บทที่ 78 เด็กๆ ตีบทแตก
Ink Stone_Romance
อวี๋หวั่นเดินหันหลังกลับไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
สวี่ส้าวตื่นตะลึง
เขามั่นใจว่าตนไม่ได้มองผิด นางเดินไปจริงๆ แม้แต่หลังจากที่เขาเอ่ยถึงข้อมูลสำคัญเช่นนั้น?
“แม่นางอวี๋!” สวี่ส้าวเรียกอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นชะงักฝีเท้า หันหลังหลับมาด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “มีอะไรหรือ?”
“เจ้า…” สวี่ส้าวอยากบอกว่า เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? เขาหยุดไปประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วเปลี่ยนคำถาม “ข้าพูดไม่กระจ่างหรือ?”
แม้จะมีความหมายเดียวกัน แต่ประโยคหลังนั้นกระดากหูผู้ฟังน้อยกว่าประโยคแรกมาก นี่เรียกว่าวาทศิลป์ สวี่ส้าวคร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจการค้ามานานหลายปี ย่อมต้องมีความสามารถพอสมควร
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก “ท่านพูดได้กระจ่างมาก และข้าก็ฟังเข้าใจแจ่มแจ้ง”
สวี่ส้าวรู้สึกราวกับถูกอ่านใจ สีหน้ากระดากใจ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้า…”
“ข้าไม่สนใจ” อวี๋หวั่นตอบตรงไปตรงมา
สวี่ส้าวตื่นตะลึง มีคนที่ไม่สนใจอดีตของตัวเองเช่นนี้ด้วยรึ? สตรีตัวคนเดียว ถูกจับไปอยู่ที่สวี่โจว นางไม่สงสัยหรือว่าผู้ใดพากลับมา?
หรือว่าคนผู้นั้นเคยทำอะไรกับนางไว้ นางไม่อยากรู้เลยหรือ?
“ใช่ ข้าไม่อยากรู้” อวี๋หวั่นพยักหน้า
เมื่อถูกเดาใจได้อีกครั้ง สวี่ส้าวก็อดไม่ได้ที่จะมองสตรีจากชนบทผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง ในการประลองที่หอเทียนเซียง องค์ชายรองช่วยนางออกมาด้วยตนเอง ในตอนนั้นสวี่ส้าวยังคิดว่านางใช้ประโยชน์จากรูปโฉมของตน อย่างไรเสียองค์ชายรองก็เป็นบุรุษ บุรุษมักจะปฏิบัติต่อสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงามดีเป็นพิเศษ ต่อให้หลังจากนั้นจะได้ยินว่านางเป็นที่ถูกตาต้องใจของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาก็ยังไม่คิดว่านางน่ากลัวแต่อย่างใด
สวี่ส้าวจำตอนนั้นได้ นางนอนจมอยู่บนกองเลือด ร่างที่เพิ่งให้กำเนิดบุตรนั้นอ่อนแอ เขาพานางมาส่ง นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองเขาอย่างหมดหวัง น้ำตาเม็ดใสไหลลงมา
ดวงตาไร้เดียงสาคู่นั้นทำให้สวี่ส้าวรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
สวี่ส้าวจึงเปลี่ยนจากยาซึ่งทำลายอวัยวะภายในเป็นยาที่ทำให้หมดสติ
แต่บัดนี้เขามองไปยังอวี๋หวั่นอีกครั้งหนึ่ง เขาก็พบว่าตนไม่อาจเชื่อมโยงสตรีที่สงบเยือกเย็นผู้นี้กับดรุณีน้อยน่าสงสารในตอนนั้นได้ นางเป็นคนคนเดียวกัน แต่กลับดูเหมือนเปลี่ยนจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น
นางไม่ใช่นางอีกต่อไป
ดังนั้นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น มิได้เกี่ยวข้องกับนาง
เมื่อเข้าใจดังนั้น สวี่ส้าวก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย “ข้าก็ยังไม่เข้าใจ…”
“ท่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจ” อวี๋หวั่นพูดขึ้นตัดบท “ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของข้า หรือการตัดสินใจของข้า หากท่านจำเป็นจะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดละก็ ลองสมมติว่าท่านเจ้าของสวี่ก็เป็นคนที่เคยไปเที่ยวหอคณิกา ท่านจำเป็นต้องจดจำแม่นางที่ท่านร่วมประเวณีด้วยหรือ?”
ร่วม…ร่วมประเวณี?!
สวี่ส้าวแทบจะล้มหน้าคะมำ!
เด็กคนนี้รู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่?!
นางกำลังบอกว่า ต่อให้นางถูกบุรุษคนอื่นเก็บกลับมา ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น สำหรับนางแล้ว ก็เหมือนกับการไปเที่ยวหอคณิการึ?!
อวี๋หวั่นหมายความว่าอย่างนั้นแหละ
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจว่าตนเองเคยไปนอนกับใครมา เธอสนใจเพียงว่าหลังจากนี้เธอจะนอนกับใคร
เมื่อภาพของร่างกายอันสมบูรณ์แบบของคนคนหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง อวี๋หวั่นแลบลิ้นเลียมุมปาก
ไม่รู้จักกระดากอายเอาเสียเลย… สวี่ส้าวหายใจเข้าลึกๆ เขานึกสงสัยว่าตนควรพูดต่อว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยข่มขู่เด็กคนนี้ได้เลย แต่กลับถูกนางตอกกลับจนแทบกระอักเลือด
กว่าเขาจะได้ข้อมูลเหล่านี้มานั้นแสนลำบาก เดิมที่คิดว่าจะจัดการนางให้อยู่หมัด ไหนเลยจะรู้ว่านางกลับมิได้ยี่หระเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาทำมาล้วนเสียเปล่า!
ไม่ อาจจะไม่เสียเปล่า!
“เจ้าไม่กลัวว่า…”
อวี๋หวั่นหัวเราะ “ถ้าท่านอยากจะบอกเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปเถอะ ในบุรุษหนึ่งร้อยคน เก้าสิบเก้าคนล้วนสนใจเรื่องพรหมจรรย์ แต่ข้าพนันได้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาคือหนึ่งคนนั้นซึ่งเป็นข้อยกเว้น”
สวี่ส้าวไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร
เยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นคนบ้า ทำอะไรไม่เหมือนกับคนทั่วไป ไม่แน่เขาอาจจะไม่สนใจเรื่องพรหมจรรย์ของสตรีจริงอย่างที่ว่า…
สวี่ส้าวรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
นี่เขา…เขามามีปัญหากับคนประเภทไหนกัน!
สวี่ส้าวโมโหจนจะบ้าตาย!
อวี๋หวั่นเดินตรงไปยังรถม้าของตน เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็หันหลังกลับมา
สวี่ส้าวคิดว่าในที่สุดนางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าอวี๋หวั่นเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ใช่แล้วละ ท่านบอกว่าบุรุษผู้นั้นแม้แต่เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่อาจมีเรื่องด้วยได้ ถ้าเขาเก่งกาจอย่างว่า ทำไมท่านไม่ไปขอร้องให้เขาช่วยละ?”
สวี่ส้าวอึ้งไป
อวี๋หวั่นหัวเราะ “ดูสิ ความแตกเสียแล้ว น่ากระดากใจเสียยิ่งกระไร”
อวี๋หวั่นไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอเดินกลับไปยังรถม้าของตนเอง แม้ว่าจะแยกจากกันเพียงครู่เดียว แต่เธอก็เริ่มคิดถึงเด็กๆ ขึ้นมาแล้ว
อวี๋หวั่นดึงเด็กทั้งสามเข้ามาในอ้อมกอด พวกเขาผอมเหลือเกิน เธอสามารถกอดทั้งสามคนไว้ได้ เธอไม่กล้าออกแรงมาก กลัวว่าหากไม่ทันระวังจะไปทำเด็กๆ กระดูกกระเดี้ยวหัก
“ผอมขนาดนี้เชียว ต้องเลี้ยงให้มีเนื้อหนังกว่านี้อีกสักหน่อย”
อวี๋หวั่นตัดสินใจว่าจะเลี้ยงให้พวกเขาอ้วนๆ เลี้ยงให้เปลี่ยนจากลิงน้อยตัวผอมๆ กลายเป็นเจ้าหมูน้อยตัวกลมๆ
“แม่นางอวี๋” ขณะที่รถม้าเคลื่อนผ่านสวี่ส้าวนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้ายว่า “อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าเลย คนผู้นั้น…”
“ไป!” เสียงของสวี่ส้าวถูกเสียงแส้ของสารถีสวีกลืนหายไป
เที่ยงวัน รถม้าก็มาถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา
อวี๋หวั่นถูกเหยียนหรูอวี้ลักพาตัวไปตลอดทั้งคืน สกุลอวี๋ล้วนแต่กระวนกระวายใจ อวี๋เซ่าชิงแทบจะขัดขืนราชโองการของฮ่องเต้ บุกเข้าไปในตำบลเหลียนฮวาแล้ว โชคดีที่องครักษ์จากจวนคุณชายเยี่ยนมาได้ทันท่วงที พร้อมกับบอกพวกเขาว่าคุณชายบ้านตนเดินทางออกไปแล้ว ต้องพาแม่นางอวี๋กลับมาอย่างปลอดภัย
และเป็นดังคาด หลังจากนั้นสองวันก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับอวี๋หวั่นส่งมาจากเมืองหลวง
ทว่าอวี๋หวั่นป่วยหนัก ไข้ไม่ลดสักที จวนคุณชายจึงเชิญหมอหลวงมาตรวจรักษาให้อวี๋หวั่น ด้วยอาการของอวี๋หวั่น พวกเขาไม่อาจบังคับให้เธอกลับหมู่บ้านมาได้ จึงทำได้เพียงไหว้วานให้คุณหนูไป๋ไปช่วยดูแลแทน
ก่อนหน้านี้สองวัน ไป๋ถังมาที่หมู่บ้านแล้วครั้งหนึ่ง นางบอกว่าอวี๋หวั่นฟื้นแล้ว รอพักรักษาตัวอีกสามสี่วันก็คงกลับหมู่บ้านได้
พรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันที่สาม อวี๋หวั่นไม่คิดว่าตนจะกลับมาเร็วเพียงนี้ วันนี้ที่โรงงานหยุดพักผ่อน คนในครอบครัวต่างนั่งกินข้าวอยู่ในห้องโถงกลางของบ้านเดิมสกุลอวี๋ รถม้าเคลื่อนมาจอดหน้าประตู พวกเขายังคิดว่ามีคนมาติดต่อทำการค้า ทว่าเถี่ยตั้นน้อยวิ่งออกไปดู แล้วพูดขึ้นว่า “ไอ้หยา! ท่านพี่กลับมาแล้ว!”
เสียงของเถี่ยตั้นน้อยดังลั่นจนทำให้เด็กน้อยทั้งสามซึ่งกำลังหลับสบายสะดุ้งตื่น
เด็กน้อยทั้งสามปีนขึ้นมาแล้วโผล่หน้าดูด้านนอกรถม้าด้วยสีหน้ามึนงง
“น้องเล็กก็มาด้วยละ!” เถี่ยตั้นน้อยเห็นพวกเขา ก็วิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น “น้องเล็กลงมาเร็ว!”
อวี๋หวั่นไปต่อไม่ถูก ถ้าลูกข้าเป็นน้องของเจ้า แล้วข้าเป็นอะไรกัน?
อวี๋ซงวิ่งออกมาดูเป็นคนที่สอง เขารีบรุดเข้าไปรับอวี๋หวั่นลงมาจากรถม้า แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสาม เขาก็ประหลาดใจไปครู่หนึ่ง
อวี๋เฟิงก็ตามมาเช่นกัน “อาหวั่น…อ้าว!”
เขาก็รู้สึกตกใจกับเด็กๆ ที่อวี๋หวั่นอุ้มอยู่เช่นกัน
เด็กทั้งสามเคยมาที่บ้านสกุลอวี๋ นอกจากอวี๋เซ่าชิงที่ไม่เคยเจอพวกเขา คนอื่นๆ ล้วนแต่ไม่เพียงเคยเจอ ทั้งยังเคยอุ้ม และรู้ว่าพวกเขาเป็นคุณชายน้อยจากจวนคุณชายเยี่ยน
ในชนบทห่างไกล ข่าวสารมักมาไม่ถึง พวกเขายังไม่ได้ยินเรื่องของเหยียนหรูอวี้ ไป๋ถังก็มิได้เล่าให้ฟัง
“เจ้า…เจ้าไปลักพาตัวลูกคนอื่นมาทำไม?” อวี๋เฟิงถามด้วยความตื่นตระหนก
ไม่น่าแปลกใจที่เขาถามเช่นนี้ น้องสาวของเขาชอบเด็กทั้งสามคนมาก ทุกครั้งที่ไปเจอพวกเขาก็มักจะทำท่าทางราวกับจะแอบขโมยพวกเขากลับบ้านมา เขาสงสัยเหลือเกินว่าน้องสาวของเขาจะฉวยโอกาสที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยู่ พาลูกชายของเขาออกมา
หากเยี่ยนจิ่วเฉารู้เข้าต้องแย่แน่ๆ?!
อวี๋เฟิงกลัวจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
“ไม่ใช่ลูกของคนอื่น” อวี๋หวั่นตอบ
อวี๋เฟิงมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ และสังเกตเห็นว่าดวงตาของเธอเป็นประกายระยับ
“ลูกข้าเอง” เธอตอบ
“เจ้าล้อเล่นใช่ไหมเล่า?” อวี๋เฟิงถาม
อวี๋หวั่นตอบอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าจริงจัง ลูกข้า ข้าคลอดมา”
อวี๋เซ่าชิงเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ได้ยินประโยคบาดใจในรวดเดียวเข้า เขาถึงกับแทบกระอักเลือด
ไม่เจอกันไม่กี่วัน ลูกสาวของเขาคลอดลูกออกมาแล้วหรือ? เขายังไม่ทันทำหน้าที่พ่อได้เท่าไร ก็ต้องมาเป็นท่านตาแล้วหรือนี่? เหตุใดถึงมีเรื่องน่ากลัวเช่นนี้เกิดขึ้นได้?!
อวี๋เซ่าชิงรีบไปดูเด็กน้อยที่อวี๋หวั่นอุ้มอยู่ เด็กที่อวี๋หวั่นอุ้มก็มองมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา
อุ้ม
เด็กทั้งสามยื่นมือไปหาเขา
ไม่ได้มีคนเดียวด้วยสิ มีถึงสามคน…
อวี๋เซ่าชิงถึงกับลมจับ…
……
“กะ…เกิดอะไรขึ้นกันนี่?” ป้าสะใภ้ใหญ่ดึงอวี๋หวั่นเข้ามาในห้อง เรียกนางเจียงมา แล้วก็ไล่เหล่าบุรุษออกไป
เด็กน้อยทั้งสามก็ถูกป้าสะใภ้ใหญ่ ‘ทิ้ง’ เอาไว้กับอวี๋เซ่าชิง อวี๋เซ่าชิงอุ้มเจ้าลูกลิงทั้งสามเอาไว้ ตัวเกร็งไม่ทะมัดทะแมง…
ในเมื่ออวี๋หวั่นกล้าพาลูกกลับมา ย่อมคิดเอาไว้แล้วว่าจะถูกคนที่บ้านถาม จะปิดบังก็คงปิดไม่อยู่ อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องปิดบัง พวกเขาเป็นลูกของเธอ เธอก็ต้องบอกทุกคนไปอย่างเปิดเผย เธอไม่ได้คิดจะซ่อนพวกเขาไว้ไม่ให้ไปพบใครสักหน่อย
“ลูกข้าเอง คลอดที่สวี่โจว”
ป้าสะใภ้ใหญ่รู้ว่าในปีนั้นอวี๋หวั่นไม่ได้ไปบ้านท่านยาย ครอบครัวพวกเขามีญาติอย่างท่านยายที่ไหนกัน? แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าอวี๋หวั่นจะไปไกลถึงสวี่โจว
ทั้งสามคนอยู่ในห้องกันเป็นเวลานาน
อวี๋ซงเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นอะไร?” อวี๋เฟิงเดินเข้าไปถาม
“พี่ใหญ่ คุณชายวั่นของหมู่บ้านพวกเราน่ะ…ก็คือคุณชายเยี่ยนใช่ไหม?” เขาเคยเห็นอาหวั่นและคุณชายวั่นแอบเดินด้วยกัน และเมื่อคิดว่าคุณชายเยี่ยนมักให้ความช่วยเหลือและดูแลสกุลอวี๋ จึงนึกสงสัยมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าถาม
อวี๋เฟิงเข้าเมืองหลวงไปกับอวี๋หวั่นบ่อยที่สุด หากอวี๋หวั่นมีความลับ ก็คงปิดอวี๋เฟิงไว้ไม่ได้ ดังนั้นอวี๋ซงจึงเลือกถามเขา
อวี๋เฟิงเกาศีรษะ “ใช่ เป็นเขา”
อวี๋ซงรู้สึกขุ่นเคืองในใจ แต่เป็นความขุ่นเคืองที่มิอาจอธิบายได้ “น่าเกลียด!”
อวี๋เฟิง “…”
อวี๋ซงโมโหฉุนเฉียว “เขานิสัยไม่ดี! เขารังแกอาหวั่น!”
แต่อวี๋เฟิงกลับไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะถูกใครรังแกง่ายๆ เมื่อก่อนอาจจะใช่ ทว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใดจะมาเอาเปรียบนางได้ นอกเสียจากว่านางจะยินยอม
อวี๋เฟิงตบไหล่น้องชายอย่างช่วยไม่ได้
เขาโตมากับอวี๋ซง น้องชายคิดสิ่งใดอยู่ในใจ เขาเป็นพี่ชาย มีหรือจะไม่รู้? เพียงแต่น่าเสียดาย ที่คู่แข่งของเขาเก่งกาจเกินไป อีกทั้งอาหวั่นก็มีลูกกับเขาแล้ว จะชอบก็คงหมดโอกาสเสียแล้ว
ในตอนที่ป้าสะใภ้ใหญ่เดินออกมาจากห้อง ขอบตาของนางก็บวมเป่ง
นางสงสารอาหวั่นเหลือเกิน เพื่อที่จะหาเงินมาให้เจ้าลูกเต่าจ้าวเหิง สุดท้ายกลับถูกลักพาตัวไปสวี่โจว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในปีนั้นอาหวั่นต้องเผชิญกับความลำบากมากเพียงใด แต่ป้าสะใภ้อย่างนางกลับกล่าวโทษอาหวั่นที่ไม่ยอมให้พวกเขายืมเงินไปรักษาขาลุงใหญ่ นางใจร้ายใจดำเหลือเกิน…
นางรู้สึกละอายใจยิ่งนัก
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว” นางเจียงแตะมือพี่สะใภ้ใหญ่เบาๆ “อาหวั่นก็กลับมาแล้ว เด็กๆ ก็กลับมาแล้ว”
“ใช่ กลับมาแล้ว…กลับมากันหมดแล้ว…” ป้าสะใภ้ใหญ่พยักหน้า พลางพูดขึ้นด้วยเสียงตะกุกตะกัก นางปาดน้ำตา มองไปรอบๆ “เอ๋? เด็กๆ เล่า? น้องสาม! เจ้าเอาเด็กๆ ไปไว้ไหน?!”
อวี๋เซ่าชิงรับหน้าที่เป็นท่านตาหนึ่งวัน เขารู้สึกราวกับอกจะระเบิด อีกสองวันจะเป็นวันเกิดเขา อยู่ๆ ก็ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ ทั้งเป็นของขวัญที่ชวนดีใจ (ตกใจ) เหลือเกิน อวี๋เซ่าชิงและเด็กๆ นั่งอยู่ที่ลานบ้าน จ้องตากันและกัน
ได้ยินว่าพวกเขาเป็นลูกของคุณชายวั่น?
บุรุษคนนี้มีดีอะไรกัน!
แล้วลูกของเขาจะไปมีดีอะไร?
อวี๋เซ่าชิงมองพวกเขาอย่างดุดัน
พวกเขาก็มองอวี๋เซ่าชิงอย่างดุดัน
อวี๋เซ่าชิง “?!”
เด็กพวกนี้ กล้าจ้องเขากลับด้วยรึ!
อวี๋เซ่าชิงหรี่ตามอง สองมือเท้าเอว
เด็กนั้นทั้งสามก็ทำตาม
ผู้ใหญ่หนึ่ง เด็กสาม จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ประกายของรังสีอำมหิตปะทุขึ้นในอากาศ!
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ถูกป้าสะใภ้ใหญ่และนางเจียงเดินมาตาม
เด็กน้อยทั้งสามซึ่งเดิมทีจ้องหน้าเขาเขม็งก็เปลี่ยนสีหน้าทันใด “อุแว้”
อยู่ๆ พวกเขาก็ร้องไห้ออกมา!
“น้องสาม!” ป้าสะใภ้ใหญ่คำรามลั่น อวี๋เซ่าชิงตกใจกลัวประหนึ่งหัวใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“พี่สะใภ้ใหญ่…” เขารีบร้อนจะอธิบาย
เด็กน้อยทั้งสามกลับโผเข้าหาป้าสะใภ้ใหญ่ ร้องไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ
“ดูสิ เจ้าทำให้พวกเขากลัว!” ป้าสะใภ้ใหญ่ต่อว่าพลางส่ายหน้า “เห็นแบบนี้เจ้ายังมีความสุขได้อีกรึ? เจ้าไม่ชอบพวกเขาใช่ไหม?”
อวี๋เซ่าชิงมีสีหน้าตื่นตระหนก “ข้าเปล่านะ พี่สะใภ้ใหญ่เข้าใจผิดแล้ว…”
พี่สะใภ้ใหญ่ก็เปรียบประหนึ่งมารดา ไม่ว่าในสนามรบอวี๋เซ่าชิงจะกล้าหาญชาญชัยสักเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าป้าสะใภ้ใหญ่ เขาก็ไม่กล้ามากโอหังกับนาง
ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่เชื่อ นางชี้ไปที่อวี๋เซ่าชิงแล้วกล่าวว่า “ท่านตารังแกพวกเจ้าหรือไม่?”
อวี๋เซ่าชิงส่งสายตาเป็นเชิงข่มขู่ว่า ‘ถ้ากล้าโกหก ระวังจะถูกตี!’
เด็กทั้งสามมองไปยังอวี๋เซ่าชิง แล้วก็มองไปที่ป้าสะใภ้ใหญ่ จากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
รังแก รังแกเยอะมากๆ ด้วย!
อวี๋เซ่าชิง “…!”
……………………………………..