“เฮ้ย เยี่ยเทียน นาย……นายไม่ต้องลงไปหรอก!”
เฉินสี่ฉวนไม่ทันจับตัว เยี่ยเทียนก็กระโดดลงน้ำไปแล้ว เขาตะโกนขึ้นติด ๆ กันอย่างลนลานโดยทันที “เร็วเข้า อย่าใช้เรือใหญ่ ความเร็วช้าเกินไป รีบเอาเรือเล็กแล่นเข้ามา!”
“ประ……ประธานเฉิน พวกเราไม่กล้าลงไปครับ!”
เห็นคนมีชีวิตถูกผีพรายดึงลงไปในทะเลสาบต่อหน้าต่อตา พนักงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุตรงนั้นต่างสีหน้าซีดเผือด ท่อนขาปวกเปียก ที่ไม่หันหลังวิ่งหนีไปเพราะยังรักษาหน้าเจ้านายไว้อยู่ แล้วไหนเลยพวกเขาจะกล้าลงไปพายเรือในทะเลสาบ?
ทำเจ้านายโกรธอาจทำให้เสียงานได้ แต่ถ้ายั่วยุปีศาจน้ำอาจจะต้องเสียชีวิต ในใจของพนักงานเหล่านี้คิดคำนวณเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว
“พวกแกไปเอาเหล้า กับผ้าขนหนูผืนใหญ่มาหลาย ๆ ผืน แม่เอ๊ย ฉัน……ฉันไปพายเรือเองก็ได้!”
เฉินสี่ฉวนไม่มีทางเลือก วิ่งเร็วจี๋ไปทางเรือเล็กริมทะเลสาบ เลือกเรือถีบลำหนึ่งแล้วก้าวขึ้นไป หลังจากปลดเชือกตรงริมชายฝั่งแล้ว ก็ถีบออกไปยังจุดที่เยี่ยเทียนกับนักพรตเต๋าตกน้ำ
“เยี่ยเทียน เยี่ยเทียน นายอยู่ที่ไหน?!”
แม้ว่าจะเป็นหน้าหนาว น้ำในทะเลสาบใสกระจ่าง แต่ว่าน้ำในทะเลสาบทางใต้นี้ลึกมาก มองด้วยตาเปล่ายังไม่เห็นถึงครึ่งสระ หลังจากเฉินสี่ฉวนนำเรือถีบลงมาในน้ำแล้ว ก็ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเรือ ได้แต่ร้องตะโกนเรียกชื่อเยี่ยเทียนอย่างเปล่าประโยชน์
ตั้งแต่เยี่ยเทียนลงน้ำไปจนถึงตอนนี้ ผ่านไปสองนาทีกว่าแล้ว ในใจเฉินสี่ฉวนชักรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี เขาชักกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มน้อยคนนี้
“ซ่า!”
ขณะที่เฉินสี่ฉวนร้อนเร่าเหมือนโดนไฟลนอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงน้ำกระจายดังมาจากข้างหู ตามมาด้วยหัวคนกับเส้นผมกระเซอะกระเซิงโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ บนหัวนั้นยังมีสาหร่ายติดอยู่หลายเส้น
จู่ ๆ มีหัวคนโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ ยังไม่ทันเห็นหน้าชัดเจน เฉินสี่ฉวนที่อยู่บนเรือก็พลันสะดุ้งขนลุกขนพองขึ้นมาทั้งเนื้อตัว ล้มจ้ำเบ้ากลับลงไปยังพื้นเรือ
“ท่านอาจารย์ นั่นมันท่านอาจารย์นี่!” นักพรตน้อยที่ริมฝั่งมองเห็นชัดเจนแล้ว ก็กู่ร้องขึ้นมา
“หัวหน้านักพรตอวิ๋นหยางเหรอ?”
ได้ยินคำพูดของนักพรตน้อยแล้ว เฉินสี่ฉวนถึงเริ่มมีความกล้าขึ้นมาบ้าง ใช้สองมือพยุงกราบเรือลุกขึ้นยืน แต่ว่าในเวลานั้นเอง บังเกิดเสียงน้ำแตกกระเซ็นดังขึ้นอีก มีหัวคนโผล่พ้นขึ้นมาข้างกายนักพรต
“เยี่ยเทียน”
ได้เห็นใบหน้าที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาแล้ว เฉินสี่ฉวนก็ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า กลางทะเลสาบที่ทั้งลึกและหนาวเย็นอย่างนี้ เยี่ยเทียนกลับสามารถช่วยเหลือหัวหน้านักพรตอวิ๋นหยางขึ้นมาได้จริง ๆ
“พรวด!”
เยี่ยเทียนพ่นน้ำในทะเลสาบออกจากปาก หลังช่วยเฉินสี่ฉวนนำตัวนักพรตเต๋าที่หมดสติไปแล้วส่งกลับขึ้นเรือ ก็กล่าวว่า “อาเฉิน รีบช่วยชีวิตเขาเร็ว อวิ๋นหยางอายุมากแล้ว เดี๋ยวจะทนไม่ไหว!”
“ได้ ๆ เยี่ยเทียน ฉันดึงตัวนายขึ้นมาก่อนแล้วกัน!” เฉินสี่ฉวนพยักหน้าซ้ำ ๆ พูดพลางยื่นมือไปทางเยี่ยเทียน
“อาเฉิน ข้างใต้ภูติผีพวกนั้นเยอะมาก เดี๋ยวผมจับมันได้แล้วค่อยขึ้นไป……”
เยี่ยเทียนยิ้มพลางโบกมือ สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วดำลงไปทันที หลังจากวงน้ำกระเพื่อมขึ้นมาอีกครั้ง บนผิวทะเลสาบก็ไม่เห็นเงาของเยี่ยเทียนแล้ว
“เฮ้ย เยี่ยเทียน นาย……ทำไมนายถึงยังลงไปอีกล่ะ?”
เฉินสี่ฉวนงงเป็นไก่ตาแตกกับการกระทำของเยี่ยเทียน นักพรตเต๋าก็ช่วยขึ้นมาได้แล้ว เขายังจะลงแรงไปเพื่ออะไรอีก?ต่อให้ทำไปเพราะเห็นแก่คุณธรรม ด้านล่างนั่นก็ไม่มีใครให้ต้องช่วยแล้วนี่!
………………
หากพูดถึงเยี่ยเทียนนั้น ไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนที่เห็นคุณธรรมเป็นหนึ่งอย่างที่เฉินสี่ฉวนคิดจริง ๆ หรอก
สาเหตุที่เขาดำลงไปครั้งแรกในทันที อันดับแรกเป็นเพราะมีความสัมพันธ์อันดีกับอวิ๋นหยาง อันดับสองเพราะอยากรู้จริง ๆ ว่า “มือ” นั่นที่จับข้อเท้าอวิ๋นหยาง ที่แท้คือตัวอะไรกัน
ด้วยวิชาความสามารถของเยี่ยเทียนในปัจจุบัน ไม่มีเรื่องใดที่จำเป็นต้องกลัว อย่าว่าแต่เขาไม่เชื่อเรื่องผีสางบนโลกเลย ต่อให้ใต้น้ำมีผีซ่อนตัวอยู่จริง เยี่ยเทียนก็ยังสามารถลากตัวมันขึ้นมาได้
ด้วยเติบโตมาในหมู่บ้านติดแม่น้ำทางใต้มาตั้งแต่เล็ก ทักษะด้านการว่ายน้ำของเยี่ยเทียนจึงไม่ต้องพูดถึง ตอนเขาแปดขวบก็สามารถดำน้ำลงไปจับปลาใต้สระได้ลึกถึงเจ็ดแปดเมตร ชนิดที่ว่าพอลงไปในน้ำ ร่างกายก็กลายเป็นปลาแหวกว่ายใต้น้ำในทันที
อาศัยสัมผัสของร่างกายกับสายน้ำกระเพื่อมไหว หลังจากลงน้ำมาสิบกว่าวินาที เยี่ยเทียนก็มาถึงยังก้นทะเลสาบ แต่ว่าเวลานั้นเยี่ยเทียนเองก็ถูกภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาตกใจจนสะดุ้ง
นั่นเพราะนอกจากนักพรตเต๋าที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวากำลังสำลักน้ำ “บุ๋ง ๆ” อึกใหญ่แล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนคน ทั่วตัวดำมะเมื่อมขนรกรุงรัง สูงประมาณหนึ่งเมตรกว่า!
ด้วยใต้น้ำมีแสงริบหรี่ เยี่ยเทียนจึงไม่อาจเห็นใบหน้าของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้ชัดเจน แต่เขามองเห็นได้ว่า กรงเล็บดำเมื่อมของมันจับหัวไหล่ของอวิ๋นหยางไว้อย่างแน่นหนา กำลังลากตัวเขาลงไปยังก้นทะเลสาบ
เวลานั้นเยี่ยเทียนไม่สนใจอะไรอีก เพียงพลิกฝ่ามือ ก็เกิดแรงกระเพื่อมเป็นรอยแยกของสายน้ำ พุ่งตรงเฉือนยังกรงเล็บนั่น ความสามารถในการควบคุมไฟของเยี่ยเทียนนั้นเยี่ยมยอด กรงเล็บนั่นถูกเฉือนออกตรงข้อมือ ทว่าไม่ได้ทำอันตรายตัวอวิ๋นหยางแม้แต่น้อย
กรงเล็บข้างหนึ่งถูกเยี่ยเทียนตัดขาด สิ่งมีชีวิตนั่นคล้ายจะส่งเสียงประหลาดออกมาเสียงหนึ่ง หลังปล่อยตัวนักพรตอวิ๋นหยางออกมาแล้ว ก็พลิกหมุนตัวไปยังด้านหลัง ซุกตัวเข้าไปท่ามกลางดงสาหร่ายหนาทึบใต้พื้นทะเลสาบ
แต่ว่าเยี่ยเทียนกลับไม่ยอมเลิกรา หลังจากนำตัวอวิ๋นหยางที่หมดสติแล้วขึ้นไปส่งยังผิวน้ำ สัมผัสถึงทิศทางที่กระแสน้ำกระเพื่อมได้ ก็ดำกลับลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
“ยังคิดหนีอีกเรอะ?”
ใบหน้าของเยี่ยเทียนเผยรอยยิ้มเยือกเย็น ว่ายน้ำลงไปเหนือดงสาหร่ายอย่างเงียบเชียบ สองขาควานไปมาครู่หนึ่ง ร่างกายก็พุ่งราวกับลูกธนูลงไปยังใต้ดงสาหร่ายยาวยืด
สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดงสาหร่ายนั้น ราวกับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะกลับลงไปตามหามัน กว่ามันจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ก็หนีไม่ทันเสียแล้ว
ขณะที่เยี่ยเทียนพุ่งลงไปกลางดงสาหร่ายนั้น สาหร่ายที่สามารถคร่าชีวิตคน ก็เข้าพัวพันบนตัวเยี่ยเทียน แต่ว่าเยี่ยเทียนไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย คว้าจับลำคอของสิ่งมีชีวิตข้างใต้นั่นด้วยมือข้างเดียว
สำหรับสัตว์ประหลาดใต้น้ำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนี่ เยี่ยเทียนเองกลับไม่เคยคิดจะสังหารมัน มือซ้ายค่อย ๆ ออกแรงส่งกำลังภายในเข้าไปในร่างตัวประหลาด ทำให้มันหยุดหายใจโดยฉับพลัน
มือขวาวาดอักษร “ไร้ร่องรอย” วนรอบทั่วร่างแล้ว สาหร่ายที่พันธนาการอยู่ก็หลุดร่วงลงมา สองขาของเยี่ยเทียนออกแรงดันก้นทะเลสาบเล็กน้อย ร่างกายก็ลอยขึ้นมายังริมฝั่งทะเลสามอย่างรวดเร็ว
เวลานั้นเฉินสี่ฉวนที่ขึ้นมาบนฝั่งเห็นเยี่ยเทียนปรากฏตัวที่ผิวน้ำอีกครั้ง ก็ลนลานร้องขึ้น “ขึ้นมาแล้ว เฮ้ย ขึ้นมาแล้ว เร็ว รีบดึงตัวเขาขึ้นมา!”
เมื่อครู่เยี่ยเทียนลงน้ำไปช่วยชีวิตคนได้สำเร็จ จึงทำให้พนักงานที่อยู่บนฝั่งคลายความกลัวผีพรายลงไปไม่น้อย พอได้ยินเฉินสี่ฉวนกล่าว ก็แยกย้ายกันล้อมชายฝั่ง เตรียมดึงตัวเยี่ยเทียนขึ้นมาบนพื้นดิน
“แม่เจ้าโว้ย ปีศาจน้ำผีพรายถูกจับแล้วเหรอ!?”
เพียงแต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า พอเยี่ยเทียนว่ายถึงริมฝั่งแล้ว เจ้าตัวยังไม่ทันขึ้นจากน้ำ มือซ้ายดันจับเอาสิ่งดำมะเมื่อมโยนทิ้งไว้บนชายฝั่ง สิ่งที่ดำเมื่อมทั้งตัวหัวกระเซอะกระเซิงนั้น พลันทำให้คนแตกฮือกันไปทั้งสี่ทิศ
“ให้ตายสิ งมงายกันสุด ๆ เลยเหรอ?มิน่าล่ะนักพรตอวิ๋นหยางถึงหาเงินได้ง่ายดายนัก
สองมือเยี่ยเทียนยันที่ริมฝั่ง เนื้อตัวเปียกปอนกระโจนจากน้ำขึ้นบนยังพื้นดิน เอื้อมมือหิ้วปีศาจน้ำที่อยู่บนฝั่งดึงขึ้น เดินเข้าไปข้างในสองสามก้าว เขากลัวว่าพอตัวประหลาดนี่ฟื้นขึ้น จะหนีกลับลงไปในทะเลสาบอีก
“เยี่ย……เยี่ยเทียน นี่……นี่มันตัวประหลาดอะไรกัน?”
เฉินสี่ฉวนที่เพิ่งช่วยอวิ๋นหยางให้ฟื้นขึ้น ตัวสั่นระริกเดินไปข้างเยี่ยเทียน ถึงแม้เขาจะมีความกล้ามากกว่าคนรอบข้างอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่กล้ามองสัตว์ประหลาดในมือเยี่ยเทียนด้วยตาตัวเอง
“ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นไอ้ตัวนี้ คงจะเป็นปีศาจน้ำอะไรสักอย่างไหม?” เยี่ยเทียนพบเห็นของพิสดารหายากมาไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดในมือนี้มาก่อน
เห็นใบหน้าของมันคลับคล้ายลิงอยู่มาก แต่ฝ่าเท้าเรียบลื่น ยิ่งเป็นหลักฐานว่าเจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ ขณะนั้นเยี่ยเทียนเองก็ยังพิจารณาว่ามันคือตัวอะไรกันแน่
“ไอ้ตัวนี้เหมือนลิงนะ!”
“เหลวไหล แกเคยเห็นลิงที่ดำน้ำว่ายน้ำเป็นหรือยังไง?”
“ไม่แน่ว่าไอ้ตัวนี้อาจเป็นผีพรายจำแลงก็ได้ ทุกคนถอยห่างออกมาหน่อย!”
นาทีนั้นทุกคนเห็นสัตว์ประหลาดนั่นถูกเยี่ยเทียนจับไว้ในมือ จึงได้มีความกล้าขึ้นมาบ้าง ต่างรายล้อมเข้ามาพูดคุยถกเถียงกัน
พอได้กลิ่นเหม็นคาวจากตัวประหลาด ทั้งยังมีรอยเลือดสีดำไหลรินออกมาจากข้อมือที่ขาดนั้น เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้ว ทิ้งตัวประหลาดนั่นลงบนพื้นข้างหน้าตน
ขณะที่ปล่อยตัวประหลาดลงบนพื้น เยี่ยเทียนออกแรงที่มือเล็กน้อย จึงกระตุ้นร่างกายเจ้าตัวประหลาด อีกทั้งยังร่วงหล่น จึงมีเสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหูดังออกมาจากปากสัตว์ประหลาด ฟื้นตัวตื่นขึ้นมาในทันใด
“แม่จ๋า หนีเร็ว ผีพรายฟื้นคืนชีพแล้ว!”
เยี่ยเทียนปล่อยลงไปคราวนี้ ทำเอาคนริมฝั่งวงแตกในทันที พนักงานพวกนั้นต่างกลัวจนขี้หดตดหาย บางคนถึงกับแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้ พุ่งกระโจนไปยังทางทะเลสาบ
“กลัวอะไรกันนักหนา? ผมจับขึ้นมาจากน้ำแล้ว ยังจะกลัวมันทำร้ายคนอีกเหรอ?”
เยี่ยเทียนตะโกนเสียงหนึ่ง ทำเอาเสียงร้องไห้โวยวายรอบด้านเงียบลงฉับพลัน คิด ๆ ดูแล้วก็เป็นไปตามนั้น มีเยี่ยเทียนอยู่เคียงข้าง พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ราวกับถูกเสียงนั้นของเยี่ยเทียนทำให้ตกใจจนแน่นิ่ง ร่างของสัตว์ประหลาดนั่นสั่นเทาคลานขึ้นอยู่บนพื้น เหเสมือนว่าพอออกห่างจากน้ำแล้ว มันไม่สามารถก้าวเดินได้
“พวกคุณมีใครรู้จักไอ้ตัวนี่หรือเปล่า?” นาทีนั้นเยี่ยเทียนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเจ้าตัวนี้อย่างไร อยากจะส่งไปสวนสัตว์ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะรับหรือไม่
“ฉัน……ฉันรู้!” เสียงอ่อนแรงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เยี่ยเทียนหันหน้าไปมอง กลับเป็นนักพรตเต๋าอวิ๋นหยางที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานั่นเอง
“ไอ้……ไอ้ตัวนี่เรียกว่า……ว่าลิงวารี จำแลงมาจากความคับแค้นของคนที่ตายไปแล้ว มันชอบใช้เสียงร้องไห้ล่อลวงคนให้ลงไปในน้ำ!ฉวยโอกาสดึงจนตกน้ำ สูบเลือดสูบเนื้อ กินดวงตา!” ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของนักพรตเต๋าต่างอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้
แต่ว่านักพรตเต๋ายังคงตะโกนเสียงดังต่อ “ทุกคนไม่ต้องกลัว เจ้าสิ่งนี้อยู่ในน้ำมีกำลังวังชา แต่อยู่บนบกแขนขาง่อยเปลี้ย หากปล่อยมันไว้จะเป็นภัยพิบัติ ทุกคนจงช่วยกันทำร้ายมันให้ตาย!”
ราวกับเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของตนเอง นักพรตเต๋าวิ่งตุปัดตุเป๋มาข้างหน้า เตะเข้าตัวลิงวารีทีหนึ่ง เป็นไปตามคาด สัตว์ประหลาดนั่นตัวสั่นเทาเพียงเล็กน้อย ไม่แสดงอาการตอบโต้ใด ๆ
การกระทำนี้ทำให้ทุกคนที่ยังหวาดกลัวอยู่ เห็นหนทางระบายอารมณ์ ต่างพุ่งตรงกันเข้ามาราวกับกินยาปลุก โห่ร้องออกมาทั้งเตะทั้งถีบบนเนื้อตัวสัตว์ประหลาด