บทที่ 72 พี่จิ่วมาแล้ว (2)
Ink Stone_Romance
“ท่านพี่! ขอบคุณที่พาข้าออกมา!”
บนรถม้า สวี่เฉิงเซวียนเอ่ยปากขอบคุณเยี่ยนไหวจิ่ง
เขาอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน จึงให้คนไปบอกสวี่เสียนเฟยว่าตนเองคิดถึงท่านอา อยากไปพบนางเหลือเกิน
สวี่เสียนเฟยรักหลานชายคนนี้มาก จึงให้เหยี่ยนไหวจิ่งไปพาเขาเข้าวัง
เยี่ยนไหวจิ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง มีเพียงสวี่เฉิงเซวียนที่เจื้อยแจ้วจำนรรจาราวกับนกกระจอก “…ท่านพี่ ท่านอยากแต่งงานกับคุณหนูจวนอัครมหาเสนาบดีหรือไม่? หากท่านไม่อยาก ท่านอยากแต่งงานกับองค์หญิงซยงหนูหรือ?”
เยี่ยนไหวจิ่งไม่ตอบ
สวี่เฉิงเซวียนสังเกตสีหน้าของเขา “ท่านไม่ได้ชอบคุณหนูจวนอัครมหาเสนาบดีใช่หรือไม่เล่า? ที่จริงข้าก็คิดเหมือนกันว่านางไม่คู่ควรกับท่านพี่เลย!”
ทุกคนต่างก็สนใจแต่ว่าคู่ควรหรือไม่คู่ควร ไม่มีผู้ใดสนใจว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ
“ท่านพี่…”
“เจ้านั่งเงียบๆ ไม่ได้หรือ?” เยี่ยนไหวจิ่งรู้สึกขุ่นเคือง
“ไม่ใช่สักหน่อย ท่านพี่ ข้าเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาด้วย” สวี่เฉิงเซวียนพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เห็นก็เห็นไปสิ” มีอันใดน่าแปลกใจ?
“ท่านพ่อข้าส่งคนไปฆ่าเขา เหตุใดเขายังอยู่อีก?” สวี่เฉิงเซวียนมิได้ใส่ใจคำเตือนของบิดาแต่อย่างใด
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เยี่ยนไหวจิ่งนัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง
“ท่านพ่อไม่ให้ข้าพูด แต่ท่านพี่ไม่ใช่คนนอก ข้าไม่ได้บอกคนอื่น ข้าบอกท่านแค่คนเดียว!” สวี่เฉิงเซวียนเล่าบทสนทนาที่ได้ยินในห้องหนังสือให้เยี่ยนไหวจิ่งฟังจนหมดเปลือก เขาได้ยินมาไม่มาก รู้เพียงว่าท่านพ่อของเขามีความลับบางอย่างที่ก้งเฉิง ความลับนั้นถูกเยี่ยนจิ่วเฉาล่วงรู้เข้า ท่านพ่อจึงตัดสินใจสังหารเขา
สวี่เฉิงเซวียนรู้สึกว่าบิดาของตนใจกล้าเหลือเกิน แม้แต่เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังกล้าสังหาร แต่เขาเองก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉารังแก หวังให้เยี่ยนจิ่วเฉาตายเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกดีใจมากกว่าตกใจเสียอีก
เยี่ยนไหวจิ่งกลับไม่คิดเช่นนั้น สวี่เฉิงเซวียนยังเด็กนัก ดังที่กล่าวว่าลูกโคแรกเกิดไม่กลัวเสือ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาน่ากลัวมากเพียงใด แต่สวี่ส้าวย่อมรู้ดี
เยี่ยนไหวจิ่งกลับไม่เคยคิดรู้เลยว่าท่านลุงของเขาจะใจกล้าถึงเพียงนี้ นี่คือท่านลุงของเขาจริงหรือ?
ความลับใดกันที่ทำให้เขากล้าเสี่ยงชีวิต ตัดสินใจสังหารหลานชายคนโปรดของเสด็จพ่อ?
“เจ้าเข้าวังไปเอง ข้ามีเรื่องต้องทำ” พูดจบ เยี่ยนไหวจิ่งก็ลงจากรถม้า
สวี่เฉิงเซวียนตื่นตะลึง “อ้าว! ท่านพี่! ท่านอย่าเพิ่งไปสิ! ข้าออกมาก็เพราะว่าอยากพบท่านนะ!”
เยี่ยนไหวจิ่งกับจวินฉางอันหายลับไปในฝูงชนเสียแล้ว
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านลุงข้าไปเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจิ่วเฉาได้อย่างไร?” หากทำเพียงเพื่อล้างแค้นให้สวี่เฉิงเซวียน ก็ยังฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไรนัก แต่จากคำบอกเล่าของสวี่เฉิงเซวียน ก็เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาค้นพบความลับของสวี่ส้าวเข้า
“ก้งเฉิง?” เยี่ยนไหวจิ่งพึมพำ “ท่านลุงข้าเป็นคนสวี่โจว เขาเคยไปก้งเฉิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
จวินฉางอันเลิกคิ้ว “ข้าไปสืบมาให้ท่านตั้งนานแล้ว รอท่านถามอยู่”
เยี่ยนไหวจิ่งขมวดคิ้ว “ไปสืบเรื่องท่านลุงข้า? ข้าไม่ให้เจ้าสืบมิใช่หรือ?”
จวินฉางอันกอดอก “เช่นนั้นองค์ชายก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้สืบก็แล้วกัน ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”
“…เจ้า” เยี่ยนไหวจิ่งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ เจ้าไปสืบมาได้ความว่าอย่างไร?”
จวินฉางอันยิ้มบางๆ “วันนั้นสวี่ส้าวยอมยกเลิกนัดหมายกับองค์ชายเพื่อไปพบอีกคนหนึ่ง องค์ชายคงรู้ว่าคนนั้นคือผู้ใด?”
“ผู้ใด?”
“เหยียนหรูอวี้”
ความตื่นตะลึงปรากฏในดวงตาของเยี่ยนไหวจิ่ง
เป็นเหยียนหรูอวี้ไปได้อย่างไร?
ท่านลุงกับสกุลเหยียนไม่มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เหยียนหรูอวี้เป็นคนของเยี่ยนจิ่วเฉา ท่านลุงของเขากับเหยียนหรูอวี้มีความเกี่ยวข้องกัน เรื่องนี้…เรื่องนี้ออกจะไม่สมเหตุสมผลไปสักหน่อย
จวินฉางอันกล่าวว่า “ส่วนเรื่องข้อมูลในก้งเฉิงข้าก็ไม่รู้ แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยาก สวี่ส้าวไปมาหาสู่กับเหยียนหรูอวี้ ความลับอะไรกันเล่าที่ทำให้สวี่ส้าวไม่ลังเลที่จะฆ่าเยี่ยนจิ่วเฉา?”
ความคิดโลดแล่นในสมองของเยี่ยนไหวจิ่ง “ความลับที่มีผลต่อสถานะของเหยียนหรูอวี้”
จวินฉางอันพยักหน้า “มิผิด แม้จะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ส้าวและเหยียนหรูอวี้เป็นอย่างไร แต่เรื่องหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือพวกเขาลงเรือลำเดียวกัน นางอาจมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสวี่ส้าว และอาจเป็นไปได้ว่า…”
เยี่ยนไหวจิ่งพูดต่อว่า “…นางไม่ได้ให้กำเนิดลูกของเยี่ยนจิ่วเฉา”
……
“ยังคิดจะหนีอีกหรือ?”
เหยียนหรูอวี้ยืนอยู่หน้าประตู สายตาจับจ้องไปยังอวี๋หวั่นซึ่งถูกองครักษ์ผลักเข้ามาด้วยแรงมหาศาล
“ถ้าเจ้าขัดขืน ข้าก็จะแทงพวกเขา” เหยียนหรูอวี้ใช้กระบี่เคาะบนตะกร้าใส่เด็ก
โชคดีที่เด็กๆ หลับอยู่ มิเช่นนั้นพวกเขาต้องตกใจกลัวคำพูดของนางอย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นเค้นกำปั้นแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “เหยียนหรูอวี้ เด็กๆ ไม่ใช่ลูกของเจ้าใช่ไหม?”
เหยียนหรูอวี้แค่นหัวเราะ “อย่างไรเสียเจ้าก็ใกล้ตายแล้ว ข้าจะบอกให้ก็ได้ มิผิด เด็กพวกนี้ไม่ใช่ลูกข้า ข้าขโมยจากคนอื่นมา”
อวี๋หวั่นหลับตาลง “ว่าแล้วเชียว…”
“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าแม่ของพวกเขาเป็นใคร?” เหยียนหรูอวี้เอ่ยถามอย่างเจ้าเล่ห์
อวี๋หวั่นตอบอย่างไม่ได้ยี่หระว่า “ขอแค่ไม่ใช่คนเสียสติแบบเจ้าก็พอแล้ว”
เหยียนหรูอวี้แสยะยิ้ม “เจ้าอยากรู้หรือไม่? น่าเสียดาย ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”
ข้าอยากให้เจ้าตายโดยที่ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นลูกของเจ้า!
เหยียนหรูอวี้วางกระบี่ลง แล้วอุ้มเด็กขึ้นมาจากตะกร้าหนึ่งคน พาดไว้บนแขน มองเขาด้วยใบหน้าอ่อนโยน “พวกเขาเป็นของข้า ลูกของข้าเติบโตมาเป็นอย่างดี…”
อวี๋หวั่นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนเสียสติ! ลูกของตัวเองไม่อยู่แล้ว ยังไปขโมยลูกคนอื่นมาอีก!”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?” เหยียนหรูอวี้ยิ้ม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าถมึงทึงอย่างฉับพลัน นางหันไปบอกกับองครักษ์ว่า “จับนางโยนลงไป!”
องครักษ์จับอวี๋หวั่นซึ่งถูกมัดแขนไขว้หลังเอาไว้ ขณะที่กำลังจะโยนเธอลงไปในน้ำ ก็มีเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูงเหลือเชื่อวิ่งเข้ามา
เงาสายหนึ่งพุ่งขึ้นจากเรือลำนั้น แตะผิวน้ำราวกับแมลงปอ แล้วขึ้นมาบนเรือหรูของเหยียนหรูอวี้
ผู้ที่มาถึงมิใช่ใครอื่น เขาคือจวินฉางอัน องครักษ์ข้างกายของเยี่ยนไหวจิ่ง
จวินฉางอันถีบองครักษ์ที่จับอวี๋หวั่นเอาไว้ แล้วเข้าไปกำบังด้านหน้าของอวี๋หวั่น
เหยียนหรูอวี้ส่งเด็กๆ ให้แม่หลิน สั่งให้แม่หลินพาพวกเขากลับห้องไป
“องครักษ์จวิน?” เหยียนหรูอวี้หรี่ตา นางเคยพบเยี่ยนไหวจิ่งและจวินฉางอันในวังหลวงมาก่อน น่าแปลก จวินฉางอันมาที่นี่ได้อย่างไร? ในเมื่อจวินฉางอันมาถึงแล้ว ก็หมายความว่าเยี่ยนไหวจิ่งคงอยู่ไม่ไกล?
เมื่อความคิดนี้แล่นผ่านสมอง เรือลำนั้นก็เข้ามาประชิด จอดลงด้านข้างเรือของเหยียนหรูอวี้ องครักษ์นำไม้กระดานมาพาด จากนั้นเยี่ยนไหวจิ่งก็เดินบนไม้กระดานข้ามมา
ความตื่นตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเหยียนหรูอวี้ แต่นางก็ยังเดินไปคำนับอย่างรู้มารยาท “ถวายบังคมองค์ชายรอง”
เยี่ยนไหวจิ่งมาแล้ว นางก็คงจัดการอวี๋หวั่นไม่ได้แล้ว
พลาดเพียงนิดเดียว แย่เสียจริง!
สายตาของเยี่ยนไหวจิ่งไปหยุดอยู่ที่อวี๋หวั่นซึ่งถูกมัดไขว้หลัง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นทันที “คุณหนูเหยียน บอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าได้รับรายงานว่าแม่นางอวี๋หายตัวไป นางถูกคุณหนูเหยียนจับไปได้อย่างไร?”
รายงาน? คำพูดเช่นนี้มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เชื่อ!
เพียงแต่ว่าเขาเป็นองค์ชาย เขาสามารถพูดโกหกลอยๆ มาได้ แต่นางไม่สามารถปิดบังความจริงกับเขาได้
เหยียนหรูอวี้กล่าวว่า “องค์ชายเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้จับแม่นางอวี๋ แต่แม่นางอวี๋แอบขึ้นมาบนเรือของข้าเอง ทั้งยังตีข้าจนสลบ หมายจะขโมยลูกของข้า ข้าย่อมต้องสั่งสอนนางสักหน่อย”
“งั้นหรือ? เช่นนั้นคุณหนูเหยียนสั่งสอนพอหรือยังเล่า?” เยี่ยนไหวจิ่งถามอย่างวางอำนาจ
แน่นอนว่ายังไม่พอ
เหยียนหรูอวี้นัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง ลังเลว่าจะไล่ให้เยี่ยนไหวจิ่งกลับไปอย่างไรในขณะที่ตัวนางยังมีสติอยู่
เยี่ยนไหวจิ่งเดินเข้ามาข้างกายอวี๋หวั่น แก้มัดให้เธอ แล้วบอกกับเหยียนหรูอวี้ว่า “หากคุณหนูเหยียนไม่ว่าอะไร ข้าก็จะพานางกลับไป”
เหยียนหรูอวี้ถามว่า “แต่นางลักพาตัวลูกข้า เรื่องนี้จะว่าอย่างไรเล่าเพคะ?”
เยี่ยนไหวจิ่งมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ “จะว่าอย่างไร ในใจคุณหนูเหยียนย่อมกระจ่างดี”
หมายความว่าอย่างไรกัน? เยี่ยนไหวจิ่งข่มขู่นางหรือ? เยี่ยนไหวจิ่ง…เยี่ยนไหวจิ่งก็รู้เรื่องนี้แล้วหรือ? ทว่าหากเขารู้ เหตุใดไม่เปิดโปงนางต่อหน้าเล่า? หรือว่า…
สายตาของเหยียนหรูอวี้ไปหยุดอยู่ที่อวี๋หวั่น แล้วยกยิ้มมุมปาก
ใช่แล้ว เยี่ยนไหวจิ่งรู้ความจริงแล้วอย่างไร? เขากล้าให้อวี๋หวั่นรู้เรื่องนี้หรือ? เขาไม่อยากให้อวี๋หวั่นมีสัมพันธ์ใดๆ กับเยี่ยนจิ่วเฉา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางส่งอวี๋หวั่นให้กับเยี่ยนไหวจิ่งไปก็มิใช่เรื่องใหญ่
เหยียนหรูอวี้ค้อมตัว “องค์ชายกล่าวเช่นนี้แล้ว ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ผ่านไปแล้ว ต่อไปขอให้องค์ชายดูแลแม่นางอวี๋ให้ดี อย่าให้นางไปทำเรื่องโง่ๆ ได้อีก”
เยี่ยนไหวจิ่งคว้ามือของอวี๋หวั่น “ไปเถอะ”
“ข้าไม่ไป” อวี๋หวั่นสะบัดมือออก
เยี่ยนไหวจิ่งชะงัก
อวี๋หวั่นบอกเขาว่า “ท่านพาเด็กไปด้วย แล้วข้าจะไปกับท่าน”
นัยน์ตาของเยี่ยนไหวจิ่งกระตุกวูบ
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยความมุ่งมั่น “ครั้งนี้นับว่าข้าติดหนี้บุญคุณท่าน ท่านช่วยพาพวกเราทั้งหมดออกไปด้วยกันเถิด”
มือของเยี่ยนไหวจิ่งค่อยๆ เค้นเป็นกำปั้น “พวกเขาเป็นลูกของเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า…ไม่เกี่ยวกับเจ้าด้วยเช่นกัน”
อวี๋หวั่นถอยหลังไปหนึ่งก้าว “เช่นนั้นท่านก็กลับไป”
“ข้ากลับไป แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับอะไร?” เยี่ยนไหวจิ่งกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
อวี๋หวั่นเบือนหน้าหนี “อย่างมากก็เป็นอาหารปลา”
เยี่ยนไหวจิ่งโมโหจนรู้สึกอึดอัด เขาส่งสายตาให้จวินฉางอัน จวินฉางอันเข้าใจทันที เขายกมือขึ้นมาสกัดจุดอวี๋หวั่น
ทันใดนั้นเอง อวี๋หวั่นก็เคลื่อนไหวไม่ได้ ทำได้เพียงถลึงตาใส่เยี่ยนไหวจิ่ง
“ข้าทำเพื่อตัวเจ้าเอง” เยี่ยนไหวจิ่งกล่าวด้วยความจริงใจ เมื่อพูดจบก็ยื่นมือออกไปเพื่อจะอุ้มอวี๋หวั่น
ขณะที่กำลังจะแตะโดนชายเสื้อของอวี๋หวั่นนั้น ทวนยาวก็พุ่งแหวกอากาศ ตรงเข้ามาทางศีรษะของเขาพอดี!
“องค์ชาย!” จวินฉางอันหน้าเปลี่ยนสีทันที
เยี่ยนไหวจิ่งกระโดดหลบ ทวนยาวมิได้พุ่งตรงใส่ศีรษะของเขา แต่กลับแฉลบโดนกวนประดับศีรษะ ทำให้ผมสีดำขลับของเขาแผ่สยายลงมา
ทวนมิได้หยุดอยู่ตรงนั้น มันพุ่งทะลวงกลางอกขององครักษ์ผู้หนึ่ง ลากร่างของเขาขึ้นไปปักบนเสากระโดงเรือ!
ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริดกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่ากำลังจะมาถึง
“ดูนั่น!” องครักษ์คนหนึ่งชี้มือชี้ไม้พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
ทุกคนมองตามไป อวี๋หวั่นก็หันไปมองเช่นกัน ก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่บนหัวเรือขนาดมหึมาภายใต้แสงเรืองรองแห่งอรุณรุ่ง สีหน้าของเขาเย็นชา ผ้าคลุมสีขาวโบกสะบัดตามสายลม ด้านหลังของเขามีทัพเรือรบ กางใบแล่นมาอย่างน่าเกรงขาม
………………………………..