“คุณเจอโรม นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
เมื่อเห็นประธานกรรมการโค้งคำนับให้เด็กหนุ่มคนนั้น สมองของริชาดสันพลันโล่งว่างไปหมด ในฐานะท่านประ ธานที่ควบตำแหน่งกรรมการบริหารของธนาคารกลุ่มสวิสแล้ว ถือว่าเจอโรมก็เป็นคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง บางครั้งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศเล็กๆ ที่ได้มาที่นี่ ก็ยังไม่เคยเห็นเขามาต้อนรับด้วยตัวเองแบบนี้
และคนจีนสามคนที่อยู่ตรงหน้าดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนสำคัญอะไร โดยเฉพาะเด็กหนุ่มสองคนนั่น ที่ยืนตัวเอียงอยู่ตรงนั้น ไม่ต่างจากวัยรุ่นตามถนน แต่ทำไมเขากลับมีค่าพอให้คุณเจอโรมทำแบบนั้น?
“ยังไม่รีบเก็บปืนอีก?”
เจอโรมยืดตัวตรง แล้วหันไปถลึงตาจ้องมองริชาดสัน
“หรือจะต้องรอให้ฉันจ่ายเงินเลิกจ้างแกก่อน แล้วไล่แกออกไปจากที่นี่ใช่ไหม?”
คำพูดนี้เจอโรมใช้ภาษาสเปนพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาก็ยังไว้หน้าริชาดสันเช่นกัน ถึงอย่างไรตลอดเวลาที่ทำงานในธนาคารมานานกว่ายี่สิบปี นอกจากครั้งนี้แล้ว เขาก็ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดมาก่อน
“เร็ว รีบเก็บปืนเร็วเข้า!”
หลังจากได้ยินคำพูดของท่านประธานแล้ว ริชาดสันจึงเหมือนกับตื่นจากความฝัน เขายังไม่ทันออกคำสั่ง พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นก็เก็บปืนไปนานแล้ว ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวเอง เอาปืนไปจ่อเจ้านายตัวเอง
“คุณเยี่ย ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดแบบนี้ ผมขอเป็นตัวแทนแสดงความขอโทษอย่างจริง ใจกับคุณอีกครั้งครับ!”
เมื่อหันกลับไปมองเยี่ยเทียน ใบหน้าของเจอโรมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วันนี้เขาอยู่ที่ธนาคารพอดี หลังจากได้ยินว่าจะมีการปล้น เขาจึงรีบต่อกล้องวงจรปิดมาที่ออฟฟิศของตัวเองโดยตรง
สำหรับสถาบันอย่างธนาคารกลุ่มสวิสแบบนี้ พวกเขาสามารถติดต่อกับตำรวจสากลได้ตลอดเวลา ขณะที่เจอโรมกำลังจะนำภาพกล้องของเยี่ยเทียนมอบให้กับทีมตำรวจสากล เพื่อยืนยันฐานะของอีกฝ่ายนั้น เขากลับได้ยินประ โยคในตอนแรกของเยี่ยเทียน
เขาได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าเป็นลูกค้าของธนาคาร เจอโรมจึงรีบนำภาพในกล้องของเยี่ยเทียนโหลดลงไปในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของธนาคาร และด้วยระบบที่ทรงพลัง ภายในระยะเวลาสั้นๆ สองสามวินาที ก็สามารถค้นหาข้อมูลของเยี่ยเทียนที่อยู่ในธนาคารได้แล้ว
เมื่อเห็นจำนวนเงินที่ฝากในธนาคารของเยี่ยเทียนแล้ว เจอโรมจึงนั่งอยู่กับที่ไม่ติดอีกต่อไป
ถึงแม้จำนวนเงินไม่กี่พันล้านดอลลาร์ที่อยู่ในธนาคารจะไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายอะไร แต่กลับฝากในสถานะบุคคล การที่ตัวบุคคลสามารถร่ำรวยได้ถึงขนาดนี้ ก็มากพอที่จะทำให้เจอโรมทึ่งแล้ว
แม้แต่บิลล์ เกตส์ผู้ที่รวยที่สุดในโลก ก็ยังฝากเงินด้วยบัญชีส่วนตัวในธนาคารสวิสเพียงหนึ่งพันล้านดอลลาร์ แน่นอนว่า ถ้าหากเปลี่ยนเป็นในนามบริษัทแล้ว เงินไม่กี่พันล้านดอลลาร์ของเยี่ยเทียนก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะทรัพย์สินรวมทั้งหมดของธนาคารกลุ่มสวิสก็มีเป็นล้านล้านดอลลาร์
“คุณคือคุณเจอโรมใช่ไหมครับ เหมือนพวกเราจะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์แล้ว!”
เยี่ยเทียนโบกมือแล้วพูดว่า
“ไม่มีอะ ไรครับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่สามารถอธิบายได้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารคุณผ่านมาตรฐาน ผมนำเงินมาฝากไว้ที่นี่รู้สึกสบายใจมากครับ!”
งานด้านธนาคารมักจะมีความรู้สึกไวเกี่ยวกับการปล้นชิงทรัพย์เป็นธรรมดา เยี่ยเทียนรู้ว่าการสนทนาของเขากับโจวเซี่ยวเทียนเมื่อครู่นั้น เป็นตัวนำให้ทางธนาคารรู้สึกหวาดกลัว ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าหากซักถามกันต่อไป เกรงว่าเขาคงจะเสียหน้ามากเช่นกัน
“คุณเยี่ย วันนี้คุณต้องการทำธุรกรรมอะไรครับ? พวกเราเข้าไปคุยในห้องรับรองแขกกันเถอะครับ!”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนไม่ติดใจเรื่องนี้ เจอโรมจึงโล่งอกไม่หยุด เพราะถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะมีผลเสียต่อธนาคารไม่มากก็น้อย
“มีธุระต้องจัดการนิดหน่อยครับ”
เยี่ยเทียนหันไปพูดกับกู้ต้าจวิน
“เหล่ากู้ คุณรอผมอยู่ที่โซนพักผ่อนสักพัก ถ้าผมทำธุระเสร็จแล้วก็จะออกมา”
“อ้อ ได้ครับ เชิญคุณเยี่ยตามสบายครับ!”
ถือว่าวันนี้กู้ต้าจวินได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ อย่างแรกถูกปืนกว่าสิบกระบอกมาจ่อหน้า จากนั้นประธานกรรมการธนาคารก็มาขอโทษด้วยตัวเอง เพียงแค่เวลาสั้นๆ สองสามนาที แต่ราวกับอยู่ในภาพยนตร์ซักเรื่อง
…
“โอเค คุณออกไปก่อนนะครับ!”
พอเข้าไปในห้องรับรองแขกของธนาคารแล้ว สาวสวยในชุดยูนิฟอร์มรูปร่างสูงสง่านำกาแฟมาเสิร์ฟ จากนั้นเจอโรมจึงโบกมือไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไป เขารู้ความคิดของคนพวกนี้เป็นอย่างดี เพราะคนที่เขามาต้อนรับด้วยตัวเองแบบนี้ มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่มหาเศรษฐีระดับโลก ถ้าหากพวกเขาถูกใจล่ะก็ อย่างนั้นก็เท่ากับรวยทางลัดจริงๆ
“คุณเยี่ย ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณมาทำธุรกรรมเรื่องอะไรครับ?”
หลังจากไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้ว เจอโรมจึงมอง เยี่ยเทียนแล้วพูดว่า
“เดี๋ยว…ผมจะเรียกผู้จัดการของธนาคารมาช่วยทำธุรกรรมให้คุณดีไหมครับ?”
ในฐานะประธานกรรมการของธนาคาร งานที่เจอโรมต้องทำไม่ใช่การต้อนรับแขก งานของผู้เชี่ยวชาญก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการเป็นธรรมดา มิฉะนั้นทุกวันที่มีมหาเศรษฐีระดับโลกมากมายที่มาทำธุรกรรมอย่างเยี่ยเทียน เขาก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว คำพูดนี้หมายความว่าคงลาออกไปนานแล้ว
เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย จึงยิ้มพูดว่า
“ผมต้องการเปิดตู้เซฟครับ คุณเจอโรม ถ้าคุณยุ่งก็เชิญได้นะครับ”
“อ้อ อย่างนั้นผมจะเรียกหัวหน้าที่ดูแลเรื่องตู้เซฟมาช่วยคุณจัดการนะครับ!”
เจอโรมพยักหน้า แล้วจึงต่อสายพูดกำชับสองสามประโยค
“คุณเยี่ย ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ต้องขอตัวก่อนนะครับ หากช่วงที่ทำธุรกรรมอยู่ คุณไม่พอใจตรงส่วนไหน สามารถมาแจ้งที่ผมได้โดยตรงครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ ผมพอใจกับการบริการของธนาคารคุณมากครับ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วจึงหยิบกุญแจโลหะดอกนั้นออกมาจากกระเป๋าพลางเล่นไปมาอยู่ในมือ
“เอ๊ะ เยี่ย…คุณเยี่ย คุณ..คุณมีกุญแจดอกนี้ได้ยังไงครับ?”
เจอโรมที่เตรียมตัวจะลุกขึ้นเดินออกไป สายตาพลันถูกดึงดูดจากกุญแจที่อยู่ในมือของเยี่ยเทียน พร้อมกับมีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณเยี่ย คุณช่วยเอากุญแจมาให้ผมดูได้ไหมครับ?”
“ได้อยู่แล้วครับ!” เยี่ยเทียนยื่นกุญแจให้เจอโรม
หลังจากรับกุญแจมาอย่างระวัดระวัง พลิกไปพลิกมาอย่างนั้นนานกว่าสี่ห้านาทีเต็ม แล้วเจอโรมก็พูดพึมพำว่า
“เป็นกุญแจโค้ดเทียนจื้อของตู้เซฟหมายเลขสามจริงๆ ด้วย ไม่คิดว่ามันจะอยู่ในมือของคุณเยี่ยนะครับ นี่มันหายไปนานเกือบหกสิบเจ็ดสิบปีเต็มๆ เลยนะครับ!”
ก่อนหน้านั้นเคยกล่าวไว้แล้ว ว่าธนาคารยูบีเอสเคยเป็นธนาคารกลุ่มสวิสมาก่อน มันเกิดจากการรวมตัวกันของธนาคารวินเทอร์ทัวร์กับธนาคารท็อกเกนเบิร์กในปี 1912 พัฒนามาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ธนาคารยูบีเอสเคยนำเสนอการบริการฝากเงินผ่านตู้เซฟ โดยใช้โค้ดที่โดนใจว่า “เทียนจื้อ”
เนื่องจากข้อจำกัดของวัสดุกับงานฝีมือ ทำให้การผลิตตู้เซฟลักษณะนี้มีปริมาณน้อยมาก และยังยึดหลักการเก็บรักษาความลับของลูกค้าเป็นหลัก สำหรับตู้เซฟล็อตนี้ ทางธนาคารไม่ได้บันทึกข้อมูลใดๆ และเงื่อนไขในการเปิดตู้เซฟก็คือกุญแจดอกนี้
ตู้เซฟบริมาณน้อยของล็อตนี้ ได้รับความโปรดปรานจากมหาเศรษฐีและบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว และถูกเช่าจนหมดในเวลาอันสั้น
ตระกูลที่มีตู้เซฟลักษณะนี้ มีแต่คนที่มีตระกูลและสายเลือดอันสูงส่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานทั้งนั้น การที่สามารถครอบครองตู้เซฟโค้ดเทียนจื้อได้นั้น สำหรับพวกเขาแล้วก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์อันทรงเกียรติและมีฐานะอย่างหนึ่ง ดังนั้นเวลาสิบกว่าปีหลังจากนั้น ตู้เซฟเหล่านี้จึงถูกทายาทรุ่นหลังใช้สืบต่อกันมา
แต่มีตู้เซฟอยู่อันหนึ่ง ก็คือตู้เซฟหมายเลขสาม หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษแล้วก็ไม่เคยเปิดอีกเลย และเจอโรมก็มีความคุ้นเคยกับตู้เซฟโค้ดเทียนจื้อทุกใบ ดังนั้นหลังจากที่เห็นกุญแจดอกนี้ของเยี่ยเทียนแล้ว เขาจึงรีบนึกถึงตู้เซฟใบนั้นที่ยังไม่เคยเปิดออกทันที
“คุณเยี่ย กุญแจดอกนี้มาอยู่ในมือคุณได้ยังไงครับ?”
เจอโรมรู้ประวัติของเยี่ยเทียน และอายุของกุญแจดอกนี้เกรงว่าจะมากกว่าอายุพ่อของเยี่ยเทียนเสียอีก เยี่ยเทียนจะต้องได้มาจากช่องทางอื่นอย่างแน่นอน เจอโรมเชื่อว่า ในช่วงเวลากว่าครึ่งศตวรรษนี้ ต้องมีเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้นอยู่รอบตัวของกุญแจดอกนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ แล้วจึงเอ่ยถามออกมา
“คุณเจอโรมครับ ดูเหมือนว่าแค่มีกุญแจดอกนี้ ก็สามารถเปิดตู้เซฟได้แล้วใช่ไหมครับ?
