บทที่ 46
ให้เงินช่วยเหลือ
หลินซีเหยียนมองไปที่ชายชุดดำอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเขาเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มนักเลงแบบไหนกัน? ถึงได้มาบอกว่าตัวเองไม่มีเงินเนี่ย?
หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เขาที่มีสีหน้าจริงจังมากปราศจากการล้อเล่นใดๆ ทำให้นางถามเขาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าไม่มีเงินเลยจริงๆสินะ?”
ชายชุดดำผงกหัว
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนางโดยไม่พูดอะไร แล้วหยิบเอาเงินจำนวน 100 ตำลึงเงินจากเอวของนางออกมา แล้วส่งให้กับชายชุดดำ “เอ้า! เอาไปและนอกจากซื้อยาแล้ว เงินที่เหลือก็ดูซื้อของกินกลับมาด้วย”
ชายชุดดำก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนอย่างขอบคุณแล้วจากไป
หลินซีเหยียนที่ยืนอยู่ที่ประตูก็มองไปที่ด้านหลังของชายชุดดำที่จากไป ทำให้นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาอาจจะคือ หลินหนานเฟิง บุตรชายคนโตของจวนมหาเสนาบดี
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง หลินหนานเฟิงกับตัวนางจะคือมิตรสหายที่มีชีวิตเช่นเดียวกัน หลินซีเหยียนนั้นถูกทุกคนทำร้าย ในขณะที่หลินหนานเฟิงเป็นลูกของนางโลมจึงถูกทุกคนดุด่า สถานการณ์ของพวกเขาทั้งคู่ช่างคล้ายกันมาก
ครั้งหนึ่งตอนที่ข้ารับใช้คิดที่จะมาแย่งเอาสร้อยคอที่แม่ของหลินซีเหยียนเหลือไว้ไป หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นสู้และต่อต้าน แม้ว่าแขนเล็กๆของนางที่ยังยาวไม่ถึงขาของนางก็ตาม แต่นางก็ยังพยายามต่อสู้
เมื่อเห็นว่าสร้อยคอกำลังจะถูกเอาไป หลินหนานเฟิงก็ได้โผล่มาช่วยนาง ในช่วงเวลานั้นหลินซีเหยียนนั้นคิดว่าหลินหนานเฟิงเป็นเหมือนกับชายขี่ม้าขาวของนาง
ถึงสุดท้ายแล้วทั้งสองคนจะถูกทำร้ายทั้งคู่มีรอยเขียวช้ำทั่วตัว แต่ยังโชคดีที่สร้อยคอเส้นนั้นไม่ได้ถูกเอาไป
“หนาน…เฟิง เจ้า….เจ้าอยู่ที่ไหน?” ในขณะที่ หลินซีเหยียนกำลังอยู่ในภวังค์นั้น ก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาจากในกระท่อมหลังนั้น
หลินซีเหยียนจึงได้รีบเปิดประตูเข้ามาข้างใน “ป้าเฉิน พี่ใหญ่หนานเฟิงกำลังออกไปหาซื้อยาให้ท่านอยู่”
ป้าเฉินนั้นร่างกายอ่อนแอมาก นางนั้นอยากที่จะขอบคุณหลินซีเหยียน แต่พอสายตาของนางจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้ว สายตาของนางก็ไม่ได้ย้ายไปไหน และกล่าวด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด “นายหญิงเยี่ยข้าขอโทษท่านด้วยจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถอยู่ดูแลคุณหนูรองได้”
หลินซีเหยียนจับใบหน้าของนาง และพบว่าการปลอมตัวของนางยังอยู่ดี แล้วนางก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยิ้มและพูดกับป้าเฉิน “ป้าเฉิน ดูให้ชัดๆนะขอรับ ข้าไม่นายหญิงเยี่ย ข้าชื่อว่าหลินอวิ๋นเซวียนเป็นสหายของหนานเฟิงขอรับ”
เมื่อหลินซีเหยียนได้เตือนนาง ป้าเฉินก็ได้ฟื้นคืนสติกลับมา หลังจากนั้นป้าเฉินก็เริ่มพูดเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรื่องหลังจากที่นางเสียไป และหวังให้หลินอวิ๋นเซวียนคอยดูแล หลินหนานเฟิงแทนนาง
หลินซีเหยียนจึงได้ปลอบนาง “ป้าเฉิน ท่านวางใจได้ด้วยการรักษาของข้า นอกจากท่านจะไม่ตายแล้วยังมีชีวิตที่ยืนยาวอีกด้วย”
ป้าเฉินก็เหมือนจะร่าเริงขึ้นมา และใบหน้าของนางเองก็มีสีเลือดฝาดขึ้น ไม่นานนักหลินหนานเฟิงก็กลับมา เขาได้นำยาส่งให้กับป้าเฉิน แต่ป้าเฉินกลับไม่ดื่มและมองไปที่หลินหนานเฟิงอย่างไม่พอใจ “เจ้าไปทำงานอะไรที่มันอันตรายอีกแล้วล่ะสิ? ข้าบอกแล้วไงว่า เขาจะไม่ใช้เงินที่ได้มาจากการทำร้ายคนอื่น!”
