“ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ!”
หลังจากปากร่ายคาถาลึกลับอันยากจะเข้าใจ นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ชักนิ้วโป้งที่กดไปยังหัวคิ้วของชาญ ทองทวนกลับ คนสายตาดีจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นิ้วโป้งที่เดิมอยู่ในสภาพครบถ้วนนั้นขาดจนเหลือแต่ตอ
“โอ…โอว!”
หลังจากถูกมนต์คาถาและโลหิตเพิ่มเติมจากสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ชาญ ทองทวนผู้เดิมทีมีร่างสูงเกือบสองเมตร ราวกับสูบลมเข้าไปข้างในจนร่างสูงใหญ่ขึ้นอีกกว่าครึ่งเมตร เสื้อผ้าบนเนื้อตัวล้วนฉีกขาดออกหมด
ร่างของชาญ ทองทวนเองก็ดูเหมือนจะทนพลังอันเพิ่มพูนอย่างปัจจุบันทันด่วนไม่ได้ ผิวหนังเปลือยเปล่าด้านนอกเต็มไปด้วยรอยแตกคล้ายกับเกล็ดปลา มีสีดำคล้ำอีกทั้งยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นจากร่างแผ่ไปภายในลานประชุม
ดวงตาของชาญ ทองทวนเดิมทีเต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตาย บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงสด ภายในสมองของเขา มีเพียงเสียงเดียวเท่านั้น นั่นก็คือสังหารเยี่ยเทียน สังหารเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนั้นทิ้งเสีย
คำรามเสียงกึกก้องออกมา แล้วชาญ ทองทวนก็กระโจนเข้าบดเยี่ยเทียนราวกับรถถัง ฝ่ามือขนาดเท่าใบพายรวมกับพละกำลังมหาศาล ตรงเข้าตบไปที่ศีรษะของเยี่ยเทียน
“ศาสตร์หมอผีนี่นับว่ามีฤทธิ์พอสมควร ระหว่างที่ปลุกเร้ากำลังของตนเอง ยังสามารถถ่ายทอดพลังงานนี้เข้าไปยังตัวผีดิบได้ด้วยหรือ? แต่ว่าก็ยังอ่อนหัด!”
ขณะที่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์กระโดดขึ้นกระโดดลง เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ลงมือต่อต้าน ทั้งยังยืนนิ่งมองอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ
การกระทำของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของเยี่ยเทียนนั้น ราวกับเด็กสามขวบที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก แล้วจึงไปตามพี่ชายอายุห้าขวบ เพื่อมาหาเรื่องกับชายฉกรรจ์เต็มวัยร่างแข็งแกร่ง ความห่างชั้นนี้จึงไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ เมื่อต้องเผชิญกับพลังที่แท้จริงตรงหน้า ความพยายามทั้งหมดทั้งมวลล้วนเสียไปอย่างเปล่าเปลือง
เยี่ยเทียนส่ายหน้าเบาๆ แม้นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะยกระดับพลังกายให้ผีดิบผู้ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจ แต่ก็ยังเพิ่มได้เพียงภายในระดับเซียนเทียนเท่านั้น ไม่สามารถพังทลายการป้องกันของเขา
“วืด…”
ขณะที่ฝ่ามือของชาญ ทองทวนตบลงมา เยี่ยเทียนก็เอียงหัวเล็กน้อย ไหล่ขวายักขึ้นนิดหน่อยแล้วจึงปล่อยลง ด้วยการขยับขึ้นลงแรงมหาศาลนั่นก็กระจายหายไปทันใด
หลังจากสลายพลังระลอกนั่นแล้ว ไหล่ของเยี่ยเทียนก็ยกขึ้นอีกครั้ง เพียงได้ยินเสียง “วืด” เบาๆ ร่างมหึมาของชาญทองทวนก็พลันลอยขึ้นจากพื้น ถลาไปด้านหลังสี่ห้าเมตร ขาทั้งสองข้างสะดุดล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? เจ้าหนุ่มนั่นเหมือนไม่ได้ขยับตัวเลยนี่นา?”
“นั่นมันพลังวิเศษอะไรกัน? หรือว่ามีผลต่อความคิด?”
“ชาวเอเชียช่างน่าสะพรึงกลัว ชาวจีนที่น่าหวาดหวั่น เด็กหนุ่มผู้น่าเกรงขาม!”
มีเพียงคนที่นั่งห่างจากลานประลองไม่ไกลเท่านั้นถึงจะได้ยินเสียงเหล่านี้ คนที่อยู่บนแสตนด์ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพียงเห็นว่าหลังจากชาญทองทวนพุ่งโจมตีใส่เยี่ยเทียน แล้วตนเองก็พลันถลาลื่นไปด้านหลัง
คนเหล่านั้นที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่อให้ซื่อเซ่อแค่ไหน เวลานี้ก็ยังเข้าใจขึ้นมา ว่าพลังอันแข็งแกร่งของเยี่ยเทียน เหนือกว่าที่พวกเขาคาดเดาไว้ในจินตนาการมากนัก ราวกับเด็กน้อยที่ยังไม่อาจเข้าใจโลกของผู้ใหญ่ ความลึกซึ้งในปัญญาของพวกเขาที่มีต่อโลกนี้ยังมีไม่พอ
“ชาญ ทองทวน ลุกขึ้น ฆ่ามัน ไปฆ่ามันซะ!”
เมื่อเห็นภาพนั้น นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็บ้าคลั่งเต็มพิกัด เขาพุ่งไปข้างหน้าชาญ ทองทวนที่นั่งอยู่กับพื้นในก้าวเดียว กัดนิ้วชี้ของตนเองอย่างดุเดือด แล้วขณะที่เลือดสดไหลรินออกมา บนใบหนัาของชาญทองทวนก็เกิดลวดลายอันยากจะอธิบาย
ดูเหมือนเมื่อได้รับการกระตุ้นจากโลหิตของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ชาญ ทองทวนก็ลุกขึ้นยืนพุ่งเข้าใส่เยี่ยเทียนอีกครั้ง เขาไม่มีสติปัญญาใดๆ และไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด แม้ว่ากระดูกข้อมือขวาจะแหลกป่นละเอียดไปแล้ว แต่ก็ยังพุ่งไปเหนือร่างเยี่ยเทียนอยู่ดี
“มดปลวกสั่นต้นไม้ ไม่ประเมินกำลังตน!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ร่างกายยังคงไม่ไหวติง ปล่อยให้ชาญ ทองทวนต่อยเตะตามใจ แต่สายตากลับจ้องมองคัมภีร์เป็นตายในมือตัวเอง
สาเหตุที่เยี่ยเทียนยังไม่โจมตีกลับเลยนั้น เป็นเพราะในใจยังคงทบทวนน้ำหนักข้อดีข้อเสียในการใช้ “คัมภีร์เป็นตาย” อยู่ ตอนที่รักษาบาดแผลให้โจวเซี่ยวเทียน “คัมภีร์เป็นตาย” เล่มนี้สูบปราณแท้ภายในร่างของเขาไปเกือบครึ่ง
หากใช้คัมภีร์เป็นตายสังหารคน เยี่ยเทียนยังไม่รู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ตามมาอย่างไรบ้าง ถ้าหากมันสูบปราณแท้ภายในร่างเขาจนหมดสิ้นล่ะก็ วันนี้เยี่ยเทียนคงจะพบกับความบันเทิงอย่างมหาศาลทีเดียว กลัวว่าทั้งอัศวินโต๊ะกลมกับแดร็กคูล่าจะร่วมมือกันเผชิญหน้ากับเขา
“จะรุ่งหรือจะร่วง ร่วงแล้วอาจไม่รอด แต่อย่างไรถือในมือแล้วไม่ใช้ก็ไม่ได้อยู่ดี? ต่อให้ผลาญปราณแท้จนหมดสิ้น ก็ยังมีพลังจิตที่ใช้ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวพวกมัน!”
เยี่ยเทียนขบฟันไปมา รินปราณแท้บริสุทธิ์สายหนึ่งเข้าไปยังภายใน “คัมภีร์เป็นตาย” ทันใดนั้น “คัมภีร์เป็นตาย” ก็ส่องประกายแสงสีขาวและดำออกมาภายนอก แสงสีขาวให้ความรู้สึกอบอุ่นชุ่มฉ่ำ จนไม่อาจห้ามใจให้เหลือบมองหลายต่อหลายครั้ง
ทว่าลำแสงสีดำ กลับเป็นราวเช่นหลุมดำ หลังจากดวงตาได้สัมผัส ก็รู้สึกเพียงพลังดึงดูดฉุดรั้งวิญญาณ น่าหวั่นเกรงจนผู้คนภายในลานประชุมล้วนต้องชักสายตากลับ ไม่กล้ามองหนังสือเล่มนั้นอีกแม้เพียงแวบเดียว
“ไม่รู้ว่าของชิ้นนี้จะมีผลต่อคนต่างชาติหรือเปล่า?”
เยี่ยเทียนพลิกเปิดหน้าหนังสือ ใช้นิ้วชี้มือขวาจิ้มเขียนลงบนหน้านั้น อีกทั้งยังเขียนตัวอักษรภาษาไทยและภาษาจีนลงไป เยี่ยเทียนเพียงมีความคิดอยากทดสอบอยู่ในใจเท่านั้น
“เอ๋ ทำไมถึงไม่สูบปราณวิเศษของเราล่ะ?”
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนตกใจก็คือ หลังจากที่เขาเขียนเสร็จแล้ว ภายใน “คัมภีร์เป็นตาย” กลับไม่ส่งแรงดึงดูดออกมา นอกจากใช้พลังคุ้มกันต้านทานการโจมตีของชาญ ทองทวนกับปราณวิเศษที่รินไหลจากมือซ้ายลงไปภายใน “คัมภีร์เป็นตาย” แล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่รู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนเลย
“หืม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น เส้นใยสีดำพวกนี้คืออะไร?”
ขณะที่เยี่ยเทียนงุนงงไม่เข้าใจอยู่นั้น เขาพบว่า จากในหน้าหนังสือสีดำของ “คัมภีร์เป็นตาย” นั้น ปรากฎพลังงานเป็นเส้นสายที่มีเพียงต้องใช้จิตดั้งเดิมเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้ พลังงานเหล่านั้นราวกับตาข่ายชิ้นใหญ่ ครอบฟ้าคลุมดินไปยังทิศทางที่นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร
อย่าว่าแต่เวลานี้สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์กำลังตีโพยตีพายชี้นิ้วสั่งให้ผีดิบโจมตีเยี่ยเทียนอยู่ ต่อให้เขากำลังมีสติรู้ตัวใจจดจ่อ ก็ไม่อาจมองเส้นใยสีดำนั่นออก เพียงช่วงไม่กี่อึดใจสั้นๆ เส้นใยเหล่านั้นก็ห่อหุ้มทั้งเนื้อตัวของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้แล้ว
“อะ…อะไรกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าชะตาชีวิตกำลังไหลริน?”
ความอ่อนล้าภายในใจประเภทหนึ่ง ทำให้นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์คืนสติจากความบ้าคลั่ง เขาพลันรู้สึกว่าพลังชีวิตภายในร่างกายของตนกำลังไหลเชี่ยวออกไปราวโผบิน ร่างกายทั้งบนล่างราวกับถูกตาข่ายยักษ์ชิ้นหนึ่งพันธนาการเอาไว้ ไม่ว่าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ทำได้แต่เพียงแค่ส่งเสียงโหยหวนออกมาจากปากอย่างสิ้นหวัง
ร่างกายผ่ายผอมของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ กลับกลายเหี่ยวแห้งลงต่อหน้าสายตาสาธารณะชน ดูราวเลือดเนื้อทั้งตัวหายไปจนหมด เหลือเพียงผิวหนังหุ้มติดอยู่บนกระดูก ภายใต้ผิวหนังเบาบางนั้น ยังสามารถเห็นได้ถึงขั้นกระดูกขาวโพลนของเขา
“ทำ…ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
เหล่าคนที่ค่อนข้างใจเสาะภายในลานประชุม ต่างกัดฟันกระทบกันกึกๆ คนที่ยังเป็นๆ คนหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกต่อหน้าต่อตา สถานการณ์เช่นนี้ช่างวิปริตพิสดารเหลือเกิน
“ท่านบรรพบุรษคาอิน หรือว่าท่านได้คืนชีพแล้ว?”
กระทั่งแดร็กคูล่าที่มีชีวิตอยู่มาเป็นพันปี เวลานี้ยังอดขนลุกอยู่ในใจไม่ได้ เขาเคยมีประสบการณ์ดูดเลือดจากร่างคนจนหมดเกลี้ยง แต่ถึงเลือดแห้งก็ยังคงมีเนื้อหนัง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้กลายเป็นถึงขนาดนี้
“คัมภีร์เป็นตาย สามารถกำหนดให้คนเป็นหรือตายได้จริงๆ หรือนี่?!”
บางทีคงมีแต่เยี่ยเทียนที่สามารถให้คำตอบข้อสงสัยแก่คนทั้งหลาย แต่ว่าเวลานี้เยี่ยเทียนเพียงอยากตะโกนก้องออกมาดังๆ อย่างตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็สามารถสรุปได้ ว่านี่คือ “คัมภีร์เป็นตาย” ในตำนานจริงๆ!
บางทีตอนที่เยี่ยเทียนกระอักเลือดออกจากปากตอนรวมร่างกับ “คัมภีร์เป็นตาย” ครั้งนั้น ระหว่างเยี่ยเทียนกับ “คัมภีร์เป็นตาย” จึงดูราวจะมีความสัมพันธ์บางอย่าง เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าหลังจากตาข่ายสีดำนั้นห่อหุ้มตัวนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ก็เริ่มดูดกลืนพลังชีวิตจากในกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของมนุษย์นอกจากพลังงานจากการฝึกวิชาแล้ว ลมปราณซึ่งมีค่าที่สุดซุกซ่อนอยู่ภายในเลือดเนื้อนั่นเอง หลังจากที่เส้นใยสีดำดูดกลืนพลังงานของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จนหมดสิ้น ก็กลืนกินลมปราณที่อยู่ในเลือดเนื้อของเขาอีก
ที่ใช้คำว่ากลืนกินมาเปรียบเทียบ นับว่าเหมาะสมที่สุดไม่เกินเลย
นั่นเป็นเพราะหลังจากเส้นใยสีดำสอดแทรกเข้าไปภายในร่างของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เลือดเนื้อของเขาล้วนละลายสูญสลาย เหลือเพียงลมปราณอันบริสุทธิ์ล้ำลึกที่ถูกเส้นใยสีดำส่งกลับไปภายใน “คัมภีร์เป็นตาย” ดูดกลืนจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือเศษตกค้างไว้แม้แต่นิดเดียว
หลังเส้นใยสีดำเหล่านั้นดูดซับลมปราณภายในร่างกายนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สองสามรอบจนกระทั่งภายในกระดูกก็ไม่เหลือหลอ ประกายแสงสีดำขาวสองสีก็ค่อยๆ จืดจางลงไป
เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ว่าหลังจากดูดซับลมปราณทั่วร่างสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายใน “คัมภีร์เป็นตาย” แผ่อารมณ์ยินดีออกมาบางอย่าง ไม่ผิดแน่ มันคือความรู้สึกยินดีปรีดา ราวกับคนได้กินอิ่มท้องแล้วเรอออกมา
“ให้ตายสิ ดีนะไม่ทดลองกับคนมั่วซั่ว ขืนเมื่อวานเขียนชื่อของเซี่ยวเทียน สงสัยจุดจบของเขาคงจะไม่ต่างกับนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หรอกกระมัง?”
ขนาดตัวเองควบคุม “คัมภีร์เป็นตาย” อยู่ แต่เมื่อมองไปทางโครงกระดูกห่างไปสิบกว่าเมตรนั่น เยี่ยเทียนยังอดหนาวยะเยือกขึ้นมาในใจไม่ได้ “คัมภีร์เป็นตาย” ในตำนานสามารถทำให้คนตายคืนชีพ และทำให้คนมีชีวิตชะตาขาด ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ได้รับการยืนยันแล้ว
“พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”
“สวรรค์ ทำไมจู่ๆ คนนั้นถึงสลายร่างไป?”
ขณะที่เยี่ยเทียนยังนึกหวาดหวั่นใน “คัมภีร์เป็นตาย” อยู่นั้น ภายในลานประชุมพลันเกิดความโกลาหลขึ้นมา คนที่นั่งอยู่ขอบลานประลองต่างวิ่งขึ้นไปยังด้านบนอัฒจันทร์ ปากก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง ราวกับกำลังหนีสัตว์ประหลาด
“หือ? เจ้าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี่เป็นพิษร้ายอย่างที่คาดไว้จริงๆ !”
ความสนใจของเยี่ยเทียนเองก็ถูกเสียงร้องของคนหมู่มากดึงดูด เมื่อเพ่งมองดู กลับพบว่าความวุ่นวายก่อเกิดโดยชาญ ทองทวนนั่นเอง
……