดแผลของเหลยหู่ได้?”
หลังจากรอให้เหลยหู่ออกไปแล้ว เยี่ยเทียนจึงเดินใกล้เข้ามาข้างหน้า พยายามมองเบาะรองนั่งสมาธิที่อยู่บนพื้น
“หรือว่านี่คือพลอยวิเศษธาตุไม้?”
เมื่อมองดูวัตถุทรงกลมสีน้ำเงินที่ปกคลุมไปด้วยลายไม้อยู่บนนั้น เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้า เพราะว่าเจ้าของสิ่งนี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนพลอย ตรงกันข้ามกลับเหมือนไม้ที่ถูกตัดมาจากตอไม้ใหญ่มากกว่า
“ลองดูเดี๋ยวก็รู้เอง!”
หลังจากที่สำรวจอยู่นาน เยี่ยเทียนจึงลองทำตามเหลยหู่ หย่อนก้นนั่งลงไป ทันใดนั้นก็มีปราณวิเศษทอดยาวเป็นสายล้นขึ้นมาจากด้านล่างแล้วทะลักเข้าไปในร่างกายของเยี่ยเทียน
“ถูกแล้ว เป็นปราณวิเศษธาตุไม้จริงๆ!”
ตอนที่เครื่องบินตกนั้น เยี่ยเทียนก็รู้สึกว่ามีอาการบาดเจ็บภายในอยู่บ้าง ตอนที่ปราณวิเศษธาตุไม้ไหลเข้าสู่ร่าง กาย โรคที่ยากจะบอกใครได้ก็ถูกขจัดออกไปในทันที ความรู้สึกที่คุ้นเคยแบบนั้น ทำให้เยี่ยเทียนสบายจนเกือบจะร้องครวญครางออกมา
วรยุทธของเยี่ยเทียนแตกต่างจากเหลยหู่ไม่อาจเอามาเปรียบเทียบได้อยู่แล้ว วรยุทธของเหลยหู่นั้นต่ำเกินไป ต่อให้เป็นยาบำรุงกำลัง พอเข้าไปในร่างกายของเขาแล้วก็จะทำให้เขาเจ็บปวดมากมาย แต่เยี่ยเทียนไม่มีปัญหานี้อีกแล้ว พลังปราณวิเศษธาตุไม้ที่ทยอยมาไม่ขาดสาย ทำให้เขารู้สึกถึงพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม ทั้งตัวของเขาเปล่งประกายไปด้วยพลังชีวิตที่มีชีวิตชีวา
“ไม่แปลกใจเลยที่จางซันเฟิงดับขันธ์ไปแล้ว แต่ยังคงรักษาสภาพความชื้นของร่างกายได้ ที่แท้ก็มีผลประโยชน์มาจากเจ้าสิ่งนี้นั่นเอง!”
ขณะที่ปล่อยให้พลังปราณวิเศษกลุ่มนั้นไหลเข้าสู่ร่างกาย เยี่ยเทียนก็เข้าใจเรื่องอะไรมากขึ้น
โดยปกติทั่วไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นพระภิกษุผู้ทรงศีลหรือนักพรตที่มีวรยุทธสูงก็ตามแต่ หลังจากที่นิพพานหรือดับขันธ์กลายเป็นเซียนแล้ว ส่วนมากจะรักษาให้กล้ามเนื้อไม่เน่าเปื่อยได้ ความชื้นหรือเลือดที่อยู่ภายในร่างกายนั้น จะค่อยๆ ระเหยไปอย่างช้าๆ
แต่ปราณวิเศษธาตุไม้นี้ กลับสามารถคงลักษณะความชื้นภายในร่างกายของจางซันเฟิงได้ โดยไม่ให้สูญหายมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี ทำให้เห็นถึงความแปลกของวัตถุชิ้นนี้ ถ้าหากคนธรรมดาทั่วไปนั่งอยู่บนนี้ครึ่งชั่วโมงทุกวัน จะต้องรักษาอายุขัยให้ยืนยาว ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยได้อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ประสิทธิผลของวัตถุชิ้นนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เหมือนอย่างเยี่ยเทียน จุดตันเถียน หยินหยางของเขาเกิดการผสมผสานระหว่างปราณวิเศษของธาตุน้ำและธาตุไฟสองชนิด หลังจากนั้นก็ได้ดูดซับปราณวิเศษของธาตุทองเข้าไป ความสมดุลระหว่างทั้งสามสิ่งนี้ก็เหมือนกับการเดินบนเส้นลวด หากอีกฝ่ายเกิดความแข็งแรงขึ้นมาเพียงนิด ก็จะทำให้ความสมดุลพวกนี้ถูกทำลายไป
แต่พอมีปราณวิเศษธาตุไม้เพิ่มเข้าไป ก็เหมือนกับตัวเพิ่มปฏิกิริยาอย่างหนึ่ง ทำให้ปราณวิเศษทั้งสามผสมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งตอนนี้ ปราณวิเศษธาตุทองที่อยู่ภายในร่างกายของเยี่ยเทียนก็เริ่มผสมผสานเข้ากับปราณแท้สองชนิดก่อนหน้าของเยี่ยเทียนได้แล้วจริงๆ คุณสมบัติปราณวิเศษของเยี่ยเทียน จึงค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ
ตอนนี้จิตใจของเยี่ยเทียน กำลังจมลงสู่จุดตันเถียน เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการหลอมรวมเหล่านี้ เรื่องที่ตัวเองถูกขังอยู่บนเกาะอันโดดเดี่ยวแห่งนี้นั้น เขาได้ลืมไปหมดแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ เก็บพลังปราณชีวิต หายใจจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ทำให้เขาดูเหมือนคนที่ไม่มีลมหายใจ
…
“อาจารย์ อาจารย์ ท่านตื่นสิครับ!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มีเสียงที่ดังอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ทำให้เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมาจากการเข้าฌาน ปล่อยลมหายใจเสียงต่ำออกมาจากในปาก จากนั้นเยี่ยเทียนจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
สายตากวาดมองไปที่ตัวของเหลยหู่ ทำให้เหลยหู่ตกใจในทันที ถอยออกไปยืนนอกประตูห้อง และไม่กล้าเอ่ยปากรบกวนเยี่ยเทียนอีก
“ในที่สุดก็เข้าสู่เซียนเทียนขั้นกลางแล้ว!”
เยี่ยเทียนไม่สนใจเหลยหู่ แต่กลับตรวจสอบสภาพภายในร่างกาย พอผ่านไปสักพักหนึ่ง ใบหน้าของเขาจึงแสดงความดีใจออกมา
เดิมทีวรยุทธของเขาสูงสุดอยู่แค่ระดับเซียนเทียนขั้นต้น จากที่เยี่ยเทียนคำนวณแล้ว แม้ว่าจะมีพลอยวิเศษในการช่วยฝึกวรยุทธ ถ้าอยากเลื่อนเข้าสู่ขั้นกลางนั้น ก็ต้องใช้เวลาสิบปีเป็นอย่างน้อย จึงไม่คิดว่าหลังจากที่ปราณวิเศษทั้งสามหลอมรวมกันทั้งหมด กลับทำให้เขาเลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นกลางโดยตรง จากนี้ก็ขาดอีกเพียงก้าวเดียว ก็จะสามารถบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นปลายได้แล้ว
ตอนนี้จุดตันเถียนล่างของเยี่ยเทียนนั้น ยังคงเป็นตันเถียนหยินหยางเช่นเคย เพียงแต่ปราณวิเศษที่ออกมาจากการแปรเปลี่ยนของจุดตันเถียนนั้น ไม่ใช่ทั้งน้ำ ทั้งไฟและทองคำ แต่เป็นปราณแท้อย่างหนึ่งที่เยี่ยเทียนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ว่า ปราณแท้แบบนี้เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว กลับมีการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงคุณภาพ
อู๋เหินที่อยู่ในตันเถียนบนของเยี่ยเทียนนั้น ก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แสงสีเงินที่อยู่บนตัวมีดนั้นอ่อนลง มองดูแล้วรู้สึกเหมือนการลดคุณค่าเครื่องประดับลงกลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้เห็นถึงความเรียบง่ายไม่หรูหรา
ตอนนี้เยี่ยเทียนมีความรู้สึกว่า ถ้าจะต้องเจอติงหงอีกครั้ง เขาก็มีความสามารถในการต่อสู้ ไม่มีเหตุการณ์ที่ไร้พลังในการโต้กลับเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว
………………………………