บทที่ 114
เรื่องตลก
มหาเสนาบดีหลินโกรธจัด แล้วก็ชี้ไปที่ประตูที่ปิดอยู่แล้วกล่าว “เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ข้ารับใช้รีบวิ่งไปพร้อมกับอีกคนหนึ่ง แล้วก็เตรียมที่จะพังประตูเพื่อให้เปิดออก
เมื่อฮูหยินอวี้เห็นเช่นนั้น ก็ได้หันไปมองหลินซีเหยียนอย่างยั่วโมโห แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวอย่างเพิ่มเชื้อไฟลงไป “ท่านพี่ ข้าก็แค่กังวลว่าฮูหยินสี่จะทำงานหนักและจะส่งผลร้ายกับเด็กในท้องได้ ข้าจึงได้คิดที่จะมาดูแต่กลับพบว่าประตูห้องของฮูหยินสี่ กลับปิดอยู่ และคุณหนูรองเองก็ได้อยู่ข้างนอกเพื่อเฝ้าประตูด้วย ข้าจะส่งคนเพื่อเข้าไปตรวจดู แต่ก็ห้ามไม่ให้พวกเข้าเข้าไป”
คำพูดที่ให้ร้ายนี้ แม้ว่าจะไม่มีคำพูดที่ให้ร้ายฮูหยินสี่อยู่เลย แต่เมื่อมหาเสนาบดีหลินได้ฟังแล้ว เขาก็เชื่อถึง 80% ว่าจะต้องมีใครอยู่ข้างในห้องของฮูหยินสี่แน่ๆ ทำให้สีหน้าของมหาเสนาบดีหลินแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่าพูดจาไร้สาระจะดีกว่านะฮูหยินอวี้ ไม่อย่างนั้นท่านจะเสียหน้าเองได้” หลินซีเหยียนพูดด้วยเสียงที่เหมือนกระดิ่งลมที่ทำให้ฮูหยินอวี้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
นางที่ยิ่งไม่สบายใจ ก็ยิ่งทำเป็นสงบนิ่งมากยิ่งขึ้นแล้วตอบกลับไป “คุณหนูรองพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร? ข้าก็แค่เป็นห่วงฮูหยินสี่ก็เท่านั้น”
“เป็นห่วง? ทันทีที่ฮูหยินสี่กลับมาถึงจวน ฮูหยินอวี้ก็ได้พาหมู่สาวใช้เข้ามา นั่นเรียกว่าเป็นห่วงจริงๆเหรอ?”
คำพูดที่ประชดประชันนี้ราวกับตบตรงหน้าของฮูหยินอวี้ซึ่งทำให้นางนั้นทั้งรังเกียจและโกรธ
“หุบปาก” มหาเสนาบดีหลินก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนกับฮูหยินอวี้ด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก จากนั้นก็ได้ดุใส่ทั้งคู่ “ข้าจะดูเองว่าใครโกหกกันแน่”
ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดอยู่นั้นก็ได้มีเสียงดัง “ปังๆ” ดังจนแสบแก้วหู แล้วประตูเรือนของฮูหยินสี่ก็ได้พังลงมา
โดยไม่รอให้ใครเตือนเขา มหาเสนาบดีหลินก็ได้รีบเดินเข้าไปและมองดูห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นเพราะประตูที่พัง แล้วมหาเสนาบดีหลินก็ได้เอามือปิดจมูกและปากแล้วเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็ไม่ดีอย่างมาก
ฮูหยินอวี้ที่เห็นเช่นนี้ก็มีแววตาสว่างขึ้นมา แล้วรีบเข้าไปหา “ท่านพี่ ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหม? นางแอบซ่อนชู้เอาไว้”
มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่ฮูหยินอวี้ที่อยู่ร่วมหลับนอนมากับเขาร่วมสิบปีอย่างช้าๆ “ไม่มีฮูหยินสี่อยู่ในนั้น”
“เป็นไปได้อย่างไร?” ฮูหยินอวี้ก็กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วนางก็ได้เข้าไปดูข้างในโดยไม่สนใจฝุ่นที่คละคลุ้งเลยแม้แต่น้อย แล้วเมื่อนางกลับออกมา นางก็ได้ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เคอะเขิน
ในขณะที่นางกำลังอยากที่จะอธิบายอยู่นั้นเอง นางก็พบว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นกำลังจ้องมองมาที่นาง ดวงตาของนางก็ได้อ่อนโยนลงมาก ฮูหยินอวี้มองดูสีหน้าของมหาเสนาบดีหลินทำให้นางอยากจะร้องไห้ออกมา
เฉิงเหยียน ทำไมนางถึงไม่ตายกันนะ
แล้วเล็บของฮูหยินอวี้ก็ได้จิกเข้าไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ
“ท่านพี่, ฮูหยินอวี้พวกท่านมาทำอะไรกันที่เรือนของข้า?” ฮูหยินสี่กล่าวด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดเพราะอาการเกือบคลอดก่อนกำหนด
มหาเสนาบดีหลินก็ได้ไม่มองไปที่ฮูหยินอวี้ แต่กลับมองไปที่ฮูหยินสี่ที่มีอาการอ่อนแอแล้วถาม “เมื่อคืนเจ้าพักผ่อนไปเพียงพอเหรอ? ทำไมถึงได้ดูหน้าซีดนัก?”
“ท่านพี่” ฮูหยินสี่ที่ได้ยินคำถาม นางที่มีหน้าซีดก็ได้เข้าไปในอ้อมแขนของมหาเสนาบดีหลินแล้วพูดอย่างโมโห “มีคนที่อยากจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ”
อะไรนะ? เมื่อมหาเสนาบดีหลินได้ยินก็มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมาแล้วได้รีบถาม “แล้วเด็กยังอยู่ดีหรือไม่?”
เมื่อเห็นฮูหยินสี่ผงกหัว เขาก็ได้ใจเย็นลงมา แล้วแววตาของมหาเสนาบดีหลินก็ได้ดำมืดขึ้นมา ถึงเขานั้นจะเริ่มชราแล้ว แต่เขาจะปล่อยให้มีการทำร้ายกันได้อย่างไร
“ท่านพี่ คุณหนูรองช่วยข้าเอาไว้เจ้าค่ะ” ฮูหยินสี่ก็ได้พูดอย่างอ่อนแรง
มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างไม่ตั้งใจ ลูกสาวคนที่เขาไม่เคยคิดสนใจมาก่อนนั้น ทำให้คำพูดที่จะขอบคุณนั้นติดอยู่ในลำคอของเขาและไม่สามารถพูดออกมาได้
หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ได้มีรอยยิ้มอย่างประชดประชันปรากฏที่มุมปากของนาง “ท่านมหาเสนาบดีหลิน อย่าลืมซ่อมประตูด้วยล่ะ”
หลังจากที่พูดจบ นางก็ได้ออกไปโดยที่ไม่หันกลับมาเหลียวมอง มีเพียงฮูหยินอวี้ที่กัดฟันแน่นและมองไปที่คู่รักที่อยู่ตรงหน้านาง
หลินซีเหยียนที่ออกมาจากเรือนฮูหยินสี่นั้น ก็ได้เดินไปชนกับคนคนหนึ่งเข้า แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็ได้พูดด่าขึ้นมาก่อน
“ใครกันที่เดินไม่มองทางมาชนข้าเนี่ย” หลินเฉิงอวี้ที่นอนอยู่ที่พื้นกล่าวขณะที่ลูบเอวไปพลาง
นางนั้นไม่ได้อ่านฤกษ์งามยามดีก่อนออกจากเรือนรึไงนะวันนี้ หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ท้องฟ้าอย่างพูดอะไรไม่ออก แล้วไม่คิดที่จะช่วยคนคนนั้นแม้แต่น้อย
หลินเฉิงอวี้นั้นเดิมที่อยากที่จะต่อว่าหลินซีเหยียนที่เดินไม่มองทางต่อ แต่เขาก็ได้ยิ้มอย่างโลภมากเมื่อเขานึกถึงผงยาต่างๆที่นางมี
เมื่อยืนขึ้นมาก็ได้ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าของเขา แล้ว หลินเฉิงอวี้ก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วเรียกนาง “พี่รอง”
หลินซีก็ได้มองไปที่หลินเฉิงอวี้อย่างระแวดระวัง ราวกับตัวเพียงพอนมาทักทายวันตรุษจีนกับไก่ ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“พี่รองข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง!” หลินเฉิงอวี้ก็ได้กล่าวราวสวมหนังแกะอยู่
แต่โชคยังดีที่หลินซีเหยียนรู้ถึงความดื้อด้านของเขาดี นางจึงไม่คิดที่จะเป็นหมาป่าโง่ และเดินผ่านหลินเฉิงอวี้ไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เดี๋ยวก่อนหลินซีเหยียน เจ้าช่างไร้ยางอายจริงๆ วันนี้เจ้าจะต้องช่วยข้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากช่วยข้าหรือไม่ก็ตาม”
หลินเฉิงอวี้กล่าวอย่างหนักแน่นบังคับจะให้นางช่วยให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ในจวนมหาเสนาบดี ไม่มีใครเลยที่กล้าสู้กับนาง
แล้วริมฝีปากแดงๆของนางก็ได้เปิดปากออกมาอย่างน่าหลงใหลมาก แต่วาจาของนางที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่ชีวิตเดียวก็ไม่อาจทำให้นางหายโกรธได้ “ข้าไม่ช่วย แล้วนายน้อยสี่จะทำอะไรข้าได้?”
หลินเฉิงอวี้เองก็ได้เดินตามหลินซีเหยียนมาตลอดทาง โดยที่นางไม่สามารถสลัดหลุดได้เลย
ตรงหน้าเรือนเชียนเหยียน หลินซีเหยียนก็ได้หยุดแล้วหันกลับมาอย่างไม่พอใจอย่างมาก
หลินเฉิงอวี้ก็ได้ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วถามอย่างระแวดระวัง “เจ้าคิดที่จะทำอะไรข้า?”
นางจะทำอะไรกับเขางั้นเหรอ? ก็แค่เด็กน้อยตัวโตเท่านั้น แต่เมื่อนางสีหน้าที่หวาดกลัวของหลินเฉิงอวี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกสนุกขึ้นมา
“หากเจ้าอยากให้ข้าทำอะไรบางอย่างให้เจ้าแล้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย หากว่าเจ้าสามารถเอาชนะเทียนเอ๋อได้ล่ะนะ” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวพร้อมแสยะยิ้ม
“เทียนเอ๋อ? เจ้าเด็กไม่มีพ่อนั่นน่ะเหรอ?” หลินเฉิงอวี้ก็ได้กล่าวอย่างดูถูก แต่พอเขาเห็นสายตาของหลินซีเหยียนแล้ว คำพูดที่เขาจะพูดต่อออกมาก็ได้ติดอยู่ในลำคอทันที
หลินเฉิงอวี้จึงได้เปลี่ยนคำพูด “ก็ได้ เจ้าให้เจ้าเทียนเอ๋อ ออกมาเลย!”
เขาคิดก็แค่เด็ก 5 ขวบเองไม่ใช่เหรอ เขาก็น่าจะชนะได้อย่างง่ายๆ แล้วเขาก็ได้เริ่มเพ้อฝันในใจของเขา
ฝันว่าตัวเขานั้นถูกรับเลือกโดยฮ่องเต้และได้กลายเป็นแม่ทัพที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศ
คนโง่ ก็ย่อมคิดอะไรอย่างโง่ๆ
หลินซีเหยียนนั้นไม่รู้ว่าหลินเฉิงอวี้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางก็ได้เรียกเทียนเอ๋อออกมาแล้วหาเก้าอี้มานั่งดู
“เทียนเอ๋อ เจ้าไม่ชอบขี้หน้าเขามานานแล้วใช่ไหม? วันนี้แม่จะให้โอกาสเจ้าได้อัดเขา” หลินซีเหยียนเปิดริมฝีปากแดงๆของนางออกมาและกล่าวข้างๆหูของเทียนเอ๋อ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ แววตาของเทียนเอ๋อก็เป็นประกายขึ้นมาแล้วจากนั้นเขาก็ได้หักนิ้วมือตัวเอง “เทียนเอ๋อจะไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวังแน่นอน”
ในพื้นที่เปิดมีเด็กหนุ่มสองคนก็ได้ต่อสู้กันอย่างไม่ค่อยน่าดูนัก โดยที่ระหว่างการต่อสู้ เด็กตัวโตก็ได้ร้องไห้และขอความเมตตา
ในขณะที่เด็กตัวเล็กกว่าก็ได้แกว่งแขนเล็กๆของเขาและไล่ล่าเด็กตัวโตอย่างไม่ลดละ
“หลินซีเหยียน เจ้าหลอกข้านี่ เจ้าไม่ได้บอกนี่ว่าเจ้าเด็กไม่มีพ่อนี่รู้วรยุทธด้วย” ในขณะที่พยายามหลบอย่างไร้ทางต่อต้าน หลินเฉิงอวี้ก็ได้ตะโกนด่าความเจ้าเล่ห์ของหลินซีเหยียน