บทที่ 91
การเลือกคู่แต่งงานขององค์รัชทายาทต้าเยี่ยน 1
“บัวแดง, หน่อเขียว ข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยข้าคอยติดตามฮูหยินอวี้จนกว่าจะพบจิ่งชุนได้ไหม? หลินซีเหยียนเองก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย เพราะก่อนที่จะลงมาจากเขานั้นนาง กับเทียนเอ๋อก็มักจะให้บัวแดงกับหน่อเขียวช่วยหาอาหารให้เสมอ จนกระทั่งตอนนี้นาง ก็มักจะขอให้ช่วยอะไรบางอย่างเสมอเวลาที่นาง เรียกหาพวกเขา
แล้วลูกไฟสีขาวทั้งสองดวงนั้นก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์หดหู่ของหลินซีเหยียน พวกมันจึงได้กระโดดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึงความรู้สึกของพวกมัน
หลินซีเหยียนก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เคยโทษข้าในเรื่องนี้ ข้าขอบใจพวกเจ้ามาก”
จากนั้นลูกไฟสีขาวทั้งสองดวงนั้นก็ได้ลอยออกจากห้องไป แล้วห้องก็ได้ตกอยู่ในความโดดเดี่ยวอีกครั้ง แล้วหลินซีเหยียนก็ได้กลืนหายเข้าไปในความมืดมิด
ณ โรงเตี๊ยมธรรมดาๆแห่งหนึ่งทางตอนใต้ เจียงหวายเย่กำลังนอนอยู่ที่เตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด บาดแผลทั่วตัวของเขานั้นได้รับการรักษาแล้ว แต่ก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาผ่านผ้าพันแผล
ถึงแม้ว่าเจียงหวายเย่นั้นจะหมดสติ แต่ที่มุมปากของเขานั้นแสดงให้เห็นรอยยิ้ม และในมือที่กำหมัดแน่นของเขาก็มีดอกบัวสีเลือดที่กำลังส่องแสงอยู่
“อันอี้ องค์ชายบอกให้พวกเรารีบพาท่านกลับไปที่เหมืองหลวงในชั่วข้ามคืนไม่ใช่เหรอ แต่พวกเรากลับยังอยู่ที่นี่ หากองค์ชายรู้เข้า…..” อันเอ้อกล่าวด้วยสีหน้ายุ่งยากใจมาก
อันอี้ทำสีหน้านิ่ง หาได้สั่นไหวกับคำพูดของอันเอ้อไม่ “ชีวิตขององค์ชายเคยถูกช่วยโดยพระชายาเอาไว้ ดังนั้นต่อให้องค์ชายอยากที่จะถอนพิษให้พระชายามากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเห็นชีวิตของตัวเองสำคัญด้วย”
ในขณะที่อันเอ้ออยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง พวกเขาก็ได้ยินเสียงของเจียงหวายเย่ดังขึ้นมาในหูของพวกเขา อันอี้กับอันเอ้อก็ได้เดินมาหาและพบว่าเจียงหวายเย่นั้นได้ลุกขึ้นมานั่งแล้ว ใบหน้าของเขานั้นยังคงซีดเผือด แต่สีหน้าของเขายังแสดงความยินดีอยู่ “อันอี้พูดถูกแล้ว เปิ่นหวางควรที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเหยียนเอ๋อคงจะโกรธเปิ่นหวางแน่”
อันอี้ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
จากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้ยกมือที่กำดอกบัวทองคำขึ้นมา และมองไปที่ดอกบัวที่ทรงพลังนี้อย่างพิจารณา