เยี่ยเทียนส่ายหน้าพลางยิ้ม แต่สายตากลับดูโหดเหี้ยมขึ้นมา เสียแรงที่คนแก่คนนี้เป็นประธานกรรมการของธนา คารสวิส ทำไมถึงถามคำถามที่ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย? แล้วจะให้เขาตอบอย่างไร? เพราะเขาก็พูดไม่ได้ว่าตัวเองไปฆ่าพวกญี่ปุ่นร้อยกว่าคนแล้วแย่งกุญแจดอกนี้มา?
“อ้อ ขอโทษครับ ผมเสียมารยาทแล้ว!”
สายตาระมัดระวังของเยี่ยเทียน เจอโรมจึงรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดไป จากนั้นจึงรีบพูดว่า
“คุณเยี่ย คนที่มีกุญแจดอกนี้สามารถเปิดตู้เซฟได้จริงๆ ครับ แต่จะต้องได้รับการเซ็นชื่อจากผมก่อนถึงจะได้ คุณรอผมสักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการให้คุณเดี๋ยวนี้!”
เวลานี้หัวหน้าที่รับผิดชอบด้านตู้เซฟก็มาถึงห้องรับรองแขกแล้ว หลังจากตรวจดูกุญแจอย่างละเอียดและจริงจัง จึงมั่นใจว่าเป็นกุญแจดั้งเดิมของตู้เซฟหมายเลขสามโค้ดเทียนจื้อแน่นอน
หลังจากเซ็นเอกสารที่เกี่ยวข้องและเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว เจอโรมจึงมองเยี่ยเทียนแล้วพูดว่า
“คุณเยี่ยครับ เดี๋ยวจะให้คุณเบิร์นไซด์เป็นคนพาคุณไปเปิดตู้เซฟนะครับ แต่…ในนั้นมีเพียงคุณที่สามารถเข้าไปได้คนเดียวนะครับ!”
ธุรกิจตู้เซฟในธนาคารต่างประเทศนั้น เป็นธุรกิจที่ทำให้กับมหาเศรษฐีโดยเฉพาะ เพื่อใช้ฝากสิ่งของที่มีค่าหรือสัญญา และมาตรการรักษาความปลอดภัยที่นั่นก็ยังเข้มงวดมากกว่าตู้เซฟของธนาคารเสียอีก เพื่อป้องกันการผิดพลาด เวลาที่เปิดตู้เซฟนั้นจึงสามารถเข้าไปได้เพียงคนเดียว
“เซี่ยวเทียน แกรอฉันอยู่ที่นี่นะ!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วจึงเดินตามผู้จัดการเบิร์นไซด์ออกไปจากห้องรับรองแขก
“คุณเยี่ยครับ หลังจากที่สร้างตึกใหม่ขึ้นมา ตู้เซฟทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุ๊ปก็ถูกย้ายมารวมอยู่ที่นี่ครับ!”
หลังจากพาเยี่ยเทียนเดินผ่านประตูใหญ่ที่มีการเฝ้าเตือนภัยสองสามบานแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในลิฟต์ เยี่ยเทียนพบว่า ในนี้แม้แต่โทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียมที่เขาพกติดตัวก็ไม่มีสัญญาณเลย
พอออกมาจากลิฟต์ ก็ปรากฏประตูใหญ่สีขาวสูงประมาณสองเมตรห้าสิบเซ็นติเมตร พร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ติดอาวุธครบครันคอยรักษาการณ์อยู่ตรงนั้น หลังจากยื่นเอกสารที่เซ็นและตรวจสอบจากเจอโรมแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนต่างก็หยิบกุญแจออกมาคนละดอก ซึ่งเหมือนกับกุญแจที่อยู่ในมือของเบิร์นไซด์ จากนั้นจึงเสียบเข้าไปบนประตูบานใหญ่นั่น
ขณะเดียวกัน เสียงของเจอโรมก็ดังขึ้น เขาแจ้งรหัสชุดจำนวนแปดหลัก หลังจากใส่รหัสนี้แล้ว ทั้งสามคนก็ไขกุญ แจพร้อมกัน แล้วประตูใหญ่บานสุดท้ายก็เปิดออกในที่สุด
………………………….