บทที่ 102
คุณหนูใหญ่แขวนคอตัวเอง
หลินซีเหยียนลูบหลังของจิ่งชุนอย่างช่วยไม่ได้ “ใจเย็นๆ มีคุณหนูคนไหนมาหาเรื่องอีกรึยังไง?”
จิ่งชุนก็ได้กลืนน้ำลายเข้าไป แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวกับหลินซีเหยียน “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูใหญ่แขวนคอตัวเอง นางบอกว่าคุณหนูบังคับให้นางทำเจ้าค่ะ ในเวลานี้ได้ทำการแจ้งเรื่องนี้ไปยังกว๋อกงจิ่งหยางแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าบังคับงั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนนั้นรู้สึกพูดอะไรไม่ออก เมื่อไรที่เรื่องแบบนี้ถึงจะจบนะ!
“ทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู เพราะฮ่องเต้มีราชโองการให้คุณหนูใหญ่แต่งกับคุณชายเฮ่อเหวินจาง ดังนั้นกว๋อหงจิ่งหยางจึงได้คิดที่จะมาทวงความยุติธรรมให้กับว่าที่ลูกสะใภ้เจ้าค่ะ” ในเวลาจิ่งชุนตื่นตระหนกมากแต่ก็อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
หลินซีเหยียนได้จับจิ่งชุนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆนางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ “ไม่ต้องไปกลัวขนาดนั้นหรอก ทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ”
“แต่ว่า….” จิ่งชุนพูดยังไม่ทันจบก็ถูกขัดโดยหลินซีเหยียนเสียก่อน จิ่งชุนก็ได้มองดูท่าทางที่มั่นใจของคุณหนูแล้วก็รู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะคนที่จะมาหานางไม่ใช่แค่กว๋อกงจิ่งหยาง แต่ยังพาองค์ชายสี่เจียงช่างเฉินมาด้วย
เจียงช่างเฉินนั้นเป็นโอรสองค์ที่สี่ของฮ่องเต้ เขานั้นมีวิสัยทัศน์คับแคบมาก และชอบจัดการกับทุกเรื่องอย่างไร้เหตุผล
และความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายสี่กับกว๋อกงจิ่งหยางนั้นลึกซึ้งมาก ดังนั้นการมาเยือนครั้งนี้ไม่ดีแน่
แต่ทว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และนางก็นั่งลงที่เก้าอี้และดื่มชาอย่างสบายอารมณ์และรอให้มหาเสนาบดีส่งคนมาเชิญนาง
ในเวลานี้ผู้คนในจวนมหาเสนาบดีต่างก็พากันฮึกเหิม หลังจากนั้นสักพักก็มีคนเข้ามา “คุณหนูรอง ท่านมหาเสนาบดีให้มาเชิญท่านไปที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ”
หลินซีเหยียนถามอย่างสงบนิ่ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านมหาเสนาบดีเรียกหาข้าทำไม?”
มีแววตาพึงพอใจขึ้นมาในสายตาของคนที่มาแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวตอบไป “ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแหละ ได้โปรดตามไปที่นั่นไวๆด้วย อย่าได้ให้ท่านมหาเสนาบดีกับแขกรอนาน”
หลินซีเหยียนผงกหัว และเดินตามคนรับใช้ไปยังห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ ซึ่งทำให้คนรับใช้ทนไม่ไหวแล้วคิดจะเร่ง หลินซีเหยียน
แต่เมื่อเขาพบกับดวงตาสีดำของหลินซีเหยียนแล้ว จึงได้นิ่งเงียบ แล้วหันหน้ากลับไปด้านหน้าด้วยความกลัวแล้วเดินนำต่อไป เขากล้าพูดเลยว่าเขาไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย แม้แต่ยามที่มหาเสนาบดีหลินโกรธจัดนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลย
หลังจากนั้นสักพักหลินซีเหยียนก็ได้มาถึงห้องโถงใหญ่ แต่ก่อนที่นางจะเข้าไปนั้น นางก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องโถง
“ท่านมหาเสนาบดีหลิน วันนี้ท่านจะต้องให้คำตอบกับข้า แม่นางหลินเป็นลูกสะใภ้ที่จะแต่งงานกับเหวินจางของข้า แต่ท่านปล่อยให้นางโดนรังแกได้อย่างไรท่านมหาเสนาบดี” เจ้ากว๋อกงจิ่งหยางกล่าวต่อว่า
หลินซีเหยียนจึงได้นึกดูถูกในใจ ตั้งแต่เฮ่อเหวินจางบาดเจ็บและโดนทำร้าย ก็ไม่เคยเห็นเขานั้นเข้ามาดูดำดูดีหลินหัวเยว่เลย ที่มาวันนี้จะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน
ในขณะที่มหาเสนาบดีหลินนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้กวาดสายตาไปหาหลินซีเหยียนแล้วเขาก็ได้กระแอมขึ้นมา “หลินซีเหยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป?”
