“จวงรุ่ย นั่นเป็นหินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงจะซื้อมันล่ะ?”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างจวงรุ่ยไม่เข้าใจการกระทำของเขา สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมองเขานั้นแฝงแววหยามเหยียดเอาไว้ ทำให้หญิงสาวพลอยรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
“ไส้ซาลาเปาที่อร่อยไม่อยู่ด้านนอก มันต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน”
จวงรุ่ยดูท่าทางแน่วแน่ ไม่สนใจสายตาของเหล่าคุณชายลูกเศรษฐีที่มองเขา เขากระซิบบอกหญิงสาวเบาๆให้เธอเข้าใจเท่านั้น
“คุณผู้ชายท่านนี้เริ่มต้นราคาที่ห้าหมื่นเหรียญ ยังมีท่านไหนสนใจในหินก้อนนี้อีกไหมครับ?”
ของประมูลที่มูลค่าไม่ค่อยสูงเช่นนี้ เฮนรี่ไม่ค่อยอยากเสียแรงไปกับมันมาก หลังจากถามสามครั้งแล้ว ก็รีบเคาะประมูลทันที คนอื่นคิดว่าถือเป็นโชคของจวงรุ่ย ที่ได้ของไปในราคาถูก
“คุณจวงใช่ไหมครับ?”
ตอนที่เฮนรี่เริ่มการประมูลของชิ้นต่อไป เยี่ยเทียนพูดแทรกขึ้นมา
“ไว้เมื่อไหร่ที่คุณผ่าหินออกแล้ว คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าข้างในเป็นอะไร?”
ฟังเยี่ยเทียนพูดจบจวงรุ่ยชักสีหน้า สั่นหัวตอบว่า
“เอ๋? คุณผู้ชายท่านนี้ โบราณกล่าวไว้ว่าเทพเซียนยังไม่อาจคาดเดาหยกที่อยู่ในหินได้ ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าข้างในนั้นเป็นอะไร? ก็แค่เสี่ยงดวงดูเท่านั้นเอง”
“เฮอะๆ มันก็ไม่แน่หรอก วันนี้โชคเข้าข้างคุณจวงไม่น้อยเลยนะ”
เยี่ยเทียนหัวเราะ โบกมือพูดกับเฮนรี่ว่า
“ประมูลต่อเถอะ เฮนรี่ ของดีๆแบบนี้ถูกคุณขายราคาอย่างกับผักในตลาด ฮ่าฮ่า!”
ด้วยสถานะของเยี่ยเทียนในตอนนี้ ทุกคนในห้องโถงนั้นต่างรู้ดี คำพูดของเขาทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หินก้อนนั้น แม้แต่หลิ่วซีกั๋วยังรีบพุ่งเข้ามาหาเยี่ยเทียนแล้วตัดพ้อว่า
“อาเล็ก รู้ว่านั่นเป็นของดีทำไมถึงไม่ให้ฉันประมูลมันมาเล่า?”
อัญมณีพวกหยกเฝยชุ่ยต้องดูที่คุณภาพไม่ได้ดูที่ปริมาณ หินก้อนนี้ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าภายในมีหยกเฝยชุ่ยเนื้องามอยู่แค่หัวแม่มือ มันก็จะกลายเป็นอัญมณีที่มีค่าเป็นสิบล้าน เทียบกับเงินห้าหมื่นที่ประมูลมันไปแล้วไม่รู้ว่ามากกว่าตั้งกี่เท่า
เยี่ยเทียนยิ้มแล้วพูดว่า
“ซีกั๋ว ผู้ใหญ่ทางบ้านของเขาคนนั้นเคยมีอดีตกับท่านผู้เฒ่าตระกูลซ่ง เป็นคนเก่าคนแก่ในกองทัพ ผมจะไปแย่งของๆเขาได้อย่างไรกัน?”
“เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง?”
ฟังเยี่ยเทียนอธิบายจบหลิ่วซีกั๋วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขารู้ว่าตาของเยี่ยเทียนเป็นใคร บรรพบุรุษของจวงรุ่ยน่าจะเป็นคนชนชั้นเดียวกัน อย่าได้มีเรื่องขัดแย้งกับคนแบบนี้ด้วยหยกเพียงก้อนเดียวเลย
สิ่งของที่แลกมาด้วยเงินห้าหมื่น ไม่ได้เป็นเรื่องฮือฮาในที่นั้น การประมูลดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่เยี่ยเทียนนั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ร่วมวงด้วยแล้ว
“คุณเยี่ยครับ ต่อไปตาคุณแล้ว ขอถามหน่อยว่าสิ่งของที่คุณนำออกมาประมูลคืออะไรครับ?”
งานประมูลดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงรอบของเยี่ยเทียน แสงไฟสาดส่องใส่ตัวเยี่ยเทียนหลังจากเสียงของเฮนรี่สิ้นสุดลง
“เฮนรี่คนนี้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
เยี่ยเทียนหัวเราะออกมา ผู้ดูแลกิจการภายนอกของสำนักเสื้อป่านคือเหลยหู่ ตามหลักแล้วเฮนรี่น่าจะถามเหลยหู่มากกว่า แต่เขากลับถามตัวเองตรงๆ ดูท่าจะเป็นการแก้แค้นเล็กๆที่เมื่อครู่เยี่ยเทียนตำหนิเขาว่าประมูลของราคาถูกเกินไป
“ผมไม่มีข้าวของอะไรมาก เจ้านี่ละกัน”
เยี่ยเทียนหยิบขวดหยกออกมาอันหนึ่ง สีของขวดนั้นเป็นสีเขียวอ่อน เนื้อหยกสวยไม่เลว แต่ฝีมือการแกะสลักหยาบมาก
“ในนี้มียาอยู่เม็ดหนึ่ง ไม่อาจรักษาโรคร้ายแรงได้ แต่กินแล้วไม่ตาย ผมเอาของสิ่งนี้ออกประมูลแล้วกัน”
“คุณเยี่ยครับ ยานี้แตกต่างจากของชิ้นอื่น มีความอันตรายอยู่ คุณนำมันออกประมูลเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะ?”
เฮนรี่อาศัยอำนาจในการเป็นผู้ดำเนินการประมูลทำให้เยี่ยเทียนตกที่นั่งลำบาก
“เอ๋? คุณไม่เห็นด้วย?”
เยี่ยเทียนยิ้ม แล้วเก็บขวดยานั้นทันที แล้วพูดต่อว่า
“ถ้างั้นก็ช่างเถอะ ผมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้!”
“อย่าครับ เปลี่ยนไม่ได้!”
เสียงของเยี่ยเทียนยังไม่ทันขาดคำ มีคนๆหนึ่งลุกยืนขึ้นท่ามกลางวงล้อมของแขกเหรื่อ
“คุณทำหน้าที่ประมูลของคุณไปเถอะ แขกจะนำอะไรออกประมูลเป็นสิทธิ์ของเขา คุณจะเปลี่ยนแปลงตามอำเภอใจได้อย่างไร?”
คนที่ลุกขึ้นมาประกาศปาวๆนั้นคือหลี่เชาเหริน เขายอมเสียหน้าไปเอ่ยขอยาวิเศษจากเยี่ยเทียน ถ้าถูกเฮนรี่ขัดขวาง หลี่เชาเหรินคงโมโหจนแทบฆ่าคนได้
“คุณลุงหลี่เป็นอะไรไปครับ?”
“นั่นน่ะสิ น้อยนักที่จะเห็นท่านโกรธแบบนี้!”
“น่าจะเป็นเพราะท่านสนิทกับเยี่ยเทียนน่ะสิ ไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาเดินออกมาจากห้องด้านในพร้อมกัน?”
ความเคลื่อนไหวของหลี่เชาเหรินทำให้ทั้งห้องโถงเกิดความนิ่งเงียบ ด้วยสถานะอย่างเขาคำพูดทุกคำสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้นได้ ดังนั้นเขาจึงพูดน้อยเป็นนิสัย ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ไม่มีใครเคยเห็นเขาโมโหแบบนี้มาก่อน
“เอ่อ คุณหลี่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เฮนรี่เห็นว่าผู้พูดคือหลี่เชาเหริน ก็ตกใจจนเหงื่อแตก เขาเป็นนักดำเนินการประมูลคนหนึ่งเท่านั้น อิทธิพลของ หลี่เชาเหรินสามารถทำให้เขากระเด็นหลุดออกจากวงการประมูลไปตลอดชีพเลยก็เป็นได้
ตอนนี้เฮนรี่ไม่สนใจเรื่องกลั่นแกล้งเยี่ยเทียน รีบพูดแก้ต่างว่า
“ในเมื่อทุกท่านในที่นี้คิดว่าของสิ่งนี้ใช้ประมูลได้ เช่นนั้นผมขอเริ่มประมูลของชิ้นนี้อย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นเหรียญ…..”
