สายฟ้าฟาดครั้งนี้เหมือนจะพุ่งตรงลงไปยังกลางแก่นวิญญาณของอสูรทั้งสาม หลังจากแสงหายไปแล้ว สิงห์ขนทองและมังกรน้ำตัวนั้นนอกจากจะได้รับบาดเจ็บทางกาย จิตวิญญาณเองก็อ่อนแรงไปไม่แพ้กัน
เห็นสภาพน่าเวทนาของอสูรทั้งสามแล้ว เยี่ยเทียนก็รั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ ส่งเสียงออกไป
“ผู้อาวุโส ให้ผมผ่ามิติเสียตอนนี้เลยไหม?”
“ยังไม่ต้อง เมฆสายฟ้านี่ยังดูดซับปราณวิเศษภายในเกาะได้ไม่มากพอ ตอนนี้เจ้ายังผ่ามันแยกออกไปไม่ได้หรอก!”
มังกรน้ำตนนั้นส่ายหัวใหญ่ยักษ์ของมัน ดวงตามีแววบ้าคลั่ง ชูเขามังกรข้างหนึ่งขึ้นสูง คำรามด้วยเสียงอันดังออกมา
“ผ่าข้าเลยสิ!”
ตามหลังเสียงมังกรน้ำ ไข่มุกสีทองคำเปล่งประกายสุกปลั่ง ขนาดเท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งก็ถูกคายออกมาจากปากของมัน ลอยขึ้นตรงไปสู่เมฆพายุบนท้องฟ้า
ขณะที่ไข่มุกมังกรเข้าไปยังใจกลางเมฆกลุ่มนั้น ก็กำเนิดเสียงดัง “ครืน!” กึกก้องมาจากบนท้องฟ้า
เกิดคลื่นอากาศไร้รูปที่คมกริบแหวกจากตรงกลาง ผ่าหน้าผาหินที่มีตัวอักษร “เผิงไหล” สองตัวแยกออกจากกัน
ในเวลาที่ทั้งสองต่างโจมตีเมฆอยู่นั้น เยี่ยเทียนก็บอกเหลยหู่แล้วก็หายตัวไปจากตรงนั้น เมื่อปรากฎตัวอีกครั้ง
ก็อยู่ห่างไปหลายพันเมตร มองไปยังภูเขาที่ราบเรียบแล้ว สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ตกตะลึงจนไม่อาจสงบใจไปในเนิ่นนาน
ตอนแรกที่อ่านเรื่องที่จางซันเฟิงต่อสู้กับอสูรตนหนึ่งในบันทึกของเขา เรื่องที่ทลายต้นหม่อนโบราณไปต้นหนึ่งนั้น เยี่ยเทียนยังไม่นึกเชื่อ แต่เวลานี้ได้เห็นฝีมือของมังกรน้ำ เขาจึงเชื่อคำพูดของจางซันเฟิง ยอดฝีมือที่เข้าถึงระดับจินตัน ไม่สามารถใช้ตรรกะทั่วไปมาตัดสินได้จริงๆ
แต่ว่าราคาที่มังกรน้ำจ่ายไปนั้นสูงลิ่ว หลังจากอัสนีสวรรค์และกลุ่มเมฆสลายไปแล้ว เยี่ยเทียนจึงพบว่า มังกรน้ำที่ลำตัวยาวถึงพันเมตรได้แปรเปลี่ยนเหลือขนาดเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น และเน่ยตันที่ล่องลอยอยู่หน้าร่างของมัน ก็ไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ อีกทั้งบนผิวของจินตันเองก็มีรอยแตกเบาบาง
“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ไปได้หรือยังครับ?”
เสียงที่ห่อหุ้มด้วยพลังจิตของเยี่ยเทียนลอยเข้าไปในกลางค่ายกล
ว่ากันตามตรง ได้เห็นภาพอสูรรบรากับสวรรค์แล้ว เยี่ยเทียนเองก็รู้สึกเลือดพุ่งพล่าน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือว่าสัตว์ประหลาด หลังจากเกิดมาล้วนอยู่ท่ามกลางกงล้อลิขิตแห่งสวรรค์ เรื่องที่พวกเขากำลังทำเวลานี้ ก็คือต่อต้านสวรรค์
“ไม่ได้ นี่แค่อัสนีสวรรค์สองเส้น เขตแดนยังไม่เปิดออก!”
