ทั้งสองฝ่ายต่างก็ผิดหวัง
หลินซีเหยียนมองไปที่เฉิงซินหรุ่ยที่กำลังโกรธอยู่ตรงหน้านาง แล้วมุมปากของนางก็ได้กระตุกอย่างประชดประชันแล้วจากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ “แม่นางเฉิง หายนะของผู้คนในครั้งนี้ตัวข้านั้นไม่อาจแบกรับได้หรอก”
พูดจบนางก็ได้หันไปมองชิงอวี่ที่อยู่ข้างๆนางแล้วกล่าว “ชิงอวี่ พาข้าไปที”
ชิงอวี่นั้นที่เห็นทีท่าว่าไม่ค่อยสู้ดีแล้วนั้น นางจึงอยากที่จะห้ามปรามหลินซีเหยียนด้วยความกังวล แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของหลินซีเหยียนแล้ว นางก็ได้ปิดปากตัวเองไม่พูดออกมา
ภายใต้การนำของชิงอวี่ หลินซีเหยียนก็ได้มาหา เจียงหวายเย่และเยี่ยนกุยอวี่
“เหยียนเอ๋อ”
“แม่นางหลิน”
เจียงหวายเย่และเยี่ยนกุยอวี่ที่พอพบหลินซีเหยียนก็ได้ตะโกนออกมาพร้อมกัน
หลินซีเหยียนไม่ได้มองไปที่พวกเขาแต่กลับอยู่นิ่งๆและกล่าวโดยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี “ทั้งสองท่าน ขอให้ข้าได้มีสิทธิ์เลือกเถิดเจ้าค่ะ”
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา แล้วองค์ชายเย่ก็ได้กล่าวอย่างเป็นทุกข์เล็กน้อย “เรื่องนี้สัมพันธ์กับชีวิตของเจ้า เจ้าควรจะเลือกด้วยตัวเอง”
เยี่ยนกุยอวี่เองก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้เขาก็ยังไม่ลืมที่จะแนะนำต้าเยี่ยน และความสุขที่เขาจะมอบให้กับหลินซีเหยียน “แม่นางหลิน รัฐเจียงนั้นไม่เหมาะกับเจ้าหรอก เจ้าควรที่จะใช้ชีวิตที่อิสระและไร้การผูกมัดที่ต้าเยี่ยนนะ”
หลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เจียงหวายเย่ก็มีสีหน้าราวกับไปทำอะไรผิดมา และรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่เขาเก็บเอาไว้มันแทบจะทะลักออกมา แต่ในชั่วขณะที่เขาเปิดปากออกมานั้นเขากลับพูดว่า “เปิ่นหวางจะเคารพการตัดสินใจของเจ้า”
หลินซีเหยียนยิ้ม “ในเมื่อทั้งคู่ตกลงแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะบอกทางเลือกของข้า”
เจียงหวายเย่ก็ได้บิดริมฝีปากของเขาและไม่พูดอะไรออกมา ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขานั้นจะนิ่งสงบ หลังของเขากลับเกร็งจนแข็งทื่อ ในเวลานี้ไม่มีใครที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ เขานั้นไม่อยากให้หลินซีเหยียนอยู่ไกลจากตัวเขา เขาอยากที่จะหักปีกของนาง แล้วเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ภายใต้ตัวของเขา
“การตัดสินใจใดๆของแม่นางหลินนั้น เปิ่นหวางจะยอมรับและให้เกียรติการตัดสินใจนั้น” เยี่ยนกุยอวี่กล่างอย่างอ่อนโยน
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “ก่อนอื่นเลย ข้าอยากจะบอกกับพวกท่านว่าข้านั้นไม่ชอบการที่ผู้อื่นมาตัดสินชีวิตของข้า และอีกอย่างคือข้านั้นไม่ได้ดีพอที่จะให้พวกท่านทั้งสองมารักข้าด้วย”
“แม่นางหลิน……” องค์ชายเยี่ยนนั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกขัดด้วยคำพูดของหลินซีเหยียนเสียก่อน
“องค์ชายเยี่ยน ได้โปรดฟังข้าให้จบก่อน” แล้ว หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวต่อ “พวกท่านได้โปรดอย่าพูดว่าชอบข้าหรือจะแต่งกับข้าง่ายๆ ในสายตาของข้าแล้ว พวกท่านนั้นโต้เถียงกันราวกับข้าไม่ใช่คน เป็นเพียงสิ่งของที่พูดได้เท่านั้น”
คำพูดของหลินซีเหยียนนั้นทำให้ทุกคนตกใจ มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีว่าเป็นเรื่องที่สำคัญแค่ไหนที่การแต่งงานของลูกนั้นควรที่จะตัดสินใจโดยพ่อแม่ และการแต่งงานที่จับคู่โดยฮ่องเต้นั้นถือเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างมาก แต่หลินซีเหยียนกลับบอกว่านางนั้นเกลียดสิ่งเหล่านี้โดยไม่ลังเล
“เหยียนเอ๋อ เจ้าปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเปิ่นหวางจริงๆเหรอ?” ในเวลานี้น้ำเสียงของเจียงหวายเย่นั้นนิ่งอย่างคาดไม่ถึง
หลินซีเหยียนก็ได้หลบสายตาลง “ตัวข้านั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมายกับองค์ชาย แต่ข้าว่าเราควรที่จะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันก็พอ”
เจียงหวายเย่ก็ได้ถอนหายใจ ริมฝีปากที่ซีดเผือดของเขาก็ได้หดหู่ขึ้นมา “ในเมื่อนั้นคือสิ่งที่เจ้าคิด เปิ่นหวางก็จะเคารพการตัดสินใจของเจ้า อันอี้พาเปิ่นหวางกลับไปที”
หลินซีเหยียนนั้นไม่เคยรู้สึกหนาวเย็นกับคำพูดของ เจียงหวายเย่มาก่อนเลย แต่วันนี้นางกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนี้ เป็นความหนาวเย็นที่ผลักไสผู้คนให้ออกห่างเป็นพันลี้ และเหน็บหนาวเสียจนเสียดแทงไปถึงกระดูก
เยี่ยนกุยอวี่ก็ได้เงียบอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าว “ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของแม่นางหลินนั้นจะทำให้เปิ่นหวางนั้นตกใจ แต่เปิ่นหวางก็จะไม่คืนคำ เปิ่นหวางจะจบเรื่องการแต่งงานนี้แล้วเตรียมตัวกลับต้าเยี่ยน”
การแต่งงานที่สมควรจะชื่นมื่นนี้กลับจบลงด้วยความว่างเปล่า ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น!
หลินซีเหยียนนั้นก็ได้เตรียมตัวที่จะกลับเช่นกัน ในเวลานี้นางเองนั้นก็รู้สึกเสียใจ แต่เมื่อนางนึกถึงปัญหาที่บ้านของนางในวันก่อนแล้ว นางก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อฟื้นคืนจิตใจของนางให้ฮึกเหิม
แล้วความอลหม่านในจวนมหาเสนาบดีก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“ท่านพี่ไอ้เรื่องแบบนี้มันอะไรกัน? หลินซีเหยียนปฏิเสธที่จะแต่งงานกับองค์ชายเย่ แต่เยว่เอ๋อนั้นยังคงต้องแต่งงานกับเฮ่อเหวินจางอยู่! ถ้าเป็นแบบนี้ใครจะแทนที่เยว่เอ๋อได้ล่ะ?” ฮูหยินอวี้ถือผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าของนางแล้วกอดลูกสาวของนางร้องไห้
ส่วนมหาเสนาบดีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ ก็ได้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนระเบิดออกมาและตะโกน “ร้องไห้ พวกเจ้าก็มัวแต่ร้องไห้กันอยู่นั่นแหละ รีบๆเงียบกันได้แล้ว”
ฮูหยินอวี้ ก็ได้เงียบเสียงของนางทันที แล้วมองไปที่มหาเสนาบดีหลินที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่ตรงหน้านาง
“ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะนังลูกไม่รักดีนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะมันแผนการสลับแต่งงานนี้คงไม่ล้มเหลว และถ้าตอนนี้เกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอีกข้าคงได้ถูกฝ่าบาทพิโรธแน่” มหาเสนาบดีหลินได้เดินไปมารอบๆห้องโถงนั้น
จากนั้นเมื่อเขาเห็นร่างของหลินซีเหยียน เขาก็ได้หยิบแจกันที่วางอยู่ข้างๆตัวขว้างใส่นาง แต่คาดไม่ถึงว่าหลินซีเหยียนนั้นจะไม่หลบ และชิงอวี่เองก็มากันไว้ไม่ทัน มือของหลินซีเหยียนที่ยกขึ้นมากันก็ได้โดนบาดเพราะแจกันที่แตก
ชิงอวี่นั้นเดิมทีอยากที่จะสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย แต่ก็ถูกห้ามโดยหลินซีเหยียน เพราะหลินซีเหยียนนั้นยังไม่ลืมว่า จิ่งชุนนั้นยังอยู่ในกำมือของพวกเขา
“ชิงอวี่ กลับไปที่ตำหนักเชียนเหยียนกันก่อนเถอะ” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งนิดหน่อย และสีหน้าของนางก็ดูซีดเซียวด้วย ชิงอวี่จึงรู้สึกเป็นกังวลและรีบพานางกลับไปทันที
เมื่อมาถึงที่ประตูตำหนักเชียนเหยียน หลินซีเหยียนก็รู้สึกทนต่อความเพลียนี้ต่อไปไม่ไหวก็ได้สลบลงไปทันที
ชิงอวี่ในเวลานี้ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาและรีบแบกพาหลินซีเหยียนเข้าไปในตำหนัก แล้วจี๋เฟิงก็ได้ออกมารับพวกนาง
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ?” เทียนเอ๋อนั่งลงข้างๆหลินซีเหยียนและร้องไห้ออกมา ในเวลานี้เขารู้สึกเสียดายมากที่เขาไม่ได้เรียนวิชารักษาจากแม่ของเขาเลย
ทำให้ในเวลานี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย
“อย่างร้องไห้เลยเทียนเอ๋อ จี๋เฟิงได้รีบออกไปตามท่านหมอแล้ว” ชิงอวี่ได้ลูบหัวเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านาง และรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
ในฐานะที่นางเป็นผู้คุ้มกันแล้ว การป่วยและบาดเจ็บถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นนางจึงไม่เคยปลอบใครเช่นนี้มาก่อน ในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ที่เจ้านายของนางกลายมาเป็นหลินซีเหยียนนั้น นางก็รู้สึกได้ว่าตัวนางนั้นไม่ใช่วิญญาณร่อนเร่ไร้ชื่ออีกต่อไป และนางเองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่นิยมขึ้นมานิดหน่อย
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเฝ้าดูหลินซีเหยียนอยู่นั้น ประตูก็ได้ถูกเปิดออก ชิงอวี่นั้นคิดว่าเป็นจี๋เฟิงที่พาหมอมาจึงได้รีบออกไปรับ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่จี๋เฟิงกับหมอแต่เป็นหลินหัวเยว่แทน
“คุณหนูใหญ่ ท่านมีธุระอะไรที่นี่?” ชิงอวี่มองด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดและกล่าวอย่างประชดประชัน
หลิวหัวเยว่นั้นโมโหอย่างมาตั้งแต่ที่พระราชวังหลวง เมื่อเห็นสาวใช้ที่อยู่ตรงหน้านางกล้าต่อปากต่อคำกับนางเช่นนี้ ทำให้นางระเบิดความโกรธออกมา “เป็นแค่สาวใช้กล้าดียังไงมาพูดขึ้นเสียงใส่ข้า? ข้ามาหาหลินซีเหยียนเจ้าหลีกไปเดี๋ยวนี้”
“คุณหนูไม่สบายอยู่ ได้โปรดมาหาวันอื่นด้วย” ชิงอวี่ขวางอยู่ที่ประตูและกันไม่ให้หลินหัวเยว่เข้ามา
หลินหัวเยว่เองก็กะเอาไว้อยู่แล้ว นางก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ดีออกมาแล้วจากนั้นก็ตะโกน “พวกเจ้าออกมาแล้วฆ่าทุกคนที่อยู่ในนี้ให้หมด”
ในความมืดมิด มีคน 5 คนที่คลุมหน้าคลุมตาด้วยชุดดำโผล่ออกมา คนเหล่านี้มีท่าทางเหมือนกับเป็นนักฆ่า
ชิงอวี่ก็ได้จ้องไปที่หญิงสาวที่เหมือนกับปีศาจตรงหน้านางแล้วกล่าว “หลินหัวเยว่ เจ้าจ้างมือสังหารมาฆ่าน้องสาวตัวเองอย่างนั้นเหรอ? เจ้าไม่กลัวธาตุแท้ของเจ้าจะถูกเปิดเผยหรืออย่างไร?”