บทที่ 85 ท่านพ่อ อย่าไป
Ink Stone_Romance
เซียวเจิ้นถิงนำยามาให้จริงๆ หลังจากที่อวี๋หวั่นรับยาไปแล้ว เขาจึงนั่งรถม้ากลับไป
อวี๋หวั่นไม่ได้สงสัยว่าเซียวเจิ้นถิงหาตนเจอได้อย่างไร ซั่งกวนเยี่ยนกระจ่างในความสัมพันธ์ของเธอและเยี่ยนจิ่วเฉา ในฐานะที่เซียวเจิ้นถิงเป็นสามีของซั่งกวนเยี่ยน เขาก็น่าจะรู้เรื่องด้วยเช่นกัน
“…เมฆแปรเป็นฝน น้ำค้างเป็นน้ำแข็ง ทองเกิดจากน้ำ หยกจากเขาคุนหลุน กระบี่จวี้เยวี่ยเลื่องชื่อ ไข่มุกเยี่ยกวงล้ำค่า ผลหลี่มีราคา ผักเจี้ยและขิงสำคัญ… ”
เถี่ยตั้นกำลังนั่งท่องบทร้อยกรองพันอักษรอยู่บนเก้าอี้ในห้อง
เด็กน้อยทั้งสามนั่งมองเขาตาแทบไม่กะพริบ พวกเขาคลอนศีรษะไปตามจังหวะกลอน ทั้งสี่คนดูจริงจังเหลือเกิน
หรือว่าเด็กทั้งสามก็กำลังท่องหนังสืออยู่เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่พูด อวี๋หวั่นแอบคิด
อวี๋หวั่นไม่ได้รบกวนพวกเขา เธอเดินไปยังบ้านข้างๆ
หากกล่าวว่าลูกๆ ทำให้อวี๋หวั่นจิตใจสงบ เช่นนั้นอาการของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกกังวล นี่ก็สายมากแล้ว แต่เขายังไม่ตื่นนอน
อวี๋หวั่นเพียงแต่จับชีพจรให้เขา ไม่ได้ปลุกให้เขาตื่น
ลุงวั่นกลับจวนไปแล้ว อิ่งลิ่วก็กลับไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงอิ่งสือซันคอยอารักขา
อิ่งสือซันไม่ใช่คนนอก อวี๋หวั่นใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก็เล่าเรื่องของเซียวเจิ้นถิงให้เขาฟัง
อิ่งสือซันไม่มีสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด
อวี๋หวั่นลอบถอนหายใจ วิชายุทธ์เขาดีถึงเพียงนี้ ย่อมต้องสืบข่าวคราวของเซียวเจิ้นถิงได้ตั้งแต่แรกแล้ว
เรื่องที่ไม่ควรถาม อวี๋หวั่นก็ไม่ได้ถาม เรื่องที่เขาอยากให้เธอรู้ เยี่ยนจิ่วเฉาก็คงบอกเอง ส่วนเรื่องที่เขาไม่อยากให้รู้ ถ้าเธอถามไป ก็รังแต่จะทำให้อิ่งสือซันลำบากใจ
แต่มีประโยคหนึ่ง…
“ยาที่เซียวเจิ้นถิงให้มานี่ ให้คุณชายกินได้ไหม?”
อิ่งสือซันพยักหน้า
อวี๋หวั่น “อ้อ”
อวี๋หวั่นไม่ได้ซักไซ้
อิ่งสือซันอดไม่ได้ที่จะกล่าวเสริมว่า “ปีก่อนก็กินไป แต่ไม่ให้คุณชายรู้”
อวี๋หวั่นจับข้อมูลจากคำพูดของเขาได้สามอย่าง หนึ่ง โรคของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้เพิ่งเป็นวันสองวันนี้ สอง เธอเชื่อใจเซียวเจิ้นถิงได้ อย่างน้อยเธอก็สามารถป้อนยาที่เขาให้มา ให้เยี่ยนจิ่วเฉากินอย่างวางใจ ส่วนข้อสาม ความเคียดแค้นที่เยี่ยนจิ่วเฉามีแก่พ่อเลี้ยงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา
เยี่ยนจิ่วเฉาก็เหมือนเม่น ใครเข้าไปใกล้ ล้วนแต่ถูกทิ่มแทงจนบาดเจ็บ
อวี๋หวั่นแอบคิด หรือว่าเธอหนังหนา ไม่อย่างนั้นทำไมเธอไม่กลัวบาดเจ็บเพราะเยี่ยนจิ่วเฉาละ?
“ข้าไปดูลูกก่อน ถ้าเขาตื่นแล้ว ท่านมาบอกข้าที” อวี๋หวั่นลุกขึ้นเดินออกไป
ขณะที่กำลังจะก้าวขาข้ามธรณีประตู อิ่งสือซันก็โพล่งขึ้นมา “ลุงวั่นบอกว่า ตอนเด็กๆ คุณชายไม่ได้เป็นเช่นนี้”
อิ่งสือซันยังอายุน้อย ตอนที่เขามาอยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาก็มีนิสัยเช่นนี้แล้ว แต่ลุงวั่นแอบบอกเขาและอิ่งลิ่วว่า ตอนที่คุณชายยังเด็ก เขาเป็นเด็กดี น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน
คำพูดนี้อิ่งสือซันไม่ได้พูดออกมา แต่หลังจากที่อิ่งสือซันรู้จักกับอวี๋หวั่นมาสักพัก ทัศนคติต่ออวี๋หวั่นก็เปลี่ยนไป ในยามที่คนอื่นออกห่างจากคุณชายมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็หวังเพียงว่าจะได้ช่วยคุณชายรั้งแม่นางอวี๋เอาไว้
อวี๋หวั่นยิ้มพลางพยักหน้า “ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ ข้าก็ไม่ได้รังเกียจ”
……
อีกด้านหนึ่ง รถม้าของเซียวเจิ้นถิงเคลื่อนมาถึงทางออกหมู่บ้าน
สารถีรถม้าพึมพำว่า “นายท่าน เด็กนั่นไม่ใจกล้าไปหน่อยหรือขอรับ? นางก็รู้ไม่ใช่หรือว่าท่านเป็นใคร? ยังจะกล้าให้ท่านกินยาอีก นางรู้หรือไม่ว่าท่านขยับนิ้วเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้ท่านพ่อของนางย่างเท้ากลับเข้ากองทัพไม่ได้อีก?”
เซียวเจิ้นถิงกล่าวว่า “เช่นนี้สิดีแล้ว รอบกายฉงเอ๋อร์ไม่ได้ขาดแคลนคนทำดีคอยประจบประแจง แต่ขาดคนกล้าหาญและรอบคอบ เจ้าดูคำพูดและท่าทางของนาง ไม่ยักเหมือนกับแม่นางจากชนบท แต่ส่วนหนึ่งมีความอาจหาญเหมือนคุณหนูจากตระกูลทหาร”
“ส่วนหนึ่ง?” สารถีนึกถึงท่าทางไม่สะทกสะท้านของอวี๋หวั่น และนึกถึงแม่นางที่บ้านตน พวกนางตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน เด็กคนนี้ใจกล้าดั่งพยัคฆา
ขณะที่รถม้าเคลื่อนผ่านบ้านสกุลจ้าว เซียวเจิ้นถิงก็ขมวดคิ้ว
“ช้าหน่อย” เขาบอก
สารถีกระตุกเชือก รถม้าจึงหยุดลง
ด้านนอกบ้านสกุลจ้าว อาเว่ยกำลังกวาดลานบ้าน
หลังจากเรื่องที่อาเว่ย ‘ช่วยชีวิต’ แพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ทำให้อาม่าล่วงรู้ถึงการกระทำโดยพลการของเขา เขาจึงถูกอาม่าตำหนิ ทั้งยังลงโทษให้เขาทำงานอีกด้วย
สายตาของเซียวเจิ้นถิงไปหยุดอยู่ที่อาเว่ย
“มีอะไรหรือขอรับนายท่าน?” สารถีเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “คนคนนั้นมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือขอรับ?”
แน่นอนว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คนผู้นั้นมีพลังภายในแข็งแกร่งจนน่ากลัว ทั้งยังให้ความรู้สึกประหนึ่งคุกคามอย่างบรรยายไม่ถูก ยอดฝีมือระดับนี้ปรากฏกายใกล้กับเยี่ยนจิ่วเฉา จะไม่ให้เซียวเจิ้นถิงเอะใจได้อย่างไร
เซียวเจิ้นถิงขยับข้อมือเล็กน้อย
ทันใดนั้นอาเว่ยก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร เขาหันหน้าไปมองทางรถม้า หัวใจเต้นระรัว!
สังเกตจากการหายใจของม้า รถม้าคันนี้น่าจะจอดไว้สักพักแล้ว แต่เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย หมายความว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเหลือเกิน น่ากลัวเหลือเกิน!
ขณะที่เซียวเจิ้นถิงกำลังจะลงมือ เด็กน้อยทั้งสามก็วิ่งเตาะแตะออกมา
เมื่อเทียบกับยอดฝีมือคนอื่นๆ อาเว่ยเกลียดเด็กยิ่งกว่าใคร!
อาเว่ยทิ้งไม้กวาด แล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน!
เด็กๆ วิ่งไล่อาเว่ย หัวเราะร่าเสียงคล้ายหมู
จิตสังหารของเซียวเจิ้นถิงเหือดหายไปในเสียงหัวเราะของเด็กๆ เขาไม่เคยได้ยินเด็กๆ หัวเราะเช่นนี้มาก่อน
เขาขยับตัวเล็กน้อย ราวกับอยากลงไปอุ้มเด็กๆ แต่สุดท้ายก็นั่งลงดังเดิม “กลับเมืองหลวง”
……
อาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉาทรุดลงกว่าที่คาดไว้ เขานอนหลับจนถึงช่วงบ่าย เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้สึกหิว ได้แต่ลืมตามองผ้าม่านอยู่เช่นนั้น
อิ่งสือซันจึงไปตามอวี๋หวั่น
“เยี่ยนจิ่วเฉา” อวี๋หวั่นมาถึงข้างเตียง เรียกเขาเบาๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ยังคงจ้องมองผ้าม่านอยู่เช่นนั้น
อวี๋หวั่นยื่นมือออกมา โบกข้างหน้าเขา เขาไม่กะพริบตา
“สติหลุด” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว
“อะไรนะ?” อิ่งสือซันตกใจ
อวี๋หวั่นแตะหน้าผากของเขา หน้าผากร้อน
อวี๋หวั่นหยิบยาเม็ดที่เซียวเจิ้นถิงมอบให้ออกมา
เซียวเจิ้นถึงเคยบอกไว้ว่ากินวันละเม็ด หากอาการหนักก็เพิ่มอีกหนึ่งเม็ด อวี๋หวั่นจึงป้อนให้เขากินรวดเดียวสองเม็ด
เยี่ยนจิ่วเฉายังคงนิ่งเงียบ
“เยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉา!”
อวี๋หวั่นตบแก้มเขาเบาๆ พลางเรียกชื่อ แต่ดูเหมือนว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ยิน
อวี๋หวั่นมองไปยังอิ่งสือซันซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง “เมื่อก่อนเขาก็เป็นเช่นนี้หรือ?”
อิ่งสือซันส่ายศีรษะด้วยสีหน้าหนักแน่น “ไม่นะ คุณชายเคยเป็นลมหมดสติ เคยเสียสติ แต่ไม่เคยมีอาการเช่นนี้…”
อวี๋หวั่นนั่งลงที่หัวเตียง โอบเยี่ยนจิ่วเฉาเอาไว้ “เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?”
เขานอนอยู่ในอ้อมอกของเธอ แต่กลับรู้สึกราวกับจะเสียเขาไป เขาจะจากไปแล้ว…
“คุณชาย!” อิ่งสือซันร้องเรียกเขาเช่นกัน
ทว่าแม้แต่เสียงของอวี๋หวั่น คุณชายก็ยังไม่ตอบสนอง นับประสาอะไรกับเขา?
อิ่งสือซันกำหมัดดัง ‘กร็อบ’ เขารู้สึกตัวสั่นเทิ้ม
ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดของอวี้จื่อกุยแล่นปราดผ่านสมองของอวี๋หวั่น ‘เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้บอกเจ้าหรือ? เขาอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้า!’
เดิมทีเธอก็ไม่เชื่อ!
แต่ตอนนี้…
อวี๋หวั่นหายใจเข้าลึกๆ พยายามกดความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ
เธอก็ยังเชื่อไม่ได้
เด็กน้อยทั้งสามรออวี๋หวั่นอยู่ในบ้าน นานแล้วก็ยังไม่กลับมา พวกเขาจึงเดินเตาะแตะมาหา
พวกเขาเห็นอวี๋หวั่น แล้วก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ของอวี๋หวั่นมีผลกระทบต่อพวกเขา หรือท่าทางของเยี่ยนจิ่วเฉาทำให้พวกเขาตกใจ พวกเขาทำตาโต เดินเข้าไปใกล้เตียงด้วยสีหน้างุนงง แล้วจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ตอบสนอง
เด็กทั้งสามจึงมองอวี๋หวั่นด้วยความวิตก
อวี๋หวั่นพยายามข่มความรู้สึกของตนเอง เพื่อไม่ให้เผยสีหน้าผิดปกติใดๆ
เธอลูบศีรษะของพวกเขาเพื่อปลอบประโลม แล้วพูดกับอิ่งสือซันว่า “ท่านไปจวนสกุลเซียวหน่อย”
อิ่งสือซันรุดรีบออกไป
เด็กทั้งสามปีนขึ้นไปบนเตียง
ปกติพวกเขาเข้ากับเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ คล้ายกับว่าทั้งสามจะตอบสนองต่อเรื่องนี้ จึงปีนขึ้นไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา ศีรษะน้อยๆ ของพวกเขาพาดอยู่บนอกของเยี่ยนจิ่วเฉา มือเล็กกำเสื้อของเขาแน่น ราวกับกำลังร้องว่า…
ท่านพ่อ อย่าไป
………………………………