ระยะที่ไกลออกไปหนึ่งพันกว่าเมตรที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน มีต้นไม้ยักษ์หนาเกือบหนึ่งร้อยเมตรต้นหนึ่ง บดบังทางเดินของเยี่ยเทียน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนอยู่ไกลมากพอ เขาคิดว่าจะต้องเป็นหน้าผาสูงตระหง่านปรากฏอยู่ตรง หน้าแน่นอน
ใต้ต้นไม้ยักษ์นั้น กิ่งก้านที่ใหญ่และหนาแผ่ปกคลุมไปบนพื้นดินไปรอบบริเวณนับพันเมตร มีบางส่วนที่สอดเข้าไปอยู่ในหินผา เหมือนกับเป็นเขาวงกตที่สลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง ก้านรากใต้ดินบรรจบรวมกัน ชูให้ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า
ภายในบริเวณสิบกว่ากิโลเมตรของต้นไม้ยักษ์ มีปราณวิเศษของไม้เต็มเปี่ยมอยู่ทุกที่ พืชทุกชนิดล้วนเขียวชอุ่ม และยังมีเถาวัลย์หนาเท่าแขนเด็กที่แผ่ขยายติดลำต้นของต้นไม้ยักษ์นี้ ราวกับว่าเป็นเสื้อเกราะอีกชั้นให้กับต้นหม่อน โบราณ
ต้นไม้ทั้งต้นราวกับเป็นประเทศอิสระ ข้างบนมีกิ่งก้านนับไม่ถ้วนแผ่ขยายออกไป พร้อมกับฝูงลิงที่ล้อเล่นกันอยู่บนกิ่งไม้ แถมยังมีเสือดาวที่ชอบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ซ่อนตัวอยู่อีกด้าน หลบซ่อนตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อเตรียมพร้อมที่จะโจมตีได้ตลอดเวลา
“ที่นี่คงจะเป็นสถานที่ที่มีแร่ของพลอยวิเศษตามบันทึกของท่านนักพรตจางสินะ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณวิเศษธาตุไม้ที่มีอยู่ทุกที่ เยี่ยเทียนถอนหายใจยาวๆ โล่งอก เพราะการเดินทางสิบกว่าวันนี้ทำให้เขาเหนื่อยยากลำบากจริงๆ ถ้าหากไม่ได้เลื่อนขั้นถึงระดับเซียนเทียนขั้นกลาง และอาศัยวรยุทธเพียงก่อนหน้านี้ กลัวว่าเยี่ยเทียนคงจะตายอยู่กลางทางไปนานแล้ว
“ตามที่จางซันเฟิงบอก ปกติสัตว์ร้ายทั่วไป หากมีอาการบาดเจ็บหนักถึงจะมาที่นี่ ดังนั้นที่นี่ก็ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร?”
เยี่ยเทียนเดินเข้าไปที่ต้นไม้ยักษ์ด้วยความมั่นใจ ระยะห่างจากต้นไม้ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับในใจที่ตื่นเต้น เพราะว่าเบาะรองนั่งสมาธิจากแก่นของต้นไม้ของจางซันเฟิง ก็คือหัวใจของต้นไม้ยักษ์พวกนี้ ตอนนั้นจางซันเฟิงต่อสู้กับสัตว์ร้าย ต้าเยา จึงทำลายต้นไม้ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าลงไป แสดงว่าการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับจินตันนั้นน่ากลัวมากจริงๆ!
“โกรล โกรล!”
ขณะที่ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏอยู่ตรงหน้าต้นไม้ยักษ์ในระยะสี่ร้อยก้าวนั้น ฝูงลิงขี้เล่นที่อยู่บนกิ่งไม้ด้านล่างของต้นไม้ยักษ์ จู่ๆ ก็ส่งเสียงร้องเสียงเตือนขึ้นมาเป็นพักๆ ฝูงลิงจำนวนนับร้อยตัวเกิดความโกลาหลขึ้นมา รีบปีนขึ้นไปบนที่สูง หลบอยู่ในกิ่งไม้เขียวชอุ่มภายในพริบตาเดียว
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนหยุดชะงักฝีเท้าก็คือ แม้แต่เสือดาวที่เป็นผู้ล่าเหยื่อ จู่ๆ ก็เหมือนจะตกใจ กระโดดพรวดลงมา พุ่งเข้าไปหลบในพุ่มไม้ โดยไม่หันหน้ากลับมาเลย
“หืม? เกิดอะไรขึ้น หรือว่ามีสัตว์ร้ายอยู่ที่นี่?”
ใบหน้าของเยี่ยเทียนปรากฏความสงสัย จึงรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จางซันเฟิงจะไม่ได้เจอสัตว์ร้ายที่นี่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อสองร้อยกว่าปีแล้ว ใครจะรู้ว่าตอนนี้ที่นี่ถูกยึดครองพื้นที่แล้วหรือยัง?
