บทที่ 87
มหาเสนาบดีมาเยือน
เมื่อหลินซีเหยียนกล่าวออกไป เหล่าคนที่คนย้ายของก็พากันใจชื้นขึ้นมา แล้วใช้เวลาไม่นานมากนักในการกวาดข้าวของในร้านชูย่วนไปจนเกลี้ยง แล้วหอเจินเป่าก็ได้มีของมาขายมากขึ้นเรื่อยๆ
เถ้าแก่จางเมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อง เขาจึงได้แอบส่งคนออกไปแจ้งเรื่องนี้ให้มหาเสนาบดีทราบ
“ท่านแม่ มีคนของทางฝั่งโน้นได้ออกไปรายงานแล้วขอรับ” เทียนเอ๋อที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์ทางฝั่งตรงข้ามอยู่นั้น ก็ได้รีบมาบอกแม่ของเขาเมื่อเขาพบเรื่องนี้
หลินซีเหยียนกะพริบตาแล้วจากนั้นก็ขอให้ไหลฝูไปหาซื้อประทัด แล้วให้ชิงอวี่จัดการทำความสะอาดร้านเพื่อเตรียมการเปิดร้านใหม่
“หอเจินเป่าเปิดให้บริการแล้ว ขอให้ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาอย่าได้พลาด” ไหลฝูกับเทียนเอ๋อนั้นยืนอยู่ที่หน้าประตูและตะโกนเสียงดัง ไม่นานนักก็ได้มีผู้คนมากมายมาที่หอเจินเป่าเพื่อมาเยี่ยมชม
ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ซางกวนจิ่น ผู้ที่สวมชุดสีแดงก็ได้อยู่ในหมู่ฝูงชนนี้ด้วย
ซางกวนจิ่นมีเหล่าสาวๆมาเดินตามเขาเป็นขบวน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดจีบสาวอะไร แค่เขาใช้ดวงตาปลดปล่อยความน่าหลงใหลออกมาไปทั่วระหว่างทาง ก็มีสาวๆเดินตามเขาเป็นพรวนแล้ว
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนที่คุ้นเคยเข้าพอดี เมื่อหันไปมองเขาก็พบเทียนเอ๋อที่แสนกลมและน่ารักที่กำลังสวมชุดสีเหลืองอ่อน
ที่ที่ใดมีเทียนเอ๋ออยู่ บางทีอาจจะมีเสี่ยวเหยียนเอ๋ออยู่ที่นั่นด้วย ซางกวนจิ่นที่เพิ่งมาถึงก็ได้มีแววตาสว่างวาบขึ้นมาและรีบเดินไปหาโดยไม่สนใจเหล่าสาวๆนับพันที่เดินตามเขามาเลย
“เทียนเอ๋อ เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึ?” ซางกวนจิ่นนั้นพูดกับเทียนเอ๋ออย่างสนิทมากทั้งๆที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง และเขาก็คิดว่าเขาควรที่จะเริ่มจากการตีสนิทกับเทียนเอ๋อก่อน
เทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่เขาอย่างสงสัย ถึงแม้ว่าจะรู้สึกคุ้นๆหน้า และนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วเขาจะต้องรวยแน่ๆ เทียนเอ๋อจึงได้พูดทำนองเชื้อเชิญลูกค้า “พี่ชายขอรับ หอเจินเป่าของเราเพิ่งเปิดให้บริการ ขอเชิญพี่ชายเข้าไปดูก่อนด้านในได้นะขอรับ”
สิ่งที่ซางกวนจิ่นสนใจนั้นมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น จึงได้ไม่ค่อยสนใจอย่างเรื่องของเพชรพลอยมากเท่าไรนัก จึงได้คิดที่จะปฏิเสธเทียนเอ๋อไป
ซึ่งเมื่อเทียนเอ๋อเห็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่ยอมแพ้ เดินมาหาและจูงมือของซางกวนจิ่นให้เข้ามาในของหอเจินเป่า “พี่ชายสินค้าในร้านของเราล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นดี หากท่านซื้อไปสักชิ้นแล้วเอาไปมอบให้หญิงสาวของท่าน มันจะทำให้นางผู้นั้นมีความสุขอย่างแน่นอนขอรับ”
เมื่อพูดถึงเรื่องหญิงสาวของเขาแล้ว คนคนแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของซางกวนจิ่นก็คือหลินซีเหยียน และทำให้ความคิดของเขาที่จะออกจากร้านหายไปทันที
เมื่อเข้ามาในหอเจินเป่าแล้ว ซางกวนจิ่นจึงได้มองดูสินค้าที่อยู่ด้านในด้วยความคิดลองดูสักหน่อย แต่แล้วเขาก็ต้องตบปากของเขา เพราะสินค้าที่อยู่ในหอเจินเป่านั้นพูดได้คำเดียวว่า มันยอดมาก มันยอดเกินไปที่เขาจะทานไหว!
“เป็นอะไรไปพี่ชาย! ท่านไม่ชอบสินค้าของเราเหรอขอรับครับ?” เทียนเอ๋อบิดริมฝีปากของเขาแล้วถามอย่างหดหู่
ซางกวนจิ่นก็รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเด็กชายที่อยู่ข้างหน้าเขา หัวใจของเขาก็ได้อ่อนโยนลงมาแล้วก็เอามือลูบหัวของเทียนเอ๋อ “ไม่ใช่หรอก มีสินค้าที่พี่ชายชอบเยอะเกินไปต่างหาก”
เทียนเอ๋อก็ได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างยินดี “แล้วพี่ชายชอบอันไหนมากที่สุดล่ะ ข้าจะให้คนห่อให้ท่านทันทีเลย”
ซางกวนจิ่นที่คราวนี้ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองและชี้ไปอย่างไม่ใส่ใจ “เอาชิ้นนี้ก็แล้วกัน”
เทียนเอ๋อก็ผงกหัวและให้ไหลฝูช่วยจัดการห่อให้ แล้วจากนั้นเขาก็ส่งให้ซางกวนจิ่น ซึ่งซางกวนจิ่นก็ได้รับของมาแต่ก็ยังไม่ได้ออกไปไหน กลับกันเขาก็มองไปที่เทียนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “เทียนเอ๋อ แม่ของเจ้าอยู่ที่นี่ไหม?”
“ท่านแม่อยู่ที่หลังร้านขอรับ!” เทียนเอ๋อตอบ ซางกวนจิ่นอย่างซื่อตรง
ซางกวนจิ่นก็ได้ยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินเช่นนี้ แล้วจากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความยินดี “แม่ของเจ้ากับข้าเป็นเพื่อนกัน เจ้าช่วยพาข้าไปหาแม่ของเจ้าหน่อยได้ไหม?”
เทียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวอย่างเชื่อฟัง “ได้สิขอรับ พี่ชายตามข้ามาทางนี้เลย”
หลินซีเหยียนนั้นกำลังนั่งอยู่ที่รถเข็นและหลับตาเพื่อเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศใต้ร่มเงาต้นไหมเปอร์เซียต้นใหญ่ มีสายลมพาดผ่านเข้ามาช่วยพัดพาปัญหาร้อยแปดของนางไป
“ท่านแม่ขอรับ”
ในขณะที่นางกำลังเพลิดเพลินกับความเงียบสงบอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงเด็กดังขึ้นมาปลุกให้หลินซีเหยียนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หลินซีเหยียนก็ได้หาวแล้วจากนั้นก็หันหน้าไปหาเทียนเอ๋อ “มหาเสนาบดีหลินส่งคนมาแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เทียนเอ๋อก็ได้ส่ายหัวตอบอย่างรวดเร็ว “คนของมหาเสนาบดียังไม่มาหรอกขอรับ แต่เป็นคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนของท่านแม่อยากที่จะพบกับท่านน่ะขอรับ เทียนเอ๋อเลยพาเขามาที่นี่ขอรับ”
“เพื่อนเหรอ?” หลินซีเหยียนยักคิ้วขึ้นมาราวกับนางจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยมีเพื่อนอยู่ในเมืองหลวงด้วย
ซางกวนจิ่นที่มองดูอยู่ข้างๆนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ได้ค่อยๆหายไป เขาจึงเดินเข้ามาหาแล้วจับมือของ หลินซีเหยียน ริมฝีปากของเขาก็ได้สั่นเครือ และมีสีหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ เมื่อไม่กี่วันก่อนนางยังดูสบายดีอยู่เลย ทำไมนางถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ นี่ข้าเองนะ!” เสียงของซางกวนจิ่นนั้นอ่อนโยนมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยิน หลินซีเหยียนนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าหากใช้เสียงนี้พูดคุยเรื่องของความรักแล้วจะต้องมีรสชาติที่วิเศษแน่นอน
“ทำไมคุณชายซางกวนจิ่นถึงมาที่นี่ได้?” หลินซีเหยียนกะพริบตา ราวกับว่าตอนนี้นางกำลังอารมณ์ดีมาก แต่ ซางกวนจิ่นกลับไม่ได้ตอบอะไร ทำให้หลินซีเหยียนยักคิ้วขึ้นมาอย่างสงสัย
ซางกวนจิ่นก็ได้พูดด้วยสีหน้าอ้ำอึ้ง “เสี่ยวเหยียนเอ๋อตาของเจ้า?”
