บทที่ 29
ไร้ซึ่งความเงียบสงบ
เมื่อหลินซีเหยียนกลับมาถึงที่จวนมหาเสนาบดีนั้นก็เป็นเวลาดึกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมานางก็ได้เลือกที่จะปีนกำแพงกลับเข้ามา แต่นางก็ไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำนั้นจะทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง
มีเงาคนที่อยู่ที่มุมหนึ่งโดยที่ไม่มีใครสังเกต แล้วรีบวิ่งไปยังตำหนักของหลินหัวเยว่ทันที
ณ ตำหนักเยว่ ดวงตาของหลินหัวเยว่นั้นได้ฉายความชั่วร้ายออกมา นางมองไปที่สาวใช้คนสนิทของนาง “เจ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับหลินเสวี่ยเหยียน”
สาวใช้ก็ได้ออกจากห้องไป ห้องนั้นก็เหลือหลินหัวเยว่อยู่เพียงลำพัง นางมองไปที่ประตูแล้วก็หัวเราะออกมาซึ่งเข้ากับใบหน้าที่ไร้ซึ่งเลือดของนางยิ่งนัก นางนั้นดูราวกับผีที่มาจากนรกมาก “หลินซีเหยียน ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่”
ณ ตำหนักเสวี่ยของคุณหนูสามบ้านมหาเสนาบดี ใบหน้าของหลินเสวี่ยเหยียนนั้นปรากฏความตื่นเต้นออกมา “จริงเหรอ? มีผู้ชายเข้าไปในตำหนักของหลินซีเหยียนจริงๆเหรอ?”
สาวใช้คนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นนั้นตัวสั่นและผงกหัว “เป็นข้าน้อยที่มองเห็นด้วยตาตัวเองเจ้าค่ะ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกเจ้าค่ะ”
“ดี ถ้างั้นเจ้ามัวรออะไรอยู่? รีบเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อ และบอกด้วยว่าข้าจะไปเอาเรื่องกับหลินซีเหยียน” หลังจากที่หลินเสวี่ยเหยียนพูดจบนางก็ได้มุ่งหน้าไปยังตำหนักของ หลินซีเหยียนพร้อมด้วยปี้ฉุ่ย
นางนั้นยังจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน นางกับหลินซีเหยียนนั้นได้พนันกันเอาไว้ว่าหากใครแพ้พนันคนนั้นจะต้องยอมเป็นคนใช้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นางต้องหลบเลี่ยงหลินซีเหยียนมาโดยตลอด แต่ในที่สุดวันนี้นางจะได้จบเรื่องนี้กันเสียที
หลินซีเหยียนที่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็กำลังอาบน้ำอย่างสบายตัวหลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว
“ท่านแม่” ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังอ่านตำราแพทย์อยู่นั้น เสียงของเทียนเอ๋อก็ดังขึ้นมา
หลินซีเหยียนจึงได้บอกให้เขาเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เทียนเอ๋อจึงได้เข้ามาอย่างกลัวๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประจบ “ท่านแม่ขอรับ เทียนเอ๋อแค่อยากจะออกไปข้างนอกแล้วรีบกลับมา แต่กลับต้องเสียเวลาไปกับอะไรบางอย่างน่ะขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินซีเหยียนหรี่สายตาและดูสภาพที่ยุ่งเหยิงที่เกิดจากพยายามของเทียนเอ๋อแล้วนางเปลี่ยนอารมณ์ของนางขึ้นมา
“ทันทีที่ข้าออกไปข้างนอกวันนี้ ข้าเจอกับคนที่ไม่น่าสบอารมณ์เข้าน่ะขอรับ ไม่เพียงแค่เขาจะน่าเกลียดมากแล้ว เขายังชอบทำร้ายผู้หญิงและทำเรื่องไม่ดี ข้าทนไม่ไหวก็เลยสั่งสอนพวกเขาไป แต่แล้วดูเหมือนหมอนั่นจะจำข้าได้และออกไล่ล่าตามข้าขอรับ” เทียนเอ๋อกล่าวขณะที่ทุบอกเล็กๆของเขาอย่างภูมิใจ
หลินซีเหยียนจึงได้วางหนังสือลงแล้วเดินไปหา เทียนเอ๋อแล้วกล่าวด้วยอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรจะศึกษาเรื่องของการปลอมตัวอย่างง่ายๆดู เจ้าจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจำได้”
หลังจากที่พูดจบนางก็เหมือนกับนึกบางเรื่องออกได้ “จะว่าไปเจ้าเห็นยาในขวดสีดำๆที่ข้าวางไว้ในกล่องบ้างไหม?”
เทียนเอ๋อผงกหัวเมื่อได้ยินเข้า แล้วตอบอย่างจริงจัง “ยาขวดนั้นเหมือนจะไม่ส่งผลอะไรเลย ไม่สามารถทำคนหัวเราะหรือว่ามีอาการคันเลยขอรับ”
มุมปากของหลินซีเหยียนก็กระตุกหน่อยๆ และมองไปที่เทียนเอ๋อด้วยสายตาไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ลงไปแล้ว……
นางได้ลองทำยาขวดหนึ่ง ซึ่งเป็นยาพิเศษที่ทำให้ท่านชายนกเขาไม่ขัน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วหลินซีเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นางไม่รู้ว่าใครคือชายผู้โชคร้ายคนนั้น
“ต่อจากนี้แม่ไม่อนุญาตให้เจ้าหยิบยาขวดสีดำไปอีกแล้วนะ” หลินซีเหยียนกล่าวกับเทียนเอ๋ออย่างดุๆ
เทียนเอ๋อผงกหัวอย่างเศร้าๆเล็กน้อย
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงเอะอะดังมาจากนอกประตู
“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนูสาม คุณหนูกำลังพักผ่อนอยู่ ท่าน…..” จิ่งชุนกำลังพยายามห้ามนางอยู่
อย่างไรก็ตามหลินเสวี่ยเหยียนก็ได้พยายามดึงดันจะเข้ามา และจ้องไปที่จิ่งชุน “เป็นแค่สาวใช้ชั้นต่ำแต่กล้ามาหยุดข้างั้นเหรอ? ดีล่ะข้าจะสั่งสอนเจ้าก่อน”
“ใครกล้าทำก็ลองดู!” หลินซีเหยียนพูดออกมาด้วยใบหน้าที่มืดดำ และผลักประตูออกมาซึ่งนางก็พบว่าเหล่าคนเก่าคนแก่ที่เพิ่งถูกย้ายกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนต่างก็ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ไม่มีใครคิดช่วยจิ่งชุนเลย
แล้วเหล่าคนเฒ่าคนแก่ต่างก็พากันก้มหน้าไม่กล้ามองมาที่หลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนพยายามระงับความโกรธของนางแล้วหันหน้าไปมองหลินเสวี่ยเหยียนที่กำลังยิ้มอย่างร่าเริง “อะไรกันคุณหนูสามเพิ่งนึกออกได้หรือว่าพร้อมที่จะมาเป็นคนรับใช้ของข้าแล้วงั้นเหรอ?”
คำพูดประชดประชันนี้ทำให้หลินเสวี่ยเหยียนโมโหขึ้นมา “หลินซีเหยียนเจ้าเป็นแค่คนโง่แท้ๆ คิดว่าเจ้ามีค่ามากพอที่จะสั่งสอนข้าคนนี้งั้นเหรอ?”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างยั่วโมโห “หลินซีเหยียน เจ้านี่มันตัวหน้าขายหน้าของบ้านมหาเสนาบดีจริงๆ ไม่เพียงแต่เจ้าจะหนีตามคนอื่นไป แต่เจ้ายังจะกล้าเอาผู้ชายมาหลบซ่อนอีก เจ้านี่มันช่างสำส่อนจริงๆ”
คำพูดว่าร้ายเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนคิ้วขมวดขึ้นมาอย่างโมโห
“หุบปาก เป็นแค่ต้นหอมเขียวอย่างเจ้าถือดียังไงกล้ามาว่าท่านแม่ของข้าเช่นนี้ เดี๋ยวข้าก็ทุบตีเจ้าเสียหรอก” ดวงตาของเทียนเอ๋อแดงก่ำ และสะบัดกำปั้นน้อยๆของเขา
หลินเสวี่ยเหยียนนั้นไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยและพูดสวนกลับอย่างรุนแรง “เจ้ามันก็แค่คนชั้นต่ำ ถือดียังไงมาพูดกับข้าเช่นนี้”
“เทียนเอ๋อไม่ใช่ชนชั้นต่ำนะ” ตาของเทียนเอ๋อแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ
หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนั้น ดวงตาของนางก็ได้มืดสนิทขึ้นมา นางนั้นใช้ชีวิตกันเพียงสองคนแม่ลูกมาโดยตลอด นางนั้นสามารถอดทนต่อการดูถูกและสายตาแปลกๆได้ แต่มันก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่และเทียนเอ๋อคือข้อยกเว้นนั้น
นางอดทนต่อไปไม่ไหว และไม่คิดที่จะอดทนต่อไปด้วย หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้มองไปที่คนเหล่านี้อีก ร่างเงาของ หลินซีเหยียนก็ได้ปรากฏขึ้นมาระหว่างคนเหล่านั้น หลังจากนั้นสักพักผู้คนที่อยู่รอบๆหลินเสวี่ยเหยียนก็พากันทรุดลงไปกองกับพื้น
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยความกลัวราวกับกำลังเห็นผีก็ได้พูดขึ้นมา “หลินซีเหยียนเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
“ก็ลองเดาดูสิว่าข้าทำอะไร?” หลินซีเหยียนยิ้มขึ้นมาด้วยริมฝีปากแดงๆของนาง แล้วเดินเข้าไปหาหลิวเสวี่ยเหยียนเรื่อยๆ
หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ถอยออกมาด้วยความกลัว โดยไร้ซึ่งการระวังตัวนางก็ได้เดินเหยียบเขากับชายกระโปรงแล้วล้มลงไปกองกับพื้นและพูดด้วยความหวาดกลัว “อย่าเข้ามานะ ท่านพ่อรีบๆมาช่วยข้า เร็วเข้า!”
หลินเสวี่ยเหยียนร้องไห้อย่างดื้อรั้น และในขณะที่ หลินซีเหยียนกับคิดจะหัวเราะอยู่นั้นเอง มหาเสนาบดีหลินก็ปรากฏตัว
แล้วในตอนนั้นเองมหาเสนาบดีหลินก็ได้ตะโกนอย่างเต็มเสียง “หลินซีเหยียน เจ้าทำร้ายเยว่เอ๋อยังไม่พอใจ? เจ้ายังจะมาลงมือกับเสวี่ยเหยียนอีกเหรอ”
มองดูมหาเสนาบดีหลินที่มีทีท่าสุภาพแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างเสียดสี “ท่านมหาเสนาบดีหลินท่านควรจะมีความเป็นกลางสักหน่อยนะ”
“แต่ในฐานะพ่อแล้ว ข้าเห็นว่าทำมากเกินไปหน่อยนะ” มหาเสนาบดีหลินกล่าว
สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ก็คงคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นหน้ามืดตาบอด นางได้หันหลังกลับและจูงมือเทียนเอ๋อแล้ว กล่าว “พาหลินเสวี่ยเหยียนกลับไปเสีย และอย่าได้เข้ามาในตำหนักเล็กๆของข้าอีก ไม่อย่างนั้นก็เตรียมรับผลที่จะตามมาด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
เมื่อคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบลงแล้ว แต่หลินเสวี่ยเหยียนนั้นยังไม่ยอมจบง่ายๆ
“ท่านพ่อ ข้ายังไม่ไป หลินซีเหยียน นังนั่นซ่อนผู้ชายเอาไว้เจ้าค่ะ” หลินเสวี่ยเหยียนดึงแขนเสื้อของมหาเสนาบดีหลินเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่ยอมง่ายๆ
มหาเสนาบดีหลินที่ได้ยินเข้าก็ได้มีแววตาคำนวณขึ้นมาแล้วเขาก็เอ่ยปากหยุด “เดี๋ยวก่อน! ที่น้องสาวเจ้าว่าเป็นความจริงรึ?”
“ไม่จริง” หลินซีเหยียนหันกลับมาแล้วมองไปที่มหาเสนาบดีหลินอย่างขำขัน
มหาเสนาบดีหลินไม่รู้ว่าจะตอบเช่นใน จึงได้แต่ทำเป็นไอกลบเกลื่อน “ถ้าเช่นนั้นขอข้าตรวจดูหน่อยเพื่อความปลอดภัย”
“แล้วถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างไม่ให้โอกาสได้ง่ายๆ
“อย่ามาพูดเอาแต่ใจ” เมื่อมหาเสนาบดีหลินพูดจบ เขาก็ได้สะบัดมือและมีคนที่พร้อมที่จะเดินผ่านหลินซีเหยียนเข้าไปตรวจดู
แต่หลินซีเหยียนก็ได้เข้ามาขวางไม่ให้ใครเข้าไป
“ซีเหยียน นี่ก็เพื่อพ่อและตัวของเจ้าเองนะ” มหาเสนาบดีหลินกล่าว