“ไม่ใช่” หลินหนานเฟิงนั้นใช้คำพูดไม่เก่ง จึงไม่มีทางที่เขาจะอธิบายให้ป้าเฉินเข้าใจได้
หลินซีเหยียนก็ได้ยื่นมือของนางออกไปแล้วดึงป้าเฉินกลับมา “ป้าเฉิน ข้าเป็นคนที่ให้เงินพี่ใหญ่หนานเฟิงเอง”
ป้าเฉินก็ได้มองไปที่หลินหนานเฟิงผู้ที่ยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “หนานเฟิงเจ้าจะต้องเลิกทำงานที่อันตรายนะ เข้าใจไหม”
“ข้าสัญญา” หลินหนานเฟิงก็ได้ตอบอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นหลินหนานเฟิงก็ได้มองไปที่ป้าเฉินที่กำลังพักผ่อน แล้วก็เดินออกจากห้องไป แล้วหลินซีเหยียนก็ได้เดินตามหลังเขาไป
“เจ้าเป็นใคร?” หลินหนานเฟิงมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าจริงจังแล้วถาม
หลินซีเหยียนก็ตอบ “ถ้าข้าบอกว่าข้าคือหลินซีเหยียนเจ้าจะเชื่อไหม?”
หลินซีเหยียนนั้นไม่คิดที่จะปิดบังตัวตนจาก หลินหนานเฟิง ไม่เพียงแค่นั้นนางนั้นต้องการให้หลินหนานเฟิงกลับไปโผล่ที่จวนมหาเสนาบดีอย่างเปิดเผยด้วย
หลินหนานเฟิงก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วหรี่สายตาลง “ข้าเชื่อ”
“เจ้าเด็กโง่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ” ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขานั้นพูดน้อยแต่พึ่งพาได้ไม่เปลี่ยน
“เจ้าเปลี่ยนไปมาก” หลินหนานเฟิงตอบ
ในขณะที่หลินซีเหยียนยังอยากที่จะพูดกับเขาต่อนั้น ก็มีเหล่าคนในชุดดำมากมายโผล่มาล้อมนางเอาไว้ หลินซีเหยียนก็ได้หันไปมองดูพวกเขา และจำได้ว่าคนเหล่านี้คือหน่วยอันที่เป็นองครักษ์ของเจียงหวายเย่
“ท่านหมอผีไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ?” ผ่านการรายงานของจี๋เฟิง อันอี้ก็ทราบแล้วว่าพระชายานั้นคือหมอผีนั่นเอง และเพราะหลินซีเหยียนที่ตั้งใจปิดบังตัวตนของตัวเองเช่นนั้น เขาจึงจำต้องเล่นตามบทด้วย
หลินซีเหยียนจึงได้ผงกหัวแล้วกล่าว “พวกเขาเป็นคนของข้าเอง พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวขนาดนั้น”
ด้วยการโบกมือของนาง เหล่าคนที่กำลังรีบเตรียมพร้อมอาวุธจึงได้พากันยืนอยู่นิ่งๆ แล้วจากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้ผลักให้อันอี้ถอยไปอย่างช้าๆ
หลินซีเหยียนนั้นไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของ เจียงหวายเย่ แต่นางกลับมีคำถามที่อยากจะถามเจียงหวายเย่ “ท่านรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าองค์ชายจะส่งคนสะกดรอยตามข้ามา?”
เจียงหวายเย่ส่ายหัวแล้วตอบ “ไม่ใช่เพื่อสะกดรอยตาม”
พูดจบอันอี้ก็ได้โบกมือของเขา และมีคนสองคนที่เดินมาด้านหน้า สองคนนั้นเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
“ข้าชื่อชิงอวี่เจ้าค่ะ” หญิงสาวที่ชื่อชิงอวี่ก้มหัวอย่างเชื่อฟัง
“ส่วนข้าชื่อว่าจี๋เฟิงขอรับ” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชิงอวี่เองก็พูดขึ้นอย่างสุภาพ
“พระชายาขอรับ พวกเขาทั้งคู่ถูกส่งมาให้คอยคุ้มครองพระชายาขอรับ” อันอี้อธิบาย “ในวันนี้ท่านพบกับอันตราย พวกเขาจึงได้กลับไปที่เรือนขององค์ชายเย่เพื่อรายงานขอรับ”
หลินซีเหยียนผงกหัว จากนั้นก็มองไปที่เจียงหวายเย่ “พวกเขาเป็นคนของข้าใช่ไหม?”
อันอี้กำลังจะตอบว่าไม่ใช่ แต่เจียงหวายเย่กลับเปิดปากของตัวเองก่อน “จากนี้ไปเจ้านายของพวกเขาคือเจ้า”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ ไม่เพียงแต่อันอี้ที่ตกใจ แต่ยังรวมถึงจี๋เฟิงและชิงอวี่ที่ตกใจมากเช่นกัน พวกเขานั้นรู้ดีว่าหน่วยอันของหอพันกลนั้นจะต้องอยู่กับหอพันกลไปตลอดไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
“ถ้าเช่นนั้น ก็ขอบคุณมากองค์ชาย” หลินซีเหยียนตอบอย่างยินดีมาก
หลินหนานเฟิงที่ถูกทิ้งอย่างเดียวดาย ก็ได้ยืนมองดูทั้งคู่ จนสุดท้ายหลินซีเหยียนก็ได้ตัดสินใจจะตามเจียงหวายเย่กลับไป แต่ก่อนที่นางจะกลับไปหลินซีเหยียนก็ได้ให้เงินกับหลินหนานเฟิงจำนวนหนึ่ง “ถ้าเจ้าต้องการจะพบข้า ให้ไปที่หอคว้าจันทร์ที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองนะ”
หลินหนานเฟิงผงกหัว
หลินซีเหยียนก็ได้กลับไปที่พระราชวังรัตติกาล แล้วจากนั้นก็มองหาชุดใส่ในพระราชวัง เพื่อเตรียมตัวกลับไปยัง จวนของมหาเสนาบดี
เมื่อนางสวมชุดนี้แล้วเดินออกมาพบกับเจียงหวายเย่ สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็เปลี่ยนสีทันที เมื่ออันอี้เห็นเช่นนั้นก็รีบมาบอกทันที “พระชายา ชุดที่ท่านสวมอยู่นั้นคือชุดของท่านแม่ขององค์ชายขอรับ”
หลินซีเหยียนก็ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แล้วจากนั้นก็ได้รีบขอโทษแล้วรีบหันหลังกลับไปเพื่อกลับไปเปลี่ยนชุด
แต่เจียงหวายเย่ได้บอกให้นางหยุด หลินซีเหยียนก็ได้หันกลับมาแล้วพบเจียงหวายเย่ที่กำลังหลบตาลงต่ำแอบทำหน้าเศร้า “เจ้าสวมชุดนั้นแล้วดีมากเลย”
ในขณะที่หลินซีเหยียนคิดว่าเขาคงกำลังจะโกรธ เจียงหวายเย่กลับพูดเช่นนี้ออกมาแล้วยังชี้ตรงที่นั่งใกล้ๆเขา “นั่งลงเถิด”
หลินซีเหยียนก็นั่งลง จากนั้นก็มีคนยกอาหารและสุราเข้ามา สุราเหล่านี้เป็นสุราดีมาก แต่น่าเสียดายที่ผู้ดื่มนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ดี และพบว่าเจียงหวายเย่นั้นดื่มเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
“เหยียนเอ๋อ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง จริงๆแล้วแม่ของข้าที่เป็นนางสนมนั้นเกลียดชังพระราชวังหลวงมาก ที่นั่นไร้ซึ่งความอบอุ่นและความรัก มีแต่เพียงการให้ร้ายและหลอกลวง และเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางและทำให้องค์ฮ่องเต้รู้สึกผิดต่อนาง นางจึงได้ฆ่าตัวตาย”
สีหน้าของเจียงหวายเย่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่สายตาของเขานั้นดูพร่ามัวมาก ราวกับกำลังมองไปไกลๆทะลุผ่านเสื้อผ้าของนางไป หลินซีเหยียนรู้ดีว่าเขานั้นคงจะเมาแล้ว