หลินซีเหยียนจึงได้รีบหลบตาลง ขนตายาวๆของนางก็ได้ปิดบังดวงตาหงส์ไฟที่ไร้ชีวิตชีวาเอาไว้ นางบิดริมฝีปากของนางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ดวงตาของข้าไม่เป็นอะไรหรอก แค่มันมองไม่เห็นชั่วคราวเท่านั้นเอง”
“แล้วขาของเจ้าล่ะ? นี่มันแค่เรื่องเล็กน้อยจริงๆเหรอ?” ซางกวนจิ่นถามอย่างดุดัน คิ้วที่เหมือนกระบี่ของเขาก็ได้ขมวดกันแน่นจนแทบจะชนกัน หากใครได้เห็นก็จะรู้ถึงความเป็นห่วงและกังวลของเขา
“ทั้งหมดไม่มีอะไรมากมายหรอกน่า!” หลินซีเหยียนหันหน้าหนีราวกับว่านางไม่อยากที่จะคุยเรื่องนี้ต่อ ถึงแม้ว่านางจะเป็นหมอผีและสามารถรักษาได้ก็ตาม แต่นางก็ต้องลำบากจากการที่ขาดสมุนไพรที่จะนำมาใช้รักษาอยู่ดี
ในขณะที่ซางกวนจิ่นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังเอะอะมาจากหน้าร้าน เทียนเอ๋อจึงได้รีบออกไปดูแล้วจากนั้นก็กลับมาอย่างเร่งรีบ “ท่านมหาเสนาบดีของท่านแม่มาแล้วขอรับพร้อมกับพาคนมาด้วย”
“ชิงอวี่พาข้าไปที่หน้าร้านที พวกเราต้องไปพบกับท่านมหาเสนาบดีหลินเสียหน่อย” หลินซีเหยียนพูดอย่างประชดประชัน แล้วทิ้งซางกวนจิ่นไว้ด้านหลังอย่างเย็นชา
“เจ้านังลูกไม่รักดี ร้านชูย่วนเป็นสมบัติของบ้านมหาเสนาบดี เจ้าจะมาขนย้ายสิ่งของโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?” มหาเสนาบดีหลินกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง และมองไปที่ หลินซีเหยียนที่กำลังนั่งอยู่ที่รถเข็น
หลังจากที่เขาพูดจบก็ได้มองไปที่รถเข็นของ หลินซีเหยียนอย่างสงสัยแล้วถามด้วยน้ำเสียงงงๆ “ซีเหยียนขาของเจ้า?”
หลินซีเหยียนไม่ตอบคำถามนี้แต่พูดอีกเรื่องแทน “ดูเหมือนท่านมหาเสนาบดีเองก็รู้ดีว่าสิ่งไหนไม่ควรทำ แล้วทำไมท่านถึงได้ให้เถ้าแก่จางมาขนของจากร้านของข้าไปที่ร้านชูย่วนด้วย?”
“เมื่อใดกันที่สินค้าของหอเจินเป่ามันกลายเป็นของเจ้ากัน?” ฮูหยินอวี้ที่ตามมาด้วยทีหลังก็ได้พูดแทรกขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงด้วยสีหน้าที่เย็นชา “สงสัยฮูหยินอวี้คงจะลืมไปแล้ว? ว่าร้านนี้เป็นร้านที่ท่านมหาเสนาบดีให้กับข้าเพื่อใช้หนี้ ท่านอยากจะตรวจสอบหรือไม่?”