ในสถานที่ที่เรียกว่า “เกาะเซียน” นี้ มีอันตรายทุกย่างก้าว เยี่ยเทียนจึงไม่กล้าประมาทสักนิดเดียวจนกระทั่งถอยออกมาไกลได้หนึ่งพันกว่าเมตร จึงหยุดร่างให้มั่นคงแล้วปล่อยพลังจิตตรวจสอบขึ้นมา
“แปลก? ไม่มีอะไรนี่นา!”
หลังจากตรวจสอบบริเวณรอบๆ ของต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ทางฝั่งตัวเองแล้ว เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นสายตาจึงสั่นไหว “หรือว่าจะเป็นต้าเยาระดับจินตัน ถึงทำให้ฉันหาอะไรไม่เจอ?”
เยี่ยเทียนรู้ว่า วรยุทธระดับเซียนเทียนกับจินตันมหามรรคนั้น เป็นระดับที่ไม่เหมือนกันและไม่สามารถเอามาพูดด้วยกันได้ ถ้าหากจะเรียกระดับเซียนเทียนว่าเป็นเด็กที่ยังเดินไม่ได้ อย่างนั้นยอดฝีมือระดับจินตัน ก็เท่ากับหนุ่มกำลังแข็งแรง ซึ่งหนุ่มที่มีกำลังแข็งแรงสามารถล้มเด็กนับร้อยกระทั่งนับพันคนได้ ทั้งสองอย่างจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
เยี่ยเทียนรู้ว่าตลอดทางนี้ไม่มีต้าเยาระดับจินตัน เขาถึงได้กล้ามาหาหัวใจของไม้ที่นี่ ไม่อย่างนั้นแม้ว่าจะให้ความกล้าแก่เขามากกว่านี้ เขาก็ไม่กล้าบุกเข้ามาในสถานที่ฝึกบำเพ็ญของต้าเยา เพราะมันเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
การกระทำของฝูงลิงกับเสือดาวเมื่อครู่ ก็แสดงว่ามีสิ่งที่มีพลังแข็งแกร่งปรากฏตัว ซึ่งพลังจิตของเยี่ยเทียนไม่สามารถสัมผัสอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ทันใดนั้นเขาจึงรู้สึกกลัวขนลุกซู่ขึ้นมา นอกจากต้าเยาที่อยู่ระดับจินตันแล้ว เยี่ยเทียนก็หาเหตุผลอธิบายที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีก
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เยี่ยเทียนจึงกลั้นลมหายใจไว้ แล้วหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกิ่งไม้ยักษ์ที่ห้อยย้อยลงมาจากด้านบน จากนั้นจึงกลบลมหายใจของตัวเองให้หมดไป
“ไม่ดีแล้ว!”
ขณะที่เยี่ยเทียนเพิ่งจะหลบซ่อนตัว จู่ๆ ศีรษะด้านหลังก็ชา หัวใจเต้นกระทันหัน ไม่ทันให้คิดอย่างละเอียด ร่างกายของเยี่ยเทียนก็ตอบโต้กลับโดยการพุ่งออกไป ขณะที่พ่นลมหายใจออกมานั้น ลำแสงสีขาวก็ขึ้นมาโอบล้อมอยู่รอบตัวเขา
“บ้าเอ้ย นี่มันต้นไม้กินคน?”