“เดี๋ยวก่อน!”
เฮนรี่กำลังจะประกาศราคาเริ่มต้นออกไปนั้น ถูกเยี่ยเทียนขัดขึ้น
“เฮนรี่ ยานั่นประมูลพร้อมกับขวด อย่างน้อยต้องสิบล้าน น้อยกว่านี้ไม่ได้!”
“อะไรนะ? สิบล้านเหรียญฮ่องกง?”
เฮนรี่เบิกตาโพลง วันนี้ของทุกชิ้นเริ่มต้นที่ราคาหนึ่งหมื่นเหรียญทั้งนั้น ขวดหยกชิ้นนี้ราคายังจะสูงกว่าแจกันเครื่องเคลือบสมัยราชวงศ์ชิงอีกหรือ?
แต่กฎนั้นถูกตั้งขึ้นโดยมนุษย์ แรกเริ่มเดิมทีราคาประมูลสิ่งของทุกชิ้นเริ้มต้นขั้นต่ำที่หนึ่งหมื่นเหรียญ แต่ดูท่าทางที่หลี่เชาเหรินยังไม่ยอมนั่งลงเสียที เฮนรี่กลืนน้ำลายเอื้อกแล้วเอ่ยต่อว่า
“คุณเยี่ยมีความมั่นใจมากในของประมูล ดังนั้นจะเป็นไปตามความประสงค์ของคุณ ของสิ่งนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่สิบล้านเหรียญ”
เยี่ยเทียนขัดคอเฮนรี่ขึ้นอีกครั้ง แล้วอธิบายว่า
“คุณเฮนรี่ คุณผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายถึงเหรียญฮ่องกง แต่เป็นดอลลาร์สหรัฐ!”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เฮนรี่คนเดียวที่ยิ้มแหย หลี่เชาเหรินที่อยู่ล่างเวทีเข้าใจจุดประสงค์ของเยี่ยเทียนดี ของสิ่งนี้เยี่ยเทียนนำออกมา แต่ตนต้องใช้บางสิ่งแลกมา แน่นอนว่ามูลค่าของยาเม็ดนี้ต่อให้ต้องจ่ายอีกมากเท่าไหร่ หลี่เชาเหรินก็ยอมจ่ายโดยดี
“ดอลลาร์สหรัฐ? คุณเยี่ยคุณแน่ใจ?”
เฮนรี่ตกตะลึง
“แน่นอนอยู่แล้ว เริ่มประมูลเถอะ!”
“ครับ ต่อไปของประมูลชิ้นนี้โดยคุณเยี่ยเป็นเจ้าของ ราคาเริ่มต้นที่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐ”
เฮนรี่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก เอาเป็นว่าถ้าของสิ่งนี้ประมูลไม่ออก เป็นเยี่ยเทียนที่ขายหน้าไม่ใช่เขา ราคาเริ่มต้นที่สูงขนาดนี้ หากหลุดประมูลก็เป็นเรื่องธรรมดา และจะไม่ส่งผลกระทบต่ออาชีพการประมูลของเขา
“สิบห้าล้านดอลลาร์!”
สิ่งที่เฮนรี่คิดไม่ถึงก็คือตอนที่เขาเพิ่งประกาศราคาออกไป ชายชราที่ยังไม่ทันนั่งลงได้ตะโกนราคาออกมาด้วยความใจร้อนนั้นทำให้คนอื่นในห้องโถงต่างสงสัย หลี่เชาเหรินนักธุรกิจผู้ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมรอบคอบ ทำไมถึงแสดงกิริยาแบบนี้?
เฮนรี่ไม่คิดว่าหลี่เชาเหรินจะประกาศราคาเท่านี้ เขางุนงงไปพักใหญ่ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“สิบห้าล้านดอลลาร์ครั้งที่หนึ่ง คุณหลี่ให้ราคาสิบห้าล้านดอลลาร์!”
เซวียนปิง ของสิ่งนั้นไม่เลวเลย เธอประมูลสิ!”
