บทที่ 109
การพบกันโดยบังเอิญ
ฮูหยินสี่ก็ได้หันหน้ากลับมาและมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างขอบคุณ “คุณหนูรอง ขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน…..”
ในขณะที่ฮูหยินสี่กำลังจะขอบคุณนางอยู่นั้น หลินซีเหยียนนั้นก็ได้ใช้นิ้วชี้มาไว้ที่ปากของนางเป็นเชิงบอกว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร แล้วฮูหยินสี่ก็ได้เอามือปิดปากอย่างให้ความร่วมมือ
“คนขับรถ ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างเสียงดังฟังชัดมากกว่าที่เคย
แต่แล้วก็มีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น เพราะไม่มีเสียงตอบหลินซีเหยียนกลับมา และข้างนอกมีแต่เสียงเงียบกริบ ทำให้คนข้างในรู้สึกวิตก
ฮูหยินสี่ก็ได้มาใกล้ๆหลินซีเหยียนแล้วกล่าวด้วยเสียงค่อยๆ “ค….คุณหนูรอง หรือว่าฮูหยินอวี้จะส่งคนมาฆ่าข้า?”
หลินซีเหยียนมองดูสีหน้าที่ซีดเผือดของนางเพราะความตื่นตระหนกแล้ว ก็ได้เผยรอยยิ้มที่ประชดประชันออกมา “ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ที่นี่ด้วยนางไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้แน่”
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินซีเหยียนนั้นอายุน้อยกว่า ฮูหยินสี่ แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของหลินซีเหยียนแล้วกลับทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ซึ่งทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
โดยไม่ได้รอให้นางได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงที่สงบนิ่งของหลินซีเหยียนก็ได้ดังเข้ามาในหูของนาง “เจ้ารออยู่ในรถม้า ข้าจะออกไปจัดการพวกคนข้างนอกให้”
ฮูหยินสี่นั้นอยากที่จะอยู่ใกล้ๆหลินซีเหยียนตลอดเวลามากกว่า เพราะทำให้นางรู้สึกปลอดภัย แต่หลังจากที่เห็นดวงตาที่แย้งไม่ได้ของหลินซีเหยียนแล้ว นางก็ได้นั่งอยู่เงียบๆในรถม้าอย่างเชื่อฟัง
หลินซีเหยียนก็ได้เปิดม่านออกไป และพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย มีเพียงแค่รอยเลือดอยู่บนพื้นที่ยังไม่แห้งสนิทดี
หลินซีเหยียนที่ลงมาจากรถม้า ก็รู้สึกสงสัยมากว่าพวกเหล่านักฆ่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ หลินซีเหยียนจึงได้กล่าวอย่างหมดความอดทน “ออกมาเดี๋ยวนี้ ที่นี่มีแค่ผู้หญิงอ่อนแอสองคนเท่านั้น พวกเจ้ายังจะกลัวอะไรอีก?”
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูรองมานานมากแล้ว แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องระวังตัวหน่อย” มีเสียงลมที่พัดมาและเสียงของต้นไม้ใบไม้ ทำให้หลินซีเหยียนไม่สามารถระบุได้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
หลินซีเหยียนก็ได้พูดล่อลวงฝ่ายตรงข้ามต่อ “ข้าเป็นแค่หญิงสาวที่อยู่แต่ในเรือนธรรมดาๆเท่านั้นเอง ไฉนเลยจะมีชื่อเสียงใหญ่โตขนาดที่ให้พวกเจ้ารู้จักได้”
“คุณหนูรองไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว พวกเรารู้วิธีการของท่านดี” เสียงที่ดังขึ้นมานั้นฟังดูคลุมเครือมากราวกับว่าจงใจทำให้เป็นเช่นนี้
ในขณะที่หลินซีเหยียนอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีลูกดอกพุ่งมาหาหลินซีเหยียนจากในมุมอับสายตา
อันซานกับอันซื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นก็ได้เตรียมตัวที่จะเคลื่อนไหว แต่พวกเขากลับถูกห้ามด้วยสายตาของ หลินซีเหยียนเสียก่อน หลินซีเหยียนก็ได้กลิ้งตัวหลบ แล้วจากนั้นก็กลับมาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเปิดเผยตัว ข้าก็คงต้องออกแรงสักหน่อยในการตามหาพวกเจ้าแล้ว”
หลังจากที่หลินซีเหยียนกระทืบพื้น ตัวของนางก็ได้พุ่งไปยังพุ่มไม้โดยอาศัยแรงสะท้อน ระหว่างนั้นนางก็ได้โยนเข็มเงินออกมาสองเล่ม เมื่อหลินซีเหยียนเข้ามาในพุ่มไม้ ก็พบคนในชุดดำคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ก็ถูกเข็มเงินปักเข้าไป
หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้คิดฆ่านักฆ่า นางได้ไว้ชีวิตชายชุดดำคนนั้นแล้วจากนั้นก็บังคับให้เขาร่วมมือกับนาง นักฆ่าคนนั้นดื้อด้านมากแม้ว่าหลินซีเหยียนนั้นจะปักเข็มเงินไปที่ตัวเขาเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี
“มั่นใจนะว่าเจ้าจะไม่พูดจริงๆ?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ใบหน้าที่ดื้อด้านของเขา แล้วนางก็ได้หมุนตัวชายชุดดำไปรอบๆพลางคิดว่านางจะทำอย่างไรกับเขาดี
เสียงใบไม้ดังขึ้นมา แล้วจากนั้นหลินซีเหยียนที่เหมือนกับกำลังยั่วโมโหคนอื่นอยู่นั้น ก็ได้ลูกดอกจำนวนมากพุ่งมาจากทุกทิศทาง ในช่วงเวลาคับขันนั้นเองหลินซีเหยียนที่กำลังคิดอยู่จึงไหวตัวไม่ทัน
แต่โชคดีที่นางยังมีอันซานกับอันซื่ออยู่ แล้วหลินซีเหยียนจึงได้รอดพ้นจากลูกศรนั้นอย่างไร้รอยขีดข่วน
“จำตำแหน่งของพวกเขาได้ไหม?” หลินซีเหยียนถามด้วยเสียงเบาๆ
อันซานกับอันซื่อที่ยืนอยู่ข้างหน้านางก็ได้ผงกหัว แล้วจากนั้นก็รอคำสั่งของหลินซีเหยียนและเตรียมที่จะพุ่งตัวออกไป
ริมฝีปากของหลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมา “ดี ต่อไปก็เป็นตาของพวกเราเอาคืนบ้างแล้ว
แล้วทั้งสามคนก็ได้พุ่งออกไปพร้อมกัน ซึ่งหลินซีเหยียนได้ขึ้นไปจัดการบนต้นไม้ เพราะเป็นจุดที่เห็นตำแหน่งได้ชัดเจน แล้วเหล่าคนร้ายทั้งหมดก็ได้ถูกจัดการลงในเวลาอันสั้น
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังจับคนเหล่านี้มัดเข้าด้วยกัน ด้วยเชือกหนาๆอยู่นั้นและกำลังจะถามอะไรบางอย่าง ก็ได้มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ?” ซางกวนจิ่นที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ก็ได้เดินมาหาพร้อมกับพัดในมือของเขาด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย
หลินซีเหยียนจึงได้อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดเมื่อนางเห็น ซางกวนจิ่น “ข้าควรที่จะถามประโยคนั้นกับเจ้ามากกว่า ทำไมเจ้าถึงได้มาที่นี่ได้? หรือว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อหาคู่แต่งงาน?”
หลินซีเหยียนนั้นนึกคำตอบอื่นๆไม่ออก แต่ดูเหมือนว่าคำตอบของนางจะไม่ใช่คำตอบที่ถูก
เพราะซางกวนจิ่นได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อพูดอะไรอยู่น่ะ? ข้าก็แค่ตามท่านแม่ของข้ามาที่นี่เพื่อขอพรเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เจอคู่แต่งงานของข้าแล้วไง ทำไมข้ายังจำเป็นจะต้องมาขอพรอีก?”
ซางกวนจิ่นก็ได้กล่าวพร้อมกับยักคิ้วให้หลินซีเหยียนอย่างมีความหมาย แต่แล้วเขาก็ได้ย้ายหัวข้อสนทนาก็ได้ย้ายไปที่นักฆ่าเหล่านี้เสียก่อน
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ คนพวกนี้ทำอะไรงั้นเหรอ?” ซางกวนจิ่นก็ได้ถามอย่างสงสัย หลินซีเหยียนก็ได้เล่าให้เขาฟังว่ามีคนที่คิดจะลอบสังหารพวกนาง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครที่สั่งพวกเขามา
ซางกวนจิ่นจึงได้พูดอย่างโมโหและเดือดดาลทันที “ใครกันที่เลวร้ายได้ขนาดอยากจะฆ่าเด็กที่ยังไม่เกิดกับเสี่ยวเหยียนเอ๋อผู้งดงามได้เนี่ย?”
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนางอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนางเห็นเขาแล้วก็นึกขึ้นได้ “จะว่าไปวัดต้าเปยก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับที่นี่ แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ซางกวนจิ่นก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ข้ากับท่านแม่มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ข้ารู้สึกเบื่อเมื่อได้ยินพวกพระเหล่านั้นสนทนาธรรมกัน ข้าจึงได้ออกมาเดินรอบๆและมาโผล่ที่นี่”
หลินซีเหยียนจึงไม่คิดที่จะถามต่อ เพราะนางนั้นยังมีเรื่องที่จะต้องทำ นางก็ได้เดินไปหาเหล่านักฆ่าแล้วถาม “บอกมาว่าใครสั่งให้พวกเจ้าทำงานนี้?”
“พวกเรายึดมั่นในกฎ และพวกเราจะไม่ยอมบอกเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างต่อให้พวกเราต้องตาย” แล้วกลุ่มนักฆ่าต่างก็ยืนยันในสิ่งที่พวกเขายึดมั่น และไม่พูดอะไรออกมาเลย
หลินซีเหยียนจึงได้ยิ้มเยาะขึ้นมา แล้วจากนั้นนางก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น “พวกเจ้าคิดเหรอว่าพวกเจ้าจะได้ตายน่ะ? จะบอกอะไรให้นะข้าไม่ให้พวกเจ้าตายหรอก แต่ข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้สึกว่าตายเสียดีกว่าอยู่เลยล่ะ”
จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมา เข็มเงินเหล่านี้ต่างไปจากที่นางเคยใช้กับเหล่านักฆ่าเมื่อสักครู่นี้ เข็มเงินเหล่านี้มีสีเขียวสว่างยามที่ต้องแสงอาทิตย์ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้ว่าเข็มเหล่านี้มีพิษ
“เจ้า…นังผู้หญิงโฉด” นักฆ่าคนหนึ่งได้พูดด่าด้วยความกลัวที่ผุดขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้ทำเป็นหูทวนลม แต่ซางกวนจิ่นที่ยืนมองดูอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก ในขณะเดียวกันเขาก็คิดว่าต่อจากนี้เขาไม่ควรที่จะไปยั่วโมโหเสี่ยวเหยียน ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ตายอย่างอนาถแน่
หลังจากที่หลินซีเหยียนได้ปักเข็มเงินเข้าไป คนในชุดดำเหล่านี้ก็ได้เริ่มพูดออกมาทั้งหมดในสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูด แล้วสุดท้ายหลินซีเหยียนก็ได้บอกให้อันซื่อพาคนเหล่านี้ไปให้กับทางการ แล้วย้ำเตือนอันซื่อว่าให้ระวังไม่ให้คนเหล่านี้ฆ่าตัวตายด้วย
อันซื่อก็ได้ผงกหัวรับคำสั่งแล้วจากไป