ตอนที่พุ่งร่างกายออกมานั้น ศีรษะของเยี่ยเทียนได้หันไปข้างหลังพอดี เขาพบว่าเถาวัลย์สีดำสนิท เหมือนกับหอกยาวกำลังไล่ตามหลังตัวเอง
ตำแหน่งที่อยู่เหนือสุดของเถาวัลย์ ก็มีแสงสว่างแวววาวของโลหะสีดำชนิดหนึ่ง เยี่ยเทียนเชื่อว่า เมื่อครู่หากตัวเองตอบสนองช้าไปนิดเดียว ตอนนี้เกรงว่าสมองด้านหลังของเขาคงถูกเจ้าสิ่งนั้นเจาะทะลุไปแล้ว
ถึงแม้การเคลื่อนไหวหลบหลีกของเยี่ยเทียนจะเร็วมากพอ แต่เหมือนเถาวัลย์นั่นจะมีสตินึกรู้ ไล่ตามหลังเยี่ยเทียนอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าเยี่ยเทียนจะเปลี่ยนไปทางไหน ก็ไม่อาจะสะบัดหลุดจากมันได้
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนยิ่งตกใจคือ หลังจากที่ร่างกายของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ทั้งบนพื้นดินและกลางอากาศก็ปรากฏเถาวัลย์เจ็ดแปดเส้นขึ้นมาพร้อมกัน ราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ที่จะจับเยี่ยเทียนเอาไว้ ถึงแม้ร่างกายของเยี่ยเทียนรวดเร็วปานสายฟ้า แต่พื้นที่ในการหลบหลีกนั้นกลับยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ
“ท่านนักพรตจางครับ ทำไมท่านถึงไม่บอกว่าต้นหม่อนโบราณมันชอบกินคน? ท่านแกล้งผมใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนอยากจะฝ่าวงล้อมของเถาวัลย์ออกไปหลายครั้ง แต่ก็ถูกเถาวัลย์ที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ขวางไว้ให้กลับเข้าไป เขาไม่รู้ว่าการโจมตีของเถาวัลย์พวกนี้ทำเพื่ออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่กล้าใช้มีดบินคู่กายที่ปกป้องตัวเองให้ไปปะทะด้วย เยี่ยเทียนจึงได้แต่แอบด่าจางซันเฟิงอยู่ในใจ
จากคำพูดของจางซันเฟิงนั้น ถึงแม้ต้นหม่อนโบราณจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ แต่อย่างแรกคือไม่มีสตินึกรู้ สองไม่มีแรงการโจมตีใดๆ จะมีเพียงแต่ปราณวิเศษที่ออกมาเท่านั้น ไม่มีตอนไหนที่พูดถึงเหตุการณ์ที่เยี่ยเทียนกำลังพบเจออยู่
เขาพอรู้ว่าดอกไม้กินคนสามารถกัดหัวของกวางมิลูให้เป็นก้อนเลือดได้ภายในพริบตา ไม่ว่าอย่างไรเยี่ยเทียนก็ไม่กล้าให้เถาวัลย์พวกนี้สัมผัสกับร่างกายเด็ดขาด หลังจากเวลาผ่านไปเพียงหนึ่งนาที เยี่ยเทียนก็พบว่า เขาไม่สามารถหนีออกจากรังของเถาวัลย์ที่นี่ได้แล้ว
“บัดซบเอ้ย อยากจะฆ่าฉันให้ตายนักใช่ไหม?”
เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนรวมกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ เมื่อเห็นว่าตัวเองหนีไม่รอดแล้ว เยี่ยเทียนจึงตัดสินใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรเถาวัลย์ก็คือพืช ไม่น่าจะทำลายมีดบินคู่กายได้ ดังนั้นเขาจึงวางเท้าไปบนพื้นอย่างแรง แล้วทั้งตัวก็กลายเป็นแสงสีขาว พุ่งตรงไปข้างหน้าทันที
“ติง…ติงติง…”
การกระทบกันของโลหะกับไม้ได้ดังมาจากทิศทางการฝ่าวงล้อมของเยี่ยเทียน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาพูด ถึงแม้เถา วัลย์พวกนี้จะมีพลังโจมตีไม่เบา แต่เมื่อเจอพลังมีดของอู๋เหิน จึงกลายเป็นเศษไม้ที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า กระจัดกระจายอยู่กลางอากาศแล้วตกลงมา
“ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับข้าสิ หลบอยู่ข้างหลังจะเรียกว่าเป็นวีรบุรุษได้ยังไง?”
หลังจากตัดตาข่ายให้เป็นช่องแล้วพุ่งออกไปได้แล้ว ร่างของเยี่ยเทียนก็ไปปรากฏอยู่ในระยะสามร้อยกว่าเมตร จากการประมือเมื่อครู่ ทำให้เยี่ยเทียนมั่นใจมากว่า สิ่งที่โจมตีตัวเองนั้นไม่ใช่ต้าเยาระดับจินตันแน่นอน ไม่อย่างนั้นเพียงแค่นิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้ตัวเองให้ตายได้แล้ว จะมาเสียความคิดพวกนี้ทำไมกัน?
“ซวบ…ซวบ…”
สิ่งที่ตอบเยี่ยเทียนคือ เสียงที่ดังมาจากกลางอากาศเป็นพักๆ เถาวัลย์พวกนั้นเองที่อยู่นอกระยะสามร้อยกว่าเมตร กำลังไล่โจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว เถาวัลย์ที่เยี่ยเทียนเพิ่งตัดให้ขาดไปเมื่อครู่ จึงเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลย ไม่สามารถทำอะไรเถาวัลย์พวกนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
ดูเหมือนมันจะสัมผัสได้ว่าเยี่ยเทียนยากจะต่อสู้ได้ ครั้งนี้จึงมีกิ่งไม้ที่หนาเท่าเอวผสมเข้ามาด้วย จากนั้นมันจึงฟาดไปที่หน้าของเยี่ยเทียนราวกับสายฟ้าฟาดด้วยพลังอันมหาศาล มากพอที่จะทำให้เยี่ยเทียนถูกตีลงไปกับกองกับพื้นได้ แม้แต่ปราณแท้ที่คุ้มครองร่างกายของเยี่ยเทียนอยู่ก็ไม่สามารถต่อกรได้
“บ้าเอ้ย หรือว่าต้นหม่อนโบราณนี้จะเป็นปีศาจ?”
