เยี่ยเทียนเองก็ไม่ได้หยุดยั้งความบ้าคลั่งของทุกคน เจอเรื่องผีพรายก่อกวนมานานขนาดนั้น พวกเขาต้องการหนทางปลดปล่อยเช่นนี้ เพื่อปัดเป่าความหวาดกลัวที่อยู่ในใจ
อีกทั้งปีศาจน้ำตัวนั้นพอถูกตนเองตัดข้อมือแล้ว ขึ้นมาจากน้ำก็แทบจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ แม้จะไม่ถูกคนพวกนี้โจมตี ก็เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ส่วนการกระทำของนักพรต เยี่ยเทียนเองก็พอเข้าใจได้ มันคือความอับอายที่กลลวงของตนเองถูกเปิดโปงจนกลายเป็นความโกรธแค้น เสริมด้วยการกระทำที่อยากไว้หน้าให้ตัวเองสักหน่อย
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเคยเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ถึงอวิ๋นหยางยืนกรานว่าเป็นผีพรายจำแลงมา คนอื่นก็เถียงอะไรไม่ได้ พอเห็นนักพรตเชี่ยวชาญเส้นทางในวงการนี้ เยี่ยเทียนชักสงสัยจริง ๆ ว่าตาแก่นี่ในอดีตมาจากสำนักเจียงเซียงหรือเปล่า
ขณะที่ทุกคนทำร้ายปีศาจน้ำอยู่นั้น เฉินสี่ฉวนก็ถือเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่เดินมาหา ไม่พูดพล่ามทำเพลงห่มลงบนตัวเยี่ยเทียน กล่าวว่า “เยี่ยเทียน เร็ว เช็ดตัวเร็วเข้า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในก่อนเถอะ ฉันจะให้คนต้มน้ำขิงให้……”
คนอื่นอาจจะเชื่อเรื่องเล่าผีของนักพรต แต่เฉินสี่ฉวนกลับไม่เชื่อแม้แต่ประโยคเดียว ถ้าหากไม่มีเยี่ยเทียน ปริศนาเรื่องผีพรายคงไม่มีทางไขกระจ่าง
เยี่ยเทียนใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตา ยิ้มตอบ “อาเฉิน ไม่เป็นไรครับ ผมอายุยังน้อยธาตุไฟแข็งแรง”
ด้วยทักษะปัจจุบันของเยี่ยเทียน สามารถทำให้ไอร้อนไอเย็นไม่อาจเข้ากล้ำกรายได้นานแล้ว ตอนที่เขาลงไปในน้ำ รูขุมขนล้วนปิดไม่ให้ความเย็นเข้ามา ไอเย็นของน้ำจึงถูกปิดกั้นไว้ภายนอกร่างกายทั้งหมด
“อาเฉินให้พวกเขาออกมาเถอะ เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นน่าจะถูกทำร้ายจนตายไปนานแล้วล่ะ!”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฉินสี่ฉวนก็ตะโกนใส่กลุ่มคน “แยก ทุกคนแยกย้าย เมื่อกี้ไม่เห็นพวกแกจะกล้าหาญกันอย่างนี้เลย ตอนนี้มาทำเป็นฮีโร่เรอะ?แยกย้ายออกมา!”
หลังจากที่กลุ่มคนแยกย้ายกันออกมา สัตว์ประหลาดบนพื้นก็แทบหายใจรวยรินแล้ว ใบหน้าของสิ่งมีชีวิตคล้ายลิงนั้นเต็มไปด้วยเลือดสด ท้องบวมเป่ง นอนแผ่แหงแก๋อยู่บนพื้น
“ในท้องนี่ล้วนเป็นเนื้อคนตายทั้งสิ้น ไม่รู้เหมือนกันว่ามารร้ายนี้คร่าเอาชีวิตคนมากน้อยเท่าไหร่ กระทั่งวันนี้มาเจอเข้ากับอาตมา……เอ่อ แล้วก็สหายเสวียนชิง ไม่อย่างนั้นภายหลังไม่รู้จะมีคนอีกมากมายแค่ไหนต้องสละชีวิตในเงื้อมมือของมัน!”
หลังจากนักพรตอวิ๋นหยางลงเท้าเป็นคนแรกแล้ว ก็ไปหลบอยู่ข้างหลังฝูงคน ตอนนี้นับว่าเหตุการณ์กลับกลายเป็นปกติ จึงพุ่งตัวออกมาอยู่ข้างหน้าปีศาจน้ำแล้วปั้นน้ำเป็นตัวต่อ
“หัวหน้า…หัวหน้านักพรต เจ้านี่เป็นผีพรายจำแลงจริงหรือ?” คราวนี้หวังเจียซวินชักไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อคำพูด ของอวิ๋นหยางดีหรือเปล่า เพราะว่าศพที่อยู่บนพื้นนี่ ดูอย่างไรก็เหมือนสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น?