อาการบาดเจ็บที่สิงห์ขนทองได้รับนั้นมากกว่ามังกรน้ำหลายเท่า แต่สภาพจิตกลับอ่อนแรงเพียงเล็กน้อย
สิงห์ขนทองตัวผู้เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่ยังคงไม่สงบนิ่ง ยื่นกรงเล็บขวาออกไป ถุงหนังขนาดเท่าคนที่วางอยู่ตรงหน้าเหลยหู่พลันฉีกเปิดออก พลอยวิเศษธาตุไม้แต่ละชิ้นต่างเหาะเหินไปทางพวกมัน
“พลอยวิเศษตั้งมากขนาดนี้ สมกับเป็นพวกเจ้าถิ่น”
อาจเป็นเพราะถุงหนังทำจากผิวสัตว์ร้ายนั่นมีคุณสมบัติป้องกันปราณวิเศษ พอถุงหนังแตกออกพลอยวิเศษร่วงหล่นลงพื้นแล้วนั่นล่ะ เยี่ยเทียนกับเหลยหู่จึงรู้ว่าด้านในใส่อะไรเอาไว้
พลอยวิเศษธาตุไม้ไม่เพียงแต่มีความสามารถฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บแก่มนุษย์ สำหรับสัตว์ประหลาดและอสูรก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น สิงห์ขนทองตะปบมือครั้งนี้ พลอยวิเศษธาตุไม้หลายร้อยชิ้นจากในถุงล้วนล่องลอยออกไป แต่ที่ทำให้เยี่ยเทียนตาวาวแทบจะยื่นมือออกไปคว้าไว้ก็คือ ภายในนั้นกลับมีหัวใจต้นไม้อยู่ด้วย
หัวใจต้นไม้นี้มีขนาดใหญ่กว่าที่จางซันเฟิงทิ้งเอาไว้หลายเท่า ตอนที่มันปรากฎออกมา รอบด้านล้วนเต็มไปด้วยปราณวิเศษธาตุไม้เข้มข้น แต่ยังไม่ทันที่เยี่ยเทียนจะคว้าไว้ หัวใจต้นไม้นั้นก็ลอยเข้าไปในค่ายกลพร้อมกับพลอยวิเศษ
“อือๆ!”
สิงห์ขนทองน้อยที่เกาะอยู่บนบ่าเหลยหู่ ทำจมูกฟุดฟิด แล้วกระโดดลงจากบ่าเหลยหู่ คว้าพลอยวิเศษธาตุทองเอาไว้หนึ่งก้อน แล้วเคี้ยวเข้าไปดัง “กร้วมๆ” ใบหน้ามีอารมณ์ยินดีมาก
แม้ตัวจะเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ แต่ก็เพิ่งเกิดออกมาไม่นาน สติปัญญาของสิงห์ขนทองน้อยจึงยังไม่ทำงาน ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องการต่อต้านสวรรค์ของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย ค้นหาพลอยวิเศษที่เต็มไปด้วยปราณวิเศษกินอย่างเต็มที่
แตกต่างจากสิงห์ขนทองน้อยผู้สบายอกสบายใจ พ่อแม่ของมันกับมังกรน้ำตัวนั้น กลับฉวยโอกาสที่เมฆสวรรค์ยังไม่ปรากฎบนฟากฟ้า ดูดซับปราณวิเศษธาตุไม้เพื่อฟื้นฟูบาดแผลภายในร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตาย พื้นที่โดยรอบที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยพลอยวิเศษจำนวนหลายร้อยเม็ดและหัวใจต้นไม้อีกจึงมีปราณวิเศษธาตุไม้เข้มข้นมาก
แต่ว่าสำหรับอสูรทั้งสาม ปราณวิเศษเหล่านี้กลับเป็นเพียงหยดน้ำก้นแก้ว ระหว่างที่ดูดซึมเข้าไป ปราณวิเศษที่หลั่งไหลเข้าสู่ภานในร่างกายของพวกมัน ทำให้เยี่ยเทียนอดมองตาเป็นมันไม่ได้ พลอยวิเศษจำนวนมากขนาดนี้ เพียงพอจะทำให้เขาฝึกวิชาเจี่ยตันได้อย่างเต็มที่ และสามารถต้อนรับอัสนีสวรรค์จินตันได้
“เจ้าหนุ่ม ตอนที่อัสนีสวรรค์ฟาดลงมา เจ้าสามารถเอาจินตันของข้าใส่เข้าไปในร่างกายได้เลย จำไว้นะ เจ้ามีโอกาสมากที่สุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
น้ำเสียงอ่อนแรงของสิงห์ขนทองลอยออกมาจากค่ายกล มันมอบไข่มุกในร่างให้แก่เยี่ยเทียน จึงทำให้สูญเสียอาวุธโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุด ใช้ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งต้านทานอัสนีสวรรค์ไว้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะสามารถต้านทานสายฟ้าที่ฟาดลงมาได้ไหม
“เข้าใจแล้วครับ ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดวางใจ ผมจะต้องทำสำเร็จให้จงได้!”
แม้ว่ามนุษย์และอสูรจะต่างกัน แต่ต่างก็ปรารถนาจะหลีกหนีจากที่คุมขังและต่อต้านในชะตาชีวิตเช่นเดียวกัน การกระทำที่หวังสู้จนตัวตายของอสูรทั้งสามปลุกเลือดในตัวเยี่ยเทียนให้เดือดพล่าน เขาเองก็รู้ว่า การที่จะสามารถรอดพ้นไปจากกรงขังแห่งฟ้าดินในที่แห่งนี้ไปได้หรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่ที่ตนเองแล้ว
“แย่ล่ะ เมฆสวรรค์ปรากฎขึ้นอีกแล้ว!”
ทันทีที่เสียงของเยี่ยเทียนเงียบลง เหนือหัวสิงห์ขนทองและมังกรน้ำ ก็มีเมฆทึบหนาก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เมฆสวรรค์หนนี้ดูแล้วมืดดำสนิท ภายในไร้ซึ่งแสงไฟใดๆ แต่แรงกดดันชนิดฟ้าถล่มดินทลาย กลับแผ่กระจายออกมาจากกลางกลุ่มเมฆ
เวลานี้เอง เยี่ยเทียนที่ยืนห่างออกไป สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ปราณวิเศษบนเกาะแห่งนี้เบาบางลงหลายส่วน ท้องฟ้าเหนือหัวดูราวจะยิ่งเปล่งแสงสว่างขึ้น เขาไม่รู้ว่านี่เกิดจากเขตแดนเบาบางลงหรือเปล่า
“จะให้อัสนีสวรรค์ก่อตัวกันไม่ได้ ในอดีตวานรเทพตนนั้นก็สูญเสียครึ่งชีวิตไปกับสายฟ้านี้!”
มองไปยังหมู่เมฆสีดำบนท้องฟ้า แล้วดวงตาของมังกรน้ำก็เผยแววสับสนขึ้นมา ถึงแม้ระดับจะพอกัน บนเกาะนี้มันเองก็เป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเช่นกัน แต่มังกรน้ำก็รู้ดีว่า ด้วยวรยุทธ์ของตนนั้น ยังห่างไกลไม่อาจเทียบได้กับผู้ฝึกวิชาระดับสวรรค์ลี้ลับอย่างวานรเทพ
“ข้าเอง!”
สิงห์ขนทองที่ไม่ได้บาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อสัก ครู่มากนักยืนขึ้น ด้านหลังปรากฎเงาสิงห์ทองคำขนาดมหึมาออกมา ในขณะเดียวกันก็อ้าปากกว้าง ไข่มุกซึ่งส่งประกายร้อนแรงปรากฎขึ้นเหนือตัวมัน
“โฮก!” ร่างเทียมส่งเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น สองกรงเล็บแยกเมฆสวรรค์แตกออกจากกัน จินตันนั่นเองก็กลายเป็นแสงสว่างสีทองคำ พุ่งโจมตีเมฆสวรรค์อย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่ามันคิดใช้โอกาสที่เมฆยังไม่ก่อตัวกระจายมันออก
“ลงมือพร้อมกันเถอะ!”
สิงห์ขนทองตัวผู้ ส่งเสียงคำรามออกมาจากปาก ร่างกายพลันขยายขึ้นหลายสิบเมตร ยืนขึ้นด้วยสองขา ขณะที่ก่อกวนท้องฟ้า ก็ถลาไปทางเมฆสวรรค์เพื่อใช้ร่างของตนเองต้านทานเอาไว้
เห็นสหายทั้งสองที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายพันปียอมเสี่ยงชีวิต เสียงมังกรก็ดังสนั่นสะท้านฟ้าดิน ร่างของเจ้ามังกรน้ำยืดตัวยืนขึ้น ใช้เขาบนหัวตนเอง พุ่งทะลวงเมฆสวรรค์สีดำทมิฬ อสูรทั้งสามล้วนรู้ว่า ถ้าหากเมฆก่อตัวกันสำเร็จ เกรงว่าพวกมันคงต้องตายภายใต้อัสนีสวรรค์ครั้งนี้
อสูรทั้งสามลงมือพร้อมกัน พลังของมันต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับหยวนอิง น่ากลัวว่ายังต้องถอยให้ถึงสามส่วน เมฆสวรรค์บนท้องฟ้าเองก็ดูเหมือนได้รับแรงกดดันที่แตกต่าง พลันบังเกิดแรงดึงดูดมหาศาล แนวพรมแดนเหนือเมฆสวรรค์กลับกลายเป็นเบาบางลงในทันใด พลังชีวิตฟ้าดินจำนวนมหาศาล ไหลสู่เมฆสวรรค์อย่างเชี่ยวกราก
“ตอนนี้แหละ!” เยี่ยเทียนที่อยู่ด้านนอกค่ายกล สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้าอย่างชัดเจน จึงกลืนจินตันของสิงห์ขนทองลงไปในร่าง
“ร้อน ทำไมถึงร้อนขนาดนี้?”
พอไช่มุกเม็ดนั้นเข้าสู่ร่างกาย เยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ถึงความร้อนมหาศาล ราวกับตัวเองถูกมัดไว้บนกองฟืนที่ลุกไหม้ เมื่อก้มลงมองสองมือตัวเอง ก็กลายเป็นสีแดงไปทั่ว ไอระอุแผ่ออกมาจากใจกลางฝ่ามือเช่นกัน
“ไปเลย!”
ไม่ทันรอให้สามอสูรโจมตีถูกเมฆสวรรค์นั่น ร่างของเยี่ยเทียนก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้า เหาะไปทางกลุ่มเมฆ เนื่องจากตรงนั้นเป็นจุดที่มีปราณวิเศษเบาบางที่สุดในเขตแดนทั้งเกาะ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ เยี่ยเทียนพบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมพลังงานอันน่าหวาดหวั่นราวกับจะระเบิดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ในจุดตันเถียน
“ให้ตายสิ เมฆยังไม่รวมตัวกันไม่ใช่เรอะ?”
แต่ว่าในเวลาเดียวกันกับที่ร่างของเยี่ยเทียนเหินไป เขาก็พลันพบว่า ใจกลางกลุ่มเมตดำทมิฬนั่น บังเกิดสายฟ้าเล็กละเอียดหลายเส้นพุ่งออกมา ภาพนั้นทำให้เยี่ยเทียนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ด้วยวิทยายุทธ์ของเขา ต่อให้เป็นอัสนีสวรรค์ที่อ่อนแรงกว่านี้ ก็ยังไม่อาจรับได้
ความเร็วของประกายไฟ ไม่ใช่ระดับที่กำลังของมนุษย์จะเทียบเทียมได้ ขณะที่เยี่ยเทียนเกิดความคิดขึ้นมาในใจนั้นเอง สายฟ้าเล็กละเอียดหลายเส้นก็ฟาดลงมาจากเมฆทะมึนสู่ร่างอสูรทั้งสาม แต่กลับละเว้นเยี่ยเทียนเพียงคนเดียว เฉียดร่างของเขาไปโจมตีร่างขยายของสิงห์ขนทอง
“อ๊าก!”
หลังจากสายฟ้าโจมตีลงไปยังร่างเทียมของสิงขนทอง เสียงร้องโหยหวนก็ดังเข้าสู่หูของเยี่ยเทียน เขาตกตะลึงก่อนพบว่า จุดที่สายฟ้าแล่นผ่าน ผ่าแยกร่างเทียมออก และสายฟ้าเส้นเล็กสีดำก็โจมตีลงตรงกลางกระหม่อมสิงห์ขนทองตัวเมียพอดิบพอดี
“เร็วเข้า ผ่ามิตินั่นออก!”
สิงห์ขนทองตัวผู้ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องทั่วเกาะ สองกรงเล็บพุ่งโจมตีตะปบสายฟ้าสีดำที่โจมตีตนเอง แต่ตอนที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน สองแขนของมันราวกับเกล็ดหิมะเจอกับดวงตะวัน ละลายสลายไปโดยปราศจากเสียงเตือน
เช่นเดียวกับสิงห์ขนทองตัวนั้น มังกรน้ำผู้มีพลังอำนาจอันพรั่นพรึง ใช้เขาเดียวของตนเองรับสายฟ้านั่น เสียงร้องมังกรเปล่งออกมาได้ครู่หนึ่งก็พลันเงียบหาย ร่างมหึมาหยุดอยู่กลางอากาศแล้วร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง
เยี่ยเทียนที่เวลานี้อยู่บนท้องฟ้าไม่มีเวลาสังเกตสถานการณ์รอบด้าน เมื่อมาถึงกลุ่มเมฆสวรรค์บนนั้น เขากลับพบว่าภายในร่างกายระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมา จนร่างทั้งร่างขยายใหญ่ขึ้น
“อ๊าก จงเปิดออก!”
“ขณะสองมือที่ยื่นไปข้างหน้าของเยี่ยเทียนสัมผัสถูกพลังงานไร้รูป เวลานั้นพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ในกายก็ระเบิดออกมา จึงออกแรงทั้งจากทั้งสองด้าน!
………………………………..