เยี่ยเทียนถอยหลังไปอีกข้าง พลางสบถด่าขึ้นมา ในใจก็ยิ่งอยากจะถามบรรพบุรุษรุ่นที่สิบแปดอย่างจางซันเฟิงจริงๆ ถ้าหากไม่ได้ดูบันทึกของเขา ต่อให้เยี่ยเทียนมีความกล้ามากกว่านี้ เขาก็ไม่กล้ามาสถานที่แบบนี้แน่นอน
หลังจากถอยหลังไปหนึ่งร้อยกว่าเมตรแล้ว เยี่ยเทียนพบว่า เดิมทีทางเดินที่เป็นทุ่งหญ้า เวลานี้ไม่รู้ว่าเป็นป่าหนามไปตั้งแต่เมื่อไร มีพุ่มไม้เตี้ยที่มีหนามยาวประมาณห้านิ้วเหมือนกับมีดสั้น เต็มไปด้วยพลังอาฆาตที่ดุเดือดรุนแรงขึ้นมา
“ฉันขอสู้กับแกให้เต็มที่ก็แล้วกัน!”
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางถอยแล้ว พลังฮึกเหิมในใจของเยี่ยเทียนจึงถูกกระตุ้นขึ้นมา ร่างของเขาไม่ถอยแต่กลับถลันเข้าสู้ จากนั้นจึงควบคุมมีดบินให้พุ่งไปตัดเถาวัลย์ที่เป็นตาข่ายใหญ่ เพื่อหลบกิ่งไม้ที่จะตกลงมาจากกลางอากาศ
“อยากให้ฉันตายเรอะ? ไม่ง่ายขนาดนั้น!”
เมื่อถูกเถาวัลย์ฟาดมาที่ตัวราวกับแส้ ใบหน้าของเยี่ยเทียนจึงมีรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมขึ้นมา มือขวาวาดกลางอากาศ พลิกฝ่ามือขึ้นข้างบน แล้วแสงไฟสีม่วงกลุ่มหนึ่ง ก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขาขึ้นมา
“ฟาดฉันมันสนุกนักใช่ไหม?” เยี่ยเทียนขยับพลังที่ฝ่ามือ เพลิงแท้ก่อนกำเนิดกลุ่มนั้นก็ระเบิดขึ้นตรงหน้าเยี่ยเทียน กลายเป็นลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงไปบนเถาวัลย์พวกนั้น
เพลิงแท้ก่อนกำเนิดถูกหลอมมาจากพลังบริสุทธิ์จากร่างกายของมนุษย์ ใช้พลังงานมากกว่าปราณที่บีบอัดอยู่ในปราณแท้เสียอีก นอกจากจะใช้สร้างอาวุธได้แล้ว ยังเป็นไฟที่ไม่มีทางดับ สามารถเผาทำลายได้ทุกสิ่ง
หลังจากเพลิงแท้ก่อนกำเนิดระเบิดออกไป ก็เหมือนกับระเบิดไฮโดรเจนที่ระเบิดกลางอากาศ แม้ว่าจะถูกประกายไฟเพียงนิดเดียว เถาวัลย์พวกนั้นก็ถูกไฟเผาลุกขึ้นมาทันที ทำให้รอบตัวของเยี่ยเทียน เหมือนกับปรากฏโลกแห่งไฟขึ้นมา
“ดูสิว่าแกจะกำเริบเสิบสานอีกไหม?”
เมื่อเห็นสภาพการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนจึงสบายใจ พยายามรวมเพลิงแท้ก่อนกำเนิดให้ออกมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเทียนโยนออกไป เถาวัลย์ที่ล้อมเขาเอาไว้ ก็เหมือนกับผี หดตัวกลับเข้าไป บริเวณรอบๆ จึงพลันขยายกว้างขึ้นมาทันที
เถาวัลย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ยังมีไฟติดไปด้วย พอหดตัวกลับไป จึงทำให้ต้นไม้ดอกไม้และใบหญ้าถูกเผาจนไฟลุกขึ้นมา เพียงระยะเวลาลมหายใจสั้นๆ รากของต้นไม้ขนาดยักษ์ก็กลายเป็นไฟลุกโชนขึ้นมาแล้ว
……………………………