“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าสิ่งนี้เดิมมีชื่อเรียกว่าอสูรวารี จำแลงมาจากคนที่ตายอย่างไร้ความผิด กินเนื้อคนสด ๆ เข้าไปจึงกลายเป็นร่างเนื้อ อาศัยเสียงร้องไห้ล่อลวงคนลงน้ำเป็นหลัก จากนั้นก็คร่าเอาชีวิต……
ในอดีตตอนที่อาตมาท่องยุทธภพกับท่านอาจารย์ ก็เคยพบกับอสูรวารีชนิดนี้ ถูกท่านอาจารย์ฟันด้วยดาบคมกริบสามชุ่น เพื่อกำจัดเภทภัยในท้องถิ่น!”
เห็นทุกคนคล้อยตามไปกับคำพูดของตน นักพรตอวิ๋นหยางก็นึกกระหยิ่มในใจ ตอแหลน้ำลายแตกฟองต่อ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะพิธีกรรมที่อาตมาทำขึ้นวันนี้ สะบั้นเส้นทางชีวิตของมัน มันจะไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นมาเด็ดขาด แต่เพราะอาตมาสูงวัยร่างกายอ่อนแอ กลับต้านทานมารร้ายนี่ไม่ไหว โชคดีที่สหายแห่งเต๋าเสวียนชิงช่วยไว้ น่าละอาย ช่างน่าละอายเสียจริง ๆ!”
คำพูดเช่นนี้ของอวิ๋นหยางนำเอาความยากลำบากของตัวเองเชิดชูขึ้นก่อน จากนั้นค่อยอ้างอายุของตนมาอธิบายความจริงที่ตัวเขาอ่อนแอจนถูกดึงลงน้ำ ตบท้ายด้วยการยกยอเยี่ยเทียนให้เป็นที่จดจำ ทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ
แม้ว่าจะฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้ หวังเจียซวินก็ยังเลือกจะเชื่อ เอ่ยปากชื่นชมในทันที “ต้องขอบคุณท่านหัวหน้านักพรตอย่างมากที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และขอเชิญเข้าด้านในดื่มน้ำขิงร้อนกับเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ผมให้ทางห้องอาหารจัดเตรียมไว้แล้ว อีกสักครู่จะฉลองชัยชนะให้กับท่านหัวหน้านักพรตอวิ๋นหยางกับเสวียนชิง……เอ้ย สหายเยี่ยเทียน!”
“ประสกหวังเกรงใจแล้ว นักบวชอย่างพวกเราไหนเลยจะทนเห็นมารร้ายออกรังควาญผู้คนได้?ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่พวกอาตมาสมควรทำ!”
ตาแก่อวิ๋นหยางแม้อยากพยายามทำท่าวางมาดแทบตาย แต่ด้วยร่างกายอันเปียกชุ่มทั้งเนื้อตัว จึงไม่มีคำอลังการใด จะกล่าว ร้องเรียกเยี่ยเทียนขึ้นมาเสียงหนึ่งแล้วเตรียมตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว อวิ๋นหยางพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หันไปพูดกับหวังเจียซวิน “จริงสิ ประสกหวัง เจ้ามารร้ายนี่เดิมคือวิญญาณคนตายจำแลง เพื่อไม่ให้วิญญาณของมันหลีกเร้นไปทำร้ายคนได้อีก ทางที่ดีที่สุดต้องนำร่างของมันไปเผาทิ้งทันที จึงจะมั่นใจได้ว่าปลอดภัยไร้กังวล
นักพรตอวิ๋นหยางกลัวว่าหวังเจียซวินจะนำร่างไปชันสูตร ถ้าหากชันสูตรออกมาเป็นผลอะไรสักอย่าง คำโกหกของเขาจะไม่ถูกเปิดโปงจนหมดหรือ? ดังนั้นทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด พูดจาข่มขู่หวังเจียซวินออกไป ให้เผาทำลายศพเพื่อกำจัดหลักฐาน
ถูกอวิ๋นหยางพูดใส่แบบนั้น หวังเจียซวินก็สะดุ้งขึ้นมาทันที แม้ว่าทีแรกเขาจะมีความคิดนำเอาร่างส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชันสูตร แต่ว่าตอนนี้กลับไม่กล้าอีกต่อไป ลนลานตอบ “ตกลง ๆ ผมจะจัดคนให้เผาทำลายศพ ขอเชิญท่านหัวหน้านักพรตไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ”
คนทำธุรกิจให้ความสำคัญเรื่องกำไรมากสุด เรื่องบางเรื่องถึงแม้คุณจะไม่เชื่อ แต่หากหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายได้ก็จะหลีก
ดังนั้นหลังจากให้เฉินสี่ฉวนพาพวกเยี่ยเทียนกลับไปยังบ้านพักตากอากาศ หวังเจียซวินก็ให้คนที่อยู่ตรงนั้นนำเอาพวกน้ำมันเชื้อเพลิงมา เริ่มจุดไฟเผาศพ
กลุ่มของเฉินสี่ฉวนเพิ่งจะเข้ามาในห้องโถงบ้านพักตากอากาศ พนักงานคนหนึ่งก็เข้ามาต้อนรับ กล่าวว่า “ประธานเฉิน มีแขกสองสามคนมาค่ะ บอกว่าต้องการมาหาคุณผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งออกไปกับท่าน เอ๋? คุณเยี่ยคนนั้นไม่อยู่เหรอคะ?”
ตอนเยี่ยเทียนออกไปสวมเสื้อคอจีนผ้าเรียบตรง ตอนนี้กลับมากลับห่อตัวด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ ทั้งผมทั้งเนื้อตัวเปียกปอน อีกทั้งด้านข้างยังมีนักพรตอวิ๋นหยางที่อยู่สภาพเดียวกับเขา หากพนักงานคนนั้นยังจดจำได้สิจึงจะแปลก
ได้ยินคำพูดของพนักงานแล้ว เฉินสี่ฉวนก็หันหน้ามาหัวเราะตอบ “เยี่ยเทียน มีคนมาหานาย เป็นแฟนนายมาหรือเปล่าน่ะ?”
“ไม่หรอกครับ เธอเพิ่งเปิดเทอมไม่มีเวลาหรอก” เยี่ยเทียนเองก็นึกสงสัย ใครกันที่มาถึงนี่เพื่อมาหาเขาว่าไปแล้วกระทั่งเยี่ยตงผิงยังไม่รู้ว่าวันนี้เยี่ยเทียนไปไหน
“เยี่ยเทียน เธอ……ทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพนี้ได้?”
ได้ยินคำพูดดังมาจากข้างหู ทำให้เยี่ยเทียนไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป เพราะว่าถังเหวินหย่วนกำลังค้ำไม่เท้า ยืนมองอยู่ห่างจากตัวเองไปสี่ห้าเมตร
แม้ถังเหวินหย่วนจะมีชีวิตอยู่มากว่าเจ็ดสิบปี แต่นาทีนี้กำลังมองเยี่ยเทียน ด้วยสีหน้าตกตะลึงอ้าปากค้าง ที่เยี่ยเทียนเปียกซ่กตลอดทั้งร่างนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่กระทั่งบนหัวก็ยังมีสาหร่ายสีเขียวสดติดอยู่
หลังจากผู้เฒ่าถังตกตะลึงไปชั่วขณะ ก็รีบสาวเท้าเดินมาข้างหน้า เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เยี่ยเทียน หรือ……หรือว่าเธอไปว่ายน้ำหน้าหนาวมา?”
ถังเหวินหย่วนรู้ว่า ทางพื้นที่ด้านในของภาคเหนือ กีฬาว่ายน้ำหน้าหนาวนั้นแพร่หลาย ว่ากันว่าช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง แต่ยังเป็นเพียงคำเล่าลือ ไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์
“ใครไปว่ายน้ำหน้าหนาวกันล่ะครับ?เห็นผมว่างจัดไม่มีอะไรทำจนต้องพุ่งลงน้ำในหน้าหนาวหรือยังไง?”
ได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วนแล้ว เยี่ยเทียนนึกฉุนขึ้นมาทันใด ตาแก่นี่ไม่รู้จักสังเกตสังกาเอาเสียเลย ไม่เห็นว่าข้าง ๆ ยังมีคนแก่กว่าเขายืนเปียกซ่กไปทั้งตัวอยู่เหมือนกันหรือไง?
แต่ไหนเลยเยี่ยเทียนจะรู้ ว่าตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวออกมา สายตาของถังเหวินหย่วนก็ไม่ได้มองที่คนอื่น จับจ้องที่ตัวเขาตลอดเวลา
เห็นอาติงที่เคยพบเมื่อครั้งก่อนยืนห่างไปไม่ไกล ข้าง ๆ ถังเหวินหย่วนยังมีตาแก่ผอมแห้งอีกหนึ่งคน เยี่ยเทียนเองก็ไม่อยากให้เขาเสียหน้าเกินไปนัก จึงออกปากถาม “จริงสิ คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?ผมบอกไปแล้วนี่ว่าอีกสองสามวันจะไปหา?”
พอเสียงของเยี่ยเทียนเงียบลง อาติงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “อ้าว นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง?”