ดอกบัวทองคำนี้เป็นของหายากมาในโลกนี้ แต่สรรพคุณของมันก็สุดยอดมากเช่นกัน มันสามารถรักษาพิษได้ร้อยแปดและยังเป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำยารักษาพิษของเขา แต่น่าเสียดายที่เขาพบเพียงแค่ดอกเดียวและสามารถรักษาได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
แต่เขานั้นจะตัดสินใจไว้แล้วว่าเขาจะใช้ดอกบัวทองคำดอกนี้เพื่อรักษาหลินซีเหยียน เพราะตัวเขานั้นเคยชินกับการต่อสู้กับพิษนี้มานานหลายปีแล้ว แต่สำหรับหลินซีเหยียนแล้วต่างออกไป นาง ไม่ควรที่จะทุกข์ทรมานกับพิษชนิดนี้
เขานั้นไม่นึกเสียใจเลยกับการตัดสินใจนี้ กลับกันเขารู้สึกดีใจเสียมากกว่าที่สามารถทำอะไรเพื่อหลินซีเหยียนได้ เมื่อคิดเช่นนี้เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวกับอันอี้ “ไปเตรียมรถม้า พวกเราจะกลับเมืองหลวงในตอนรุ่งสาง”
“ขอรับ” แล้วอันอี้ก็ได้ขานรับคำสั่งและออกไปจัดการ
ณ เมืองหลวง องค์รัชทายาทแห่งต้าเยี่ยนก็ได้เกือบหายดีจากการลอบสังหารแล้ว และก็เป็นเวลาที่เขาจะได้กลับจากรัฐเจียงเพราะภารกิจของเยี่ยนกุยอวี่ในการมาเยือนรัฐเจียงครั้งนี้ก็เกือบสมบูรณ์แล้ว
ฮ่องเต้รัฐเจียงเองก็ยินดีมากที่เห็นเช่นนี้ และได้สั่งการให้จัดเตรียมหาหญิงสาวที่เหมาะสมแก่การเป็นคู่ของเยี่ยนกุยอวี่
ซึ่งข่าวนี้ถือเป็นข่าวใหญ่สำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เพราะการแต่งงานกับองค์รัชทายาทของต้าเยี่ยนนั้นไม่เพียงแต่จะมีฐานะที่ดีขึ้นเฉยๆ แต่จะทะยานพุ่งขึ้นฟ้าและกลายเป็นองค์ฮองเฮาของรัฐต้าเยี่ยน
และเพราะราชโองการขององค์ฮ่องเต้รัฐเจียงที่สั่งให้หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนทั้งหมดมาเข้าร่วมงานนี้ หลินซีเหยียนที่ตอนนี้ถูกกักบริเวณอยู่ในจวนมหาเสนาบดีนั้นก็ได้ถูกนับรวมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย
“พระชายาเจ้าคะ จะทำอย่างไรดีถ้าเกิดว่าท่านถูกเลือกล่ะเจ้าคะ?” ณ ตำหนักเชียนเหยียน ชิงอวี่ก็ได้มองไปที่สาวงามที่อยู่ตรงหน้านาง อย่างช่วยไม่ได้
เพื่อที่จะลดความงามขององค์หญิงของนาง ลง ชิงอวี่ก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการเลือกดูเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาและจืดชืดที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะความงดงามของหลินซีเหยียนนั้นหาได้ลดทอนลงไปไม่
เมื่อหลินซีเหยียนที่ได้ยินที่ชิงอวี่พูดแล้ว นาง ก็พอจะรับรู้ความลำบากใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านาง จึงได้ยิ้มขึ้นมา “ชิงอวี่ ในเวลานี้ข้านั้นกำลังตาบอดอยู่ ต่อให้องค์ชายเยี่ยนชอบข้าเพียงใด ข้าก็ไม่สามารถแต่งกับเขาได้หรอก คงไม่มีรัฐไหนที่จะยอมรับข้าเป็นว่าที่ฮองเฮาได้หรอก? หากว่าผู้ที่จะมาเป็นฮองเฮานั้นเป็นคนพิการเช่นนี้!”
ทันทีที่ชิงอวี่ได้ยินเช่นนี้นาง ก็รู้สึกโล่งอกออกมา แต่นาง ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดี และในขณะที่นาง กำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างนั้น นาง ก็พบว่าไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอยู่ดี
“คุณหนูรองเจ้าคะได้เวลาแล้ว นายท่านกับฮูหยินใหญ่กำลังรอท่านอยู่”
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังแต่งตัวอยู่นั้น สาวใช้คนหนึ่งก็ได้เข้ามาด้วยหน้าที่เชิดสูงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “คุณหนูรอง คุณหนูใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ ได้โปรดเร็วด้วยเจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนยิ้ม ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของนาง จะไม่สวย แต่ก็ยังงดงามกว่าหญิงงามทั่วๆไป และรอยยิ้มของนาง นั้นเรียกได้ว่างดงามและน่าหลงใหลที่สุด ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน หลินซีเหยียนก็ได้กล่าว “ขอโทษด้วยนะ ช่วยไปบอกกับท่านมหาเสนาบดีหลิน, ฮูหยินอวี้และคุณหนูใหญ่ด้วยว่า ข้าจะไม่ไปกับพวกเขา รถม้าของพระราชวังรัตติกาลไปส่งข้าจะปลอดภัยกว่า”
“คุณหนูรองจะทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ!” สาวใช้คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ และได้เดินเข้าไปหาหลินซีเหยียน
แต่ในขณะที่นาง กำลังจะใช้มือมาคว้าแขนหลินซีเหยียนนั้น นาง ก็ถูกหยุดด้วยมือคู่หนึ่งเสียก่อน ซึ่งมือนั้นเป็นของชิงอวี่นั่นเอง และเพราะชิงอวี่นั้นได้ฝึกวิทยายุทธตลอดเวลา ความแข็งแกร่งของมือนาง จึงได้มากกว่าสาวใช้อย่างเทียบไม่ติด
และในขณะที่ชิงอวี่ได้ออกแรงบีบมือของนาง สาวใช้คนนั้นก็ได้ลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นและตะโกน “ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้วปล่อยข้าเดี๋ยวนะ คุณหนูรองข้าอุตส่าห์เรียกท่านดีๆ ทำไมท่านถึงได้ปล่อยให้คนของท่านมาทำกับข้าเช่นนี้เจ้าคะ?”
“แล้วข้าควรจะทำกับเจ้าอย่างไรดี?” หลินซีเหยียนได้ยินที่สาวใช้ที่เปลี่ยนท่าทีจะขาวเป็นดำแล้ว ก็ได้กล่าวอย่างประชดประชัน
“คุณหนูรองได้โปรดสั่งให้นาง ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ แล้วข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวด้วยความเจ็บปวด แต่นาง ยังคงคิดแค้นในใจของนาง
หลินซีเหยียนที่ได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วแรงของชิงอวี่นั้นก็ได้มากขึ้นกว่าเดิม
“คุณหนูรองเจ้าคะ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ!” หลังจากนั้นสักพัก สาวใช้ก็ได้เริ่มร้องขอความเมตตา หลินซีเหยียนยังคงไม่พูดอะไร แต่จิบน้ำชาอย่างช้าๆและจากนั้นก็พูดออกมาอย่างชัดเจน “ในตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่า ใครเป็นนายใครเป็นบ่าว?”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมาและใบหน้าก็เต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา ในเวลานี้สาวใช้คนนั้นก็ได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของคุณหนูรอง ถึงแม้ว่านาง นั้นจะถูกกักบริเวณอยู่ แต่นาง ก็ยังเป็นคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีและเป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายเย่
หลินซีเหยียนก็รู้สึกแสบแก้วหูเพราะเสียงร้องของสาวใช้ นางสะบัดมือเพื่อให้ชิงอวี่ปล่อยนาง
ทันทีที่สาวใช้ถูกปล่อยออกมา นาง ก็ได้รีบที่จะไปหามหาเสนาบดีหลินและฮูหยินอวี้ แต่หลินซีเหยียนก็ได้กระแอมขึ้นมาแล้วสาวใช้คนนั้นก็ได้ตกใจกลัวจนร่วงลงไปนั่งกับพื้น
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะต้องไปบอกกับมหาเสนาบดีหลินและ ฮูหยินอวี้เช่นไร?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างใจดี
สาวใช้ก็ได้รีบผงกหัว “สาวใช้ทราบแล้วเจ้าคะ”
จากนั้นนาง ก็ได้รีบวิ่งสุดชีวิตราวกับจะหนีไปให้พ้นๆจากที่นี่ จากนั้นนาง ก้ได้บอกเล่าให้มหาเสนาบดีหลินฟังถึงเรื่องของตำหนักเชียนเหยียน มหาเสนาบดีหลินก็ได้สะบัดแขนเสื้อของเข้าแล้วขึ้นรถม้า “ในเมื่อนาง ไม่ไปกับพวกเรา พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรอ”