“พ่อ นี่พ่อ….”
เยี่ยชิวรู้ว่าบิดาของเขาเป็นเจ้าสำนักเสื้อป่านเทพยากรณ์ ได้รับความเคารพจากอาจารย์ลุงและศิษย์พี่ แต่ในความทรงจำของเขาแล้ว พ่อเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยใช้วิชาอะไรเลย ตอนนี้กลับรู้สึกงุนงงพูดไม่ออก
“ไปเถอะ พ่อจะพาลูกขึ้นเขา!”
เยี่ยเทียนยิ้ม โบกมือเรียก พลังงานบางอย่างเข้ามาโอบรอบเอวเยี่ยชิว อุ้มเขาขึ้นไปยืนอยู่บนมีดบินคู่กาย ชะงักอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งแล้วพุ่งฉิวไปข้างหน้ากลางท้องฟ้า
พวกโก่วซินเจียที่ได้รับความช่วยเหลือจากเยี่ยเทียนจนสร้างมีดบินได้สำเร็จ แต่การฝึกวิชายังไม่เพียงพอ จึงยังไม่สามารถบังคับมีดบินได้ เพียงแต่ขับเคลื่อนพลังปราณแท้อยู่กลางอากาศลอยติดตามเยี่ยเทียนเข้าไปในภูเขาฉางไป๋ซาน
ระยะทางเดินเท้าที่ต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ด้วยมีดบินของเยี่ยเทียนใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ผ่านไปไม่นาน เยี่ยเทียนกับลูกชายก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาของบึงน้ำมังกรดำ เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าเยี่ยเทียนมีสีหน้าแปลกใจ
“พ่อ พ่อ เก่งจริงๆเลย!”
เยี่ยชิวที่เป็นคนสุขุมตอนนี้ท่าทางตื่นเต้น ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็ก เคยดูละครนิยายเรื่องเกี่ยวกับตำนานเซียนเทวดามาหลายเรื่อง แต่ไม่คิดว่าพ่อของเขาจะเก่งกาจขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“เจ้าลูกคนนี้ โลกที่นี่อาจารย์ลุงใหญ่ไม่ได้เล่าให้ลูกฟังแล้วหรือ?”
เยี่ยเทียนชอบลูบหัวของลูกชาย แล้วประกายตาวาววาบขึ้น หันหน้าพุ่งตรงไปที่บึงน้ำมังกรดำ โดยพาบุตรชายติดไปด้วย ถึงแล้วยืนอยู่ตรงริมสระตะโกนว่า
“สหายเก่า ฉันมาเยี่ยมแกแล้ว!”
“แว้ก!”
เสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงคำรามดังขึ้นมาจากหุบเขา ตามมาด้วยกลุ่มควันพิษที่ลอยออกมา มังกรดำตัวยาวราวสามสิบเมตร ขนาดลำตัวเท่าโอ่งน้ำ เกล็ดสีนิลดำทั้งตัว โผล่ออกมาจากบึงน้ำ
ดวงตาของมันสว่างไสวเหมือนโคมไฟ เปล่งลำแสงเจิดจ้าออกมาสองลำ
แต่ตอนที่มองดูเยี่ยเทียนดวงตาของมันดูอ่อนโยนลง ร่างอันใหญ่โตเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วยกตัวขึ้นสูง หมอกพิษสีขาวที่ลอยอยู่ถูกเก็บกลับเข้าไปดังเดิม ดูเหมือนกับมังกรใหญ่โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆ
“พ่อ นี่….นี่คือมังกรหรือ?”
เยี่ยชิวที่ยืนอยู่ข้างๆบิดาตะลึงมองตาค้าง ถึงเขาจะได้นิสัยใจกล้าบ้าดีเดือดมาจากพ่อเต็มๆ แต่จู่ๆมาเจอสัตว์ประหลาดแบบนี้ก็อดขาอ่อนไม่ได้ ถ้าไม่ได้จับมือเยี่ยเทียนเอาไว้คงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“กลายเป็นมังกรได้ง่ายๆที่ไหนกัน? ตอนนี้น่าจะพูดว่าเปลี่ยนจากงู กลายเป็นงูใหญ่มากกว่า!”
เยี่ยเทียนส่ายหัว เขาสังเกตว่าเขาข้างเดียวบนหัวของเจ้ามังกรดำงอกยาวขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งยังมีสีสันทอประกายเหมือนคริสตัล ราวกับหินเนื้อหยก ใต้ท้องของมันมีขางอกออกมาด้วย แต่ละขามีเล็บสามเล็บ
โบราณว่าไว้ มีสามเล็บเป็นงู มีห้าเล็บเป็นมังกร มังกรดำมีลักษณะพิเศษเช่นนี้ยังเป็นได้แค่งูใหญ่ แต่ไม่ใช่ที่คนโบราณเข้าใจผิดว่าจระเข้เป็นมังกร ถ้ามันฝึกวิชาสำเร็จจะสามารถกลืนเมฆคายหมอกซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมังกรได้
“เยี่ยเทียน ข้ากำลังจะจากไปแล้ว สหายเก่า แกจะไปกับข้าไหม?”
มังกรดำทักทายเยี่ยเทียนด้วยการใช้เขาโค้งเข้าไปหาเยี่ยเทียน มันคิดว่าการอยู่ที่นี่ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งยังถูกแรงกดดันจากชะตาฟ้า การฝึกวิชาถดถอย ถึงได้ปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อเตรียมรับวิบากกรรมหนักจากสวรรค์
เยี่ยเทียนเก็บงำควบคุมพลังเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถปิดบังมังกรดำได้ มันรู้ว่าเยี่ยเทียนสามารถบรรลุขั้นสูงสุดแล้วละทิ้งทางโลกได้ ถึงได้เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้
“รู้ว่าแกจะกลายเป็นมังกรใหญ่แล้ว ฉันเลยตั้งใจมาช่วยเหลือคุ้มครอง!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันยังมีห่วงกับทางโลก ตอนนี้ยังไปไม่ได้ สหายเก่า ต้องมีวันที่เราได้พบกันอีก หวังว่าถึงตอนนั้นแกจะแข็งแกร่งกว่านี้!”
บนโลกมนุษย์เป็นสัตว์ที่พิเศษ ถึงแม้เหล่าสัตว์สามารถฝึกวิชาได้ แต่ไม่อาจเทียบกับมนุษย์ เมื่อสัตว์ฝึกวิชาแล้วความสามารถก็มีไม่สู้มนุษย์ เจ้ามังกรดำกลายเป็นงูใหญ่เกือบจะมีความสามารถเทียบเท่ามนุษยที่ฝึกถึงขั้นจินตันแล้ว
“พวกแกเป็นใคร?”
เจ้ามังกรจู่ๆก็ร้องออกมา ดวงตาเย็นเยียบลงมองไปทางท้องฟ้า พลังความกดดันมหาศาลถูกส่งออกไปจนแผ่นดินสะท้าน ทำให้พวกโก่วซินเจียร่วงลงสู่พื้นดิน
สัตว์ที่ฝึกวิชาจนถึงขั้นเปลี่ยนร่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกมันอ่อนแอที่สุด เหมือนกับตอนที่เจ้ามังกรดำยังเด็กและลอกคราบ ทุกครั้งจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือนที่ขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมันเห็นกลุ่มคนที่เก่งกล้าเข้ามาใกล้มันจึงตึงเครียดขึ้นมา
เยี่ยเทียนรู้สึกถึงจิตสังหารของมังกรดำจึงรีบเอ่ยห้าม
“พวกเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของฉันเอง มาเพื่อช่วยคุ้มครองแกเหมือนกัน!”
“ขอบคุณมาก สหายเก่า!”
ได้ยินดังนั้นแล้วความเยือกเย็นในดวงตาของมันค่อยเจือจางลง
“ข้าไม่เคยชักนำให้เกิดภัยจากสวรรค์ ก็เลยรอให้แกมาถึง หวังว่าวันหน้าเรายังจะได้พบกันอีก!”
เส้นทางการฝึกวิชาของมันเป็นไปอย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งได้พบเยี่ยเทียน และได้แย่งตำราวิชาปีศาจมาได้ หลังจากนั้นการฝึกฝนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในใจของมังกรดำ เยี่ยเทียนเป็นคนที่มันไว้ใจมากที่สุด
“สหาย แกถอยหลังไปหน่อย ข้ากลัวว่าภัยสวรรค์ของข้าจะชักนำพลังปราณแท้ของแก ทำให้แกต้องรับเคราะห์ไปด้วย!”
มังกรดำไม่เคยใจแคบ เมื่อเยี่ยเทียนไม่อยากหลบออกไปมันก็เตรียมตัวรับเคราะห์ เพิ่งสิ้นเสียงพลังดั้งเดิมในร่างของมันเริ่มเคลื่อนไหว ลมปราณอันรุนแรงไหลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ฮึ่ม ฮึ่ม!”
มังกรดำเริ่มปลดปล่อยพลังของตัวเอง จากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีแม้แต่เมฆสักก้อนจู่ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาตามด้วยกลุ่มเมฆดำก้อนใหญ่หนาตัวขึ้น แสงจันทร์แสงดาวถูกบดบังไปจนสิ้น ทั่วทั้งบริเวณบึงน้ำของมันถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม
“ศิษย์พี่ใหญ่ ถอยห่างไปสามสิบลี้!”
รู้สึกได้ว่าแรงกดทับจากเมฆดำครึ้ม เห็นสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ภายใน เลือดลมในร่างกายเยี่ยเทียนเริ่มปั่นป่วน พลังเดิมแท้ที่ถูกเก็บซ่อนไว้สิบกว่าปีกำลังถูกกระตุ้น ด้วยความตกใจเขาคว้าตัวลูกชายแล้วกระโดดทะยานถอยหลังไปหลายสิบเมตร
“ศิษย์น้องเล็ก นี่…นี่คืออัสนีสวรรค์หรือ?”
ความบีบคั้นจากชะตาฟ้าแม้แต่เยี่ยเทียนยังไม่อาจทนรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เพิ่งเข้าถึงระดับเซียนเทียนได้ไม่ถึงสิบปีอย่างพวกโก่วซินเจีย พวกเขารีบเหาะออกไปให้พ้นจากรัศมีอัสนีสวรรค์ ได้แต่ยืนมองไปทางบึงน้ำมังกรดำ
เยี่ยเทียนพยักหน้า
“ไม่ผิดหรอก นี่เป็นวิบากกรรมหนักที่ต้องรับเพื่อจะได้กลายร่างเป็นงูใหญ่ ขอแค่ให้ผ่านอัสนีสวรรค์ครั้งนี้ไปได้ มันก็จะกลายเป็นมังกรจริงแล้ว ต่อไปหากรับเคราะห์กรรมหนักอีกแค่ครั้งเดียวมันก็จะได้เป็นมังกรเทพ!”
บนเกาะเทพ เผิงไหล เจ้าราชสีห์ขนทองที่เป็นสัตว์วิเศษในตำนานต่างพบเห็นได้ทั่วไป แต่มังกรจริงๆนั้ นก็เคยได้ปรากฎบนโลก ตอนนี้เจ้ามังกรดำตรงหน้านี้ก็เป็นการยืนยันอย่าชัดเจน ถ้าหากมีเขางอกขึ้นมาอีกข้างแล้วละก็ รูปร่างของมันก็ไม่ต่างจากมังกรเลยแม้แต่น้อย
ครู่ต่อมาเยี่ยเทียนพูดขึ้นว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ วันหน้าพวกเราต้องรับวิบากกรรมหนักกันทั้งนั้น พวกท่านจะได้ลิ้มรสชาติของมัน ให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ก่อนก็แล้วกัน!”
การพาศิษย์ร่วมสำนักมาที่นี่ เยี่ยเทียนไม่ได้ต้องการจะโอ้อวด แต่ทุกวันนี้พลังธรรมชาติแห่งฟ้าดินลดน้อยลงเรื่อยๆจนเกือบจะไม่ได้เห็นการรับเคราะห์กรรมหนักด้วยอัสนีสวรรค์อีก เจ้ามังกรดำรับเคราะห์ครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากอีกครั้งหนึ่ง ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังช่วยคุ้มกันให้มังกรดำอยู่นั้นก็ให้พวกศิษย์พี่ทั้งหลายได้ทำความรู้จักกับพลังอันน่ากลัวของอัสนีสวรรค์
“พวกเราเข้าใจ ศิษย์น้องเล็ก อัสนีสวรรค์กำลังจะเริ่มแล้ว!”
โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นถ้าเทียบกับเมื่อสิบปีก่อนดูไม่แก่ลงเลย แต่พลังปราณแท้ในร่างกายเพิ่มพูนขึ้นมาก การใช้เวลาเป็นร้อยปีผ่านประสบการณ์อันโชกโชนนั้น จิตใจเข้มแข็งดั่งหินผา จิตใจของเยี่ยเทียนที่เข้าถึงระดับเจี่ยตันแล้วอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าศิษย์พี่ทั้งสอง
โก่วซินเจียพูดจบเมฆดำบนฟ้าก่อตัวหนาขึ้น ทั้งผืนฟ้าเหมือนกับกำลังกดทับลงบนผืนดิน สายฟ้าหลายเส้นส่องสว่างเหมือนงูสีเงินที่โลดแล่นดูแล้วน่าประหวั่นพรั่นพรึง
พลังอำนาจสวรรค์อันเกรียงไกรแผ่ออกไปหลายสิบกิโลเมตรจนพวกของเยี่ยเทียนทนลอยอยู่บนฟ้าต่อไปไม่ได้ จำต้องหายอดเขาสักแห่งหลบพัก โชคดีที่พวกเขามีสายตาดีเยี่ยมยังคงมองเห็นภาพเงาของเจ้ามังกรดำรับเคราะห์อัสนีสวรรค์จากที่ไกลๆ
“แว้ก!”
สายฟ้าลำเท่าแขนเด็กพร้อมกับพลังทำลายล้างพิภพฟาดลงมาใส่ตัวมังกรดำ พลังของมันทำให้พวกเยี่ยเทียนเห็นแล้วหวาดหวั่น แต่เจ้ามังกรดำกลับยื่นตัวขึ้นไปรับลำสายฟ้าลำนั้นให้พุ่งชนเข้าอย่างจังที่เขาโทนอันเดียวที่มีอยู่ของมัน ลำตัวของมันกลายเป็นแสงวูบวาบเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา
“แว้กกกกก!”
มันร้องคำรามลากเสียง ร่างใหญ่โตดีดดิ้น บึงน้ำทั้งหมดส่องสว่างไปด้วยแสงสายฟ้า
ท่าทางพิสดารของมังกรดำที่รับเคราะห์อัสนีสวรรค์นั้นไม่รู้สึกรู้สา พลังของสายฟ้ากลับทำให้ร่างกายของมันสมบูรณ์ขึ้นจากเดิม ราวกับเป็นบันไดที่ใช้กลายร่างไปอีกขึ้น พอรู้ถึงประโยชน์ดังนี้แล้วมังกรดำยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นเพื่อดึงดูดสายฟ้าอัสนีสวรรค์
สวรรค์รับรู้ถึงความท้าทายของมัน สายฟ้าหลายเส้นฟาดฟันลงมา ภายในครู่เดียวบึงน้ำมังกรดำถูกส่องสว่างไปทั่ว เงาร่างอันใหญ่โตของมันผลุบๆโผล่ๆ ตอนนี้เสียงร้องของมันโหยหวนปนความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าสุดจะทนแล้ว
“บรรพชนเต๋าซานชิง สาย…สายฟ้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน?”
นอกจากเหลยหู่ที่เคยได้เห็นการรับเคราะห์จากอัสนีสวรรค์มาจากเกาะเวียน เผิงไหลแล้ว พวกโก่วซินเจียเห็นภาพแปลกตาตรงหน้า แต่ละคนตะลึงอ้าปากค้าง ถ้าเป็นพวกเขาที่ไปรับเคราะห์อยู่ตรงนั้นแทนมังกรดำ แค่สายฟ้าลำเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว
“ถ้าผ่านไปได้ก็มีความหวังจะได้เป็นมังกรเทพ อัสนีสวรรค์นี้จะธรรมดาได้ที่ไหน?”
เยี่ยเทียนพูดออกมาลอยๆ แม้เขากำลังดูเจ้ามังกรดำรับภัยสวรรค์อยู่ แต่ตัวเองก็กำลังพยายามกักเก็บพลังดั้งเดิมของเขาเอาไว้ แล้วยังใช้ดวงจิตไปครอบคลุมบริเวณทั้งหมดที่เกิดอัสนีสวรรค์เอาไว้ด้วย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของมังกรดำ เยี่ยเทียนไม่อยากให้ใครมารบกวน
หนานไหวจิ่นหลังจากได้ระดับเซียนเทียนแล้ว ก็เคยไปที่ภูเขาชิงเฉิงเพื่อตามหาเซียน แม้จะไม่พบใครเลยแต่เยี่ยเทียนก็ไม่กล้าประมาทด้วยกลัวว่าจะมีผู้ฝึกวิชาที่มาจากดินแดนแห่งทวยเทพอีก