ตั้งแต่มาประเทศจีนครั้งก่อนได้พบเยี่ยเทียน ในใจของอาติงก็เก็บกักความขุ่นเคืองเอาไว้แล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุกว่าสี่สิบปี แต่ตอนหนุ่ม ๆ ก็เคยอยู่ในกลุ่มบุปผาคู่ไม้พลองแดง มีความเลือดร้อนสูงกว่าธรรมดา
มองเห็นเยี่ยเทียนพูดจาไร้มารยาทกับถังเหวินหย่วน ไฟโทสะก็พลันพุ่งพล่านขึ้นหน้า ก้าวออกมาหวังจะสั่งสอนเยี่ยเทียนว่าอะไรคือสัมมาคารวะ
“อะแฮ่ม อาติง ไม่ใช่เรื่องของนาย……”
ถังเหวินหย่วนรีบร้อนตะโกนหยุดอาติง กระแอมไออย่างขัดเขินเล็กน้อย อธิบายตอบเยี่ยเทียนว่า “เยี่ยเทียน ฉันเป็นกังวลน่ะ ฉันถามพ่อของเธอแล้ว จากนั้นถึงได้ไปสอบถามคุณอวี๋ จึงรู้ว่าเธอมายังที่นี่……”
ภายในถังเหวินหย่วนเองก็รู้สึกคับข้องใจ แต่ว่าอย่างแรกตัวเขาเองรักษาหลานสาวไม่ได้ อย่างที่สองความอาวุโสของเขาก็ไม่ได้สูงไปกว่าเยี่ยเทียน นอกจากมีเงินมากกว่าเยี่ยเทียนแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาเสนอให้ ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยเทียนจึงได้แต่ต้องยอมอ่อนข้อเท่านั้น
“เหล่า……เอ่อ ท่านผู้เฒ่า ท่านดูสิว่าสภาพผมตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมจะพูดคุย ขอผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
เยี่ยเทียนเกือบจะหลุดปากเรียกออกมาว่าเหล่าถัง หลังจากบอกถังเหวินหย่วนเสร็จ เยี่ยเทียนก็หันร่างไปพูดกับเฉินสี่ฉวน “อาเฉิน คนนี้คือรุ่นพี่ของผมเองครับ เชิญทำความรู้จักกันก่อน เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกมา!”
“ได้ กางเกงชั้นในฉันให้คนเตรียมไว้ให้แล้ว นายอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนก็ได้!”
เฉินสี่ฉวนตกปากรับคำ มองไปทางถังเหวินหย่วนแล้วกล่าว “ผู้เฒ่าท่านนี้ ขอเชิญนั่งที่ร้านกาแฟก่อนนะครับ เยี่ยเทียนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะออกมาพบท่าน!”
ด้วยไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างถังเหวินหย่วนกับเยี่ยเทียน เฉินสี่ฉวนจึงให้ความเกรงใจอย่างยิ่ง ออกนำทางไปส่งคนเหล่านั้นถึงในร้านกาแฟด้วยตนเอง
ถึงแม้ถังเหวินหย่วนจะมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศจีน เฉินสี่ฉวนเองก็เคยได้ยินชื่อของเขา แต่อย่างไรเฉินสี่ฉวนก็คงไม่นำเอามหาเศรษฐีชาวจีนผู้มีชื่อเสียงระบือไกลมาเชื่อมโยงกับตาแก่ตรงหน้า
บ้านพักตากอากาศเกิดเรื่องอย่างนี้ กิจธุระของเฉินสี่ฉวนเองก็มากมายไม่น้อย หลังจากพาคนทั้งหลายไปถึงร้านกาแฟแล้ว ตนเองก็รีบออกไปจัดการสะสาง
“อาเหวิน เจ้าหนุ่มที่ชื่อเยี่ยเทียนคนนั้นมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่?ทำไมท่านต้องเกรงใจเขาถึงขนาดนี้?” รอจนกระทั่งไม่มีคนอื่น ตาแก่ผอมแห้งซึ่งตามติดถังเหวินหย่วนมาตลอดก็เอ่ยปากถามขึ้น ภายในดวงตาเผยให้เห็นความสงสัยใคร่รู้
ตั้งแต่พบหน้าเยี่ยเทียนครั้งแรก ความรู้สึกหวั่นเกรงของผู้เฒ่าคนนี้ก็เผยออกมาให้เห็นโดยไม่ต้องอธิบาย แต่เพิ่งจะมีโอกาสถามออกมาในเวลานี้
หากเปลี่ยนเป็นจี่หรานมาอยู่ที่นี่ล่ะก็ จะต้องจดจำได้ ว่าผู้เฒ่าที่อยู่ข้างกายถังเหวินหย่วนคนนี้ ก็คือ “อาสี่” ผู้นั้นที่เคยปรากฏตัวอยู่ในสโมสรอิงหลันนั่นเอง
………………