เยี่ยเทียนได้ยินเสียงลอยมากระทบหู อดไม่ได้หันไปตามต้นเสียง ผู้พูดคือจวงรุ่ยคนนั้น กำลังพูดกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ยาอะไรแพงขนาดนั้น?” สาวสวยที่ชื่อเซวียนปิงมองจวงรุ่ยอย่างไม่เข้าใจ แล้วกระซิบว่า
“ของสิ่งนี้แพงมากเลยนะ อีกอย่างถ้าคุณปู่รู้ว่าไปแย่งประมูลของกับหลี่เชาเหรินละก็ คุณปู่ต้องโกรธมากแน่”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร แต่รู้สึกว่าเป็นของดี ตามใจเธอแล้วกัน!”
จวงรุ่ยส่ายหัว ไม่อยากบังคับคู่ควง ตัวเขาเองเพิ่งประมูลหินมาก้อนหนึ่ง ทั้งพื้นฐานครอบครัวและฐานะเทียบกับหลี่เชาเหรินไม่ได้เลย
“คนๆนี้ช่างรู้จักการไขว่คว้าและปล่อยวาง”
เยี่ยเทียนแอบฟังคนทั้งสองคุยกันแล้วยิ้มออกมา หันกลับมาดูการประมูลต่อ ถ้าเยี่ยเทียนเดาไม่ผิด คนหนุ่มคนนั้นมีความสามารถพิเศษรับรู้ถึงพลังพิเศษที่มีอยู่ตามธรรมชาติได้
“สิบห้าล้านดอลลาร์ ครั้งที่หนึ่ง สิบห้าล้านดอลลาร์ครั้งที่สอง! ยังมีท่านไหนสนใจจะประมูลต่ออีกไหมครับ?”
ฐานะทางสังคมในวงการค้าชาวจีนโพ้นทะเลของหลี่เชาเหรินนั้น เขาหมายตาสิ่งใดไว้แล้ว ใครหรือจะกล้าเข้าไปแก่งแย่ง เฮนรี่ประกาศถึงสองครั้งก็ไม่มีใครตอบ เขายกค้อนขึ้นสูงเตรียมจะทุบลงบนโต๊ะเพื่อสิ้นสุดการประมูล
“ห้าสิบล้านดอลลาร์!” ตอนที่เฮนรี่กำลังจะทุบค้อนลงบนโต๊ะนั้น จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“ใคร ใครบอกว่าห้าสิบล้านดอลลาร์?”
“ใครให้มากขนาดนั้น ตั้งห้าสิบล้านแหนะ”
“กล้าแย่งประมูลกับหลี่เชาเหริน ช่างใจกล้าเสียจริง!”
ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดด้วยเสียงที่ตะโกนขึ้น สายตานับไม่ถ้วนมองมาที่ต้นเสียง แต่เมื่อมองแล้วทุกคนพากันตกตะลึง เพราะคนหนุ่มที่เสนอราคาออกไปนั้นนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของเยี่ยเทียนนี่เอง
เจ้าหนุ่มคนนี้หลายๆคนได้ยินเขาเรียกเยี่ยเทียนว่าอาจารย์ ก็หมายความว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน สิ่งของชิ้นนี้เยี่ยเทียนเป็นผู้นำออกประมูล เขายังให้ลูกศิษย์ของตัวเองเสนอราคาที่สูงกว่าเดิม นี่ไม่ใช่การโก่งราคากันหรอกหรือ?
งานประมูลการกุศลแบบนี้ราคาประมูลต่อให้สูงแค่ไหน เงินนั้นก็ต้องถูกบริจาคออกไป ทั้งราคาเริ่มต้นที่เยี่ยเทียนตั้งนั้นหลี่เชาเหรินจะต้องให้สูงกว่าแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเยี่ยเทียนใช้เงินห้าสิบล้านดอลลาร์เพื่อประมูลสิ่งของของตัวเองกลับมาจะไม่เป็นเรื่องแปลกหรือ
“คุณผู้ชายท่านนี้ แน่ใจหรือครับว่าห้าสิบล้านดอลลาร์? นี่ไม่ใช่การล้อเล่นนะครับ!”
เฮนรี่ที่ยืนอยู่บนเวทีตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ถึงปากจะถามโจวเซี่ยวเทียน แต่สายตากลับจ้องมองที่เยี่ยเทียน
……………………….