บทที่ 121
ข้าไม่รักษาไม่ได้เหรอ?
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้กลับเป็นปกติ
เจียงหวายเย่ก็ได้สั่งคนให้นำแผงกั้นออก “รุ่ยเหยียน เจ้าไปตรวจอาการนาง”
“ท่านประมุขหอ ข้าก็ได้ให้ยาไปแล้วไง ทำไมท่านถึงยังบังคับข้าอีก?” รุ่ยเหยียนก็ได้คิ้วขมวดและกล่าวอย่างเหนื่อยใจ
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องมองไปที่เขาอย่างช้าๆ รุ่ยเหยียนก็ได้ตกใจกับดวงตาที่จริงจังมากของเขา “ข้ารู้ว่าเจ้านั้นไม่ชอบรักษาใครที่เป็นคนนอกหอพันกล แต่นางก็ไม่ใช่คนนอก นางคือผู้ที่จะมาเป็นภรรยาของข้า”
จริงๆแล้วเจียงหวายเย่นั้นไม่อยากที่จะพูดคุยกับเขามากนัก อย่างไรก็ตามชายคนนั้นชอบให้เขาต้องบังคับเสมอ ไม่รู้เพราะอะไร แต่เขาเองก็ชอบที่จะให้คนรู้ว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นเป็นของเขาแม้ว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไม่คิดเช่นนั้นก็ตาม
รุ่ยเหยียนก็ได้มองไปที่สายตาของเจียงหวายเย่ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะสั่นขึ้นมาแล้วกล่าว “ท่านประมุขหอ ข้ายอมแล้ว”
หลงเยว่ที่ยืนดูอยู่ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเจียงหวายเย่เท่าไร แต่เพราะยารักษาแผลขวดนั้นทำให้นางรู้ว่าวิชาแพทย์ของ รุ่ยเหยียนนั้นเหนือกว่านางเสียอีก
บาดแผลส่วนใหญ่ของหลินซีเหยียนนั้นก็เกือบหายดีแล้ว ดังนั้นรุ่ยเหยียนจึงไม่ต้องตรวจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นการอาบยาเมื่อสักครู่นี้ก็ให้ผลดีมาก ในตอนนี้เขาจึงจำเป็นแค่จับชีพจรเท่านั้น
ยื่นมือออกมาแล้วจับชีพจรของหลินซีเหยียน “แม่นางคนนี้เสียเลือดไปมาก แต่หากให้ยาที่ช่วยบำรุงเลือดและให้นางพักผ่อนให้มากๆก็จะหายดี”
“ข้าทราบแล้ว พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว” เจียงหวายเย่นั่งลงข้างๆหลินซีเหยียนแล้วกล่าวด้วยเสียงที่หนาวเย็นมาก
รุ่ยเหยียนนั้นจึงได้ตบริมฝีปากตัวเอง “ท่านประมุขหอช่างโหดร้ายเสียจริง ไล่ข้าทันทีที่ใช้งานข้าเสร็จเช่นนี้”
“เลิกพูดจาไร้สาระ แล้วกลับไปได้แล้ว” เจียงหวายเย่คิ้วขมวดอย่างหมดความอดทน แล้วในเวลานี้เขานั้นอยากที่จะอยู่กับเสี่ยวเหยียนเอ๋อตามลำพัง
รุ่ยเหยียนก็ได้ถอนหายใจ “ข้าไม่ไป ข้ายังอยากที่จะอยู่ที่พระราชวังต่อและคอยดูความรุ่งโรจน์ของว่าที่ภรรยาท่านประมุขหอ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลงเยว่นั้นก็ได้กล่าวลาอย่างรู้สึกจนใจ
ไม่นานนัก ก็เหลือเพียงหลินซีเหยียนที่กำลังหลับใหลอยู่กับเจียงหวายเย่ตามลำพังในห้องนั้น
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ใบหน้ายามหลับที่สวยงามของหลินซีเหยียน แล้วดวงตาสีดำของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ แล้วใช้มือลูบไปมาที่แก้มของหลินซีเหยียนอย่างอ่อนโยน
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อเจ้ากังวลเรื่องที่เยี่ยจุนเจี๋ยจะแต่งกับซูอวิ๋นโยว แต่เจ้ากลับไม่กังวลเรื่องของเปิ่นหวางเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้ารู้อยู่แล้วหรือว่าเป็นเพราะเจ้าไม่สนใจกันแน่นะ?”
บางทีอาจเป็นเพียงการลูบของเจียงหวายเย่นั้นทำให้นางรู้ไม่สบายตัว หลินซีเหยียนจึงได้หดคอของนางลงราวกับจะหลีกให้พ้นมือของเจียงหวายเย่
แล้วก็มีแววตาที่อันตรายปรากฏขึ้นมาในดวงตาของ เจียงหวายเย่ และปรากฏบรรยากาศที่อันตรายขึ้นมารอบตัวเขา เจียงหวายเย่จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากห้อง
เขานั้นมองย้อนตัวเองแล้วคิดว่าทำไมอารมณ์ของเขาถึงได้เหนือการควบคุมของเขามากขึ้นเรื่อยๆ หรือเพราะว่าคนคนนั้นจะเป็นนางจริงๆ?
ในขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น อันเอ้อที่กระหายเลือดก็ได้กลับมายังพระราชวัง เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่เขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็น “เป็นอย่างไรบ้าง?”
อันเอ้อก็ได้คุกเข่าลงกับพื้น ด้วยท่าทางที่มาตรฐานมาก
“ไร้ซึ่งความผิดพลาดใดๆ ขาของราชครูซูหักเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ดีมาก” เจียงหวายเย่เองก็เหมือนจะรู้ผลเรื่องนี้อยู่นานแล้ว
“องค์ชายขอรับ ในขณะที่ข้าน้อยไปที่จวนราชครู ข้าน้อยพบว่าที่จวนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นด้วย เพราะบุตรีของราชครูซูนั้นแขวนคอตัวเองแต่ก็ล้มเหลวขอรับ” อันเอ้อรายงาน
แล้วก็มีแววตาดำมืดปรากฏในดวงตาของเจียงหวายเย่ ถ้าไม่ใช่เพราะซูอวิ๋นโยวนั้นหลงรักเยี่ยจุนเจี๋ยแล้ว ราชครูซูคงคิดจะส่งนางมาให้เขาเป็นแน่แท้ แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงต่อกันแน่นะ?”
“ออกไปได้แล้ว!”
หลังจากที่อันเอ้อออกไป เจียงหวายเย่ก็ได้กลับเข้าห้องทำงานแล้วหยิบเอาเอกสารที่ถูกปิดผนึกเป็นความลับของหอพันกลออกมา
จากนั้นเขาก็ได้ไตร่ตรองดูอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะหยิบออกมาแล้วส่งให้กับอันอี้ “ไปหาวิธีส่งมอบสิ่งนี้ให้กับฮ่องเต้”
“ขอรับนายท่าน” แล้วอันอี้ก็ได้ขานรับคำสั่งแล้วจากไป
ในเวลานี้จวนราชครูซูนั้นวุ่นวายมาก ภรรยาของราชครูซูที่ชื่อจางปี้นั้นร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรมาก
“นี่ข้าทำอะไรไม่ดีลงไปรึอย่างไร? ท่านหมอ, ท่านจะต้องช่วยท่านพี่กับอวิ๋นเอ๋อลูกสาวของข้าให้ได้นะเจ้าคะ” ฮูหยินจางเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยืนดูอยู่ใกล้ๆราชครูซู
มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าราชครูซูนั้นทำชั่วร้ายเพียงใด ทำให้เขาต้องโดนใครบางคนทำร้ายที่หน้าทางเข้าจวน
ราชครูซูนั้นเป็นถึงราชครูในรัฐนี้ แม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่สำคัญเท่าองค์ชายรัตติกาล แต่ทว่าขุนนางผู้ใหญ่ที่พิการนั้นจะคงยังเป็นขุนนางได้อีกหรือ?
หรือว่าตระกูลซูจะต้องจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้แล้ว?
ในขณะที่ภรรยาของราชครูซูกำลังคิดเช่นนี้นั้น สาวใช้ก็ได้เข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
“อวิ๋นเอ๋อฟื้นแล้วงั้นเหรอ?”
ฮูหยินจางก็ได้รีบไปที่ห้องของซูอวิ๋นโยว แต่หลังจากที่เปิดประตูเข้าไป นางก็ได้มองไปที่ลูกสาวของนางที่ใบหน้าก็เป็นเหมือนแต่ก่อน แต่กลับให้ความรู้สึกที่แปลกไป
ลูกสาวของนางนั้นปกติจะเป็นคนที่อ่อนโยนมาก แต่ในเวลานี้นางกลายเป็นคนที่เย็นชาได้อย่างไรก็ไม่รู้
แต่ก่อนที่ฮูหยินจางจะได้พูดอะไร ซูอวิ๋นโยวก็ได้กล่าว “เกิดอะไรขึ้น?”
ลูกสาวที่เพิ่งรอดจากความตายนั้นกลับดูเย็นชามาก ทำให้ฮูหยินอวี้ลืมที่จะเช็ดน้ำตาของนางไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะกล่าว “พ่อของเจ้าถูกใครก็ไม่รู้หักขาเข้า”
ซูอวิ๋นโยวก็ได้มีแววตามืดหม่นขึ้นมาในดวงตาของนางแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวปลอบนาง “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านยังมีข้าอยู่”
คำพูดเช่นนี้ทำให้ฮูหยินจางรู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมาได้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ๆ
ส่วนเทียนเอ๋อที่อยู่โรงเตี๊ยมซื่อฟางนั้น หลังจากที่กลับมาที่เรือนเชียนเหยียนแล้ว เขาก็ไม่พบแม้แต่เงาของหลินซีเหยียน เขาจึงได้ถามคนในเรือนแต่ก็ไม่มีใครทราบ สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงเขาจึงได้คิดที่จะเดินทางไปพระราชวังรัตติกาลเพื่อถามอาจารย์ของเขา
ในเวลานี้บาดแผลของชิงอวี่ก็หายเกือบจะสนิทแล้ว พร้อมด้วยจี๋เฟิงที่ทำหน้าที่คอยดูแลนาง พวกเขาก็ได้ร่วมเดินทางมาพร้อมกับเทียนเอ๋อด้วย อย่างไรเสียพวกเขาก็มีหน้าที่ต้องปกป้องหลินซีเหยียน
ถ้าหลินซีเหยียนเกิดเป็นอะไรไปในขณะที่พวกเขาไม่ได้ประจำตำแหน่งโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วล่ะก็ พวกเขาคงได้รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตของพวกเขาแน่
ไม่นานนักเทียนเอ๋อก็ได้เดินทางมาถึงพระราชวังรัตติกาล ซึ่งเดิมทีคิดที่จะพาเทียนเอ๋อกระโดดข้ามกำแพง แต่ก็พบว่าพระราชวังรัตติกาลนั้นสว่างอยู่ เทียนเอ๋อจึงได้เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปด้านใน
เจียงหวายเย่นั้นมีความรู้สึกที่พิเศษกับเทียนเอ๋อ เขาได้ส่งคนออกไปเพื่อตามหาว่าพ่อของเทียนเอ๋อนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่ท่านอาจารย์ของที่กำลังเหม่อลอยแล้วถาม “ท่านอาจารย์ ท่านแม่อยู่ที่นี่กับท่านหรือไม่?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัว เขานั้นไม่คิดที่จะบอกเขาเรื่องที่แม่ของเขานั้นบาดเจ็บอยู่กลับกันเขาก็ได้จ้องไปที่ชิงอวี่และจี๋เฟิงแทน
ชิงอวี่และจี๋เฟิงก็ได้ตกใจอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่นางหลินจริงๆ?
ความคิดนั้นได้วนเวียนอยู่ในหัวของพวกเขาอยู่พักใหญ่ๆ
ไม่นานนักรุ่งสางของวันใหม่ก็ได้มาถึง
หลินซีเหยียนตื่นขึ้นมา
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงได้ป่วยอีกแล้ว?” เทียนเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างเตียงของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้โผล่หัวเขามา
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปรอบๆแล้วถาม “องค์ชายเย่ไปไหนแล้ว?”
“ท่านอาจารย์ออกไปที่พระราชวังหลวงแต่เช้าแล้วขอรับ ข้าได้ยินมาว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเมื่อคืน ราชครูซูนั้นถูกทำร้ายจนขาหักที่หน้าจวนของราชครูเองขอรับ”
โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มาก หลินซีเหยียนรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร
แต่จะต้องมีอะไรมากไปกว่านั้นแน่ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว แต่กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่รุนแรงและความอันตรายได้อยู่
ณ พระราชวังหลวง ฮ่องเต้เจียงนั่งอยู่ที่บัลลังก์ ในเวลานี้เขามีสีหน้าที่ดำมืดมาก “ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะรุนแรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ และภายใต้เท้าของฮ่องเต้อย่างข้า กลับมีคนกล้าทำร้ายขุนนางของข้า”
ในเวลานี้ราชครูซูนั้นนั่งอยู่ที่รถเข็น ด้วยสภาพที่ห่อเหี่ยว จากเดิมที่แก่อยู่แล้วก็ดูแก่มากขึ้นไปอีก