บทที่ 79
งานเลี้ยงใหญ่ที่จวนท่านแม่ทัพ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า!” เยี่ยจุนเจี๋ยพูดยืนกรานปฏิเสธ
ซูอวิ๋นโยวนั้นเมื่อพบว่าเยี่ยจุนเจี๋ยกับหลินอวิ๋นเซวียนนั้นดูสนิทกันมากแล้ว ก็ได้มีแววตาไตร่ตรองขึ้นมาในดวงตาของนาง แล้วจากนั้นนางก็ได้ยิ้มออกมาเบิกบาน “คุณชายทั้งสองท่านนี้แม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่กลับดูสนิทสนมกันมากเลยนะเจ้าคะ!”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ผงกหัว “อวิ๋นเซวียนกับข้านั้นมีความสนใจเหมือนๆกันอยู่น่ะ ช่างน่าเสียดายที่พวกเราพบกันช้าไปหน่อย”
“ทำให้คุณชายเยี่ยเอ่ยปากชมได้ขนาดนี้ ข้าเกรงว่าคุณชายหลินนั้นคงจะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” ซูอวิ๋นโยวกล่าวชม แล้วจากนั้นก็พูดต่อ “จริงด้วยสิ อวิ๋นโยวมีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก แต่ข้าไม่รู้ว่าสมควรที่จะพูดออกไปดีหรือไม่?”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้หลบสายตาราวกับไม่เห็นด้วย แต่ หลินซีเหยียนก็ได้สะบัดพัดในมือแล้วถามอย่างสงสัย “ไม่เป็นอะไรหรอกแม่นางซู ว่ามาได้เลย”
“ข้าได้ยินมาว่ามีสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่นอกเมืองหลวง สัตว์ร้ายตัวนี้ฉลาดมาก มันเข้ามาขโมยอาหารของชาวบ้านโดยที่ไม่เคยติดกับดักที่ชาวบ้านวางเอาไว้เลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังตะกละตะกลามมากกินเป็ดไก่ของชาวบ้านไปจนเกือบเกลี้ยง ดังนั้นจึงได้มีพ่อค้าที่เสนอรางวัลเป็นสมบัติหายากกระบี่คู่สวรรค์ยมโลก เพื่อเชิญชวนเหล่าผู้กล้าทั้งหลายให้ไปล่ามัน”
“กระบี่คู่สวรรค์ยมโลก?” แค่ได้ยินชื่อ หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ว่ากระบี่คู่เล่มนี้จะต้องไม่ธรรมดามากๆ
เยี่ยจุนเจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆหลินซีเหยียนนั้นไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อย “ถึงกระบี่สวรรค์ยมโลกนั้นจะดูน่าสนใจ แต่ข้าก็มีกระบี่ดีอยู่แล้วดังนั้นข้าคงจะไม่ไปสู้เพื่อกระบี่คู่นั้นหรอก”
“แต่ข้าอยากจะลองดูนะ” มีแววตารู้สึกสนใจปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินซีเหยียน
“ในเมื่อน้องอวิ๋นเซวียนสนใจมัน ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเอง” เยี่ยจุนเจี๋ยตบไหล่ของหลินซีเหยียนอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง
แล้วก็ปรากฏซึ่งแววตาสำเร็จในดวงตาของซูอวิ๋นโยว “เป็นไปได้ไหมว่าที่ทั้งสองท่านจะช่วยพาอวิ๋นโหยวไปด้วยน่ะเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากที่จะรู้ว่าสัตว์ร้ายตัวนั้นเป็นแบบไหนกัน”
“เอ่อ….ข้าเกรงว่า….มันคงจะไม่ดีเท่าไรนัก!” เยี่ยจุนเจี๋ยนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขานั้นต้องการที่จะเว้นระยะห่างจากแม่นางซู เขาจึงได้กล่าวปฏิเสธนางไปอย่างสุภาพ “ข้ากับอวิ๋นเซวียนนั้นต่างก็เป็นผู้ชาย หากแม่นางไปกับพวกเราแล้ว ข้าเกรงว่ามันอาจจะไม่สะดวกนัก”
ซูอวิ๋นโยวก็ได้รีบกล่าว “ข้าสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้ท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”
สุดท้ายทั้งสองคนก็ไม่อาจต้านทานต่อการขอร้องของซูอวิ๋นโยวได้ จึงได้ยอมตกปากรับคำไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้ไป ในเวลานี้สิ่งที่สำคัญจริงๆอยู่นั่นคืองานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่านย่า
“น้องอวิ๋นเซวียนมากับข้า”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้พอหลินซีเหยียนไปยังห้องหนึ่งเพื่อไปพบกับท่านย่าของเขา แล้วแม่ทัพเฒ่าที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกับหญิงชราก็ได้แววตาส่องแสงออกมา “เจ้าเด็กตัวแสบมาได้เสียที”
“ก็ท่านเรียกหาข้า จะไม่ให้ข้ามาได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้และบิดปากของเขา
“เจ้าคือหลินอวิ๋นเซวียนสินะ?” ถึงแม้ว่าหญิงชรานั้นจะดูชราภาพแล้วก็ตาม แต่ดูนางยังมีเรี่ยวแรงดีอยู่เลย
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วก้มคำนับ แล้วจากนั้นนางก็ได้กล่าวอย่างให้ความเคารพ “ข้าขอให้ท่านย่ามีความสุขไปตลอดทะเลจีนตะวันออก และมีชีวิตที่ยืนยาวเหนือเทือกเขาหนานซาน และเนื่องจากเหตุผลบางประการทำให้ข้ามาที่นี่อย่างเร่งรีบ อวิ๋นเซวียนจึงมีแค่ยาอูจือหย่างเซินขวดนี้จะมอบให้ท่านเท่านั้น”
“ยาอูจือหย่างเซินงั้นเหรอ? นี่ข้าได้ยินถูกต้องใช่ไหม?” เหล่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องนั้นสายตาต่างก็พากันจับจ้องไปที่ขวดหยกขาวที่อยู่ในมือของหลินซีเหยียน
ยาอูจือหย่างเซินนั้นเป็นยาของหมอผี ซึ่งราคาของมันนั้นมหาศาลมากและมีเพียงระดับราชวงศ์ขึ้นไปถึงจะมีในครอบครองได้
“เป็นหลานที่ดีจริงๆ แต่ของขวัญชิ้นนี้ราคาของมันมากเกินไป หญิงชราผู้นี้คงไม่สามารถรับไว้ได้!” หญิงชราก็ได้ยกมือขึ้นมาแล้วคืนขวดยานี้ให้กับหลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนก็ได้ยื่นยานี้ให้หญิงชราอีกรอบ “อย่างได้กังวลไปเลยท่านย่า ข้าอวิ๋นเซวียนยังมียานี้เหลืออยู่อีก”
ชายชรานั้นรู้ถึงตัวตนที่เป็นความลับของหลินซีเหยียนดีจึงได้ให้ภรรยาของเขายอมรับยาขวดนั้นมา! หลังจากนั้นหญิงชราก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนมากขึ้นเท่าไร นางก็ยิ่งโปรดปรานนางมากขึ้นเท่านั้น และอยากที่จะให้หลินซีเหยียนมานั่งใกล้ๆนาง และคิดที่จะอยากจับคู่ให้กับนาง
หลินซีเหยียนที่รู้สึกกลัวขึ้นมาก็ได้รีบปฏิเสธทันควัน และบอกว่าตัวเขานั้นมีนางในดวงใจอยู่แล้ว หญิงชราจึงได้ยอมแพ้ไปด้วยความเสียดาย!
ในขณะที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไปอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็พบคนรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหาหญิงชรา “ได้ทำการส่งจดหมายเชิญไปยังจวนมหาเสนาบดีแล้วขอรับ แต่ทว่าคุณหนูรองหายไปไหนไม่ทราบไม่ได้อยู่ที่จวนขอรับ”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่งานฉลองวันเกิดเท่านั้น” ถึงแม้หญิงชราจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ความเหงาก็ปรากฏในดวงตาของนางอย่างชัดเจนในสายตาของหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนนั้นได้ยินมาว่าหญิงชรานั้นรักท่านแม่ของนางมากเมื่อก่อน
มีคำกล่าวว่ารักคนคนหนึ่งก็ต้องรักสิ่งที่เป็นของคนคนนั้นด้วย นางจึงเกรงว่าหญิงชราคงจะเป็นห่วงหลินซีเหยียนแน่ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจออกมา แล้วจากนั้นก็กล่าวกับแม่ทัพเฒ่าและหญิงชรา “ท่านปู่ท่านย่า ข้ายังมีธุระอื่นที่ต้องไปสะสางให้เรียบร้อยก่อน ดังนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยยินดีเท่าไรนัก แต่พวกเขาก็ยอมให้ไป
หลินซีเหยียนที่ออกมาจากจวนท่านแม่ทัพนั้นก็ได้เดินเข้าไปที่ร้านขายเสื้อผ้า นางเลือกดูเสื้อผ้าสีเขียวก่อนแขนยาวราวกับนางฟ้าตัวหนึ่งแล้วจากนั้นก็นำไปจ่ายเงิน
“สายตาของคุณชายช่างแหลมคมนัก คุณผู้หญิงของคุณชายจะต้องชอบชุดนี้มากแน่ๆ” คนขายก็ได้พูดจ้อไม่หยุดจนกระทั่งหลินซีเหยียนออกจากร้านไป
เมื่อซื้อเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ตบหน้าตัวเองอย่างเป็นกังวลขึ้นมาว่าแล้วนางจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไหนดี ในขณะที่นางกำลังมองดูรอบๆอย่างเร่งรีบอยู่นั้น นางก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับหน้านิ่งๆของอันอี้เข้า
“พระชายาขอรับ องค์ชายได้มาเตรียมห้องไว้ให้ท่านแล้วอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ขอรับ” อันอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แล้วก็ปรากฏแววตาที่ยินดีขึ้นมาในดวงตาของ หลินซีเหยียน “พาข้าไปที่นั่นเร็วเข้า”
หลังจากที่หลินซีเหยียนเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง นางก็พบกับเจียงหวายเย่ที่กำลังนั่งคอยอยู่นางก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา แล้วนางก็ได้นั่งลงที่โต๊ะแล้วมองไปที่ชายที่สวมหน้ากากหยกขาวที่กำลังดื่มอยู่เพียงลำพังอยู่แล้วถามด้วยเสียงเบาๆ “ทำไมองค์ชายเย่ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?”
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางมาที่นี่ก็เพื่อรอเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันยังไงล่ะ” ริมฝีปากซีดๆบางๆของเขาก็ได้ขยับขึ้นลง แล้วเสียงที่น่าหลงใหลก็ออกมาเบาๆซึ่งสามารถทำให้ผู้คนหลงจนโงหัวไม่ขึ้นได้
แต่น่าเสียดายที่หลินซีเหยียนนั้นมีภูมิต้านทานแล้ว นางจึงได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างเย็นชา “นี่ท่านลืมไปแล้วเหรอว่า ตอนนี้องค์ชายยังอยู่ในสภาวะป่วยใกล้ตายและไม่ได้สติน่ะ?”
“แต่องค์ชายนั้นเป็นเพื่อนกับหมอผี จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่องค์ชายจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ชั่วคราวน่ะ” เจียงหวายเย่กล่าวพร้อมกับยิ้ม
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา ในเวลานี้นางไม่อยากที่จะสนใจเรื่องนี้มากนัก นางนั้นอยากที่จะไปพบกับท่านยายของนางก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิก หลินซีเหยียนจึงได้มองไปที่ เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “ข้าอยากที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านออกไปข้างนอกก่อน”
“เปิ่นหวางเองก็ได้เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เสี่ยวเหยียนเอ๋อแล้ว ข้าหวังให้เจ้าได้ใส่มันนะ” เจียงหวายเย่กล่าวแล้วกะพริบตาที่ขนตายาวๆไปที่หลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนก็ได้เอามือก่ายหน้าผากและบ่นพึมพำออกมา
เจียงหวายเย่ที่รู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นคงไม่ยอมทำตามดีๆแน่ เขาก็ได้เตรียมแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว “ถ้าเสี่ยวเหยียนเอ๋อไม่ยอมใส่ชุดนั้น เปิ่นหวางจะหาทางทำให้เสี่ยวเหยียนเอ๋อใส่ชุดนั้นเอง ดังนั้นเสี่ยวเหยียนเอ๋อทำตามที่เปิ่นหวางว่าไว้จะดีกว่านะ!”
หลังจากที่พูดจบเจียงหวายเย่ก็ได้เดินออกไป หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ชุดผ้าลายปักนางฟ้าสีฟ้าอ่อนที่วางอยู่บนเตียงอยู่พักใหญ่ แล้วนางก็ได้ตัดสินใจสวมมันแม้ว่ามันออกจะดูดีเกินไปหน่อยกับงานเลี้ยงเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของท่านยายของนางอยู่ดี
หลังจากที่หลินซีเหยียนได้เดินออกมาจากห้องในชุดที่เจียงหวายเย่ได้เตรียมเอาไว้ให้ เจียงหวายเย่ก็รู้สึกตกตะลึง ซึ่งไม่ใช่แค่องค์ชายที่ตกตะลึง แต่ยังรวมไปถึงหน่วยอันที่แอบซ่อนอยู่ในความมืดด้วย
โดยปกติหลินซีเหยียนนั้นจะไม่ชอบแต่งหน้าจัด แต่จะแต่งหน้าอย่างธรรมดาและอ่อนๆ และนางก็ไม่เคยหวีผมและขมวดผมของนางเป็นซาลาเปาด้วย ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรมากมายนักแต่มันก็ยังน่าทึ่งมากอยู่ดี
เจียงหวายเย่ที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ก็ได้เดินไปหา หลินซีเหยียนอย่างภาคภูมิใจแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ พวกเราก็ไปที่งานกันเถอะ”