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มให้กับคำถามของมหาเสนาบดีหลินแล้วกล่าว “ท่านมหาเสนาบดีหลินพูดอะไรอยู่? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วข้าจะไปทำอะไรผิดได้อย่างไร?”
มหาเสนาบดีหลินยังไม่ได้จะได้โกรธ กว๋อกงจิ่งหยางก็ได้พูดกล่าวหานางก่อน “เจ้า นังผู้หญิงนอกรีต เจ้าเกือบจะฆ่าลูกสะใภ้ของข้ากว๋อกงจิ่งหยาง ยังจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิดอีกเรอะ?”
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงแล้วก็พูดสวนกลับอย่างไม่พอใจ “ใครกันที่บอกกับท่านว่าเป็นข้าที่บังคับให้นางตาย? นอกจากนี้ในเวลานี้หลินหัวเยว่อาการดีแล้วเหรอ?”
“คุณหนูรองช่างมีไหวพริบจริงๆ” ในเวลานี้มีคนหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้รับแขกได้พูดขึ้นมา
หลินซีเหยียนคิดว่าชายคนนี้ดูแปลกๆจึงได้จ้องไปที่เขา แต่การกระทำเช่นนี้ได้อยู่ในสายตาของเจียงช่างเฉินแล้ว เขาก็คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นตกหลุมรักเขาแน่ๆ เจียงช่างเฉินจึงได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตารังเกียจอย่างชัดเจนมาก
หลินซีเหยียนที่ยิ้มให้เจียงซ่างเฉินนั้นก็ได้อ้ำอึ้งขึ้นมาเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามแสดงสีหน้าน่ากลัวตอบกลับมา ซึ่งทำให้ หลินซีเหยียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก “คุณชายท่านนี้คือใครกัน?”
เจียงช่างเฉินก็ได้หันหน้าหนีและไม่ได้สนใจหลินซีเหยียนอีก แต่กว๋อกงจิ่งหยางก็ได้แนะนำเขาอย่างภูมิใจ “นี่คือองค์ชายสี่เจียงซ่างเฉิงที่เป็นคนโปรดของฮ่องเต้”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้ตบไปที่ริมฝีปากของนาง “ไม่นึกเลยว่าโอรสของฮ่องเต้ที่เอาแต่เงยหน้ามองสูง จะหันมามองคนที่อยู่ใต้จมูกเช่นนี้ด้วย”
“หลินซีเหยียน เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับองค์ชายอย่างนั้นเรอะ?” องค์ชายสี่นั้นไม่คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นจะกล้ามากขนาดนี้ ทำเอาเขาคิดคำโต้แย้งไม่ออกไปสักพัก
มหาเสนาบดีหลินก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “หลินซีเหยียน เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กำลังองค์ชายได้อย่างไร? รีบขอโทษองค์ชายเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ข้าก็แค่พูดความจริง การที่ข้าพูดความจริงมันผิดงั้นเหรอ? หรือว่าผู้สูงศักดิ์อย่างเขาจะฟังแต่คำประจบสอพลอ แต่ไม่ฟังคำคนอื่นที่พูดอย่างจริงใจอย่างนั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างต่อปากต่อคำ แม้แต่มหาเสนาบดีหลินที่เป็นขุนนางก็ไม่อาจโต้เถียงได้
“หลินซีเหยียน ตอนแรกเจ้าทำลายลูกสะใภ้ข้า ตอนนี้เจ้ายังจะกล้าดูหมิ่นองค์ชายอีก ข้ายกโทษให้เจ้าไม่ได้แล้ว” เจ้ากว๋อกงจิ่งลุกขึ้นยืนแล้วชี้ไปที่หลินซีเหยียน
ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับคนไม่หวังดีมากมาย และ หลินซีเหยียนก็ยังอ่อนแออยู่นิดหน่อย แต่นางก็ได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมถอยง่ายๆ “เมื่อวานนี้หลินหัวเยว่ก็ยังสบายดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าที่นางจะฆ่าตัวตายในวันนี้ด้วย?”
“หลินซีเหยียนเจ้าอย่ามาทำพูดเล่นลิ้น องค์ชายมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้” องค์ชายสี่กล่าวอย่างสุภาพ
หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างดูถูก “ข้าไม่อยากที่จะถูกกล่าวหามั่วซั่ว ข้าไม่ขอยอมรับผิด!”
องค์ชายสี่ได้ยินที่หลินซีเหยียนพูดก็ได้พูดขึ้น “องค์ชายจะไม่จับเจ้าแล้วปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่เจ้าจะต้องมอบของสิ่งหนึ่งให้กับองค์ชาย”
“ท่านต้องการอะไร?” หลินซีเหยียนถามกลับไป
“ป้ายทองอภัยโทษที่เจ้าได้มาจากพ่อของข้า” องค์ชายสี่กล่าวด้วยดวงตาที่ดำสนิท “องค์ชายนั้นรู้ว่าของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวเจ้า แต่องค์ชายเชื่อว่าเจ้าสามารถเอามาจากเจียงหวายเย่ได้”
ในเวลานี้หลินซีเหยียนรู้แล้วว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ฮ่องเต้คงจะรู้แล้วว่าป้ายทองอภัยโทษนั้นอยู่ครอบครองของเจียงหวายเย่ เขาจึงได้ส่งองค์ชายสี่มา
แต่ทว่านางนั้นไม่ชอบการที่ต้องมาทำตามความคิดของใคร ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงได้แกล้งทำเป็นน่าสงสารแล้วบอกไปว่านางนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระราชวังรัตติกาลอีกแล้ว ถ้านางจะเข้าไปที่นั่นอีกก็อาจจะทำให้ผู้อื่นสงสัยได้
องค์ชายสี่ได้ฟังที่นางกล่าวก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่ จึงได้กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “แล้วเจ้าจะทำเช่นไรได้?”
“องค์ชายสี่ ท่านก็นำสมุนไพรมีค่าบางส่วนมาให้ข้า แล้วข้าจะขโมยป้ายทองกลับมาให้ตอนที่ข้าไปที่นั่น” หลินซีเหยียนนั้นเหมือนจะลืมไปแล้วว่าตัวนางนั้นถูกข่มขู่โดยองค์ชายสี่อยู่ และในเวลานี้นางก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วยังแนะนำวิธีให้เขาอีก
องค์ชายสี่ที่ปรึกษากับหลินซีเหยียนอยู่พักใหญ่ๆ จนท้ายที่สุดองค์ชายสี่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างชื่นชม “แม่นางหลินช่างฉลาดจริงๆ”
หลินซีเหยียนก็ได้กล่าว “ขอบคุณในคำชมของท่าน และรอฟังข่าวดีจากข้าได้เลย”
ด้วยเหตุนี้หลินซีเหยียนกับองค์ชายสี่ก็ได้ตกลงกันได้ แล้วองค์ชายสี่ก็ได้กลับออกไปอย่างยินดี และเหลืออยู่เพียงกว๋อกงจิ่งหยางที่ตอนนี้ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว