บทที่ 82 พ่อตาลูกเขยพบหน้า (2)
Ink Stone_Romance
อวี๋หวั่นไม่ได้บอกว่าให้ส่งให้อิ่งสือลิ่วหรืออิ่งสือซัน สำหรับเธอแล้ว เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพราะทั้งสองคนล้วนแต่ภักดีต่อเยี่ยนจิ่วเฉา จะส่งให้ใครก็ไม่ต่างกัน
อวี๋หวั่นเป็นเจ้าของอีกคนหนึ่งของหอจุ้ยเซียน คำสั่งของเธอ เสมียนย่อมต้องทำตาม
เสมียนนำของไปส่งยังหอจุ้ยเซียนก่อน จากนั้นก็ห้อตะบึงไปยังจวนคุณชาย แล้วถามหาคนชื่อลุงวั่นหรือว่าองครักษ์แซ่อิ่ง
อิ่งลิ่วกลับมาจากการสืบข้อมูล เขาได้ยินเสมียนพูดพอดี จึงลงจากหลังม้า แล้วเข้าไปถามว่า “มีอะไรหรือ?”
“ท่านคือ…คนในจวนใช่หรือไม่ขอรับ?” เสมียนเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง
บ่าวซึ่งเฝ้าหน้าประตูก้าวขึ้นมากล่าวทักทาย “องครักษ์อิ่ง!”
นี่คือองครักษ์อิ่งสินะ เสมียนรีบหยิบจดหมายของอวี๋หวั่นออกมาส่งให้ด้วยสองมือ “นี่เป็นจดหมายที่เจ้าของคนที่สองขอรับ กำชับว่าต้องส่งให้ลุงวั่นหรือองครักษ์อิ่งกับมือ ข้ามาจากหอจุ้ยเซียนขอรับ”
เมื่อบอกว่ามาจากหอจุ้ยเซียน อิ่งลิ่วจะไม่เข้าใจหรือ?
อิ่งลิ่วรับจดหมายมา แล้วเดินเข้าจวนไป
ในห้องหนังสือ เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ที่โต๊ะ สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าของเขาคือจดหมายซึ่งปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง
เขาไม่ได้แกะจดหมายเดี๋ยวนั้น แต่กลับลูบเจ้าลูกจิ้งจอกหิมะบนตัก ในเมื่อไม่มีลูกให้เล่นด้วย ก็ต้องเล่นกับลูกจิ้งจอกหิมะแทน ชีวิตช่างน่าสงสารเหลือเกิน
จิ้งจอกหิมะน้อยขดตัวอย่างไม่พอใจ มันง้างกรงเล็บออกมาตะปบไปยังจดหมายบนโต๊ะ แต่ขามันสั้นไปสักหน่อย ตะปบกี่ครั้งก็ตะปบไม่ถึง
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของอวี๋เซ่าชิง แต่นางส่งจดหมายมาหาข้าตอนนี้ พวกเจ้าเดาสิ…ว่าเพราะเหตุใด?”
อิ่งลิ่วตอบไปตามตรง “เพราะมีเรื่องด่วนหรือขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาตวัดสายตาเย็นเยียบมองเขา
อิ่งสือซันตอบด้วยสีหน้านิ่ง “ย่อมต้องเชิญคุณชายไปร่วมฉลองวันเกิดนายท่านอวี๋อย่างแน่นอน”
เยี่ยนจิ่วเฉาร้อง ‘เหอะ’ แล้วพูดว่า “ความคิดของนาง ปกปิดผู้ใดได้? ทั้งยังต้องส่งจดหมายให้กับมือลุงวั่นหรือองครักษ์อิ่ง อย่างกับกลัวว่าจะมีคนล่วงรู้ว่านางคิดถึงข้าเพียงใด”
อิ่งลิ่ว ‘ท่านไม่คิดว่าคำพูดของท่านจะขัดแย้งในตัวเองไปสักหน่อยหรือ…’
เยี่ยนจิ่วเฉาแกะซองจดหมายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่ออ่านจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
อิ่งลิ่วใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ คุณชายจะทำอะไรแผลงๆ อีกแล้ว?
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังอิ่งลิ่ว แล้วลากเสียงยาวว่า “เจ้าไม่ได้ทำอะไรตกหล่นไปใช่หรือไม่?”
“เปล่านะขอรับ! ท่านดูขี้ผึ้ง…โอ๊ย!” อิ่งลิ่วพูดไปได้ครึ่งเดียว อิ่งสือซันหยิกเขาแรงๆ ทีหนึ่ง
อิ่งสือซันพูดว่า “ข้าเห็นจดหมายฉบับหนึ่งตกอยู่บนรถม้าของเสมียนคนนั้น แต่ในตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดอะไร”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก “ข้าว่าแล้ว!”
อิ่งลิ่วมุมปากกระตุก “…”
“เช่นนั้นคุณชายจะไปหรือไม่?” อิ่งสือซันถามตามน้ำไป
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวค่อนแคะ “ถ้าไม่ไปแล้วจะทำอย่างไร? ถ้านางโวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไร? ข้าก็ขายหน้าคนอื่นแย่น่ะสิ!”
อิ่งลิ่ว ‘เอ๋…นางโวยวาย แล้วคุณชายจะไปขายหน้าคนอื่นได้อย่างไร? ท่านแต่งตั้งให้นางเป็นภรรยาของท่านแล้วหรือ…’
“แล้วของขวัญ…” อิ่งสือซันมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ส่งอะไรไปเล็กน้อยก็ได้ ให้นางรู้ว่าข้าไม่ได้ละเลยนาง ข้าอยากไปสู่ขอนางเหลือเกิน”
ลุงวั่นที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู “…”
ลุงวั่นถอนหายใจ เรียกบ่าวคนหนึ่งมา แล้วทอดถอนใจอย่างจนปัญญา “…ไปจับห่านป่ามาคู่หนึ่ง พรุ่งนี้จะได้ไปสู่ขอ”
……
ณ คฤหาสน์สกุลสวี่ แสงไฟสว่างไสว
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? พลาดหรือ?” สวี่ส้าวเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทซึ่งคุกเข่าต่อหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
ลูกน้องคนสนิทลุกขึ้น แล้วเดินไปยังประตู หันมองทั้งสองข้างของทางเดิน เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดน่าสงสัย เขาจึงปิดประตู แล้วพูดกับสวี่ส้าวว่า “ใช่แล้วขอรับ นายท่าน พลาดแล้ว”
“พลาดไปได้อย่างไรกัน? ละ…แล้วเขาละ?” สวี่ส้าวถามถึงหน่วยกล้าตายคนนั้น
ลูกน้องคนสนิทตอบด้วยความเสียดายว่า “ตายแล้วขอรับ ถูกฆ่าตาย”
สวี่ส้าวถึงกับตะลึงงัน ทำพลาดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ถูกฆ่าตาย? คนที่เขาส่งไปเป็นหน่วยกล้าตายที่ทำงานได้ดีคนหนึ่ง ในจงหยวนหาผู้ใดเทียบได้ยาก เดิมทีเขายังคิดว่าการส่งยอดฝีมือเช่นนี้ไปเป็นการเชือดไก่โดยใช้มีดเชือดวัว เขาคิดว่าต้องการกดดันเยี่ยนจิ่วเฉาจึงทำเช่นนี้ แต่ผลคือเขาประเมินความสามารถของหน่วยกล้าตายหน้ากากเงินสูงเกินไปกระมัง?
หากเขาส่งองครักษ์ธรรมดาไปจัดการ เกรงว่าคงจะไม่เหลือแม้แต่ซากกลับมา?
“ผู้ใดฆ่า?” สวี่ส้าวถามเสียงเย็นชา
ต้องไม่ใช่เด็กนั่นแน่ เด็กนั่นถึงแม้จะมีวิชายุทธ์อยู่บ้าง แต่ก็ไร้ซึ่งพลังภายใน ไม่สามารถสังหารหน่วยกล้าตายที่เก่งกาจเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังไม่น่าใช่อวี๋เซ่าชิง อวี๋เซ่าชิงชำนาญการจัดทัพและรบบนสนามรบ ลอบฆ่าน่ะหรือ? ฝีมือเขาเทียบหน่วยกล้าตายไม่ได้อย่างแน่นอน
“เป็นคนที่เข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจ้าวขอรับ” ลูกน้องตอบ
เรื่องที่อาเว่ยสังหารโจรและช่วยอาหวั่นเอาไว้แพร่สะพัดไปในหมู่บ้านตั้งแต่แรกแล้ว ผู้ใหญ่บ้านและซวนจื่อคิดว่าเป็นมือสังหารที่เหยียนฉงหมิงส่งมา ทว่าคนในหมู่บ้านกลับคิดว่าเป็นเพียงโจรธรรมดา แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ถูกอาเว่ยจัดการไปแล้ว อาเว่ยมีความดีความชอบ คนทั้งหมู่บ้านต่างชื่นชม
“นายท่านไม่ได้บอกว่า…พวกเขาไม่ใช่คนของเยี่ยนจิ่วเฉาหรือขอรับ? แล้วเขาไปปกป้องเด็กนั่นได้อย่างไร?” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถาม
สวี่ส้าวไม่เข้าใจยิ่งกว่าอีก เขามั่นใจว่าตนไม่ได้มองพลาด ในเมื่อคนเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจ้าว ย่อมต้องไม่ใช่คนที่เยี่ยนจิ่วเฉาส่งไป แต่หากเป็นคนที่เยียนจิ่วเฉาส่งไป จะเป็นผู้ใดกัน? ผู้ใดที่สามารถสังหารหน่วยกล้าตายหน้ากากเงินได้ในมีดเดียว?
อย่างไรสวี่ส้าวก็ไม่เชื่อว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกับอวี๋หวั่น
เขาพูดขึ้นว่า “หรือว่าจะเข้าใจผิด เจ้าไปสืบดูอีกรอบ”
“ขอรับ!”
……
ฟ้ายังไม่สว่าง อวี๋เซ่าชิงก็ตื่นนอน เขาตื่นนอนเร็วกว่าวันอื่นๆ เล็กน้อย มิใช่ด้วยเหตุใด หากแต่เป็นเพราะวันนี้คือวันเกิดของเขา ในที่สุดเขาก็จะได้รับของขวัญที่บุตรสาวทำให้ด้วยตัวเอง
และเพื่อที่จะแกล้งว่าตนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หลายวันมานี้เขาจึงรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน
ลูกสาวของเขาจะให้ของขวัญอะไรกันนะ?
‘ท่านพ่อ ท่านมานี่หน่อย นี่เป็นรองเท้าที่ข้าทำให้ท่าน ถึงจะทำออกมาไม่สวยเท่าไร แต่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำรองเท้าบุรุษ…ท่านพ่อลองสวมดูสักหน่อยว่าพอดีไหม’
เท้าโตของอวี๋เซ่าชิงขยับเล็กน้อย ราวกับสัมผัสได้แล้วว่ารองเท้าคู่นี้สวมสบายเหลือเกิน
เถี่ยตั้นออกมาปลดทุกข์ เมื่อเห็นว่าท่านพ่อยืนยิ้มอยู่ในครัว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ท่านพ่อกำลังนึกถึงกระโปรงสีแดง
เชื่อเขาเลย!
บุรุษอกสามศอกมีความชื่นชอบเช่นนี้ น่าขายหน้าเหลือเกิน!
เขาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!
เถี่ยตั้นน้อยเดินกลับเข้าห้องไป พลางเหลือบมองท่านแม่ด้วยความเห็นใจ แล้วปีนขึ้นเตียงไปนอนต่อ
หากมิได้รอคอย จะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน แต่หากรอคอย หนึ่งวันกลับรู้สึกเหมือนหนึ่งปี อวี๋เซ่าชิงเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องนอนของลูกสาว จึงตัดสินใจว่าตนจะไปหาอะไรทำ เขาหมักแป้งไว้ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นเขาไปขุดหน่อไม้ เพื่อทำซาลาเปาไส้เนื้อพะโล้หน่อไม้
สกุลอวี๋เลี้ยงแพะไว้ตัวหนึ่ง เป็นแพะที่อวี๋เฟิงซื้อมาจากหมู่บ้านหลี อวี๋หวั่นไหว้วานให้เขาซื้อมา แพะตัวนี้เป็นแม่แพะ จึงใช้รีดนมได้ด้วย
อวี๋เซ่าชิงขุดหน่อไม้ไปได้ไม่นาน อวี๋หวั่นก็ตื่นนอน เด็กน้อยทั้งสามก็คล้ายกับรู้สึกตัวตื่นเช่นกัน
อวี๋หวั่นสวมเสื้อผ้าให้พวกเขา แล้วพาไปยังลานบ้าน พวกเขานั่งอยู่ที่ถังน้ำเล็กๆ ของตนเอง
อวี๋หวั่นรีดนมแพะ เมื่อนำไปต้มแล้วจึงบรรจุใส่ถุงหนังแพะเล็กๆ สามถุง ถุงหนังแพะนี้อวี๋หวั่นดัดแปลงด้วยตัวเอง บนปากถุงยัดไม้เป็นรูสำหรับเสียบก้านต้นกกลงไป ขวดนมรุ่นโบราณก็ถือกำเนิดด้วยประการฉะนี้
เมื่อเด็กน้อยทั้งสามปลดทุกข์เสร็จเรียบร้อย ก็ถูกอวี๋หวั่นจับไปอาบน้ำรอบหนึ่ง สองมือของพวกคว้าขวดนมของตน จากนั้นก็ไปนั่งดื่มนมบนธรณีประตู
รถม้าของเยี่ยนจิ่วเฉาเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูบ้านสกุลอวี๋ เขาลงจากรถและเห็นภาพนี้
เด็กทั้งสามนั่งดูดขวดนม พวกเขาใช้แรงมากจนเม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผาก แต่สีหน้ากลับดูจริงจัง
เยี่ยนจิ่วเขารู้สึกสุขใจ มุมปากของเขายกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากเรียกพวกเขานั้นเอง อวี๋เซ่าชิงที่เพิ่งขุดหน่อไม้ก็เดินมา
เขาได้ยินเสียงของรถม้า จึงทึกทักว่าเป็นแขกที่มาเยี่ยมเยียน จึงกำลังจะเดินเข้าไปกล่าวทักทาย เขาปั้นสีหน้าประดับรอยยิ้มไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับพบว่าเป็นเยี่ยนจิ่วเฉาเจ้าสำราญ อีกทั้ง…เยี่ยนจิ่วเฉายังสวมรองเท้าที่อวี๋หวั่นทำให้เขาอีกด้วย
…………………………….