“นี่เราทำอะไรลงไป? วางเพลิงแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นด้านหน้าตัวเองเต็มไปด้วยทะเลเพลิง เยี่ยเทียนจึงรู้สึกงงมาก คิดว่านี่คือไฟสุมขอนที่แท้จริง เมื่อมันลุกโชนขึ้นมา แม้แต่เขาก็ไม่อาจควบคุมได้ จึงได้แต่ปล่อยให้ไฟลุกลามไปบริเวณรอบๆ จนกระทั่งเห็นว่ามันใกล้จะไหม้ไปถึงข้างบนของต้นหม่อนโบราณแล้ว
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เยี่ยเทียนจึงทำตัวไม่ถูกเช่นกัน รีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะสถานที่ที่เขายืนอยู่นั้น ด้านล่างล้วนเป็นรากต้นไม้ของต้นหม่อนโบราณ ถ้าหากถูกไฟเผาขึ้นมา เยี่ยเทียนก็เท่ากับเล่นกับไฟ จนถูกไฟเผาเอง
ส่วนตัวเองจะสามารถเผาต้นไม้โบราณที่สูญพันธุ์ไปนานบนโลกมนุษย์ได้หรือไม่นั้น เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว นอกจากต้นหม่อนโบราณที่ลงมือกับเขาก่อนแล้ว เยี่ยเทียนก็คิดไม่ออกว่าตัวเองที่อยู่ตรงนี้ยังจะมีศัตรูอื่นอยู่ด้วย
เพลิงแท้ก่อนำเนิดนั้นเจอน้ำก็ไม่ดับ และเมื่อยิ่งเจอศัตรูอย่างธาตุไม้ พอปล่อยไฟออกไป ปราณวิเศษที่อยู่รอบๆ ก็เหมือนถูกเผาไหม้ขึ้นมาด้วย
ช่วงเวลาเพียงครู่เดียว เถาวัลย์ที่โจมตีเยี่ยเทียนก็ถูกเผาเป็นจุณ อานุภาพของไฟได้เผากิ่งก้านของต้นไม้ยักษ์ที่ห้อยลงมา พวกสัตว์ที่เกาะอยู่บนต้นไม้ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ ส่งเสียงร้องเตือนกันอย่างน่าเวทนา
“แค่ไฟเพียงเล็กน้อยก็สามารถเผาทุ่งหญ้าให้มอดไหม้ได้นะ!”
เยี่ยเทียนเดินถอยหลัง พลางสบถอย่างโหดเหี้ยม
“เผาไปเถอะ ถึงยังไงก็เผาพลอยวิเศษไม่ได้อยู่แล้ว ไหนบอกว่าพืชรักความสงบ แต่ไม่เคยเห็นที่โหดเหี้ยมดุร้ายแบบนี้มาก่อน!”
การลงมือของต้นไม้ยักษ์เมื่อครู่ ทำให้เยี่ยเทียนตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ปกติเขาก็เป็นคนเด็ดเดี่ยวอยู่แล้ว เวลานี้จึงจัดต้นไม้ยักษ์อยู่ในรายการของศัตรูเช่นกัน ในใจจึงไม่มีความปราณีอีกต่อไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะการควบรวมเพลิงแท้ก่อนกำเนิดต้องสูญเสียปราณแท้มากเกินไป เยี่ยเทียนก็คิดอยากจะจุดไฟอีกสักลูก
“หืม? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฝนถึงตกลงมา?”
ขณะที่อานุภาพของไฟเริ่มลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ บนต้นไม้ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้านั้น ก็มีสายฝนปรอยลงมา ถึงแม้ฝนจะตกไม่แรง แต่ก็ปกคลุมทั่วพื้นดินบริเวณรอบๆ อย่างไม่ขาดสาย กลบทะเลเพลิงให้หมดสิ้นไป
“ตกลงมาเถอะ ฉันไม่เชื่อว่าจะสามารถดับเพลิงแท้ก่อนกำเนิดได้?”
เยี่ยเทียนมีสีหน้ายิ้มเยาะออกมา เนื่องจากเพลิงแท้ก่อนกำเนิดเกิดจากการบีบอัดของปราณแท้ ต่อให้อยู่บนน้ำก็ยังลุกไหม้ได้ การที่ฝนตก ก็เป็นการเพิ่มอานุภาพของไฟอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดอยู่นั้น ไฟก็กำลังคุโชนอยู่
“เอ๋? ไม่ถูกสิ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”
ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังมองอย่างเฉยชานั้น จู่ๆ เขาก็พบว่า ละอองฝนที่ตกลงบนทะเลเพลิงนั้น สามารถควบคุม อานุภาพของไฟได้ การตกลงมาของน้ำฝน ทำให้ทะเลเพลิงที่กำลังแผดเผาจนท้องฟ้าเป็นสีแดงก็ค่อยๆ ดับลงไป
“หรือตำนานเจ้าแม่กวนอิมที่พรมสายฝนแผ่กำจาย จะเป็นแบบนี้?”
เยี่ยเทียนกำลังรับความรู้สึกที่สายฝนตกลงมาบนหน้าตัวเองอย่างละเอียด ใบหน้าก็มีสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจออกมา เพราะในน้ำฝนนี้ แฝงไปด้วยปราณวิเศษที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง ราวกับน้ำค้าง ทำให้ไฟโกรธที่อยู่ในใจของเยี่ยเทียนดับไปด้วย
เมื่อจิตใจสงบแล้ว เยี่ยเทียนจึงพบว่า น้ำฝนนี้ไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่กลั่นมาจากใบไม้ที่ลอยสูงอยู่กลางอากาศของต้นหม่อนโบราณยักษ์ต้นนี้ต่างหาก ถ้าหากเยี่ยเทียนเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของต้นไม้โบราณ
ถึงแม้ไฟนี้จะมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดับลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภายในระยะเวลาสั้นๆ สองสามนาที ทะเลเพลิงที่เต็มทั่วท้องฟ้าก็ดับจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ควัน
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนตกตะลึงพรึงเพริดก็คือ ตอนที่น้ำฝนที่หลั่งออกมาจากต้นไม้ยักษ์นั้นตกลงบนพื้น พื้นที่ที่ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม กลับมีหญ้าสีเขียวงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็วซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ช้าตรงหน้าของเยี่ยเทียนก็เต็มไปด้วยความเขียวขวี ไม่มีร่องรอยหลงเหลือจากการถูกไฟเผาเลยสักนิด
“บ้าเอ้ย แบบนี้ก็มาเสียเที่ยวแล้วสิเรา!”
เมื่อเห็นว่าเพลิงแท้ก่อนกำเนิดไม่สัมฤทธิ์ผลแล้ว เยี่ยเทียนจึงรู้สึกหมดแรง เพราะปริมาตรของต้นไม้ยักษ์ต้นนี้มันใหญ่เกินไปจริงๆ พื้นที่ที่ถูกไฟไหม้เมื่อครู่ กระทั่งยังสู้เศษหนึ่งในหมื่นของมันไม่ได้เลย จึงไม่สามารถทำอะไรมันได้อย่างสิ้นเชิง เยี่ยเทียนจึงมีทางเดียวคือถอย
แต่ว่าเยี่ยเทียนก็ยังรู้สึกไม่ยอมแพ้ หลังจากรอให้ละอองฝนที่ตกลงมาจากต้นไม้กระจายหายไปหมดแล้ว ร่างของเยี่ยเทียนก็เดินเข้าไปข้างหน้า เขายังอยากจะรวมเพลิงแท้ก่อนกำเนิดออกมาอีกครั้ง จากนั้นค่อยถอยหนีออกมาก็ยังพอมั่นใจอยู่
“ไม่มีการโจมตี?”
ตอนที่เยี่ยเทียนมาถึงต้นไม้ยักษ์ในระยะห้าร้อยเมตรกว่าๆ นั้น ครั้งนี้เถาวัลย์กิ่งไม้พวกนั้นกลับไม่ได้โจมตีเขา เยี่ยเทียนจึงดีใจขึ้นมา เพราะเรื่องที่เขาหวังเป็นที่สุดก็คือทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ขอเพียงขุดพลอยวิเศษออกมาได้ เยี่ยเทียนก็จะรีบถอยกลับไปทันที
“หืม? นั่นคืออะไร?”
ทันใดนั้นสายตาของเยี่ยเทียนก็มองไปยังส่วนหนึ่งของต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า เพราะลำต้นที่ดำเข้มเหมือนกับหิน ดูเหมือนจะแตกต่างจากตรงอื่น ลำต้นที่เรียบลื่นจู่ๆ ก็นูนออกมาด้านนอก เหมือนกับมีสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายคนกำลังเบียดตัวออกมา
“นี่…นี่มันคืออะไรกันเนี่ย?”
หลังจากระยะเวลาสั้นๆ เพียงสิบวินาที ในสายตาของเยี่ยเทียน ก็ปรากฏรูปร่างลักษณะทรงกลม สูงประมาณห้าเมตร มีเถาวัลย์โอบล้อมอยู่รอบตัว ส่วนหัวนั้นสามารถมองออกถึงตัวประหลาดที่ใบหน้าคล้ายกับพวกมนุษย์ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนปล่อยพลังปราณชีวิตเพื่อสัมผัสพลังงานที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างของอีกฝ่ายได้แล้วล่ะก็ ตัวประหลาดที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาคงจะเข้าใจว่ามันเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ฮือๆ…” การเคลื่อนไหวของตัวประหลาดเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ดวงตาประกายสีเขียวสว่างวาบคู่นั้น กวาดมองไปที่ตัวของเยี่ยเทียนไม่หยุด สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าไฟลูกนั้นของเยี่ยเทียนเผามันจนกลัวไปแล้ว
“ฉันมาที่นี่เพื่อหาพลอยวิเศษธาตุไม้ ไม่ต้องการข้องเกี่ยวอะไรกับแกทั้งนั้น ทำไมแกถึงต้องโจมตีฉัน?”
เยี่ยเทียนใช้พลังจิตเอ่ยปากพูดออกไป ในขณะเดียวกันเปลวไฟก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือ ทำให้ตัวประหลาดรีบถอยหลังติดต่อกันด้วยความตกใจ เอาทั้งตัวแนบไปติดลำต้นของต้นไม้ยักษ์ ท่าทางแบบนั้นขอเพียงเยี่ยเทียนโยนไฟลูกนั้นออกมา มันก็จะสามารถมุดเข้าไปหลบในต้นไม้ยักษ์ได้ทันที
“ที่แท้ก็เข้าออกต้นไม้ต้นนั้นได้เรอะ? นี่มันคือตัวประหลาดอะไรกันแน่?”
ตอนนี้เยี่ยเทียนพอจะเข้าใจแล้ว สิ่งที่โจมตีเขา ไม่ใช่ต้นหม่อนโบราณ แต่เป็นตัวประหลาดที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ แต่เนื่องจากเยี่ยเทียนปล่อยเพลิงแท้ก่อนกำเนิดไปทำร้ายต้นไม้โบราณ ถึงทำให้เกิดการหลั่งของน้ำฝนและน้ำค้างมาจากบนต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้านี้
“โกรล!” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนไม่ได้ปล่อยลูกไฟออกมา ตัวประหลาดตัวนั้นก็เหมือนจะกล้าขึ้นมาเล็กน้อย แผดเสียงคำราม เถาวัลย์ที่อยู่โดยรอบพลันขยายออกมาในพริบตา กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ เพื่อที่จะคลุมตัวของเยี่ยเทียน
“ยังไม่ยอมแพ้?”
พฤติกรรมของตัวประหลาดทำให้เยี่ยเทียนโกรธ เพราะพลังที่อยู่ในตัวของตัวประหลาดนี้ก็สูสีพอๆ กับเยี่ยเทียน ถ้าหากไม่ได้อาศัยส่วนสำคัญในชีวิตของต้นไม้ยักษ์ เยี่ยเทียนคงเผามันให้มอดไหม้ไปนานแล้ว
แต่เพลิงแท้ก่อนกำเนิดของเยี่ยเทียนนั้นใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดเวลา ตอนที่เขายกมือขวาขึ้น ไฟลูกนั้นก็ต้อนรับเถาวัลย์ที่เข้ามาโอบล้อม
“ซวบๆ…” สติปัญญาของตัวประหลาดนี้ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่การเสียเปรียบเมื่อครู่ ก็ไม่อยากโดนอีกครั้ง หลังจากเห็นการกระทำของเยียเทียน เถาวัลย์ที่ยาวเหมือนแส้งูที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า ก็รีบลอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
“บ้าเอ้ย นี่มันคือปีศาจเฒ่าเขาเฮยซานใช่ไหม?”
เมื่อเห็นเถาวัลย์ที่ลอยอยู่รอบตัวของตัวประหลาดนั่น ในใจของเยี่ยเทียนจึงผุดคำหนึ่งออกมา ตอนนั้นเขาเคยดูภาพยนตร์เรื่อง “โปเย โปโลเย” ซึ่งก็มีฉากนี้เหมือนกัน?
“ฉันเข้าใจแล้ว นี่คือภูติต้นไม้ตนหนึ่ง!”
เมื่อถึงตอนนี้ ในที่สุดเยี่ยเทียนก็รู้แล้ว ว่านี่คือภูติตนหนึ่ง
จากบันทึกของหนังสือคัมภีร์โบราณ สิ่งที่เรียกว่าภูตินั้น คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตจากการฝึกฝนโดยธรรรม ชาติ เกิดจากการดูดซับสารบริสุทธ์ของพระอาทิตย์กับพระจันทร์ และแก่นแท้ของพลังแห่งฟ้าดิน แต่ว่ามันต่างจากสัตว์และปีศาจ เพราะการก่อตัวของภูตินั้นลำบากมากว่า นอกจากนี้ยังต้องผ่านเวลานับพันปี ถึงจะเกิดสติปัญญาขึ้นมาได้
เหมือนกับปีศาจต้นไม้รวมทั้งดอกเซียนวารีที่อยู่ในหนังสือ “เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ” ก็เป็นภูติในลักษณะนี้เช่นกัน เพียงแต่พลังโจมตีของภูติประเภทนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก หลังจากที่เกิดสติปัญญาแล้ว ก็จะถูกสัตว์ร้ายกลืนกินเข้าไป ดูดซับสารสำคัญของพวกมันจนหมดสิ้น
สาเหตุที่ภูติต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าสามารถใช้เถาวัลย์โจมตีได้นั้น น่าจะเป็นเพราะมันสิงอยู่ในต้นหม่อนโบราณยักษ์ต้นนี้ถึงสามารถทำได้ เพราะตัวของมันเองก็ก่อเกิดมาจากสารบริสุทธิ์ของต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ ดังนั้นจึงสามารถยืมใช้พลังจากต้นไม้ยักษ์ได้
ที่จางซันเฟิงไม่ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้ในสมุด ก็คงจะเป็นเพราะตอนที่เขาเดินทางมาถึงที่นี่ ภูติต้นไม้ตนนี้ยังไม่เกิดสติปัญญาอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่จางซันเฟิงดับขันธ์ไปสองร้อยกว่าปีแล้วถึงได้เกิดออกมา เป็นจังหวะที่เยี่ยเทียนมาพบเข้าพอดี
เยี่ยเทียนไม่ได้เดาผิด เพราะภูติต้นไม้ตนนี้ เพิ่งเกิดได้เพียงหนึ่งร้อยกว่าปีเท่านั้น กระทั่งร่างกายของมันยังไม่สามารถก่อเป็นรูปร่าง เพียงแต่มันเกิดมาจากหัวใจสำคัญของต้นหม่อนโบราณยักษ์ ถึงสามารถใช้พลังของต้นไม้ยักษ์โจม ตีเยี่ยเทียนได้
แต่หลังจากที่มันกลายเป็นภูติต้นไม้แล้ว มันกับต้นหม่อนโบราณยักษ์ต้นนี้ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตสองชนิด หลังจากต้นหม่อนโบราณสัมผัสได้ถึงอานุภาพของเพลิงแท้ก่อนกำเนิด จึงหยุดมอบพลังให้กับภูมิต้นไม้อีกและไม่ยอมให้มันใช้งานอีกต่อไป จากนั้นถึงได้บังคับให้มันปรากฏตัวออกมา
“ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาทำร้ายแก วิญญาณของต้นไม้ใบหญ้าควรจะขอบคุณสวรรค์ ทำไมแกถึงต้องโจมตีฉันด้วย?”
หลังจากที่รู้ความเป็นมาของตัวประหลาดตัวนี้แล้ว เยี่ยเทียนจึงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว อ้าปากพ่นลมหายใจ แล้วแสงสีขาวราวกับแม่น้ำในท้องฟ้า ก็ส่องแสงกระพริบสีเงินเป็นชั้นๆ ม้วนพุ่งไปยังภูติต้นไม้ โดยไม่รอให้ภูติต้นไม้มีการตอบสนองใดๆ จากนั้นเถาวัลย์ก็ถอยห่างออกจากตัวของมัน ถูกตัดสะบั้นแล้วตกลงไปบนพื้นทั้งหมด
“โกรล!”
ภูติต้นไม้แผดเสียงคำรามทุ้มต่ำออกมา รีบมุดตัวครึ่งหนึ่งเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ยักษ์อย่างรวดเร็ว ผิวชั้นนอกของร่างกาย จึงโผล่ให้เห็นเถาวัลย์ที่มีรากเหมือนหนวดงอกออกมา พร้อมกับสายตาที่แสดงความหวาดกลัวมากขึ้น
“กลิ่นอายที่อยู่ในตัวของเจ้าเหมือนกับข้า เจ้าจะมาฆ่าข้า!”
ถึงแม้ภูติต้นไม้จะเสียท่าหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมถอย ส่งกระแสจิตเข้าไปในหัวของเยี่ยเทียน
“กลิ่นอายที่อยู่ในตัวฉันเหมือนของแก?”
หลังจากเข้าใจถึงกระแสจิตที่ส่งมาแล้ว เยี่ยเทียนจึงตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ แล้วจึงขยับพลังจิต ทำให้เข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้เบาะรองนั่งสมาธิที่จางซันเฟิงเหลือไว้หลังจากที่ดับขันธ์ไปแล้ว ก็ได้มาจากในร่างภายของภูติตนนี้นั่นเอง!
“ก็ภูติวิญญาณมันเป็นของดีน่ะสิ!”
เยี่ยเทียนมองดูภูติต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า พลางเอาลิ้นเลียปากไปด้วย พลางคิดว่าไม่แปลกใจเลยที่เหล่ายอดฝีมือในสมัยโบราณถึงชอบปราบปีศาจอสูรกายกันนัก
…………………………………..